ตอนที่ 1720

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,720 : สระวิญญาณ!

 

ลี่เฟิง!

 

ชื่อนี้เป็นอะไรที่คุ้นหูผู้คนในปัจจุบันนัก!

 

แม้การประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง นามลี่เฟิง พึ่งกระเดื่องเลื่องลือขึ้นมาเป็นครั้งแรก แต่หลังจากนั้นไม่เพียงแต่นามลี่เฟิงจะโด่งดังไปทั่วเขตอิทธิพลหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเท่านั้น ยังรวมไปถึงพื้นที่รอบๆอีกด้วย!

 

ตอนนี้ตราบใดที่เป็นพื้นที่ในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ขอเพียงไม่อยู่หลังเขาหรือไกลปืนเที่ยงมากไป สมควรต้องเคยได้ยินกันแล้วทั้งสิ้น!

 

กระทั่งขุมพลังกึ่งชั้น 3 ยังแห่กันประกาศยื่นข้อเสนอเชื้อเชิญลี่เฟิงไปทั่ว!

 

น่าเสียดายที่ลี่เฟิงคล้ายจะหายสาบสูญไปหลังจากการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องจบลง…ยังคล้ายจะอันตรธานหายไปจากโลกหล้า!

 

ทว่าวันนี้กลับมีคนบางคนบอกว่าเป็นสหายของลี่เฟิง!?

 

หากคนที่พูดเป็นคนธรรมดาคงไม่มีใครในที่นี้คิดจะสนใจ…

 

แต่ปัญหาก็คือคนที่พูดกลับเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่บรรลุเซียนน้อยกว่าอายุ 40 ปี! ทั้งยังน่าสงสัยว่าจะบรรลุถึงเซียนขัดเกลาขั้นกลางกระทั่งสูงกว่านั้นแล้ว…!!

 

“นี่เจ้า…เจ้ารู้จักลี่เฟิงจริงๆ? กระทั่งยังเป็นสหายของเขา?!”

 

หวางเฟยเซวียนทำตาโต ปากฉีกยิ้มกว้างเร่งกล่าวถามออกมา

 

“แล้วทำไมข้าต้องแกล้งเป็นสหายกับลี่เฟิงด้วย?”

 

ต้วนหลิงเทียนเผยยิ้มบางๆออกมาอย่างไม่ได้สนใจอะไร ทว่ารอยยิ้มบางๆเฉยเมยนี้ยามตกอยู่ในสายตาผู้คนโดยรอบกลับมีเลศนัยไม่น้อย

 

“ข้าเพียงคิดว่าพลังฝีมือของลี่เฟิงร้ายกาจดั่งปีศาจเช่นนั้น…ไฉนถึงเป็นสหายกับเจ้าได้?”

 

หวางเฟยเซวียนกระพริบดวงตากลมใสให้บรรยากาศสารทฤดู ค่อยหัวเราะออกมา

 

“พลังฝีมือลี่เฟิงร้ายกาจแล้วยังไง ไม่ใช่ว่าข้าจะอ่อนแอกว่าเสียหน่อย…”

 

ต้วนหลิงเทียนยังคงกล่าวออกด้วยรอยยิ้ม

 

“เพ้ย! พลังฝีมือของเจ้าหรือจะเทียบกับลี่เฟิงได้ เขาบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดทั้งๆที่ยังอายุมิถึง 40…อย่าได้บอกข้าเชียวว่าเจ้าก็บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดเช่นเดียวกับเขาแล้ว?”

 

กล่าวถึงท้ายประโยคหวางเฟยเซวียนก็หัวเราะออกมาเสียงใส

 

รอยยิ้มของนางนับว่ามากเสน่ห์ไม่น้อย ทุกสิ่งรอบกลายคล้ายจะหมองลงหลายส่วน ต้วนหลิงเทียนเองก็อดไม่ได้ที่จะเหม่อมองนางไปพักหนึ่ง…

 

รูปร่างหน้าตาของหวางเฟยเซวียนนั้นงดงามสมบูรณ์ เทียบกันแล้วไม่ได้ด้อยไปกว่ารูปร่างเย้ายวนปานปีศาจสาวของลี่เฟย คู่หมั้นเขาแม้แต่น้อย

 

และอาการเหม่อไปครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียน หวางเฟยเซวียนก็แลเห็นเช่นกัน ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มขึ้นมาอย่างสมใจ

 

ตอนนี้นางไม่สงสัยแล้วว่าเสน่ห์ของนางยังดีอยู่หรือไม่..เจ้าท่อนไม้ตะลึงแล้วนี่ไง!

 

“อย่าว่าแต่เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด ข้ายังไม่แม้แต่จะบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ กระทั่งเซียนขัดเกลาขั้นกลางด้วยซ้ำ…”

 

ต้วนหลิงเทียนที่กลับมารู้สึกตัว กล่าวออกด้วยรอยยิ้มเฉยชา

 

“หืม? ไม่แม้แต่จะบรรลุเซียนขั้นกลาง? เจ้าไปหลอกเด็กสามขวบเถอะ!”

 

หวางเฟยเซวียนมองต้วนหลิงเทียนด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ

 

อย่างไรก็ตามสีหน้าเหยเกนี้ยามมาอยู่บนรูปโฉมงามหมดจด พาลให้เหมือนเจ้าหญิงที่กำลังแง่งอนอยู่บ้าง ไม่นานหวางเฟยเซวียนก็คล้ายรู้ตัวว่าทำสีหน้าไม่เหมาะสม เมื่อรู้สึกตัวก็แสร้งทำหน้านิ่งทันที

 

“ไม่เชื่อก็เรื่องของเจ้า…”

 

เมื่อเห็นหวางเฟยเซวียนไม่เชื่อคำที่เขาพูด ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ยักไหล่ผายมืออย่างช่วยไม่ได้ “ถึงแม้พลังฝึกปรือข้าจะด้อยกว่า แต่พลังฝีมือข้าก็เทียบเท่าลี่เฟิง…อันที่จริงด้วยพลังของข้าตอนนี้คิดเอาชนะลี่เฟิงก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร”

 

วาจานี้ของต้วนหลิงเทียนย่อมดังเข้าหูทุกคน ไม่เว้นกระทั่งรองจ้าววังนภา เซียวยี่

 

ยังดีที่เสียงของต้วนหลิงเทียนดังให้ได้ยินกันแค่คนของวังนภา หาไม่แล้วหากคนของอีก 3 วังที่เหลือได้ยินวาจานี้ของเขาล่ะก็ น่ากลัวว่าต้วนหลิงเทียนคงถูกผู้คนกล่าวเย้ยหยันแดกดันแน่แล้ว

 

ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่คิ้วของเซียวยี่พลันยกขึ้นขมวดเป็นปม

 

‘ยังไม่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นกลาง แต่พลังความแข็งแกร่งเหนือลี่เฟิง? หลิงเทียนผู้นี้ศักยภาพพรสวรรค์ยอดเยี่ยม แต่ที่แท้กลับชมชอบอวดโอ่เช่นนี้…ช่างเถอะจะอย่างไรก็อยู่ต่อหน้าสตรีน่ารัก อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็เหลวไหลเกินจริงเกินไป หวางเฟยเซวียนไหนเลยจะโง่งมถึงขั้นหลงเชื่อ’

 

ในฐานะรองจ้าววังนภา เซียวยี่ย่อมมองพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนออก และเข้าใจว่าไฉนถึงกล่าวออกมาแบบนี้ จึงไม่คิดว่าวาจาดังกล่าวจะจริงจังอะไร

 

หากไม่แม้แต่จะบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นกลาง ไฉนถึงได้ทานทนรับพลังกดดันไร้สภาพได้ง่ายดายเพียงนั้น?

 

ต้องทราบด้วยว่าพลังกดดันไร้สภาพดังกล่าว เป็นมันที่เร่งเร้าลงไปกดดันด้วยตัวเอง เว้นเสียแต่จะเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลาง หาไม่แล้วคงไม่อาจทนจนจบโดยที่ยังนิ่งเฉยแบบนั้นได้

 

ดังนั้นมันแทบจะสรุปได้ทันทีว่าพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียนต้องเหนือกว่าเซียนขัดเกลาขั้นกลางแน่!

 

สำหรับวาจาที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวว่ายังไม่แม้แต่จะบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นกลาง มันย่อมไม่เชื่อสักกะผีกเดียว!

 

เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวว่าเป็นสหายกับลี่เฟิง มันเพียงฟังหูไว้หู…แต่ในใจมันก็เอนไปทางต้วนหลิงเทียนสมควรกล่าวโม้อวดหญิงมากกว่า

 

เหตุผลที่เซียวยี่คิดแบบนี้ เพราะมันไม่รู้จักต้วนหลิงเทียน

 

พลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ ไม่เพียงยังไม่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นกลาง แต่ยังขาดอีกเล็กน้อยถึงจะบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นต้น และถึงจะขาดอีกเล็กน้อยทว่าก็จำต้องใช้เวลาพอสมควร ยังต้องสบโอกาสเหมาะอีกด้วยถึงจะทะลวงผ่านได้

 

อย่างไรก็ตามแม้พลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนจะไม่สูง แต่ความแข็วแกร่งก็ไม่ได้ธรรมดาเลย นั่นเป็นเพราะปราณสุริยันแรกกำเนิด!

 

ทว่าด้วยด่านพลังเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดนี้ของเขารวมถึงร่างกายที่แข็งแกร่งไม่ต่างสัตว์ร้าย เรียกว่าเขาแทบจะไร้เทียมทานภายใต้ขอบเขตอริยะเซียน! ถึงแม้จะไม่ได้ใช้กระบี่นิลสวรรค์ก็ตามที…!!

 

กระทั่งผู้ฝึกตนขอบเขตอริยะเซียนขั้นต้นทั่วๆไป ก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!

 

สำหรับเรื่องที่เขากล่าวว่า เขาเหนือกว่าลี่เฟิงนั้นไม่ใช่คำกล่าวเลื่อนลอยไร้แก่นสารแม้แต่น้อย

 

นั่นเพราะลี่เฟิงก็คือเขา เขาก็คือลี่เฟิง!

 

อีกทั้งลี่เฟิงที่ทุกคนรู้จัก ก็คือตัวเขาเมื่อปีที่แล้ว! และพลังฝึกปรือของเขาตอนนั้นก็แค่เซียนดั้งเดิมขั้นกลาง!!

 

ทว่าวันนี้เขาทะลวงถึงเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุด พลังความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป

 

ตอนนี้เขาอาศัยแค่ฝ่ามือเดียวก็สยบตัวเองเมื่อปีที่แล้วได้ง่ายดาย…

 

แน่นอนว่า ‘ความจริง’ ที่ต้วนหลิงเทียนกล่าว ย่อมกลายเป็นเรื่องเหลวไหลเหลือเชื่อสำหรับคนอื่นๆไปโดยปริยาย

 

“ฮึ่ย! ข้าไม่คิดเลยว่าคนที่มีศักยภาพพรสวรรค์ดีเช่นเจ้า จะเป็นตัวขี้อวดไปเสียได้!”

 

หวางเฟยเซวียนย่นจมูกพ่นลมกล่าวออกด้วยโทสะ

 

‘คนเดี๋ยวนี้นี่ก็แปลก พอข้าพูดความจริงดันไม่เชื่อซะงั้น…’

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพร้อมถอนหายใจ คล้ายเอือมระอากับเรื่องนี้จริงๆ

 

อย่างไรก็ตามเพราะวาจาที่เขากล่าวมามันเหลวไหลเกินจริงมากไปในสายตาคนอื่น กระทั่งเซียวยี่ รองจ้าววังนภา ยังไม่เชื่อเขาสักแอะ

 

“เฮ่อ…น่าเสียดายจริง ข้าล่ะหลงคิดว่าเจ้าเป็นสหายกับลี่เฟิงจริงๆเสียอีก ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นตัวขี้คุยเสียได้…”

 

หวางเฟยเซวียนเผยท่าทางผิดหวังไม่น้อย

 

“เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่เจ้าเถอะ”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบไปส่งๆ ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรอีก

 

หาไม่แล้วจะให้เขาทำอย่างไร? ให้ยอมรับว่าเขาคือลี่เฟิงงั้นหรือ?

 

“ไปกันได้แล้ว! ทั้งหมดติดตามข้าไปยังวังนภา”

 

ทันใดนั้นเซียวยี่พลันกล่าวบอก ก่อนที่จะสะบัดมือใช้พลังไร้สภาพหอบหิ้วต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆไปยังยอดเขาสูงชันที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก…วังนภาตั้งอยู่ที่นั่น

 

เมื่อเข้าใกล้ยอดเขา ต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นอาคารปลูกสร้างที่ตั้งเรียงรายกันด้านล่าง มองไกลตายังคล้ายเป็นอาคารปลูกสร้างของขุมพลังอิสระ

 

อย่างไรก็ตามที่นี่ไม่ใช่ขุมพลังอิสระ แต่เป็นหนึ่งในวังของตำหนักฟ้าลี้ลับ ขุมพลังกึ่งชั้น 3!

 

“หวังพี เจ้าพาทุกคนไปรับป้ายประจำตัวและของจำเป็นอื่นๆเถอะ อย่าลืมกล่าวแจ้งกฏเกณฑ์ข้อบังคับทั้งหลายให้ทุกคนทราบคร่าวๆด้วย”

 

เมื่อมาถึงริมผาแห่งหนึ่งบริเวณใจกลางยอดเขาตะวันออก เซียวยี่ก็กล่าวสั่งชายหนุ่มที่ติดตามมันมาตั้งแต่แรก

 

ชายหนุ่มคนนี้ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นอีกฝ่ายตั้งแต่แรกแล้ว ตอนที่รองจ้าววังทั้ง 4 ปรากฏตัวออกมา…ชายหนุ่มคนนี้ก็เป็น 1 ใน 4 ชายหนุ่มที่ติดตามรองเจ้าวังมา!

 

ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบชายหนุ่มทั้ง 4 ไม่ได้กล่าวคำใดออกมาแม้แต่คำเดียว

 

ด้านชายหนุ่มดังกล่าวพอได้ยินคำของเซียวยี่ก็เร่งขานรับทันที “ทราบแล้วท่านอาจารย์”

 

ท่านอาจารย์!

 

ต้องกล่าวเลยว่าวาจาขานรับนี้ของชายหนุ่ม ทำให้ต้วนหลิงเทียนหวางเฟยเซวียนและคนอื่นๆ ถึงกับตะลึง

 

หวังพีที่ไม่พูดไม่จามาตั้งแต่แรก ที่แท้เป็นศิษย์ของรองจ้าววังนภา?

 

“พวกเจ้าทั้ง 10 ติดตามหวังพีไปรับป้ายประจำตัวและสิ่งของจำเป็นเถอะ ส่วนเรื่องอื่นๆเดี๋ยวหวังพีจะกล่าวบอกพวกเจ้าเอง”

 

หลังจากเซียวยี่กล่าวย้ำกับทุกคนอีกรอบเสร็จแล้ว มันก็หันมามองกล่าวกับต้วนหลิงเทียน “หลิงเทียน เนื่องจากเจ้าปฏิเสธที่เจ้าเข้าร่วมกับอีก 3 วังที่เหลือ เช่นนั้นข้าก็ไม่คิดทำให้เจ้าผิดหวังในวังนภา หลังจากที่เจ้าได้รับป้ายประจำตัวกับสิ่งของจำเป็นแล้ว เจ้าจงตามหวังพีไปยังสระวิญญาณเสีย ข้าหวังว่าหลังจากเข้าไปแล้วเจ้าจะบังเกิดความก้าวหน้า”

 

สระวิญญาณ?

 

ได้ยินคำนี้ของเซียวยี่ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะงุนงง กระทั่งเผยใบหน้าว่างเปล่าออกมา

 

เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำนี้

 

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนตระหนักได้แทบจะทันที ว่าตอนนี้หวางเฟยเซวียนและคนที่เหลือกำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาอิจฉา!

 

‘บ้าจริง! ข้าลืมเรื่องสระวิญญาณไปได้ยังไงกัน โธ่เอ๊ย…หากข้าไม่เข้าร่วมกับวังนภาแต่เลือกวังปฐพีไม่ก็วังลี้ลับ ข้าต้องได้เป็นคนเข้าสระวิญญาณของพวกมันแน่นอน! ถึงจะเทียบไม่ได้กับที่นี่แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ท่าทางข้าจะไม่มีวาสนากับสระวิญญาณแล้ว…’

 

ตอนนี้เองหวางเฟยเซวียนรู้สึกผิดหวังในใจไม่น้อย นางได้แต่ถลึงตามองต้วนหลิงเทียนเขม็ง

 

ในสายตาของนางทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าท่อนไม้หลิงเทียนผู้นี้คนเดียว! หากตอนแรกอีกฝ่ายไม่เมินเฉยเสน่ห์ของนาง นางคงไม่บ้าจี้ตามอีกฝ่ายมาเข้าร่วมวังนภาหรอก!

 

ยังดีที่ต้วนหลิงเทียนไม่รู้ความคิดในหัวของหวางเฟยเซวียน หาไม่แล้วเขาคงต้องรู้สึกเอือมระอากับความสิ้นคิดของนางแน่นอน นับว่านางตื้นเขินเกินไปแล้วจริงๆ

 

หลังกล่าวบอกต้วนหลิงเทียนจบคำ เซี่ยวยี่ก็จากไปทันที

 

“ศิษย์พี่หวังพี…สระวิญญาณที่ว่ามันคืออะไรเหรอ?”

 

หลังจากเซียวยี่จากไป ต้วนหลิงเทียนก็มองถามหวังพี

 

หวังพีแม้จะอยู่ในรูปลักษณ์ชายหนุ่ม แต่ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เยาว์วัยอีกต่อไป

 

ยิ่งไปกว่านั้นทั่วร่างของหวังพียังแผ่กลิ่นอายพลังขอบเขตอริยะเซียนออกมา นั่นหมายความว่าหวังพีสมควรบรรลุถึงขอบเขตพลังอริยะเซียนแน่นอนแล้ว…

 

“เจ้ามิรู้จักสระวิญญาณงั้นเหรอ?”

 

หวังพีที่แต่เดิมกำลังมองต้วนหลิงเทียนด้วยความอิจฉา พอได้ยินวาจาถามไถ่ประโยคนี้ มันก็ถึงกับอึ้งไปตาปริบๆ ถึงขั้นรู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง..

 

.ชายหนุ่มเบื้องหน้าของมันกลับไม่รู้จริงๆว่าตัวเองได้รับของดีเพียงใด?

 

อีก 9 คนที่เหลือไม่เว้นหวางเฟยเซวียนก็หันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาแปลกๆ ทำราวกับพวกมันเห็นตัวประหลาดหลุดกรง…

 

นี่เจ้าเป็นคนบ้านนอก ที่พึ่งออกมาจากหลังเขารึยังไง?