ขุนนางบุ๋นผู้นั้นหันหน้ากลับไปมองแม่นางชุดเหลือง 

 

 

           เรียวคิ้วขมวดแน่น เตือนเสียงเบาว่า “ท่านหญิง ท่านมีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน ใจเย็นเข้าไว้พ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

           ท่านหญิงผู้มาจากวังหลวง เพิ่งเดินทางถึงเมืองชายแดนไม่นาน เป็นหลานสาวที่ฮองเฮาโปรดปรานมากที่สุด ยามนางเดินทางมา ฮองเฮามีราชเสาวนีย์ให้เขาดูแลให้ดี อย่าปล่อยให้นางได้รับความลำบาก 

 

 

           ทว่าท่านหญิงถามองค์ชายสี่ด้วยความโมโหอย่างตรงไปตรงมา 

 

 

           ฮองเฮามิได้ตรัสว่า หากหลานสาวในไส้ของพระนางถูกลูกชายแท้ๆ ของพระนางฆ่าแล้วจะให้ทำอย่างไร อย่างไรก็ตามองค์ชายสี่เป็นบุคคลที่คนทั่วหล้าได้ฟังชื่อแล้วหวาดกลัวสุดเปรียบ อารมณ์แปรปรวน ไม่เป็นมิตรกับใครทั้งนั้น ญาติมิตรสหายในสายตาเขาเหมือนเศษหญ้า ใครจะรู้หลังจากท่านหญิงเอ่ยประโยคนี้ออกไปแล้ว จะกลายเป็นวิญญาณไร้ร่างใต้เงื้อมือเขาหรือเปล่า 

 

 

           สตรีที่ถูกเรียกว่าท่านหญิงผู้นี้ หันไปถลึงตาดุร้ายใส่ขุนนางบุ๋น “เจ้าทาสสุนัข ท่านหญิงอย่างข้าไว้หน้ามากพอแล้ว หากมิใช่เห็นว่านางอยู่ข้างกายพี่เยี่ยน เห็นแก่หน้าพี่เยี่ยน ท่านหญิงอย่างข้ากำจัดนางชั้นต่ำนี่เป็นผุยผงไปแล้ว” 

 

 

           เยี่ยเม่ยมองสตรีหยิ่งผยองผู้นี้ สีหน้านางยังคงเย็นชาเหมือนเดิม สายตากลับหมดความอดทน 

 

 

           ในเมื่อแม่นางผู้นี้ อ้าปากเรียกพี่เยี่ยนคำแล้วคำเล่า นางหันไปมองสายตาพราวประกายวาวคล้ายกับจะกลั่นเป็นหยดน้ำออกมาของชายด้านข้าง เก้าในสิบเป็นดูเขาจะเป็นฝ่ายถูกตาม นางอดสงสัยในการตัดสินใจอยู่ต่อหนึ่งวันนั้นถูกต้องหรือเปล่า จะถูกแม่นางผู้นี้กวนใจให้รำคาญตายหรือไม่  

 

 

           เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจ้องท่านหญิงผู้นี้ครู่หนึ่ง นิ่งไป พลันหันหน้าไปหาอวี้เหว่ย “นางเป็นใคร ข้ารู้จักนางหรือ” 

 

 

           ทุกคน “…” 

 

 

        เยี่ยเม่ยเองยังอึ้งไปด้วย มองใบหน้าด้านข้างของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน สีหน้าไม่ใส่ใจคล้ายไม่ได้ล้อเล่น  

 

 

           แม่นางน้อยผู้นั้นยิ่งมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอย่างไม่เชื่อสายตา ดูท่าจะถูกโจมตีอย่างจัง 

 

 

           อวี้เหว่ยแอบผ่อนลมหายใจยาวอยู่ในใจ เป็นอย่างนี้อีกแล้ว เขาก้มหน้าตอบ “เตี้ยนเซี่ย นี่คือหลานสาวของเสด็จแม่…หมายถึงฮองเฮา บุตรสาวคนเล็กที่ลุงของท่านรักที่สุด ท่านหญิงฉางเล่อซือถูเฉียง” 

 

 

           เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้วพยักหน้า ส่งสัญญาณว่าเข้าใจแล้ว 

 

 

           หันกลับไปมองอวี้เหว่ยอีกครั้ง ถามด้วยเสียงน่าฟัง “นางเรียกข้าว่าพี่เยี่ยน ดังนั้นข้ากับนางเคยสนิทกันด้วยหรือ” 

 

 

           คนในสถานที่นี้ใจเต้นระส่ำ ท่านสนิทกับผู้อื่นหรือไม่ ตัวท่านไม่รู้หรือไร ไยต้องถามคำถามประเภทนี้กับผู้อื่น 

 

 

           อวี้เหว่ยกลับไม่แปลกใจเลยสักน้อย หันมองซือถูเฉียง เอ่ยปากตามสัตย์ว่า “เตี้ยนเซี่ย ไม่ใช่สนิทมาก เพียงเคยพบกันในงานเลี้ยงวังหลวงไม่กี่ครั้ง” 

 

 

           อวี้เหว่ยก็รู้สึกแปลกใจ งานเลี้ยงในวัง ตามปกติแล้วทุกคนเห็นเตี้ยนเซี่ยต่างก็พินอบพิเทา หวาดกลัวไปต่างๆ นาๆ กลัวว่าตัวเองจะดึงดูดความสนใจของเตี้ยนเซี่ย ถูกกลั่นแกล้งจนตาย ไฉนท่านหญิงฉางเล่อถึงได้กล้าหาญนัก ถึงกับกล้าไล่ตามมาถึงที่นี่ 

 

 

           สตรีชมชอบเตี้ยนเซี่ยไม่น้อย แต่ทุกคนกลัวตายอย่างอนาถ ไม่กล้าเข้าใกล้ 

 

 

           เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพยักหน้า หันมองสีหน้าไม่สบอารมณ์ของเยี่ยเม่ย  

 

 

           ใบหน้าสูงสง่าราวเทพเจ้าของเขาปรากฏรอยยิ้ม น้ำเสียงอ่อนโยน เอ่ยปากเสียงเบา “แม่นาง เจ้าได้ยินแล้ว เยี่ยนไม่สนิทกับนางสักน้อย ใต้หล้านี้มักมีพวกอ่อนแอใช้การเรียกอย่างสนิทสนมเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับผู้เข้มแข็ง แสดงออกว่าสนิทสนม ความจริงก็แค่คิดเองเออเองเท่านั้น ใจของเยี่ยนมีเจ้าแต่เพียงผู้เดียว เจ้าอย่าได้ถูกนางหลอกเป็นอันขาดเชียว  

 

 

        อวี้เหว่ยกระตุกมุมปาก หันมองเตี้ยนเซี่ยของเขาสีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก ‘ข้ารักเจ้าแต่เพียงผู้เดียว’ เตี้ยนเซี่ยจริงจังหรือเปล่า 

 

 

           เรียวคิ้วเยี่ยเม่ยเลิกสูง นางไม่สนใจเรื่องตรงหน้าเลยสักน้อย ผู้ชายคนนี้ชอบใครนางหาได้ใส่ใจ ตอนนี้นางหิวแล้ว นางเป็นคนยึดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางมาโดยตลอด หวังแต่พวกเขาจะจบโดยเร็ว ไปหาของกินมาให้นาง อย่างไรก็จะกินของผู้อื่น ต้องแสดงมารยาทที่ดีบ้าง นางจึงอดทนไม่ส่งเสียง 

 

 

           ซือถูเฉียงหน้าเปลี่ยนสี ใบหน้าซีดลง 

 

 

           นางกำลังสั่น มองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอย่างไม่เชื่อสายตา น้ำตาคลอไหลลงมา สะอื้น “พี่เยี่ยน ครั้งก่อนตอนงานเลี้ยง ฮองเฮาเอ่ยว่าข้าน่ารักสดใสร่าเริง ท่านพยักหน้าเห็นด้วยแท้ๆ ไฉนท่าน…”  

 

 

           อวี้เหว่ยเงยหน้ามองฟ้าอีกครั้ง 

 

 

           นั่นก็เพราะวันนี้เตี้ยนเซี่ยเพิ่งจะเล่นงานขุนนางที่เป็นปรปักษ์กับเขา ขุนนางผู้นั้นถูกเหตุผลบิดเบี้ยวของเตี้ยนเซี่ยล้างสมองจนคิดว่าตัวเองต้องตายอย่างแน่แท้ ซ้ำยังกลัวว่าหลังจากตายแล้วจะถูกเตี้ยนเซี่ยฆ่าล้างตระกูลทั้งเก้าชั่วคน ตัวเองจึงฆ่าล้างตระกูลทั้งเด็กและคนแก่ในบ้านจากนั้นค่อยฆ่าตัวตายตาม เตี้ยนเซี่ยรู้สึกว่าเขาน่าสนใจ ด้วยเหตุนี้เตี้ยนเซี่ยถึงได้อารมณ์ดีไปทั้งวัน ดังนั้นฮองเฮาชื่นชมคนตั้งมากมาย เตี้ยนเซี่ยพยักหน้าเห็นด้วยทั้งหมด 

 

 

           แต่อวี้เหว่ยหรี่ตามองใบหน้าด้านข้างของเยี่ยเม่ย  

 

 

           ไม่รู้ว่าแม่นางผู้นี้มองเรื่องนี้อย่างไร คงไม่เห็นว่าเตี้ยนเซี่ยชมท่านหญิงฉางเล่อจึงรู้สึกว่าเตี้ยนเซี่ยเป็นคนเจ้าสำราญกระมัง ถึงเขารู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่เตี้ยนเซี่ยจะชอบแม่นางผู้นี้นั้นน้อยมาก เตี้ยนเซี่ยเพิ่งเริ่มตามจีบก็อกหัก ออกจะน่าสงสารเกินไป 

 

 

           เขาสมควรแอบเสนอเตี้ยนเซี่ยสักหน่อย ทำเป็นเหมือนว่าไม่เคยพูดประโยคนั้น กันไม่ให้แม่นางผู้นี้ไม่ยินดี 

 

 

           ถัดมา อวี้เหว่ยคิดไม่ถึงเลยว่าเตี้ยนเซี่ยของเขาจะ… 

 

 

           เห็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองซือถูเฉียงอยู่ชั่วครู่ สักพักหนึ่งใบหน้าหล่อเหลานั้น ปรากฏความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจขึ้นหลายส่วน หางตาตวัดมองไปที่สีหน้าเยี่ยเม่ย   

 

 

           กลับถามซือถูเฉียงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “น่ารักร่าเริง นั่นมิใช่ลักษณะที่เยี่ยนรังเกียจที่สุดหรอกหรือไร” 

 

 

           อวี้เหว่ย “…”  

 

 

เตี้ยนเซี่ยท่านชนะแล้ว บ่าวแพ้แล้ว 

 

 

           ซือถูเฉียงไม่อยากเชื่อ ทั้งเดือดดาล น้ำตาไหลร่วงจากหางตา ถลึงตาดุดันมองเยี่ยเม่ย กัดฟันเอ่ย “นางแพศยา ล้วนเป็นเพราะเจ้า เป็นเพราะเจ้าล่อลวงหัวใของพี่เยี่ยน เจ้ามันนังจิ้งจอก ข้าจะฆ่าเจ้า”  

 

 

           ระหว่างที่นางเอ่ยวาจา นางพุ่งเข้าไปกระชากกระบี่ยาวจากองค์รักษ์ข้างกายด้วยโทสะ แทงใส่เยี่ยเม่ย  

 

 

           เยี่ยเม่ยรับรู้ถึงจิตสังหารแรงกล้าพุ่งมาที่ตน 

 

 

           นางหลับตา สูดลมหายใจลึก พยายามควบคุมความอดทน 

 

 

           จากนั้นนางพบว่าตัวเองยิ่งหิวมาก ไม่อาจควบคุมความอดทนได้อีกแล้ว นางลืมตาขึ้น กระบี่ยาวของซือถูเฉียงพุ่งมาถึงเบื้องหน้าแล้ว จวนเสียบทะลุอก 

 

 

           เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเห็นนางไม่ขยับ คิ้วเลิกสูง เตรียมลงมือ 

 

 

           เยี่ยเม่ยชิงลงมือก่อน 

 

 

           นางขยับเท้า เวลาเสี้ยวพริบตาก็ไปถึงด้านหลังซือถูเฉียง ส่งผลให้กระบี่นั้นของซือถูเฉียงแทงถูกอากาศ 

 

 

           นิ้วมือราวหยกสลักดึงรั้งเสื้อของซือถูเฉียงจากด้านหลัง ยกซือถูเฉียงลอยขึ้นจากพื้นอย่างง่ายดาย 

 

 

           ตวัดมือครั้งหนึ่ง 

 

 

           ซือถูเฉียงคล้ายก้อนหินยักษ์ ถูกโยนกระเด็นออกไปไกล 

 

 

           นางลอยเป็นวิถีโค้งงดงามข้ามเหนือศีรษะคนทั้งหมด สุดท้ายตกห่างออกไปห้าเมตร 

 

 

           พื้นดินกระแทกเกิดหลุมใหญ่ ด้านในคือร่างของซือถูเฉียง หลังจากนางตกอยู่ภายใน ไม่ส่งเสียงเลยสักแอะ ไม่รู้ว่าเป็นลมไปแล้วหรือกระแทกตายแล้ว 

 

 

           เยี่ยเม่ยสายตาเย็นชามองทุกคน 

 

 

           ตวัดสายตาเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เสียงเย็นเอ่ย “พูดจบแล้วหรือยัง หากยังไม่ปรนนิบัติข้ากินข้าวอีก ข้าจะไปแล้ว ท่านอย่าหาว่าข้าตระบัดสัตย์”