ตอนที่ 803

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หลิงฮันเคยปะทะกับเซียนหยู่สื่อเหยียนมาก่อน

ซึ่งเจตจำนงของอีกฝ่ายได้ส่งผลกระทบทำให้เขาสัมผัสถึงแก่นแท้แห่งดาบได้อย่างเรือนราง แต่การที่เท้าของเขาจะข้ามไปให้ถึงแก่นแท้แห่งดาบได้นั้นบงาทีอาจจะเป็นอีกไม่กี่วัน ไม่กี่ปี บางทีอาจจะเป็นร้อยปีหรือไม่อาจจะสามารถก้าวไปถึงได้ในช่วงชีวิตนี้เลย

กลิ่นอายของราชันเห็บน่าสะพรึงกลัวมาก มันอาจเทียบได้กับกลิ่นอายของราชันซากศพสิบห้าตา ถ้าปะทะกันซึ่งๆหน้าหลิงฮันคงจะถูกมันสังหารนับร้อยครั้ง แต่นี่เป็นเพียงกลิ่นอายที่หลงเหลือไว้ของระดับทลายมิติเท่านั้น

‘ต้องก้าวผ่านขีดจำกัดและบรรลุแก่นแท้แห่งดาบ!’ หลิงฮันกล่าวในใจ

‘อั่ก’ ปากของเขาสำลักโลหิตออกมา ภายใต้แรงกดดันของตัวตนระดับทลายมิติเขาจะมีสภาพปกติได้อย่างไร?

แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ก็ไม่อาจต้านทานกลิ่นอายของตัวตนระดับทลายมิติได้เป็นเวลานาน

‘แกร่ก แกร่ก แกร่ก’ กระดูกในร่างของหลิงฮันแตกหักและร่างกายเริ่มบิดเบี้ยวเป็นรูปทรงที่แปลกประหลาด

เขากำลังจะตาย!

หลิงฮันสัมผัสได้ถึงภัยอันตราย เขารีบใช้งานหยดวารีอมตะทันที ภายในพริบตาร่างของเขาก็คืนสภาพกลับมาเหมือนเดิม เพียงแต่ว่ากลิ่นอายของตัวตนระดับทลายมิติรอบด้านก็ยังไม่หายไป

ผ่านไปไม่นานอำนาจของหยดวารีอมตะก็สิ้นสุดลง ร่างของเขาจึงเริ่มแหลกสลายอีกครั้ง

นี่เขายังไม่สามารถรู้แจ้งถึงแก่นแท้แห่งดาบได้อีก?

หลิงฮันเริ่มทำใจให้สงบ เมื่อครู่เขารีบร้อนเกินไป! วิถีแห่งวรยุทธไม่มีสิ่งใดสามารถเร่งเร้าได้ โดยเฉพาะภายใต้แรงกดดันของตัวตนระดับทลายมิติเช่นนี้

หลิงฮันสงบจิตและเลิกคิดถึงแก่นแท้แห่งดาบ เขามุ่งมั่นไปยังการต่อต้านแรงกดดันของตัวตนระดับทลายมิติเท่านั้น

‘แกรก แกรก’ บาดแผลมากมายบนร่างของเขาปริแตกจนโลหิตไหลทะลัก

‘ตุบ ตุบ ตุบ’ หลิงฮันเดินหน้าด้วยฝีเท้าที่มั่นคง

โลหิตและเหงื่อของเขาไหลไม่หยุด แต่แววตาและจิตใจของเขายังคงร้อนแรงและเต็มไปด้วยความมั่นใจ ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถก้าวสู่แก่นแท้แห่งดาบได้รึไม่ แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือการต่อต้านแรงกดดันของกลิ่นอายระดับทลายมิติ

หลิงฮันเดินไปด้านหน้า เขาเริ่มเข้าใกล้ศิลาโลหิตมังกรขึ้นเรื่อยๆ

‘แปะ’ ในที่สุดเขาก็เดินเข้าใกล้จนสัมผัสศิลาได้แล้ว

ความรู้สึกยินดีเกิดขึ้นในจิตใจของเขา แต่ในตอนนั้นเอง หลิงฮันก็รู้สึกราวกับว่าตัวเขาได้ปลดโซ่บ่วงที่รัดขีดจำกัดของเขาเอาไว้ ความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้และเจตจำนพแห่งดาบนับไม่ถ้วนทะลักผ่านเข้ามาในจิตใจของเขา

แก่นแท้แห่งดาบ!

เขาชะงักไปชั่วขณะก่อนจะกลับมามีสติอีกครั้ง

ในก้าวสุดท้ายของการต่อต้านแรงกดดัน เขาสามารถบรรลุถึงแก่งแท้แห่งดาบได้

เมื่อรู้แจ้งถึงแก่นแท้แห่งดาบแล้ว การเคลื่อนไหวในแรงกดดันของเขาก็ไม่ถูกจำกัดอีกต่อไป จิตใจและวิญญาณของเขานั้นรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ราวกับปลาที่หลุดออกจากแห เขายื่นมือออกไปคว้าศิลาโลหิตมังกรและเก็บเข้าไปในหอคอยทมิฬ

ได้มาแล้ว!

เขาหันหลังและเริ่มเดินออกจากพื้นที่ที่มีแรงกดดัน

ตอนนี้เขาไม่รู้สึกถึงความยากลำบากในการเดินอีกต่อไป เมื่อมีแก่นแท้แห่งดาบเป็นสิ่งคุ้มกัน จิตวิญญาณของเขาก็มั่นคงยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นกลิ่นอายของตัวตนระดับทลายมิติก็ยังทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี เพราะอย่างไรหลิงฮันก็เพิ่งบรรลุเพียงแก่นแท้แห่งดาบขั้นต้น

ผ่านไปไม่นานเขาก็เดินออกมาจากพื้นที่แรงกดดัน กายาเพชรทำงานทันที ทั้งกระดูกและผิวหนังที่ปริแตกของเขาถูกฟื้นฟูในพริบตา เขานำชุดใหม่จากหอคอยทมิฬมาเปลี่ยนทำให้ดูราวกับว่าไม่มีความเสียหายใดๆเกิดขึ้นกับเขาแม้แต่น้อย

“มอบศิลาโลหิตมังกรมาแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!” ทันใดนั้นเองเขาก็เห็นชายหนุ่มห้าคนและสตรีเดินออกมาจากซอกหินสีแดงและมองมาที่เขาด้วยสายตากระหาย

ไม่น่าเชื่อว่าหลิงฮันจะไม่รู้สึกตัว!

หลิงฮันชะงักในใจ ก่อนหน้านี้เขาเพ่งสมาธิทั้งหมดไปกับการรู้แจ้งแก่งแท้แห่งดาบ ดังนั้นเขาจึงเมินเฉยต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบไปโดยสิ้นเชิงและไม่รู้สึกถึงตัวตนของคนห้าคน

ถ้าเกิดทั้งห้าคนนี้ดันเป็นฉือชิ่วเหรินล่ะก็ เขาจะไม่ถูกลอบโจมตีไปแล้วรึ?

เมื่อเห็นว่าหลิงฮันไม่สนใจ คนทั้งห้าคนก็กลายเป็นโกรธเกรี้ยว

ชายหนุ่มสวมชุดคลุมเดินออกมาและคำราม “เผ่ามนุษย์ ข้ากำลังพูดอยู่กับเจ้านะ!”

หลิงฮันเลิกครุ่นคิดและกล่าว “ศิลาโลหิตมันกรคือผลเก็บเกี่ยวของข้า ทำไมข้าต้องมอบให้เจ้าด้วย? ถ้าพวกเจ้าต้องการก็ไปหาเอง ตอนนี้ข้ากำลังอารมณ์ดี เจ้าอย่ามาทำลายบรรยากาศของข้าดีกว่า”

“ฮ่าๆๆๆ!” รุ่นเยาว์ผู้นั้นหัวเราะ “ช่างน่าขัน ข้าไม่นึกเลยว่าเผ่ามนุษย์จะกล้าพูดอะไรเช่นนี้ออกมา! เจ้ารู้รึไม่ว่าข้าเป็นใคร?”

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “แน่นอนว่าข้ารู้”

หลิงฮันชี้ไปที่พวกเขาแต่ละคน “เจ้าคือแมว เจ้าคือสุนัข เจ้าคือวัว เจ้าคือหมู ส่วนเขาคือแกะ”

รุ่นเยาว์ผู้นั้นทนไม่ไหวและคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “ข้าคือโม่หยวนหมิง อัจฉริยะของตระกูลโม่แห่งมหาสมุทรตะวันตก!”

“โอ้ เจ้าชื่อโม่หยวนหมิงนี่เอง ข้าคิดว่าเจ้าเป็นสุนัขเสียอีก” หลิงฮันพยักหน้า

รุ่นเยาว์ชุดม่วงอีกคนเค้นเสียงเย็นชาและกล่าว “ไม่ต้องมัวเสียเวลาพูดแล้ว สังหารเขาและนำศิลาโลหิตมังกรมา”

“ขอรับพี่ใหญ่เชิ่งซิน!” รุ่นเยาว์อีกสี่คนกล่าวตอบอย่างเชื่อฟัง

ถึงแม้รุ่นเยาว์ทั้งห้าจะเป็นอัจริยะแห่งยุคของตระกูลโม่ แต่ไม่มีใครสามารถทัดเทียมกับโม่เชิ่งซินได้ เพราะโม่เชิ่งซินคืออัจฉริยะในรอบพันปีหรือบางทีอาจจะหมื่นปีด้วยซ้ำของตระกูลโม่ สายเลือดของเขาบริสุทธเป็นอย่างมาก มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะบรรลุระดับทลายมิติก่อนช่วงอายุห้าสิบปี

โม่หยวนหมิงและอีกสามคนลงมือเขยิบมาโอบล้อมหลิงฮันรอบด้าน มีเพียงโม่เชิ่งซินเท่านั้นที่พาดมือยืนอย่างนิ่งเฉย

สำหรับเผ่าใต้สมุทรที่มีความยภาคภูมิใจในเกียรติสูง การจัดการเผ่ามนุษย์คนเดียวพร้อมกับสี่คนนั้นถือเป็นเรื่องที่นับว่าเกินไปแล้ว เพราะอย่างไรกลิ่นอายของหลิงฮันก็เป็นแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเท่านั้น ซึ่งรุ่นเยาว์สี่คนมีคนหนึ่งที่เป็นถึงจอมยุทธระดับสวรรค์ขั้นต่ำ

“นี่คือโอกาสสุดท้าย มอบศิลาโลหิตมังกรมาไม่เช่นนั้น…”

“ตาย!”