มานาที่เปลี่ยนแปลง

เมื่อสมาชิกของทีมนักผจญภัยหัวใจพายุจ่ายค่าเข้าสู่ป้อมปราการในราคาที่สูงลิ่วเรียบร้อย พวกเขาก็เดินผ่านประตูหน้าของป้อมปราการไปอย่างระมัดระวังภายใต้การจับตามองของออร์เบ็ค

“อะไรกัน ?! มีผู้เล่นบางคนที่เต็มใจจะจ่ายค่าเข้าที่แพงแบบนี้ด้วยงั้นหรอ ?!”

“บางทีพวกเขาอาจจะตัดสินใจที่จะลองเข้าไปเยี่ยมชมป้อมปราการกันสักหน่อย
เพราะไหนๆก็ได้เดินทางมาถึงแล้ว”

ผู้เล่นที่เตรียมจะออกจากพื้นที่นี้นั้นมองไปยังโครว์และทีมของเขาอย่างดูถูก ขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปในป้อมปราการแสงดาว

ค่าเข้าป้อมปราการยี่สิบเหรียญเงินต่อคนนั้นมันไม่เคยมีมาก่อนเลยในทวีปด้านตะวันตก

ด้วยเงินยี่สิบเหรียญเงิน ผู้เล่นนั้นจะสามารถซ่อมแซมอาวุธและอุปกรณ์ของตัวเองให้กลับมาสมบูรณ์ได้เลยในเมือง NPC และมันก็แทบจะเทียบเท่ากับเงินที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสองสามารถหามาได้ หลังจากล่าทั้งวัน

กระนั้นตอนนี้สมาชิกของหัวใจพายุกับทุ่มเงินมหาศาลเพียงเพื่อจะเข้าไปสัมผัส และเที่ยวชมสภาพแวดล้อมที่มีมานาหนาแน่นของป้อมปราการ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังจะสามารถอยู่ในป้อมปราการได้แค่หนึ่งวันเท่านั้น นี่มันเป็นการผลาญเงินโดยสูญเปล่าชัดๆ

หลังจากใช้เวลาสักครู่มองอย่างเยาะเย้ยไปยังทีมนักผจญภัยหัวใจพายุ ผู้เล่นรอบข้างทั้งหมดก็รวมตัวกันและจากไป

ไม่นานนักผู้เล่นกว่าเก้าสิบเปอเซ็นต์ก็ออกจากพื้นที่ไป และตอนนี้มีผู้เล่นน้อยกว่าหนึ่งหมื่นคนที่กำลังเข้าแถวรอที่ประตูด้านหน้า

“พวกเขายึดป้อมปราการแสงดาวได้ แต่พวกเขากลับเลือกจะไล่ลูกค้าออกไป เราไม่จำเป็นจะต้องทำอะไรด้วยซ้ำ เพราะป้อมปราการนี้จะค่อยๆแห้งตายแน่นอน”

“พวกเขานั้นคิดจะเรียกเก็บค่าบริการภายในป้อมปราการเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ทั้งหมด เหอะ !! พวกเขานี่ช่างรู้จักวิธีฝันจริงๆนะ …”

“ช่างโง่เขลาจริงๆ นี่พวกเขาคิดหรอว่า พวกเขาจะสามารถบีบผู้เล่นทั้งหมดได้เพียงเพราะว่าพวกเขาเป็นผู้ที่เป็นเจ้าของป้อมปราการเพียงแห่งเดียวในหุบเขา”

เหล่ามหาอำนาจต่างๆนั้นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ เมื่อเห็นว่ามีผู้เล่นแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่เต็มใจจะเข้าไปในป้อมปราการแสงดาว

พวกเขานั้นกลัวว่าป้อมปราการแสงดาวจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อขยายช่องว่างระหว่างพวกเขา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความกังวลของพวกเขาจะไร้ความหมาย

เงินยี่สิบเหรียญเงินนั้นอาจจะเป็นค่าใช้จ่ายที่จัดว่าสูง เมื่อใช้จ่ายเพื่อเข้าสู่ป้อมปราการ แต่อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญหลายคนนั้นก็จะสามารถทนกับค่าใช้จ่ายนี้ได้ เพราะด้วยทรัพยากรที่มีอยู่ในหุบเขาดาว และสิทธิประโยชน์ของป้อมปราการแสงดาว พวกเขาจะสามารถได้รับเงินที่จ่ายไปคืนในระยะเวลาสั้นๆ

อย่างไรก็ตามป้อมปราการแสงดาวนั้นได้ล้ำเส้นเกินไปโดยการเรียกเก็บค่าบริการภายในทั้งหมดของป้อมปราการเป็นคริสตัลเวทย์มนต์

ในทวีปด้านตะวันตก คริสตัลเวทย์มนต์นั้นนับเป็นรากฐานสำหรับผู้เล่น และหากไม่มีคริสตัลเวทย์มนต์สำหรับหินรูนการต่อสู้ พลังการต่อสู้ของผู้เล่นนั้นก็จะลดลงอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามโชคไม่ดีที่คริสตัลเวทย์มนต์นั้นหายากอย่างน่าเจ็บปวดในทวีปด้านตะวันตก ดังนั้นการจะได้รับคริสตัลเวทย์มนต์มาสักชิ้นหนึ่งจึงเป็นความท้าทายมากๆ เพราะถ้ามันได้รับมาง่ายๆมหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันตกคงไม่ต่อสู้กันอย่างสิ้นหวังเพื่อโอกาสในการรับเอาเส้นเลือดแร่ที่สามารถสร้างคริสตัลเวทย์มนต์ได้หรอก

แม้ว่าผู้เล่นจะได้รับคริสตัลเวทย์มนต์จากการล่าในหุบเขาดาวเช่นกัน แต่ที่นี่มันก็ไม่ใช่ที่ๆจะออกล่าได้ง่ายๆเลย มันยังคงเป็นดินแดนต้องห้ามเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย และอันตรายกว่าแผนที่อื่นๆที่มีสิทดรอปคริสตัลเวทย์มนต์อย่างมาก

หากผู้เล่นตัดสินใจที่จะมุ่งเน้นการพัฒนาของตัวเองไปที่รอบๆป้อมปราการเท่านั้น พวกเขาก็จะเป็นดั่งแรงงานราคาถูกของผู้ปกครองป้อมปราการ ซึ่งมีแต่คนโงเท่านั้นที่จะยอมรับภาระแบบนี้
หลังจากนั้นมหาอำนาจต่างๆก็ได้สั่งให้ผู้เล่นของพวกเขาหันหลังกลับและจากไปอย่างรวดเร็ว พวกเขานั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้าไปในป้อมปราการแสงดาว

พวกเขาได้เรียนรู้ถึงสถานการณ์ของป้อมปราการจากสายลับของพวกเขาที่อยู่ในเผ่าศักสิทธิ์แล้ว ตั้งแต่ก่อนที่ป้อมปราการแสงดาวจะเปิดให้สาธารณชนเข้าชมซะอีก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องเข้าไปในป้อมปราการแสงดาวเพื่อตรวจสอบรายงาน พวกเขาไม่สามารถจะจ่ายเงินที่หามาอย่างยากลำบากแบบมั่วๆได้

แม๊คอาฟรี่นั้นรู้สึกหงุดหงิด เมื่อมองดูผู้เล่นหลายคนเดินออกไปจากที่นี่จากบนกำแพงป้อมปราการ

ผู้เล่นเหล่านี้นั้นมีศักยภาพทางการเงินและทรัพยากร !!!

ซือเฟิงนั้นสามารถจะเปลี่ยนป้อมปราการแสงดาวในเป็นศูนย์กลางการค้าได้อย่างง่ายด้วยการยอมลดราคาลงสักนิดหน่อย แต่เขาก็ยังยืนยันที่จะเรียกเก็บค่าบริการภายในของป้อมปราการเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ทั้งหมด และแค่เรื่องนี้เพียงอย่างเดียว มันก็ทำให้ผู้เล่นส่วนใหญ่นั้นไม่อยากจะเข้ามาเยี่ยมชมป้อมปราการแล้ว

ในขณะที่มหาอำนาจต่างๆจากไป ทีมนักผจญภัยหัวใจพายุก็ได้เดินเข้าไปข้างในป้อมปราการ

“นี่คือป้อมปราการแสงดาวงั้นหรอ ?! ความหนาแน่นของมานาที่นี่นั้นมันสูงมากๆ !!!”

“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมค่าเข้าถึงแพงมาก สภาพแวดล้อมแบบนี้มันคุ้มค่ากับราคาอย่างแน่นอน !!!”

สมาชิกของทีมนักผจญภัยหัวใจพายุนั้นรู้สึกตกอยู่ในภวังค์ เมื่อพวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงมานาภายในป้อมปราการแสงดาว

พวกเขานั้นไม่ได้เป็นสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆ พวกเขาเป็นเพียงแค่ผู้เล่นอิสระ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของทีมนักผจญภัยชั้นยอด แต่พวกเขาก็สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างจำกัดเท่านั้น ทรัพยากรที่ทีมนักผจญภัยหัวใจพายุมีนั้นไม่สามารถจะเทียบกับกิลชั้นสูงได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องที่พวกเขานั้นไม่สามารถเข้าสู่สถานที่ที่มีมานาหนาแน่นได้บ่อยๆเช่นกัน พวกเขาต้องพึ่งพาความสามารถ พรสวรรค์ และการทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาไปอย่างช้าๆ
“เราจะสามารถเข้ามาพักผ่อนที่นี่ได้เป็นครั้งคราวเท่านั้น หากเราเข้ามาบ่อยๆเราคงล้มละลาย” ชายที่ดูโหดเหี้ยมข้างโครว์กล่าวขณะเหลือบมองไปที่ป้ายบอกราคาที่ด้านนอกของโรงแรมใกล้เคียง

แม้แต่ในเมืองหลวงของอาณาจักร และจักรวรรดิของ NPC ห้องพักที่หรูหราที่สุดของโรงแรมก็ยังมีราคาเพียงสิบเหรียญเงินต่อคืนเท่านั้น

อย่างไรก็ตามห้องพักของโรงแรมในป้อมปราการแสงดาวนั้นไม่เพียงแต่จะมีขนาดเล็กเท่านั้น แต่มันยังมีราคาแพงมากด้วย !!!

มันมีราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งชิ้นต่อหนึ่งคืน !!

ปัจจุบันทีมของพวกเขานั้นมีผู้เล่นห้าร้อยคน หากพวกเขาเช่าโรงแรมหนึ่งคืนที่นี่ พวกเขาก็จะต้องจ่ายด้วยคริสตัลเวทย์มนต์ถึงห้าร้อยชิ้นเลย ….

สมาชิกของหัวใจพายุที่เหลือเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้

แม้แต่กิลชั้นสูงนั้นก็ไม่น่าจะสามารถจ่ายค่าใช้จ่ายที่แพงขนาดนี้ได้ นับประสาอะไรกับหัวใจพายุ มันมีเพียงมหาอำนาจเท่านั้นที่จะมีเงินทุนมากพอในการเช่าโรงห้องพักในโรงแรมแบบนี้

“เดี๋ยวก่อน มีบางอย่างแปลกๆ ดูเหมือนว่ามานาตรงนี้จะมีความแตกต่างออกไป …” Elementalist หญิงขั้นสามพูดขึ้น

“แตกต่าง ?” เมื่อได้ยินดังนี้ชายที่ดูโหดเหี้ยมก็ให้ความสนใจกับมานารอบตัวเขามากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้ค้นพบสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย “มันแตกต่างกันยังไง ?”

“ไม่ !! เธอพูดถูก !!” โครว์อุทาน “พูดให้ชัดคือพื้นที่นี้มันมีมานาสายธาตุหลาย
ประเภท”

“อืม ฉันรู้สึกได้ถึงองค์ประกอบของสายธาตุได้สามสายธาตุชั้นยอด และยิ่งกว่านั้น หลังจากเข้ามาที่นี่ มันก็ดูเหมือนว่าความหนาแน่นของมานาจะสูงขึ้นเรื่อยๆ” Elementalist หญิงอธิบาย

ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั่วไปนั้นอาจไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของมานาโดยรอบ แต่เธอนั้นมีมรดกมานาพิเศษ มันจึงทำให้เธอสามารถสังเกตเห็นความแตกต่างนี้ได้อย่างรวดเร็ว

“องค์ประกอบสามสายธาตุชั้นยอด ?” ชายที่ดูโหดเหี้ยมนั้นตกตะลึง เขาถามด้วยความตื่นเต้นว่า “นั่นหมายความว่าสภาพแวดล้อมในป้อมปราการนี้คล้ายกับสภาพแวดล้อมในสมัยโบราณใช่ไหม ?”

เหล่าผู้เชี่ยวชาญนั้นต่างก็ค้นคว้ากันอย่างต่อเนื่อง และพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันรวมไปถึงประวัติศาสตร์ของ God domain เพราะท้ายที่สุดข้อมูลแบบนี้นั้นมันซ่อนโอกาสไว้มากมาย ซึ่งสำหรับผู้เล่นอิสระและทีมนักผจญภัยที่ขาดแคลนทรัพยากร นี่เป็นหนึ่งในวิธีไม่กี่วิธีที่สามารถจะเชื่อถือได้ในการจะได้เผชิญหน้ากับโอกาสโดยบังเอิญ

โดยธรรมชาติแล้วทีมนักผจญภัยหัวใจพายุนั้นก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น พวกเขานั้นล้วนเคยศึกษาเรื่องราวของ God domain กันมาทั้งนั้น โดยเฉพาะกับเรื่องยุคโบราณ ซึ่งเป็นยุคที่มนุษยชาติทรงพลังมากกว่านี้อย่างมาก ซึ่งทั้งอารยธรรมและเทคโนโลยีของมนุษย์ในสมัยโบราณนั้นได้พัฒนาไปถึงจุดที่ไม่น่าเชื่อเลย

ในการเปรียบเทียบ มนุษย์ในปัจจุบันนั้นก็แทบจะถึงขีดจำกัดแล้วหลังจากมาถึงขั้นห้า และหากให้กล่าวกันจริงๆตัวตนขั้นห้าในปัจจุบันก็อ่อนแอกว่าในสมัยโบราณอย่างมาก

ซึ่งความแตกต่างที่เกิดขึ้นแบบนี้มันก็เป็นเพราะองค์ประกอบของมานาโดยรอบ

ในสมัยโบราณองค์ประกอบของมานานั้นประกอบไปด้วยเจ็ดสายธาตุ แต่ตอนนี้มันเหลือแค่เพียงสี่เท่านั้น ส่วนองค์ประกอบที่เหลือจะพบได้แค่บางสถานที่เท่านั้น ซึ่งมันก็มีน้อยมาก

นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้สิ่งมีชีวิตใน God domain นั้นไม่สามารถจะเข้าใจและควบคุมมานาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้พวกเขานั้นก้าวไปสู่ขั้นใหม่ได้ยากขึ้น

แต่ตอนนี้สภาพแวดล้อมภายในป้อมปราการแสงดาวกับมีองค์ประกอบสามสายธาตุชั้นยอดที่หายไปอยู่ด้วย ซึ่งมันเป็นสภาพแวดล้อมที่เป็นเหมือนดั่งสมัยโบราณ นี่จึงนับเป็นโอกาสที่ท้าทายสวรรค์อย่างมาก !!!