บทที่ 1179 โดนเมิน

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

บทที่ 1179 โดนเมิน โดย Ink Stone_Fantasy

ผู้บัญชาการทั้งสี่ติดตามอยู่ข้างหลังเหมียวอี้และกลับมาที่ตำหนักคุ้มเมืองด้วยกัน

ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องแจ้งก่อน คนกลุ่มนี้มุ่งตรงเข้าไปเลย ขึ้นไปอยู่บนแท่นสังเกตการณ์ด้วยกัน นี่คือจุดที่อยู่กึ่งกลางที่สุดของทั้งตลาดสวรรค์ สามารถมองเห็นทั้งตลาดสวรรค์ได้ ความเจริญรุ่งเรืองอันไร้ที่สิ้นสุดอยู่ในสายตาทั้งหมด เมื่อทอดสายตามองไปสามารถทำให้รู้สึกองอาจผึ่งผาย

“ชมทิวทัศน์ที่นี่ไม่เลวเลยนะ!” เหมียวอี้โบกมือชี้ไปรอบๆ พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เมื่อไม่มีปี้เยว่ฮูหยินคอยกดดัน อารมณ์เขาก็ดีใช้ได้เลย ในที่สุดก็ไม่ต้องไปเบียดอยู่กับพวกฝูงชิงที่จวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกแล้ว แถมตำหนักคุ้มเมืองก็กว้างใหญ่ สภาพแวดล้อมก็ดี สุดท้ายเหมียวอี้ก็มีอำนาจตัดสินใจทั้งดาวเทียนหยวนแล้ว

“เหอะๆ!” พวกสวีถังหรานหัวเราะตาม แต่ในใจค่อนข้างเก็บกด อนาคตของเหมียวอี้ไม่แน่นอน พวกเขากังวลอนาคตของตัวเองเช่นกัน

ในฐานะที่เป็นหมารับใช้ของเหมียวอี้ ร่วมกับเหมียวอี้ล่วงเกินคนไว้มากมายขนาดนั้น ถ้าหากเหมียวอี้ไม่อยู่แล้ว จะไม่ให้กังวลใจก็คงยาก!

มู่หรงซิงหัวยังดีหน่อย ถึงอย่างไรนางก็ยังมีเฉาว่านเสียงคุ้มครอง ถ้าไม่ไหวจริงๆ อย่างมากก็แค่ออกจากตลาดสวรรค์ไปปักหลักที่อื่น แต่พวกสวีถังหรานกลับไม่มีปัจจัยแบบนั้น ใครจะมาขัดใจผู้มีอำนาจของตำหนักสวรรค์เพื่อพวกเขาสามคนล่ะ?

สวีถังหรานนึกเสียทีหลังแทบตาย ถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นแบบนี้ ตอนแรกก็ไม่ควรจะล่วงเกินร้านค้าพวกนั้นแบบถึงตายเลย ตอนนี้ลงเรือลำเดียวกับผู้บัญชาการใหญ่แล้ว ถ้าคิดจะปลีกตัวก็คงยาก

ที่จริงเขาอยากจะเอ่ยปากถามเหมียวอี้มาตลอดว่าเตรียมตัวไว้อย่างไรหลังจากนี้ แต่จนใจที่ไม่รู้จริงๆ ว่าจะเอ่ยปากเรื่องนี้อย่างไร

ด้านบน กลุ่มพี่ใหญ่ของตลาดสวรรค์กำลังพูดคุยหัวเราะกัน

ด้านล่าง เป่าเหลียนกำลังบงการสั่งให้คนเก็บกวาดสถานที่ เอาเครื่องประดับตกแต่งแบบผู้หญิงบางส่วนที่ปี้เยว่ฮูหยินทิ้งไว้ออกไป จำเป็นต้องประดับตกแต่งใหม่อย่างเลี่ยงไม่ได้

เหมียวอี้ก็แค่มาสัมผัสความรู้สึกแค่ชั่วคราวเท่านั้น ตอนนี้ยังเข้าอยู่ไม่ได้เพราะกำลังตกแต่งปรับปรุงใหม่ ผ่านไปสักพักก็นำคนออกไปแล้ว เหลือแค่เป่าเหลียนที่อยู่จัดการงานที่นี่

เมื่อกลับมาถึงจวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออก เหมียวอี้ก็เปลี่ยนเส้นทางไปร้านโฉมเมฆา

เมื่อรู้ว่าปี้เยว่ฮูหยินจากที่นี่ไปแล้ว อวิ๋นจือชิวก็โล่งใจ ด้วยสัญชาตญาณของผู้หญิง นางรู้สึกได้รางๆ ว่าปี้เยว่ฮูหยินอยากจะยั่วผู้ชายของนาง

เหมียวอี้กำลังจะย้ายออกจากจวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกแล้ว อวิ๋นจือชิวเรียกผีจวินจื่อมา แล้วกำชับว่า “ทำลายทางใต้ดินจองจวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกได้แล้ว ถมทิ้งไปเลย แล้วขุดเส้นทางใต้ดินใหม่ใต้ตำหนักคุ้มเมืองให้เชื่อมต่อกับร้านของพวกเรา”

“ขอรับ!” ผีจวินจื่อเอ่ยรับ แต่พอคิดไปคิดมาก็บอกอีกว่า “เถ้าแก่เนี้ย ตามที่ข้าสำรวจใต้ดินมา พบว่าข้างล่างของตำหนักคุ้มเมืองมีแม่น้ำใต้ดินสายหนึ่งพอดี ข้าแนะนำให้ขุดทางใต้ดินของร้านค้าพวกนั้นผ่านไปถึงแม่น้ำใต้ดินโดยตรง แบบนี้ไม่เพียงแค่ประหยัดแรงงาน สาเหตุสำคัญที่สุดคือสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกพบได้ด้วย ในภายหลังหากถูกจับได้ว่ามีทางใต้ดินตรงไหน ก็จะไม่เกี่ยวโยงไปถึงตำหนักคุ้มเมือง ส่วนทางตำหนักคุ้มเมืองก็ขุดทางที่เชื่อมกับแม่น้ำใต้ดินทางเดียวก็พอขอรับ”

อวิ๋นจือชิวพยักหน้าเบาๆ แบบนี้ก็สามารถทำให้แม่น้ำใต้ดินเป็นเส้นทางที่ใช้งานร่วมกันได้แล้ว ไม่ต้องขุดหลายเส้นทางให้คนสังเกตเห็นได้ง่าย อาศัยวรยุทธ์ของพวกเขา การไปมาผ่านแม่น้ำใต้ดินไม่ใช่เรื่องยากอะไร “ได้! เอาตามนี้แล้วกัน รีบทำงานแข่งกับเวลา”

ผีจวินจื่อกำลังจะเริ่มถมทางใต้ดินเดิม เหมียวอี้ก็ลุกขึ้นจากไปเช่นกัน ก่อนที่จะขุดทางใต้ดิน เขาจะไม่มีที่นี่อีกเป็นการชั่วคราว

หลังจากเข้ามาในทางใต้ดินกับผีจวินจื่อแล้วเดินไปข้างหน้าได้สักระยะ เหมียวอี้ก็ดึงผีจวินจื่อมาแล้วแอบกระซิบบอกว่า “ผีจวินจื่อ ขุดทางเชื่อมต่อระหว่างร้านค้าสมาคมวีรชนกับแม่น้ำใต้ดินให้ข้าอีกทาง…”

หลังจากฟังคำสั่งจบ ผีจวินจื่อก็กล่าวอย่างแปลกใจว่า “นายท่าน ขุดทางให้ร้านค้าสมาคมวีรชนทำไม ข้าได้ยินว่าท่านกับสมาคมวีรชนไม่ถูกกันไม่ใช่เหรอ”

เหมียวอี้ถลึงตาบอกว่า “จะสนใจอะไรมากขนาดนั้น ข้าให้เจ้าขุดเจ้าก็ขุดไปสิ ข้าย่อมมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำอยู่แล้ว”

“เกรงว่าจะทำได้ยาก ร้านค้าสมาคมวีรชนจะต้องวางค่ายกลป้องกันเอาไว้ใหญ่โตแน่นอน ตอนที่ขุดไปถึงตรงนั้น ถ้าค่ายกลป้องกันไม่ปิดใช้งาน ข้าก็ไม่มีทางขุดเข้าไปได้เลย” ผีจวินจื่อตอบอย่างกลุ้มใจ

เหมียวอี้ตบบ่าเขาพร้อมบอกว่า “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องห่วง รอจนเจ้าขุดไปถึงตรงนั้นแล้ว ข้าค่อยหาทางให้ร้านสมาคมวีรชนปิดใช้งานค่ายกลป้องกันก็สิ้นเรื่องแล้ว”

ผีจวินจื่อเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าบอกว่า “ตราบใดที่สามารถปิดค่ายกลได้ งั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหา”

“จำไว้นะ เรื่องนี้มีเจ้ากับข้าที่รู้กันสองคน ห้ามบอกคนอื่น โดยเฉพาะเถ้าแก่เนี้ย เข้าใจมั้ย?”

“ไม่บอกเถ้าแก่เนี้ย? แบบนี้จะเหมาะสมเหรอ?”

“เจ้าจะเข้าใจอะไรล่ะ? ข้าทำแบบนี้ก็เพราะหวังดีกับเถ้าแก่เนี้ย ไม่จำเป็นต้องทำให้เถ้าแก่เนี้ยกังวลเรื่องงานราชการของตำหนักสวรรค์ เข้าใจมั้ย?”

“ก็ได้ละมั้ง” ผีจวินจื่อทำท่าทางฝืนใจ

“ก็ได้ละมั้งอะไรของเจ้า?” เหมียวอี้ชี้เขาพร้อมเตือนว่า “ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ถ้ามีบุคคลที่สามรู้เรื่องนี้ แล้วทำให้ข้าเสียงานใหญ่ ก็คอยดูเถอะว่าข้าจะลงโทษเจ้ายังไง”

“ข้าไม่บอกเถ้าแก้เนี้ยก็ได้แล้วมั้ง?”

“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับส่วนรวม เจ้าต้องสาบานเพื่อรับประกัน!”

“ได้ ข้ารับประกัน ข้าสาบานว่าจะไม่มีบุคคลาที่สามรู้เรื่องนี้ รวมทั้งเถ้าแก่เนี้ยด้วย”

“แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย จำไว้นะ ห้ามให้มีบุคคลที่สามรู้เด็ดขาด”

หลังจากนั้นหนึ่งเดือน บนยอดเขาแห่งหนึ่งที่ห่างจากตลาดสวรรค์ดาวตงหัวไปสิบกว่าลี้ ที่นั่นคือจวนแม่ทัพภาค เป็นจวนขุนนางใหม่ของปี้เยว่ฮูหยิน

แม่ทัพภาคเดิมของดาวตงหัวย้ายออกจากระบบของตลาดสวรรค์ไปแล้ว ที่ย้ายออกไปไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่ย้ายไปทั้งหมดเก้าคน ตอนนี้อำนาจมหาศาลของตลาดสวรรค์สิบแห่งมารวมอยู่ในมือปี้เยว่ฮูหยินคนเดียว ตลาดสวรรค์สิบแห่งที่เหมียวอี้อยู่ก็ขึ้นตรงต่อจวนแม่ทัพภาคตงหัว ตลาดสวรรค์จัดระเบียบใหม่โดยกำหนดชื่ออย่างเป็นทางการตามที่อยู่ของจวนแม่ทัพภาค ถ้าปี้เยว่ฮูหยินยังอยู่ที่ดาวเทียนหยวน ก็เกรงว่าจะถูกกำหนดชื่อเป็นจวนแม่ทัพภาคเทียนหยวนแล้ว

ปี้เยว่ฮูหยินรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการครบหนึ่งเดือนเต็ม ผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์สิบคนพาผู้บัญชาการสี่คนของตัวเองทยอยกันมาแสดงความยินดี พวกเหมียวอี้ย่อมอยู่ในจำนวนนั้นด้วยเช่นกัน เป็นเพราะท่านโหวเทียนหยวนมีหน้ามีตา ขุนนางน้อยใหญ่ของท่านโหวเทียนหยวนจึงมาร่วมแสดงความยินดีเป็นกลุ่มใหญ่ เฉาว่านเสียงก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ท่านโหวเทียนหยวนก็มาสรรเสริญเยินยอฮูหยินด้วยตัวเองเช่นกัน

มีผู้จัดการร้านอีกนับไม่ถ้วนที่นำของขวัญมายกยอปอปั้น คนที่มีภูมิหลังค่อนข้างใหญ่โตได้รับสิทธิ์จากท่านโหวเทียนหยวน ถึงได้มีสิทธิ์เข้ามาร่วมแสดงความยินดี ส่วนคนที่เหลือทำได้เพียงนำของขวัญที่ติดชื่อตัวเองมาแขวนไว้ด้านนอกเพื่อแสดงออกว่าตัวเองเคยมาแล้ว อวิ๋นจือชิวกับหวงฝู่จวินโหรวนับว่าเป็นกึ่งๆ สหายของปี้เยว่ฮูหยิน ได้รับอนุญาตเป็นพิเศษให้มาเข้าร่วม ส่วนผู้ติดตามก็ถูกกันไว้ด้านนอก

ระหว่างผู้หญิงทั้งสองนับว่าสนิทกันแล้ว และนับว่าเป็น ‘เพื่อน’ กันด้วย หลังจากเข้ามาในงาน ทั้งสองก็จะไปเยี่ยมคำนับปี้เยว่ฮูหยิน แต่ปี้เยว่ฮูหยินกลับบอกว่ามีธุระ พวกนางจึงยังไม่ได้เข้าพบ ทำได้เพียงไปเยี่ยมคำนับตรงที่พักของเหมียวอี้แทน ถึงอย่างไรร้านค้าของทั้งสองก็อยู่ในอาณาเขตของเหมียวอี้ การไปเยี่ยมคำนับผู้บัญชาการใหญ่นับว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล และนับว่าเป็นการอาศัยงานราชการแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัวเช่นกัน

ใครจะคิดว่าเหมียวอี้ก็ไม่อยู่เหมือนกัน พอถามแล้วถึงได้รู้ว่าเขากำลังอยู่กับปี้เยว่ฮูหยิน จึงทำได้เพียงยกเลิกไปก่อน

เหยียนซู่ จางฮั่นฟาง หลิ่วกุ้ยผิง เหยาสิ้ง ติงเจ๋อเฉวียน ซางหรูเยว่ เกาโย่ว เหลียนฟางอวี้ รุ่ยฝาน รวมทั้งเหมียวอี้ ผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ทั้งสิบคนที่ปกติไม่ค่อยมีโอกาสพบหน้ากัน ตอนนี้กลับได้รวมตัวกันแล้ว ในจำนวนนั้นมีผู้หญิงสามคนคือเหยียนซู่ ซางหรูเยว่และเหลียนฟางอวี้

ตอนนี้พวกเขานำผู้บัญชาการสี่คนของตัวเองไปรวมตัวกันในตำหนักประชุมของจวนแม่ทัพภาคแล้ว หลังจากปี้เยว่ฮูหยินที่นั่งอยู่เบื้องสูงกล่าวให้โอวาทพอเป็นพิธีแล้ว ก็ยิ้มอย่างสนิทสนมพร้อมบอกว่า “ต่อไปนี้ทุกคนล้วนเป็นคนของจวนแม่ทัพภาคตงหัว ตอนนี้พบหน้ากันแล้ว เดี๋ยวทุกคนไปทำความคุ้นเคยกันสักหน่อยเถอะ”

พอเสร็จเรื่องตรงนี้แล้ว คนกลุ่มหนึ่งก็ออกมาจากตำหนักใหญ่ แล้วเริ่มกล่าวทักทายปราศัยกันทันที

“พี่จาง”

“พี่เหยา”

“พี่ติง!” เหมียวอี้กุมหมัดคารวะทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้ม

ใครจะคิดว่าจะไม่ได้รับเสียงตอบรับเลย แต่ละคนใช้หาทางตามองเขาหัวจดเท้า แค่มองเขาด้วยหางตาแวบหนึ่ง ถึงขั้นขี้เกียจจะมองหน้าด้วยซ้ำ ทำเอาเหมียวอี้อึดอัดเก้อเขิน แม้แต่ผู้บัญชาการทั้งสี่ของเหมียวอี้ก็โดนเมินตามไปด้วยเช่นกัน มีเพียงมู่หรงซิงหัวที่ยังดีหน่อย จะดีจะร้ายทุกคนก็ตอบกลับนางอย่างเกรงใจ เห็นได้ชัดว่าเห็นแก่หน้าเฉาว่านเสียงสามีของนาง

มีการแบ่งแยกอย่างชัดเจน เหมียวอี้นำคนยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง กำลังใช้สายตาเย็นเยียบมองกลุ่มคนที่ทักทายปราศัยกัน เห็นได้ชัดว่าวงสังคมนี้กำลังกันเขาออกไป

พอลองคิดดูนิดหน่อยก็รู้เหตุผลแล้ว คนทีสามารถเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ได้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่มีภูมิหลัง แต่เหมียวอี้กลับเป็นคนที่ไปล่วงเกินคนที่มีภูมิหลังมาแล้วเกือบหมด ผู้บัญชาการใหญ่พวกนี้ไม่ใช่ร้านค้าในสังกัดของเหมียวอี้ จึงไม่กลัวว่าจะถูกเขาลงโทษ ย่อมไม่ไว้หน้าเหมียวอี้อยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ที่จวนแม่ทัพภาค ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะให้บทเรียนกับเหมียวอี้เสียตรงนั้นเลย ถึงอย่างไรเหมียวอี้ก็เป็นคนของปี้เยว่ฮูหยิน ทุกคนยังไว้หน้าอยู่บ้าง แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะให้พวกเขาทำตัวสนิทสนมอย่างจริงใจ

ขณะที่ทุกคนตรงนี้กำลังพูดคุยทักทายกันอยู่ จู่ๆ ในสวนก็มีคนกลุ่มหนึ่งทยอยกันออกมา มีประมาณสามร้อยกว่าคน มีทั้งหญิงทั้งชาย ในจำนวนนั้นมีหลายคนที่เหมียวอี้เคยเจอในงานแต่งงานของเฉาว่านเสียงกับมู่หรงซิงหัว ทั้งหมดเป็นหัวหน้าภาคใต้บังคับบัญชาของท่านโหวเทียนหยวน ส่วนใหญ่ลูกน้องของหัวหน้าภาคพวกนั้นก็มากันครบ มาสรรเสริญเยินยอปี้เยว่ฮูหยินด้วยกัน เห็นได้ชัดว่าเพิ่งไปพบท่านโหวเทียนหยวนในสวนมา

เฉาว่านเสียงย่อมรวมอยู่ในนั้นด้วย หลังจากเห็นมู่หรงซิงหัวที่อยู่ทางนี้แล้ว เขาก็ปลีกตัวเดินออกมาจากกลุ่มคน

เหมียวอี้และคนอื่นๆ คำนับทันที “คำนับหัวหน้าภาคเฉา!”

เฉาว่านเสียงตอบเพียง “อื้ม” ไม่มองเหมียวอี้ตรงๆ ด้วยซ้ำ ท่าทีที่มีต่อเหมียวอี้ต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ท่าทีหยิ่งยโสมาก ยิ้มให้มู่หรงซิงหัวคนเดียว “ซิงหัว ได้พบฮูหยินหรือยัง?”

เมื่อเห็นเขาทำท่าทางแบบนี้ มู่หรงซิงหัวก็มองไปที่เหมียวอี้อย่างลำบากใจแวบหนึ่ง แล้วพยักหน้าบอกว่า “เพิ่งไปพบมาค่ะ”

“เราสองสามีภรรยาไม่ได้เจอกันนาน ไปหาที่นั่งคุยกันเถอะ” เฉาว่านเสียงจูงมือที่เรียวสวยของมู่หรงซิงหัวเดินไป

เหมียวอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย มู่หรงซิงหัวเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา แต่เฉาว่านเสียงพาตัวไปโดยไม่บอกกล่าวสักคำ แบบนี้มองข้ามหัวกันเกินไปแล้ว ตอนนี้ข้าไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเจ้าแล้วนะ

มู่หรงซิงหัวรีบสลัดมือออก แล้วถลึงตาจ้องเฉาว่านเสียงแวบหนึ่ง

เฉาว่านเสียงเข้าใจ จึงเอียงหน้ามองเหมียวอี้พร้อมถามอย่างเย็นชาว่า “หนิวโหย่วเต๋อ ภรรยาข้ามีธุระนิดหน่อย จะพาออกไปชั่วคราว เจ้าคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ย?”

เหมียวอี้ยิ้มบางๆ “เชิญตามสะดวก!”

มู่หรงซิงหัวก็เลยถูกเฉาว่านเสียงจูงมือออกไป ส่วนสวีถังหราน ฝูชิงและอิงอู๋ตี๋ที่อยู่ข้างหลังเหมียวอี้แอบสบตากันแวบหนึ่ง

ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์คนอื่นๆ ที่มองมาทางนี้ ถ้าไม่หัวเราะเยาะก็ทำสีหน้าเยาะเย้ย

ในบรรดาผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์สิบคน เหยียนซู่ ซางหรูเยว่ เหลียนฟางอวี้ ผู้หญิงทั้งสามคนถูกหัวหน้าภาคสามคนทยอยกันจูงมือออกไปเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงสามคนนี้เป็นฮูหยินของหัวหน้าภาค ทางนี้คงจะมีมู่หรงซิงหัวที่ตำแหน่งต่ำไปหน่อย แต่ก็ช่วยไม่ได้ มู่หรงซิงหัวแต่งงานกับเฉาว่านเสียงช้าไป

หลังจากเดินไปไกลแล้ว มู่หรงซิงหัวก็เริ่มถ่ายทอดเสียงบ่นเฉาว่านเสียง “เมื่อครู่นี้ท่านทำเกินไปหน่อยรึเปล่า?”

เฉาว่านเสียงตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “ข้าเป็นหัวหน้าภาคที่ยิ่งใหญ่ จำเป็นต้องไว้หน้าผู้บัญชาการใหญ่กระจอกๆ อย่างเขาเชียวหรือ?”

“ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้บังคับบัญชาของข้า” มู่หรงซิงหัวกล่าว

“ผู้บังคับบัญชาเหรอ?” เฉาว่านเสียงพ่นเสียงทางจมูก “สักวันหนึ่งเจ้าก็ต้องเปลี่ยนผู้บังคับบัญชา ไม่ว่าเจ้าหมอนี่จะไปเข้าร่วมการทดสอบหรือไม่ เขาก็ต้องตายอยู่ดี ถ้าไปที่นรกแล้ว คนที่ต้องการเล่นงานเขาให้ตายมีเป็นโขยง เจ้าคิดว่าเขาจะยังรอดชีวิตกลับมาได้อีกเหรอ? ดังนั้นตอนนี้เจ้ารักษาระยะห่างกับเขาหน่อยดีกว่า เมื่อครู่ที่ข้าเมินเขาก็เพื่อแสดงให้ทุกคนได้เห็น เจ้าเองก็ไม่ต้องเป็นกังวล ปี้เยว่ฮูหยินเห็นแก่ความสัมพันธ์ของข้ากับท่านโหว นางไม่ปล่อยให้เขาแตะต้องเจ้าซี้ซั้วหรอก จะกลัวเขาทำไม!”

…………………………