ภาคแยก | บทที่ 18 ข้าต้องการนำเด็กคนนี้ไปเลี้ยง

Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี

แม้จาเน็ตจะได้ยินข่าวนั้นแต่นางก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเป็นพิเศษ แน่นอนอยู่แล้ว จักรพรรดิไม่มีทางแต่งตั้งหญิงสาวจากตระกูลปลายแถวอย่างนางเป็นจักรพรรดินีได้ อีกทั้งนั่นยังเป็นการฝ่าฝืนกฎมณเฑียรบาลของจักรวรรดิ แต่ก็ใช่ว่าจาเน็ตจะไม่รู้สึกอิจฉาจักรพรรดินีคนใหม่ แต่อิจฉาไปแล้วจะทำอะไรได้

อย่างไรเสียนางก็เป็นจักรพรรดินีไม่ได้ และตอนนี้นางก็ได้รับอะไรมามากมายเหลือเกินแล้ว

จักรพรรดิรู้สึกละอายที่ต้องขอให้จาเน็ตเข้าใจเขา แต่จาเน็ตก็ตอบเหมือนเดิมทุกครั้งว่านางไม่เป็นไร เขาจึงไม่สามารถต้านทานเสียงเรียกร้องของเหล่าขุนนางได้และต้องแต่งตั้งจักรพรรดินีอย่างเป็นทางการ ได้ยินว่าผู้ที่ได้รับเลือกมีนามว่าอลิซา เป็นน้องสาวของดยุกออสวินผู้ทรงอำนาจที่สุดในจักรวรรดิ

“ชื่อจาเน็ตหรือคะ”

วันหนึ่งจาเน็ตและอลิซาก็ได้พบกัน และอลิซาเป็นฝ่ายทักนางก่อน ความจริงแล้วจาเน็ตรู้สึกตกใจเล็กน้อย แม้จะคาดการณ์ไว้แล้วว่าจักรพรรดินีน่าจะรู้จักนาง แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาชวนคุยเช่นนี้

หญิงสาวรีบค้อมกายตอบกลับ “เพคะ ฝ่าบาท”

“ตามสบายเถอะค่ะ จาเน็ต ได้ยินว่าเจ้าเป็นนางกำนัลที่ฝ่าบาทโปรดปรานมากที่สุด”

“…”

จาเน็ตไม่รู้ว่าควรตอบรับอย่างไรจึงได้แต่ค้อมกายเหงื่อตกอยู่อย่างนั้น อลิซายิ้มอย่างอ่อนหวานแล้วช่วยประคองให้นางเงยหน้าขึ้น จาเน็ตมองอลิซาด้วยสีหน้ามึนงง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกตัวแล้วค้อมกายลงอีกครั้ง

“หม่อมฉันมิบังอาจ…หม่อมฉันรู้ฐานะของตัวเองดีเพคะ ฝ่าบาท”

“…”

“หม่อมฉันหมายถึงหม่อมฉันไม่มีทางทำอะไรให้ระคายเบื้องพระยุคลบาทอย่างแน่นอนเพคะ”

“เราไม่ได้จะพูดถึงเรื่องนั้น…แต่ก็โล่งใจนะคะที่คนที่ฝ่าบาทรักใคร่เอ็นดูเป็นคนฉลาดเช่นนี้”

อลิซายิ้มพรายและพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “อย่างไรก็ดี ตอนนี้ผู้ที่คอยปรนนิบัติดูแลฝ่าบาทในวังหลวงก็มีแค่เรากับเจ้าสองคนเท่านั้น ดีต่อกันไว้เถอะนะคะ”

พูดจบ อลิซาก็เดินไปตามทางของนาง เหลือเพียงจาเน็ตยืนเหม่อมองแผ่นหลังของอลิซาอยู่คนเดียว

‘นึกว่าจะถูกตบเสียอีก’

เมื่อไล่เลียงดูแล้วจะพบว่าอนุภรรยาได้เข้าวังก่อนจักรพรรดินี หากจาเน็ตเป็นจักรพรรดินีคงรู้สึกหงุดหงิดกับสถานการณ์เช่นนี้เป็นแน่ แต่อลิซากลับมีปฏิกิริยาเช่นนี้หรือนี่ นางต้องมิใช่คนไม่ดีอย่างแน่นอน คิดได้ดังนั้นจาเน็ตก็เดินต่อไปตามทางของตัวเอง

***

ตอนที่จักรพรรดิพาจาเน็ตเข้าวังครั้งแรกเขาได้ให้สัญญาไว้สองประการ หนึ่งคือแม้ไม่สามารถแต่งตั้งนางเป็นจักรพรรดินีได้ แต่เขาจะทำให้นางได้อยู่อย่างสุขสบายกว่าตอนที่อยู่ตำหนักตากอากาศ และสองคือไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่ทอดทิ้งนาง

จาเน็ตไม่ใช่คนใสซื่อบริสุทธิ์จนไม่รู้ความเป็นจริงของโลก นางจึงเลือกที่จะเชื่อสัญญาข้อแรกแล้วฝังกลบสัญญาข้อที่สองไว้ในใจ แต่หลังจากอยู่ในวังมาเกือบห้าปี นางก็เริ่มคิดว่าบางทีนางอาจจะเชื่อสัญญาข้อที่สองได้ เพราะจักรพรรดิรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับนางอย่างซื่อสัตย์มาตลอด

“ท่านตั้งครรภ์ครับ”

ในที่สุด ช่วงเวลาห้าปีนั้นก็ออกดอกออกผล จาเน็ตตั้งครรภ์ลูกของจักรพรรดิ นางเอ่ยถามหมอหลวงด้วยสีหน้ายินดีปรีดาแสนบริสุทธิ์

“กี่เดือนแล้วหรือคะ”

“พอสมควรแล้วครับ น่าจะประมาณสองเดือนได้ ก่อนหน้านี้ท่านอาจไม่ได้สังเกตว่ารอบเดือนขาดไป”

นางไม่รู้เลย เดิมทีรอบเดือนของนางก็มาไม่ปกติอยู่แล้ว ทั้งยังไม่มีอาการแพ้ท้องใดๆ เด็กคนนี้สงบเสงี่ยมมาก จาเน็ตเผยยิ้มสดใสและเอ่ยขอบคุณหมอหลวง ก่อนจะลุกขึ้นเตรียมตัวจะไปตำหนักกลาง

‘ข้าท้องลูกของฝ่าบาทหรือนี่’

จากนางกำนัลต่ำต้อยในตำหนักตากอากาศที่โชคดีไปถูกตาต้องใจจักรพรรดิเข้าจนได้เข้ามาอยู่ในพระราชวัง และใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาห้าปีโดยได้รับความรักความเมตตามากมายสุดที่จะคณนา ในที่สุดนางก็มีโอกาสได้ตอบแทนสิ่งเหล่านั้นเสียที จาเน็ตมิอาจเก็บซ่อนสีหน้าปีติยินดีและก้าวเดินอย่างเร็วรี่ไปที่ตำหนักกลาง

“เลดี้อริส ฝ่าบาทประทับอยู่ข้าง…”

ตอนนั้นเองจาเน็ตก็หยุดพูดโดยอัตโนมัติเพราะได้พบกับคนคุ้นเคยเข้า หญิงสาวหยุดคิดเรื่องอื่นแล้วค้อมกายทำความเคารพอีกฝ่าย

“ถวายบังคมพระจักรพรรดินี จันทราและเกียรติภูมิแห่งจักรวรรดิ”

“…”

ทว่า อลิซากลับเอาแต่จ้องเขม็งโดยไม่พูดอะไร จาเน็ตนึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นจึงค่อยๆ ยกตัวขึ้น ตอนนั้นเองนางก็ได้ยินน้ำเสียงแหบพร่าดังมาจากด้านบน

“…เจ้าดูมีความสุขมากทีเดียว”

“เพคะ?”

“เจ้าดูมีความสุขมาก มีเรื่องอะไรดีๆ อย่างนั้นหรือ”

“ฝ่าบาท พระองค์ทรงหมายถึง…”

“ไม่ต้องมาเสแสร้ง!”

อลิซาตวาดอย่างโกรธเกรี้ยวทำเอาจาเน็ตตกตะลึง ในขณะเดียวกันนางก็เผลอเอามือกุมหน้าท้องที่ยังคงราบเรียบราวกับกลัวว่าลูกน้อยจะได้รับความกระทบกระเทือน

“ตลอดห้าปี! เจ้าได้ครอบครองความรักของฝ่าบาทไว้แต่เพียงผู้เดียว รู้สึกอย่างไรบ้างล่ะ? คงจะรู้สึกดีมากสินะ? ในขณะที่ข้าซึ่งเป็นภรรยาหลวงของพระองค์ต้องมาทนอยู่ในสภาพนี้!” อลิซายังคงตวาดอย่างดุดัน

“…”

ตลอดห้าปีที่ผ่านมา อลิซาได้ปรนนิบัติจักรพรรดิตามวันที่ระบุไว้ในกฎมณเฑียรบาลตามธรรมเนียมเท่านั้น จักรพรรดิไม่เคยไปหานางด้วยความตั้งใจของตัวเอง ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้เย็นชากับนางเสียทีเดียว เพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นถึงน้องสาวเพียงคนเดียวของดยุกออสวินผู้ซึ่งมีอำนาจมากที่สุดในจักรวรรดิและเป็นถึงมารดาของจักรวรรดิ แต่การให้เกียรติแต่ไม่ให้ความรักอย่างไรก็นับว่าเป็นปัญหาใหญ่

จาเน็ตเองก็รู้เรื่องนั้นดี อย่างน้อยนางก็รู้ว่าจิตใจที่เคยอ่อนโยนของอลิซาเหนื่อยล้ากับความเฉยชาของสามีและค่อยๆ แตกสลายลงทุกที ทั้งยังได้ยินมาว่าไม่นานนี้มีนางกำนัลในตำหนักจักรพรรดินีถูกตบหน้า จาเน็ตตัดสินใจว่าตนควรเก็บเนื้อเก็บตัวสักหน่อยน่าจะดีกว่าจึงเอ่ยขึ้น

“ขอประทานอภัยเพคะ ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เคยคิดเช่นนั้นเลยจริงๆ”

“…”

“หากหม่อมฉันทำให้ขุ่นเคืองพระทัย หม่อมฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้เพคะ เช่นนั้น หม่อมฉันทูลลา…”

หากประกายของไฟโทสะนั้นมาถูกลูกในท้องของนางเข้าจะลำบากเอาได้ จาเน็ตลืมจุดประสงค์เดิมที่มาที่นี่ไปจนหมดสิ้นแล้วรีบออกจากตรงนั้นทันที

***

“จักรพรรดิเสด็จ”

ได้ยินดังนั้น จาเน็ตซึ่งกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องพักก็ลุกพรวดขึ้นมา จักรพรรดิเข้ามาหานางด้วยรอยยิ้มเช่นเคย

“จาเน็ต”

“ฝ่าบาท มาแล้วหรือเพคะ”

“ได้ยินว่าเมื่อครู่เจ้าไปที่ตำหนักกลาง ไยจึงไม่เข้าไปเล่า”

“เอ่อ…”

จาเน็ตไม่กล้าเล่าถึงสถานการณ์นั้นจึงได้แต่อึกอักไม่ตอบคำ จู่ๆ จักรพรรดิก็เข้ามาลูบหน้าท้องของนางอย่างแผ่วเบา จาเน็ตจึงเอ่ยถามตะกุกตะกัก

“ฝะ ฝ่าบาท ทรงทำอะไรเพคะ”

“ได้ยินว่าเจ้าตั้งครรภ์แล้ว?”

“เอ่อ…”

ข่าวลือแพร่ออกไปแล้วหรือนี่… สีหน้าของจาเน็ตพลันเศร้าหมองลงทันใด แต่จักรพรรดิกลับไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้านั้น เขายังคงพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเบิกบาน

“ขอบใจนะ จาเน็ต เจ้ามีลูกคนแรกให้ข้า ข้าดีใจเหลือเกิน”

“เอ่อ ฝ่าบาท…”

จาเน็ตเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อนั้นจักรพรรดิจึงจับสังเกตอาการผิดปกติของนางได้และเอ่ยถามอย่างสงสัย

“จาเน็ต? เจ้ารู้สึกไม่ดีหรือ”

“เปล่าเพคะ ฝ่าบาท ไม่ใช่แบบนั้น…”

จาเน็ตลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปิดปากราวกับตัดสินใจได้แล้ว “ต่อไปเสด็จมาที่นี่ให้น้อยหน่อยจะเป็นการดีกว่าเพคะ”

“อะไรนะ”

“ตอนนี้หม่อมฉันตั้งครรภ์แล้วคงมิอาจปรนนิบัติฝ่าบาทได้เหมือนแต่ก่อน อีกทั้งยังมี…สายตาของผู้อื่น”

“…เพราะจักรพรรดินีหรือ”

“หามิได้เพคะ ไม่ใช่แบบนั้น…”

“เมื่อครู่ข้ารู้สึกได้ ดูเหมือนเจ้าไม่คิดจะบอกความจริงกับข้า เจ้ากลัวจักรพรรดินีมากกว่าข้าหรือ? นางข่มเหงรังแกเจ้าหรือ?”

“ฝ่าบาท หม่อมฉันขอตอบด้วยความสัตย์จริงว่ามิได้เป็นเช่นนั้นเลยเพคะ”

จาเน็ตขีดเส้นแบ่งอย่างชัดเจน “หม่อมฉันเพียงแต่จะกราบทูลว่าระวังไว้ไม่เสียหาย ท่านผู้นั้นกำลังเป็นกังวลที่ฝ่าบาทไม่เสด็จไปหาที่ตำหนัก ไหนเรื่องความสัมพันธ์กับดยุกออสวิน…”

“…”

“แม้ว่าเด็กคนนี้จะเป็นลูกของฝ่าบาท แต่ในเมื่อมีแม่เป็นอนุ หม่อมฉันจึงปกป้องเขาได้ไม่มากนัก หวังว่า…พระองค์จะเข้าพระทัยความรู้สึกของหม่อมฉันนะเพคะ”

“อืม ข้าเข้าใจแล้ว”

จักรพรรดิสวมกอดจาเน็ตพลางเอ่ย “ในเมื่อเจ้าตั้งครรภ์แล้วอีกไม่นานข้าจะมอบบรรดาศักดิ์ให้เจ้า หากเป็นเช่นนั้นต่อให้เป็นจักรพรรดินีก็จะมาดูแคลนเจ้ามิได้”

“…”

จาเน็ตอยู่ในอ้อมกอดของจักรพรรดิโดยไม่เอ่ยคำพูดใด

***

ไม่นาน ข่าวการตั้งครรภ์ของจาเน็ตก็แพร่สะพัดไปทั่ว และจักรพรรดิก็มอบบรรดาศักดิ์บารอนเนสให้นาง หลังจากกลายเป็นบารอนเนสอีวัวร์อย่างเป็นทางการ จาเน็ตก็คอยหลบหน้าจักรพรรดินีเท่าที่จะทำได้ นางคิดว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่ดีต่อทั้งสองฝ่าย และการตัดสินใจนั้นก็มีส่วนที่ถูกอยู่มากจริงๆ

ผ่านไปเก้าเดือนเต็ม จาเน็ตให้กำเนิดลูกชาย สำหรับนางแล้วลูกจะเป็นชายหรือหญิงล้วนไม่สำคัญ แต่คนอื่นๆ ต่างคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด จักรพรรดิดีใจมากที่ลูกคนแรกเป็นลูกชายซึ่งสามารถสืบทอดบัลลังก์ต่อจากเขาได้ ในขณะที่จักรพรรดินีรู้สึกโกรธแค้นที่จาเน็ตให้กำเนิดรัชทายาทก่อนตน แม้ลูกของจาเน็ตจะเป็นศูนย์กลางของความรู้สึกที่ขัดแย้งของใครหลายคน แต่จาเน็ตกลับปิดหูปิดตาไม่รับรู้และตั้งอกตั้งใจเลี้ยงดูลูกอย่างสงบเท่านั้น

จักรพรรดิตั้งชื่อให้ลูกชายของนางว่า ‘ลูซิโอ’ ชื่อนั้นมีความหมายว่า ‘แสงสว่าง’ เพราะเขาพูดเป็นประจำตั้งแต่ตอนที่ลูกยังอยู่ในท้องว่าอยากให้เด็กคนนี้ทำให้โลกสว่างไสวราวกับแสงสว่าง

หลังจากนั้น ในแต่ละวันก็ผ่านไปอย่างปกติสุข แต่แล้วก็เกิดปัญหาขึ้น

“จักรพรรดินีเสด็จ”

จักรพรรดินีมาหาจาเน็ตในวันหนึ่งที่อากาศแจ่มใส แม้จะรู้สึกตกใจแต่จาเน็ตก็ตั้งใจว่าจะไม่แสดงอาการใดๆ หลังจากนั้นก็สั่งให้นางกำนัลเปิดประตู อลิซาเดินเข้ามาในห้อง นางดูน่ากลัวขึ้นกว่าตอนที่พบกันครั้งสุดท้าย จาเน็ตเริ่มทักทายด้วยการคำนับ

“ถวายบังคมพระจักรพรรดินี จันทราแห่งจักรวรรดิและผู้ปกครองฝ่ายใน”

ทว่า อลิซากลับมองไปรอบๆ ห้องของจาเน็ตโดยไม่สนใจการคำนับนั้น วินาทีนั้นจาเน็ตก็ยังคงคิดถึงแต่ลูซิโอ ลูกชายของนางเท่านั้น และแล้วจักรพรรดินีก็พบลูซิโอซึ่งนอนอยู่ในเปล จาเน็ตกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก

‘นางคงไม่ได้คิดจะทำร้ายลูกข้าใช่ไหม’

ต่อให้เป็นจักรพรรดินีก็ไม่อาจทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของจักรพรรดิได้ตามอำเภอใจ สิ่งนี้เป็นการคุ้มครองความปลอดภัยขั้นต่ำที่สุดและเป็นสิ่งที่นางเชื่อมั่นโดยพื้นฐานมากที่สุด แต่อีกฝ่ายเป็นถึงน้องสาวของผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุด ทั้งยังเป็นจักรพรรดินี ไม่มีวินาทีไหนเลยที่จาเน็ตจะวางใจได้เต็มร้อย จาเน็ตได้แต่เลียริมฝีปากที่แห้งผากด้วยความกังวลใจ ทันใดนั้นจักรพรรดินีซึ่งกำลังมองดูลูซิโอด้วยสีหน้ายากจะคาดเดาก็เอ่ยปาก

“ข้าต้องการนำเด็กคนนี้ไปเลี้ยง”