ตอนที่ 630 ความสำคัญของการมีลูก / ตอนที่ 631 ใครทูลฮ่องเต้

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 630 ความสำคัญของการมีลูก

 

 

“ถ้าพระอัยกาจะถอดซูจิ่วซือออกจากตำแหน่ง ก็ถอดหลานออกจากตำแหน่งด้วยเถอะ! นางอยู่ หลานก็อยู่ ชีวิตของหลานรอดมาได้เพราะนาง หลานจะไม่ทำให้นางเสียใจเด็ดขาด”

 

 

ซุ่นตี้นึกไม่ถึงว่าฟู่เฉินหรงจะพูดอย่างนี้ พระองค์พิโรธขึ้นมาทันที “เจ้า…เฉินหรง เจ้าต้องสืบทอดภารกิจใหญ่”

 

 

“หลานไม่ลืมหน้าที่ความรับผิดชอบ เรื่องนี้ไม่เป็นอุปสรรคต่อความรักที่หลานมีต่อจิ่วซือ พระอัยกา จิ่วซือสำคัญสำหรับหลานมาก ถ้าไม่มีนางก็ไม่มีหลาน หลานก้าวมาถึงทุกวันนี้ครึ่งหนึ่งเป็นผลงานของนาง แต่โบราณคนในราชตระกูลล้วนแต่ไร้รัก แต่หลานไม่อยากเป็นอย่างนั้น”

 

 

ฟู่เฉินหรงทูลด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จากนั้นก็ทูลต่อ “พระอัยกา วันนั้นพระอัยกาถามหลานว่าโทษพระอัยกาหรือไม่ หลานไม่รู้จะทูลตอบอย่างไร ในสมองของหลานไม่มีภาพของพระบิดาพระมารดา

 

 

เจ้าแผ่นดินก็เป็นคน เมื่อเห็นพระบิดาและพระอัยยิกาสิ้นพระชนม์ พระอัยกาไม่เสียพระทัยเลยหรือ

 

 

ตอนที่ท่านอาก่อกบฏได้พูดว่าราชตระกูลล้วนเป็นอย่างนี้ แต่หลานจะทำตรงกันข้าม

 

 

หลานจะพยายามเป็นฮ่องเต้ที่ดี นอกจากนี้ หลานจะเป็นสามีที่ดีด้วย นี่เป็นเรื่องที่หลานอยากทำในฐานะคนคนหนึ่ง พระอัยกาต้องการให้หลานตัดขาดจากความรัก หลานทำไม่ได้ และไม่อาจเปลี่ยนตัวเองให้เป็นอย่างนั้น”

 

 

ซุ่นตี้ไม่ตรัสอะไร ได้แต่ทอดพระเนตรฟู่เฉินหรง พระองค์เจ็บสิบกว่าพรรษา เวลานี้ไม่มีคนที่จะสนทนาด้วย ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากก็จากไป ลูกคนโปรดก็ตายด้วยกระบี่ของพระองค์ ลูกอีกคนหนึ่งก็จะฆ่าพ่อ

 

 

พอพระชมน์มากขึ้นยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยว ยามอยู่ตามลำพังพระองค์มักจะครุ่นคิดทบทวนว่าพระองค์ทำผิดอะไร แม้เป็นฮ่องเต้แต่กลับไร้ญาติขาดมิตร

 

 

ในใจของราษฎรแคว้นเจียง พระองค์เป็นฮ่องเต้ที่ดี แต่ในสายตาของฮองเฮาและรัชทายาทตวนฮุ่ย พระองค์ไม่ใช่สามีที่ดีและไม่ใช่พ่อที่ดี

 

 

ชีวิตนี้ พระองค์ทำผิดต่อคนทั้งสองมาก ถ้าบอกว่าไม่เสียใจ ก็ไม่เป็นความจริง

 

 

บางทีการที่ฟู่เฉินหรงคิดอย่างนี้อาจจะเป็นเรื่องดี ถ้าต้องโดดเดี่ยวตลอดชีวิตอย่างพระองค์ ในฐานะปู่ พระองค์ไม่อาจทนได้ สำหรับฟู่เฉินหรงแล้ว พระองค์ต้องการชดเชยให้ จึงตามใจเขาอย่างนี้

 

 

พระองค์เอาความรู้สึกผิดต่อพระโอรสมาชดเชยให้พระนัดดาคนนี้ จึงค่อยสบายพระทัยขึ้น

 

 

“เราไม่คิดจะให้เจ้าเป็นอย่างนี้ เพียงแต่พระชายารัชทายาทไม่สามารถมีลูก บางเรื่องเจ้าต้องพิจารณา เฉินหรง เจ้าไม่อยากทำให้พระชายารัชทายาทเสียใจ เราก็ไม่อยากพูดอะไรอีก เราเองก็ชื่นชมพระชายารัชทายาท

 

 

แต่เรื่องลูกเป็นความรับผิดชอบของเจ้า เจ้าต้องรับพระชายารอง รอให้นางมีลูกก่อน หลังจากนั้นเจ้าจะจัดการอย่างไร เราไม่ก้าวก่าย แต่ต้องมีลูก เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!

 

 

เราตัดสินใจแล้ว เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพูดอีก ขืนโต้แย้งต่อไป ไม่เป็นผลดีต่อพระชายารัชทายาทแม้แต่น้อย

 

 

ซุ่นตี้ตรัสจบก็โบกพระหัตถ์ ให้ฟู่เฉินหรงออกไป ฟู่เฉินหรงยังอยากทูลต่อ แต่ซุ่นตี้ทรงไออย่างรุนแรง หวังฝูซึ่งอยู่ข้างๆ รีบเข้าไปลูบพระขนองให้ แล้วทูลขึ้น “องค์รัชทายาท เวลานี้พระพลานามัยของฝ่าพระบาททรุดลงเรื่อยๆ องค์รัชทายาทอย่าทำให้ฝ่าพระบาทเสียพระทัย”

 

 

“พระอัยยา เป็นอย่างไรบ้าง!”

 

 

ถึงอย่างไรก็เป็นปู่ ตั้งแต่กลับแคว้นเจียง ซุ่นตี้ก็สอนเขาหลายอย่าง ความรู้สึกที่เขามีต่อซุ่นตี้จึงสลับซับซ้อนเป็นพิเศษ

 

 

ซุ่นตี้ทรงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาปิดพระโอษฐ์ ครู่ใหญ่จึงรู้สึกดีขึ้น พระองค์รีบเก็บผ้าเช็ดหน้าทันที ฟู่เฉินหรงเห็นเลือดบนผ้าเช็ดหน้า เขานึกไม่ถึงว่าพระพลานามัยของซุ่นตี้มาถึงขั้นนี้ จึงกลืนคำพูดที่จะทูลลงไป

 

 

“เราไม่เป็นไร ออกไปเถอะ!”

 

 

ซุ่นตี้ทรงโบกพระหัตถ์อีกครั้ง คราวนี้ฟู่เฉินหรงออกไปตามพระประสงค์

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 631 ใครทูลฮ่องเต้

 

 

หลังจากฟู่เฉินหรงไปแล้ว ซุ่นตี้ประทับเอนบนพระที่นั่ง หวังฝูทูลถามอย่างเป็นห่วง “ฝ่าพระบาท เชิญหมอหลวงดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“ไม่ต้อง สุขภาพเราเป็นอย่างไร ใจเรารู้ดี หมอหลวงดูไม่ออก ให้เราสงบใจก็พอ เมื่อครู่เรากระอักเลือดเฉินหรงคงเห็นแล้ว ถ้าไม่ให้เขาเห็น เขาคงยืนยันความคิดของตน ต้องทำอย่างนี้จึงจะหยุดคำพูดของเขาได้”

 

 

ซุ่นตี้ตรัสจบก็ถอนพระทัยเบาๆ หวังฝูยกชาบนโต๊ะมาถวาย พระองค์เสวยชาอึกหนึ่งแล้ววางลง “เฉินหรง เจ้าเด็กนี่อะไรก็ดีหมด เราวางใจเขามาก แต่เรื่องพระชายารัชทายาททำให้เราเป็นห่วง”

 

 

“บ่าวรู้สึกว่าพระชายารัชทายาทก็รักองค์รัชทายาทมาก ผู้หญิงคนหนึ่งช่วยองค์รัชทายาทอย่างไม่คิดชีวิต ดูออกว่านางมีความรักต่อองค์รัชทายาทอย่างล้ำลึกจริงๆ”

 

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ซุ่นตี้ไม่มีอะไรโต้แย้ง พระองค์ไม่ได้ห่วงว่าซูจิ่วซือจะทรยศต่อฟู่เฉินหรง

 

 

แต่พระองค์เป็นห่วงเรื่องทายาท ฟู่เฉินหรงเป็นคนดึงดัน แม้พระราชทานพระชายารองให้ เกรงว่าเขาจะไม่ยอมรับง่ายๆ

 

 

สักวันหนึ่งพระองค์จะเรียกซูจิ่วซือเขาเฝ้า เตือนซูจิ่วซือให้ดี นางเกิดในตระกูลใหญ่ เหตุผลนี้นางคงเข้าใจ

 

 

ขณะที่ฟู่เฉินหรงกลับถึงวังตะวันออก ซูจิ่วซืออยู่ในห้องแล้ว นางเอนหลังพิงเตียง มีหนังสืออยู่ในมือ ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังอยู่หน้าเดิม ท่าทางความคิดไม่ได้อยู่กับหนังสือ

 

 

นางเหม่อคิดอะไรบางอย่าง กระทั่งฟู่เฉินหรงเดินมาหาก็ยังไม่รู้ตัว จนกระทั่งฟู่เฉินหรงเข้ามาอยู่ข้างๆ ดึงหนังสือออกจากมือ ซูจิ่วซือจึงได้สติ

 

 

“คิดอะไรอยู่”

 

 

ฟู่เฉินหรงนั่งลงข้างซูจิ่วซือ

 

 

ซูจิ่วซือนั่งตัวตรง ยิ้มให้ฟู่เฉินหรงอย่างเจื่อนๆ “ไม่มีอะไร”

 

 

ฟู่เฉินหรงยื่นมือไปขูดจมูกซูจิ่วซือ “เช่นนั้นก็ให้ข้าเดา คิดถึงเรื่องมู่ซืออวี่ใช่หรือไม่”

 

 

“อื้อ”

 

 

ซูจิ่วซือไม่ได้ปฏิเสธ นางพยักหน้า ตนคิดถึงเรื่องมู่ซืออวี่จริงๆ ตลอดบ่ายนี้นางรู้สึกกระวนกระวาย ใจนางไม่ยอมให้วังตะวันออกมีหญิงอื่นแน่ แต่พอนึกถึงเรื่องลูก นางก็ขัดแย้งในใจ รู้สึกผิดต่อฟู่เฉินหรง

 

 

ถ้าเขาเป็นผู้ชายธรรมดาคงไม่มีปัญหา แต่นี่เขาเป็นรัชทายาท

 

 

การไม่มีลูกจึงไม่ใช่เรื่องในครอบครัวเท่านั้น ยังเป็นเรื่องของบ้านเมืองด้วย

 

 

นางเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ เข้าใจเรื่องราวในราชตระกูลดี เมื่อเข้าใจจึงวิตกกับเรื่องนี้ นางรู้ว่าต่อไปฟู่เฉินหรงจะมีแรงกดดันมากเพียงไร เวลาเพิ่งผ่านไปไม่นาน วันหลังจะมีคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา

 

 

ฟู่เฉินหรงโอบซูจิ่วซือ กอดไว้ในอ้อมอก “บอกเจ้าแล้วว่าอย่าคิดเรื่อยเปื่อย พระอัยกาไม่ได้บอกข้าก่อนมีพระราชโองการลงไป เรื่องนี้ข้าเองก็เพิ่งรู้ กะทันหันมาก ข้าไปทูลพระอัยกาแล้ว”

 

 

“พระองค์รู้อะไรบางอย่างใช่หรือไม่”

 

 

“พระองค์รู้เรื่องหนอนไหมพิษ”

 

 

อย่างนี้เอง ซูจิ่วซือเข้าใจแล้วว่าทำไมซุ่นตี้จึงร้อนพระทัยให้วังตะวันออกมีพระชายารอง ความจริงเป็นเพราะทรงรู้เรื่องนี้แล้ว ใครหนอที่ทูลพระองค์

 

 

คนที่รู้เรื่องนี้มีไม่กี่คน นางนึกถึงเฟิงชิงสุ่ยกับฟู่เย่ว์อี้ทันที สองคนนี้รู้เรื่องหนอนไหมพิษ และหากค้นตำราเรื่องผลเซียนหลิง ก็จะรู้ หนึ่งในสองคนนี้เป็นคนทูลซุ่นตี้ใช่หรือไม่

 

 

แน่นอนว่าซูจิ่วซือสงสัยเฟิงชิงสุ่ยมากกว่า

 

 

“วันนั้นตอนที่เจ้าบอกข้าเรื่องนี้ ปิงอวิ๋นอยู่ไม่ไกล วรยุทธ์ของนางสูงส่ง คงได้ยินแน่ ปิงอวิ๋นแม้ไม่ทรยศข้า แต่นางเป็นคนของพระอัยกา เรื่องนี้นางคงเป็นคนทูลพระองค์”