ตอนที่ 636 เสียชีวิต / ตอนที่ 637 มู่ซืออวี่เข้าเมืองหลวง

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 636 เสียชีวิต

 

 

ฮูหยินมู่ยังคงสั่งเสียต่อ ความจริงแล้วถ้าวันนี้ซูจิ่วซือไม่มา ก่อนตายนางก็จะขอพบหน้าซูจิ่วซือ และยังเขียนคำสั่งเสียไว้ ในเมื่อซูจิ่วซือมาแล้ว บอกต่อหน้าจะดีกว่า

 

 

“ท่านแม่ ท่านแม่อย่าพูดเลย ข้ามีความสุขดี”

 

 

ฮูหยินมู่ยิ้มอย่างผ่อนคลาย “แม่รู้ว่าเจ้าเป็นเด็กรู้จักคิด ความจริงแม่ก็ไม่มีอะไรจะสั่งเสีย เจ้าเข้าใจทุกอย่างดี ซือซือ ไม่ต้องเสียใจ แม่ไม่ได้ลำบากอะไร”

 

 

“ท่านแม่ ขอบใจท่านแม่”

 

 

เดิมทีซูจิ่วซืออยากบอกความจริง แต่เกรงว่าจะกระทบกระเทือนฮูหยินมู่ สุดท้ายก็ล้มเลิกความคิด ถือว่าได้ทำหน้าที่แทนมู่ซือซือตัวจริง! ไม่อยากให้ฮูหยินมู่เสียใจ

 

 

“แม่ลูกกันไม่ต้องขอบใจ” ฮูหยินมู่พูดต่อเนื่องเป็นเวลานาน เริ่มรู้สึกเหนื่อย ทั้งสองนั่งด้วยกันอย่างเงียบๆ ครู่หนึ่ง นางลูบหัวซูจิ่วซือ พูดเตือน “ได้เวลาแล้ว เจ้าควรกลับวังตะวันออก แม่เองก็ง่วงแล้ว”

 

 

ขณะนั้นอาหลานกำลังพาหมอหลวงเข้ามา ฮูหยินมู่รู้ว่าซูจิ่วซือจะทำอะไรต้องทำให้ได้ จึงยอมให้หมอหลวงตรวจ

 

 

หมอหลวงจับชีพจรอย่างละเอียด แล้วพูดอย่างนอบน้อม “ทูลพระชายารัชทายาท ฮูหยินมู่ชีพจรอ่อน เป็นตะเกียงหมดน้ำมันหมด ผู้น้อยไร้ความสามารถ ได้แต่เขียนใบสั่งยาบำรุงให้ฮูหยินมู่”

 

 

แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว พอได้ยินจริงๆ ซูจิ่วซือก็ยังเสียใจ ฮูหยินมู่มาถึงขั้นนี้จริงๆ

 

 

“หมอหลิว ไม่ต้องสั่งยา มีหมอสั่งยาให้ข้าแล้ว กลับไปเถอะ!”

 

 

หมอหลิวมองซูจิ่วซือแวบหนึ่งอย่างหนักใจ พอซูจิ่วซือพยักหน้า เขาจึงคารวะแล้วออกไป

 

 

พอหมอหลิวออกไปแล้ว ฮูหยินมู่ก็เตือนอีกครั้ง “แม่ไม่เป็นไร ซือซือ เจ้ารีบกลับวังตะวันออก ขืนชักช้า ฟ้าจะมืดก่อน”

 

 

พอเห็นสีหน้าฮูหยินมู่เหนื่อยล้า ซูจิ่วซือก็เรียกป้าจางมาแล้วกำชับอย่างละเอียด จากนั้นจึงออกจากจวนตระกูลมู่

 

 

รุ่งขึ้น ซูจิ่วซือเตรียมจะไปจวนตระกูลมู่เพื่อเยี่ยมฮูหยินมู่อีก ยังไม่ทันออกไป จู่ๆ ปิงซินก็เข้ามาอย่างรีบร้อน พอเห็นซูจิ่วซือก็คุกเข่าบนพื้น พูดสีหน้าโศกเศร้า “พระชายารัชทายาท ฮูหยิน…”

 

 

ซูจิ่วซือสีหน้าสลดทันที รู้สึกสังหรณ์ใจ “ท่านแม่เป็นอะไรไป”

 

 

“ฮูหยินเสียชีวิตเช้านี้”

 

 

ซูจิ่วซือไม่ทันได้สติ นึกไม่ถึงว่าจะเร็วอย่างนี้ เมื่อวานนางเพิ่งไปเยี่ยมฮูหยินมู่ วันนี้ยังคิดจะไปปรึกษามู่อวิ๋นชางเรื่องหาหมอมายื้อชีวิตฮูหยินมู่ นึกไม่ถึงว่ายังไม่ทันเริ่ม ฮูหยินมู่ก็จากไปแล้ว

 

 

“พระชายารัชทายาทอย่าเสียใจเลย”

 

 

หมัวมัวเถียนกำลังพาสาวใช้มาได้ยินเข้าพอดี จึงพาสาวใช้คุกเข่าลง สาวใช้อื่นก็คุกเข่าลงด้วย

 

 

ซูจิ่วซือหันหลังกลับไปที่โต๊ะ นั่งลง ตั้งแต่ฟื้นชีพ คนใกล้ชิดนางจากไปคนแล้วคนเล่า นางหวัง เหลียงอิน มู่หยาง แต่ละครั้งนางต้องใช้เวลาระยะหนึ่งจึงสงบลง เวลานี้ฮูหยินมู่ซึ่งเหมือนญาติคนหนึ่งก็จากไป

 

 

“พวกเจ้าออกไปเถอะ! ข้าอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว”

 

 

ซูจิ่วซือสีหน้ายังคงหนักแน่น นางโบกมือ ให้สาวใช้ออกไป พอทุกคนออกไปแล้ว นางจึงหยิบถุงยันต์กันภัยที่ฮูหยินมู่ทำให้มากำไว้แน่น

 

 

คนเป็นแม่ช่างวาสนาน้อยจริงๆ นางมีแม่สามคน แต่ละคนจากนางไปแล้ว นางหวังกับฮูหยินมู่อยู่กับนางเพียงไม่กี่เดือน แต่มอบความรักให้นางมากมาย ทำให้นางรู้สึกอบอุ่น

 

 

แต่นางไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้ พอนึกอย่างนี้ ซูจิ่วซือรู้สึกเศร้าใจมาก

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 637 มู่ซืออวี่เข้าเมืองหลวง

 

 

ไม่รู้ว่านั่งอยู่นานเท่าไร จู่ๆ ก็มีคนเปิดประตูห้องเข้ามา ซูจิ่วซือรู้ว่าฟู่เฉินหรงกลับมาแล้ว นางพิงอกฟู่เฉินหรง น้ำเสียงสงบเจือความเหนื่อยล้า “วันนี้ทำไมกลับเร็วเสียจริง”

 

 

“เมื่อคืนเจ้าแทบไม่ได้นอน พลิกตัวกระสับกระส่าย เรื่องท่านแม่ยายข้าได้ข่าวแล้ว รู้ว่าเจ้าคงจะขังตัวเองอยู่ในห้อง เป็นอย่างนี้จริงๆ”

 

 

ฟู่เฉินหรงยืนอยู่ข้างหลังซูจิ่วซือ รวบนางมากอดไว้ในอ้อมแขน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใย แม้ซูจิ่วซือเป็นคนโหดเ**้ยม แต่กับคนที่ดีกับนางอย่างจริงใจ นางก็ดีตอบ และปกป้องพวกเขาด้วยวิธีการของตนเอง

 

 

“เดิมทีข้าจะบอกท่านแม่ว่าข้าไม่ใช่มู่ซือซือ แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้เรื่องนี้เป็นความลับตลอดกาล”

 

 

“เจ้าเป็นมู่ซือซือหรือไม่ไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ว่าท่านแม่ยายยอมรับแล้วว่าเจ้าเป็น ถือว่าได้ช่วยท่านแม่ยายให้สมปรารถนา ให้จากไปโดยไม่รู้สึกเสียดาย”

 

 

ซูจิ่วซือไม่พูดไม่จา ได้แต่เอนตัวซบอกของฟู่เฉินหรงอย่างเงียบๆ กลิ่นอายจากตัวเขา ซูจิ่วซือคุ้นเคยดี พอดมกลิ่นของเขานางก็รู้สึกสงบ

 

 

ทุกครั้งที่รู้สึกเสียใจหรือเจ็บปวด เขาจะอยู่เคียงข้างนาง และบอกนางว่า เจ้ายังมีข้า

 

 

โชคดีที่โลกนี้มีฟู่เฉินหรงที่ทำให้นางคลายความระมัดระวัง ให้นางได้พึ่งพิง ได้เผยความอ่อนแอออกมา

 

 

นางไม่ใช่เข้มแข็งหนักแน่นทุกเวลา ยังมีช่วงเวลาที่เจ็บปวด เสียใจ อยากร้องไห้ เพียงแต่ว่าต่อหน้าคนอื่นนางทำอย่างนี้ไม่ได้ มีแต่ฟู่เฉินหรงที่ทำให้นางกลับมาเป็นผู้หญิงธรรมดา

 

 

ฟู่เฉินหรงไม่พูดไม่จา อยู่กับซูจิ่วซืออย่างเงียบๆ ลูบผมนางเบาๆ พูดเสียงต่ำแต่มีพลัง “จิ่วซือ ข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้า เจ้ายังมีข้า”

 

 

“ฮื่อ”

 

 

ซูจิ่วซือหลับตา น้ำตาไหลพราก

 

 

ตั้งแต่กลับชาติมาเกิด สวรรค์มอบสิ่งที่นางคาดไม่ถึงมากมายเหลือเกิน ทั้งฟู่เฉินหรง ทั้งตระกูลมู่ ทำให้นางกลายเป็นคนที่มีเลือดมีเนื้อ

 

 

หลังจากนั้นอีกหลายวัน ซูจิ่วซือยังอารมณ์ไม่แจ่มใสนัก ฟู่เฉินหรงหาเวลามาอยู่ใกล้ชิดซูจิ่วซือเสมอ ไปร่วมพิธีศพที่จวนตระกูลมู่กับนาง จนกระทั่งหลังจากฝังศพฮูหยินมู่แล้ว ซูจิ่วซือจึงอารมณ์ดีขึ้นบ้าง

 

 

หลังจากฝังศพฮูหยินมู่ มู่ซืออวี่ก็เดินทางมาถึงตูเฉิง นางไม่ได้เข้าวังตะวันออกทันที แต่มาพักที่จวนตระกูลมู่ก่อน เลือกวันมงคลได้แล้วจึงเข้าวังตะวันออกทางประตูข้าง

 

 

พอได้ข่าวว่ามู่ซืออวี่มาถึงตูเฉิงแล้ว ซูจิ่วซืออยากพบมู่ซืออวี่ก่อน จึงเตรียมไปจวนตระกูลมู่ และพาอาหลานไปด้วย

 

 

เวลานี้มู่ซืออวี่กำลังเย็บปักอยู่ในห้อง ในมือมีสะดึง กำลังปักรูปดอกบัว นางมีฝีมือในการปักดีมาก ฝีเข็มละเอียด ก้มหน้าปักอย่างจริงจัง

 

 

ข้างตัวนางมีสาวใช้หน้ารูปไข่ยืนอยู่ ท่าทางร้ายกาจ ชื่อหรงเอ๋อร์เป็นสาวใช้ใกล้ชิด

 

 

“เรือนหวนคะนึงว่างอยู่ นายใหญ่ควรจะให้คุณหนูอยู่เรือนหวนคะนึง ถึงจะพักไม่กี่วัน ก็ไม่ควรเพิกเฉย อย่างน้อยคุณหนูก็จะเข้าวังตะวันออก พอรัชทายาทขึ้นครองราชย์ คุณหนูก็ได้เป็นพระชายารอง”

 

 

ความเอาใจใส่เวลานี้ หรงเอ๋อร์ไม่พอใจมาก รู้สึกว่าทำให้คุณหนูลำบาก อนาคตไม่มีใครรู้ หากได้เข้าประตูวังในตะวันออก ก็มีโอกาสที่จะได้พระโอรส

 

 

“หรงเอ๋อร์ นั่นเป็นห้องของพระชายารัชทายาท ลุงใหญ่เก็บไว้ให้พระชายารัชทายาทก็สมควร เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหลต่อหน้าคนอื่น”