กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 989

เห็นเพียงจักรพรรดินีหัวเราะออกมาอย่างเฉยเมย

“ข้าคือ เทวดา ใครจะมายิ่งใหญ่ไปกว่าข้าได้”

พิธีบวงสรวงฟ้าดิน….หากไม่กราบไหว้ฟ้าดินแล้วจะต้องทำอย่างไร?

“เจ้า ไปทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินงาน”

“ฝ่าบาท……ฝ่าบาท ข้าน้อย…..ข้าน้อยทำไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“เรื่องแค่นี้เจ้าก็ทำไม่ได้ เช่นนั้นข้าจะมีพวกเจ้าไว้เพื่ออะไร ลากตัวไปตัดหัวทิ้ง”

เหวินเส่าอี๋ขมวดคิ้วและกล่าวออกมา “ฝ่าบาทชอบให้งานเฉลิมฉลองเต็มไปด้วยเลือด แต่ขอโทษด้วยที่กระหม่อมไม่ชอบ หากฝ่าบาทยังคงฆ่าคนเพื่อความสนุกเช่นนี้ เช่นนั้นการแต่งงานในครั้งนี้ กระหม่อมขอยกเลิกพ่ะย่ะค่ะ”

“ได้ยินมาว่าหนึ่งในเงื่อนไขของการได้ขึ้นครองตำแหน่งหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้านั้นคือการต้องแต่งงานกับข้า เจ้ายอมสละตำแหน่งหัวหน้าเผ่าอย่างนั้นหรือ?”

“อำนาจชื่อเสียงและตำแหน่งเป็นเรื่องสมมุติทั้งสิ้น เหตุใดกระหม่อมจะสละไม่ได้?”

“เจ้ายอมสละตำแหน่งหัวหน้าเผ่า เช่นนั้นหมายความว่าเจ้ายอมสละดวงวิญญาณของกู้ชูหน่วนงั้นหรือ?”

เหวินเส่าอี๋แสดงท่าทางแน่นิ่งตลอดเวลา ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดนี้จักรพรรดินีก็อดตัวสั่นไม่ได้

“ฝ่าบาทรู้ได้อย่างไรว่าดวงวิญญาณนั้นเป็นของนาง?”

“เจ้าอยากรู้หรือ?”

เหวินเส่าอี๋ไม่พูดอะไร

ทว่าในใจของเขากลับตื่นเต้นอย่างมาก

นอกจากพวกเขาแล้ว ดินแดนวิญญาณเยือกแข็งแห่งนี้รู้ได้อย่างไรว่านางมีตัวตนอยู่จริง?

หรือว่า……

นางเป็นคนของดินแดนเยี่ยอวี่?

ไม่น่าใช่

จักรพรรดินีขยับเข้ามาใกล้เหวินเส่าอี๋และทำให้เหวินเส่าอี๋รู้สึกรังเกียจขึ้นอีกครั้ง

“เจ้าอยากรู้ แต่ข้าไม่มีทางบอกเจ้าหรอก ฮ่าๆๆ…..”

จักรพรรดินีได้กระทำการตามความต้องการของตัวเองและสังหารผู้บริสุทธิ์อย่างไม่เลือกหน้า

ทำให้เหวินเส่าอี๋มีความคิดอยากกำจัดนางแวบขึ้นมาในหัว

เมื่อเห็นว่าผู้ดำเนินงานคนใหม่ไม่กล้าให้กราบไหว้ฟ้าดิน จากนั้นจึงสั่งให้บ่าวสาวแสดงความเคารพต่อกัน ทว่าเหวินเส่าอี๋กลับไม่ยอม

“ตั้งแต่สมัยโบราณมา สินสอดทองหมั้นจะนำมามอบให้ก่อนที่จะมีพิธีการแต่งงาน และมีเขียนระบุไว้อย่างชัดเจนว่าจะมอบดวงวิญญาณให้เป็นสินสอด ตอนนี้ก็ได้เริ่มทำพิธีแต่งงานแล้ว ทว่าฝ่าบาทกลับไม่ยอมนำสินสอดออกมา แม้ว่ากระหม่อมจะไม่สูงส่งเท่าฝ่าบาท แต่ก็รู้ว่าสินสอดนี้ไม่อาจยกเลิกหรือละทิ้งได้ หากวันนี้ฝ่าบาทไม่นำสินสอดที่เหลือมามอบให้ เช่นนั้นก็ยกโทษให้กระหม่อมด้วยที่ไม่อาจแต่งงานกับฝ่าบาทได้”

ทุกคนต่างพากันตกตะลึงอย่างมาก

พระสวามีช่างมีความกล้าหาญยิ่งนัก

ฝ่าบาทเพิ่งจะสั่งฆ่าคนไปเป็นจำนวนมาก เขาไม่กลัวบ้างเลยหรือ?

เขากลับกล้าบอกให้ฝ่าบาทนำสินสอดที่เหลือออกมาต่อหน้าทุกคน

จักรพรรดินีถือเป็นผู้มีเกียรติและสูงส่งอย่างมาก ตราบใดที่นางยังไม่ถูกโค่นล้ม นางก็จะยังคงเป็นผู้นำของรัฐปิงต่อไป เหตุใดพระสวามีถึงกล้าพูดกับฝ่าบาทเช่นนี้

มีเพียงคนของเผ่าเพลิงฟ้าเท่านั้นที่ไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น

จากความสามารถของเผ่าเพลิงฟ้าแล้วนั้น ต่อให้พวกเขาต้องการทำลายรัฐปิงทั้งหมดก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ฉะนั้นพวกเขาจึงไม่เกรงกลัวจักรพรรดินี

“หากข้าไม่นำออกมาล่ะ”

“ฝ่าบาทเป็นถึงผู้นำของรัฐ เพียงแค่สินสอดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ฝ่าบาทคงไม่คิดเล็กคิดน้อยถือความอะไร และคงไม่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ หรือหากฝ่าบาทไม่อยากมอบให้จริง กระหม่อมก็ไม่มีทางอื่น เพียงแต่กระหม่อมเป็นคนรักษาคำพูด หากสินสอดมีไม่ครบ เช่นนั้นกระหม่อมก็ไม่มีทางที่จะแต่งงานกับฝ่าบาทได้”

“เจ้ากำลังข่มขู่ข้าอย่างนั้นหรือ”

“กระหม่อมเป็นเพียงผู้น้อย กระหม่อมจะกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร”

ทั้งสองจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร

“ไม่กล้า…. ข้าว่าเจ้ากล้าออกจะตายไป หากเจ้าไม่ทำการปรนนิบัติข้าอย่างดี เช่นนั้นเจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้ครอบครองดวงวิญญาณนั้นเลย”

“หากฝ่าบาทไม่นำสินสอดมามอบให้ แม้กระหม่อมต้องตาย กระหม่อมก็ไม่มีทางยอมทำตามที่ฝ่าบาทต้องการได้”

“แค้นใหญ่ยังไม่ชำระ เจ้ากล้าที่จะตายลงอย่างนั้นหรือ?”

“ฝ่าบาทก็คอยดูว่ากระหม่อมจะกล้าหรือไม่”

บรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่างพากันแสดงสีหน้าเคร่งเครียด

พวกเขารู้เพียงว่าเมฆกำลังก่อตัวและพายุฝนกำลังจะจะตกลงมาได้ทุกเมื่อ

และหัวใจของหยางม่านก็เต้นแรง

นางกลัวว่าฝ่าบาทจะโกรธและสั่งฆ่าเหวินเส่าอี๋

แววตาของจักรพรรดินีเผยให้เห็นแสงที่เยือกเย็น “เช่นนั้นเจ้าก็ไปตายซะ”

เหวินเส่าอี๋หัวเราะ “กระหม่อมตายไป ฝ่าบาทก็จะไม่ได้ครอบครองวรยุทธ์ที่อยู่ในร่างกายของกระหม่อม”

“เจ้าช่างรู้มากเสียเหลือเกิน”

“ฝ่าบาทชมกันเกินไปแล้ว”

ทันใดนั้นจักรพรรดินีก็หัวเราะออกมาด้วยความมั่นใจเต็มร้อย

“เจ้าไม่มีทางข่มขู่ข้าได้ การที่เจ้าขึ้นครองตำแหน่งหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้าก็เพื่อระดมรวบรวมดวงวิญญาณให้ครบทั้งเจ็ดดวง เพื่อตามหาวิธีการเปิดห้วงมิติเวลาที่แตกร้าว ไม่ใช่เพื่อฆ่าล้างทำลายเผ่าอวี้เพื่อล้างแค้นให้กับพ่อของเจ้า ้างแค้นให้กับประชาชนชาวเผ่าเพลิงฟ้าที่ต้องตายลงอย่างน่าอนาถกว่าหมื่นคนหรอกหรือ? หากเจ้าตายไป ทุกสิ่งที่เจ้าทำไปจะไม่กลายเป็นภาพในกระจกสะท้อนหรอกหรือ”

บรรดาขุนนางและข้าราชบริพารของรัฐปิงต่างไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดเรื่องอะไรกัน

ทว่าคนของเผ่าเพลิงฟ้ากลับยิ่งฟังก็ยิ่งตกตะลึง

เหตุใดจักรพรรดินีถึงรู้เรื่องราวมากมายเช่นนี้?

นางเป็นใครกันแน่?

แม้แต่เหวินเส่าอี๋เองก็รู้สึกตกใจด้วยเช่นกัน

เยี่ยจิ่งหาน เซี่ยวอวี่เซวียนและมู่หน่วนคงไม่พูดกับนางมากมายขนาดนี้

ฝูกวงและลั่วอิ่งยิ่งไม่มีทางพูดเรื่องเหล่านี้กับนางอย่างแน่นอน

ผู้หญิงคนนี้ จะต้องเดินไปที่ดินแดนเยี่ยอวี่หรือไม่ก็มีความเกี่ยวข้องอะไรกับดินแดนเยี่ยอวี่อย่างแน่นอน

ผู้อาวุโสของเผ่าเพลิงฟ้านั่งไม่ติดและต่างลุกขึ้นเพื่อจะถามจักรพรรดินีว่ารู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร

ทว่าเหวินเส่าอี๋กลับพูดขึ้นมาก่อน

เขายังคงสง่างามเหมือนเก่า

“ในเมื่อฝ่าบาทรู้ เช่นนั้นก็ควรจะรู้ว่ากระหม่อมมีความมุ่งมั่นที่จะได้ครอบครองดวงวิญญาณนั้น การแต่งงานของเราสองคนก็ทำไปเพื่อพิธีการเท่านั้น ฝ่าบาทมอบดวงวิญญาณให้กระหม่อม เช่นนั้นเราก็ได้บรรลุข้อตกลงของการแต่งงาน หากฝ่าบาทไม่ให้ ต่อให้ฝ่าบาทเป็นจักรพรรดินี ต่อให้ฝ่าบาทมีวรยุทธ์ระดับเจ็ด เผ่าเพลิงฟ้าของเราก็ไม่มีทางเกรงกลัวอย่างแน่นอน”

ว้าว…..

บรรยากาศเป็นไปอย่างโกลาหล

ฝ่า…..ฝ่าบาทมีวรยุทธ์ระดับเจ็ด?

เป็นไปได้อย่างไร?

พระสวามีโกหกหรือเปล่า

ดวงวิญญาณ?

ดวงวิญญาณอะไร คนตายไปดวงวิญญาณก็แตกสลายไปด้วยไม่ใช่หรือ?

หรือว่าดวงวิญญาณจะยังคงอยู่?

หยางม่านรู้สึกตัวเองไร้ความสามารถ

ตัวนางเองหวังว่าจะสามารถช่วยตระกูลเหวินได้ ทว่านางกลับไม่เข้าใจในสิ่งที่ทั้งสองพูดกันเลยสักนิด

“การแต่งงานกับข้าเป็นภารกิจที่เจ้าต้องทำ และเป็นภารกิจที่เผ่าเพลิงฟ้าต้องปฏิบัติตาม”

“ฝ่าบาทก็ลองถามคนในเผ่าของกระหม่อมดูว่าภารกิจสำคัญหรือว่าชีวิตของกระหม่อมสำคัญกว่า” เหวินเส่าอี๋ชี้ไปยังกลุ่มคนของเผ่าเพลิงฟ้า

แม้ว่าการแต่งงานกับจักรพรรดินีจะเป็นภารกิจที่อดีตหัวหน้าเผ่ามอบไว้ให้ และก็เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบที่พวกเขาไม่อาจปฏิเสธได้

ทว่าหัวหน้าเผ่าของพวกเขาก็เปรียบเสมือนเทพเจ้าที่มีอยู่จริง

จากนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นกึกก้องทั่วทั้งลานพิธี “มีเพียงคำสั่งของหัวหน้าเผ่าเท่านั้นที่เราจะปฏิบัติตาม”

จักรพรรดินีหัวเราะเยาะ “ดูไปแล้วเผ่าเพลิงฟ้าก็มีแค่นี้ พวกเจ้าลืมคำสัญญาอันฮึกเหิมของสำนักงานใหญ่ไปแล้วหรือ”

รองหัวหน้าเผ่าลุกขึ้นยืนและค่อยๆ ก้มศีรษะคำนับ “ฝ่าบาท ในเมื่อดวงวิญญาณนั้นเป็นสินสอด จะให้ช้าให้เร็วก็ไม่ต่างกัน ไม่เช่นนั้นฝ่าบาทมอบสินสอดออกมาก่อนแล้วค่อยเริ่มพิธีการแต่งงานไม่ดีกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“เจ้ากำลังบีบบังคับข้างั้นหรือ?”

“ไม่ใช่อย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะ”

“วันนี้ข้าไม่มีวันมอบดวงวิญญาณให้เด็ดขาด ข้าต้องการที่จะทำพิธีแต่งงานและเข้าห้องหอกับเหวินเส่าอี๋ พวกเจ้าจะทำอะไรข้าได้?”

เหวินเส่าอี๋กวาดสายตาไปยังผู้คนที่อยู่ข้างล่างและสุดท้ายก็จับจ้องไปยังรองหัวหน้าเผ่า

“วันนี้เป็นวันที่ฝ่าบาทไม่ทำตามที่สัญญาไว้ กลับไม่ใช่กระหม่อมที่ไม่ยอมแต่งงานกับฝ่าบาท กระหม่อมเป็นคนที่ปฏิบัติตามคำพูด ทว่าฝ่าบาทกลับไม่ใช่ ได้โปรดอภัยให้กับกระหม่อมที่ไม่อาจแต่งงานได้”

รองหัวหน้าเผ่าขมวดคิ้ว

มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าหัวหน้าเผ่ากำลังคิดอะไร เพียงแค่เขาไม่ต้องการแต่งงานกับนางเท่านั้น

และตอนนี้…..

ขณะที่รองหัวหน้าเผ่ากำลังลังเลนั้น จักรพรรดินีก็ยกฝ่ามือขึ้นและตกไปที่เหวินเส่าอี๋ หากเหวินเส่าอี๋เคลื่อนไหวไม่ทัน เกรงว่าเขาคงถูกฝ่ามือจนถึงขั้นตายได้

เหวินเส่าอี๋หลบได้ทัน ทว่าผู้ที่อยู่หลังเขากลับหลบไม่ทัน ทำให้ทุกคนที่ยืนเรียงกันข้างหลังกว่าสิบคนต่างกระอักเลือดตาย