ซื้อขายโบราณวัตถุ โดย Ink Stone_Fantasy
“พ่อ แค่ซื้อของไม่กี่ชิ้นเองไม่ใช่เหรอ? ไม่เห็นต้องตื่นเต้นขนาดนี้เลย?”
หลังจากกินข้าวเสร็จ เยี่ยเทียนกับพ่อก็รอในบ้าน แต่ท่าทางอยู่ไม่สุขของเยี่ยตงผิง ทำให้เยี่ยเทียนนึกขำ
“เหลวไหล ก็พ่อถือเงินสองแสนอยู่นี่นา? ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ที่พ่อทำมาตลอดทั้งปีก็สูญเปล่าน่ะสิ”
เยี่ยตงผิงมองเห็นอนาคตตลาดขายของเก่าอย่างแม่นยำ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้ดำเนินมาตรการซื้อเข้าให้มากขายออกให้น้อยมาตลอด ทุกปีต้องขายสินค้าไม่เกินสามหรือห้ารายการเพื่อให้ร้านค้าอยู่ต่อได้ แต่สินค้าดีๆ ชิ้นอื่น กลับเก็บไว้ภายในโกดัง
ขณะกำลังคิดจะสั่งสอนลูกชายอีกสักสองสามประโยค จู่ๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าถือของเยี่ยตงผิงก็ดังขึ้น เยี่ยตงผิงจึงเลิกสนใจเยี่ยเทียนแล้วรีบหยิบมือถือขึ้นมา
“อืม ได้ ผมรู้แล้ว อีกครึ่งชั่วโมงถึงแน่นอน ได้ แล้วเจอกัน!”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ เยี่ยตงผิงก็ถอนหายใจ พูดว่า “ไปเถอะ จำไว้นะ ตอนนี้พ่อของนายแซ่หู ถึงเวลาแล้วอย่าลืมล่ะ”
“ครับ ทำอย่างกับรับของผิดกฎหมาย พ่อ โทรศัพท์เครื่องนี้ซื้อมาใหม่เหรอ”
เยี่ยเทียนเบะปาก พบว่าโทรศัพท์ที่พ่อรับสายเมื่อครู่เหมือนกับของตัวเอง เพียงแต่เป็นสีเหลือง พออยู่ในมือพวกคุณปู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยเข้ากัน
นานๆ ทีเยี่ยตงผิงจะได้โอ้อวดต่อหน้าลูกชาย ชูโทรศัพท์ขึ้น พูดว่า “ระวังตัวหน่อยไม่เสียหาย ซิมนี้ก็ใช้ชั่วคราว ใช้เสร็จแล้วค่อยเอาไปทิ้ง”
“เอาเถอะ เป็นเทคนิคที่เห็นในหนังทั้งนั้นเลยนี่”
เยี่ยเทียนโจมตีพ่ออย่างไร้ปราณี เมื่อมองออกถึงเจตนาร้ายของอีกฝ่าย แล้วรีบพูดว่า “พ่อกับคนนั้นนัดกันอีกครึ่งชั่วโมงไม่ใช่เหรอ ขืนพวกเรายังไม่ออกจะไปสายแล้วนะ!”
“ไม่รู้จักสัมมาคารวะ ครั้งนี้พ่อจะยอมให้” เยี่ยตงผิงหยิบกระเป๋าใบนั้นซึ่งบรรจุไปด้วยเงินสองแสนขึ้นมา เดินออกจากเรือนสี่ประสานกับเยี่ยเทียน
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ชายสองคนยืนมองทิวทัศน์อยู่บนสะพานลอยบนถนนวงแหวนที่สาม
“พ่อ คนนั้นเชื่อถือได้แน่เหรอ? โทรศัพท์มาสั่งนู่นสั่งนี่ แล้วให้พวกเรามาสูดควันรถตรงนี้?”
เยี่ยเทียนชักอารมณ์ไม่ดีแล้ว จะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหนเชียว? ก็แค่ซื้อวัตถุโบราณที่ขุดมาจากดินเท่านั้น ต่อให้ถูกจับก็จำคุกแค่สามถึงห้าปี จำเป็นต้องทำให้โอเวอร์ขนาดนี้หรือ?
“รู้แล้วใช่ไหมว่าเงินน่ะหายาก? เงินเล็กน้อยน่ะพ่อแกหาได้ง่ายนักเหรอ?” เยี่ยตงผิงเองก็มีทีท่าวิตกกังวล หิ้วกระเป๋าเงินสองแสนเดินไปทั่ว ในใจเคร่งเครียดอย่างหนัก
“รอปีหน้าผมจะหาเงินเลี้ยงดูวัยเกษียณให้พ่อ ธุรกิจนี้ไม่ทำก็ช่างมัน โทรศัพท์พ่อดังแล้ว คนพวกนั้นคงไม่โผล่มาแล้วล่ะ เรากลับบ้านกันเถอะ……” ขณะเยี่ยเทียนกำลังพูด โทรศัพท์ของเยี่ยงตงผิงก็ดังขึ้น
“อ้าว ผมว่า เรื่องนี้เหล่าจ้าวที่ซูโจวเป็นคนแนะนำ ได้หรือไม่ได้ก็พูดมาตรงๆ ดีกว่า วกไปวนมาอ้อมโลกอย่างนี้จะแกล้งกันหรือไง?” เยี่ยตงผิงเองก็อารมณ์เสียขึ้นมา ไม่ใช่เขาสักหน่อยที่เป็นฝ่ายเข้าหาเพื่อเจรจาธุรกิจ ทำแบบนี้มันรังแกกันไม่ใช่หรือ?
“ได้ ถ้ายังไม่เจอคุณอีกล่ะก็ ไม่ต้องซื้อขายกันแล้ว!” หลังจากได้ยินอีกฝ่ายแจ้งที่อยู่ เยี่ยตงผิงก็วางสายด้วยความโกรธจนลมออกหู
……-
“โต่วเอ่อร์ตุนหน้าน้ำเงินขโมยม้าหลวง กวนอูหน้าแดงรบศึกฉางชา เตียนอุยหน้าเหลือง โจโฉหน้าขาว เตียวหุยหน้าดำร้องจุ๊……จุ๊……”
ฟังละครงิ้วเปลี่ยนหน้าปักกิ่งซึ่งดังมาจากในโทรทัศน์ หวังซุ่นที่ดื่มเบียร์พลางกินถั่วลิสง โยนเปลือกถั่วลิสงทิ้งลงในหมวกทหารใบหนึ่งที่เขาถอดออกมาจากคนตายในหลุมศพ
ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยกับคำเตือนให้ระวังตัวของอาจารย์ แต่หวังซุ่นยังไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่ง จึงหลอกล่อตาแก่สกุลหูเป็นเวลาชั่วโมงกว่าจึงยอมบอกที่อยู่กับฝ่ายตรงข้าม
ที่จริงตามเจตนาของหวังซุ่น ก็ไม่คิดจะไปที่ไหนในปักกิ่งทั้งนั้น เพราะอาจารย์บอกว่าจะซ่อนใบไม้ต้องซ่อนในป่าจึงมาเช่าห้องตรงข้ามสถานีตำรวจนี้ไม่ใช่หรือไง?
พอได้ยินเสียงออดประตูดัง หวังซุ่นก็ลุกขึ้น หลังจากลอบมองสักครู่แล้ว ก็แง้มประตูออกหน่อยหนึ่ง
“เถ้าแก่หูเหรอ?”
“ใช่ ผมเอง เถ้าแก่เจี๋ยใช่ไหม? เหล่าจ้าวจากซูโจวแนะนำผมมา!”
“ฮ่าๆ เชิญเข้ามาครับๆ ต้องขอโทษจริงๆ เถ้าแก่หูคุณก็รู้ ว่าเราทำธุรกิจวงการนี้ค่อนข้างเสี่ยง เลยจำเป็นต้องระวังตัว……”
หวังซุ่นหัวเราะออกมา เปิดประตูห้อง แต่มือซ้ายกลับพาดที่เอวด้านหลัง มีปืนพกชนิด54 บรรจุกระสุนปืนอยู่
คนกลุ่มนี้ ไม่ใช่แค่หัวขโมยธรรมดา บางครั้งอาจฆ่าคนรวยช่วยคนจน แต่แน่นอนว่าคนจนที่ว่าก็คือตัวเอง ดังนั้นเกือบทุกคนจึงล้วนมีโชคชะตาซึ่งนับว่าเป็นอาชญากรโดยแท้จริง
ก่อนหน้านั้นสองปี ตี๋หว่าง อาจารย์ของหวังซุ่นขุดหลุมศพใหญ่หลุมหนึ่งที่เหอหนาน ตอนนั้นได้รับเงินห้าแสนจากเถ้าแก่ในต้าซิ่ง และเตรียมจะส่งมอบสินค้าแล้ว
แต่ในเวลานั้นเอง มีเถ้าแก่ฮ่องกงเสนอราคาสามล้านให้กับสินค้านี้ ตี๋หว่างขายสินค้าให้กับเถ้าแก่ชาวฮ่องกงโดยไม่คิดแม้แต่น้อย และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในภายหลัง จึงใช้วิชาคาถาฆ่าเถ้าแก่ที่อยู่ในต้าซิ่งคนนั้นทิ้ง
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน คือเกิดเหตุขัดแย้งกันในแก๊งพวกเขา สาเหตุคือเหล่าปาที่เข้ากลุ่มมาเมื่อปีก่อนเกิดคิดทรยศ แอบติดต่อกับแก๊งเจียงหลงในส่านซีอย่างลับๆ เพื่อจะฮุบสินค้าล็อตนี้ของตี๋หว่าง
แต่ตี๋หว่างสังเกตได้นานแล้ว จึงวางกับดักแล้วปล่อยให้เหล่าปากระโดดเข้ามาเอง เพียงแต่ตี๋หว่างไม่คิดว่าร่างกายของเหล่าปาจะแข็งแรงมาก หลังจากถูกโจมตีด้วยพลังหยินกลับไม่ตายทันที อีกทั้งยังเสียสติคลุ้มคลั่ง กัดเหล่าซื่อที่ติดตามมาด้วยสดๆ จนขาดใจตาย
เหตุการณ์นี้ทำให้ตี๋หว่างรู้สึกไม่ค่อยดี จึงให้ลูกศิษย์ซึ่งมักใช้วิธีการอมหิตปล่อยขายสินค้าชิ้นนี้ ส่วนตัวเขากลับพาลูกน้องบินหนีไปไกล
ด้วยตี๋หว่างเจ้าเล่ห์เพทุบาย ใจบาปหยาบช้า แม้ว่าจะทำเรื่องทรยศหักหลังมาไม่น้อย แต่ก็เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีมาตลอด บวกกับความโหดเหี้ยมอำมหิตของเขา หวังซุ่นจึงให้ความเคารพเขาราวกับสิ่งศักดิ์ ไม่กล้าคิดทรยศแม้แต่น้อย
“ของทั้งหมดอยู่ที่นี่ มีทั้งหมดสิบสองชิ้น เถ้าแก่จ้าวคงบอกคุณแล้ว ส่งมาสองแสนแล้วคุณเอาไปเลย !”
แม้จะเห็นว่าด้านหลัง “เถ้าแก่หู” ยังมีเด็กหนุ่มตามมา แต่หวังซุ่นกลับไม่ได้ใส่ใจ ที่เอวก็ยังพกปืนอยู่ อย่างมากก็แค่ทำให้ปลาตายแหขาด ตอนเข้ามาสู่ในวงการ เขาก็ตระหนักในข้อนี้แล้ว
“เถ้าแก้เจี๋ย ผมดูสินค้าก่อน ได้ไหม?”
ช่องทางธุรกิจของโบราณนั้นมีมากเกินไป เยี่ยตงผิงหลายปีก่อนก็ถูกสับขาหลอกจ่ายไปแสนกว่า จนตอนนี้ถึงเพิ่งจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ แม้ทำธุรกิจครั้งนี้ลงทุนไม่มาก แต่ยังต้องระมัดระวัง
“หึๆ พูดได้ดี แต่เถ้าแก่หูก็ควรให้ผมดูของก่อนไหม?” หวังซุ่นยิ้มแสยะขึ้นมา คนหนึ่งแซ่หูคนหนึ่งแซ่เจี๋ย เห็นได้ชัดว่าต่างไม่มีใครไว้ใจใคร
“เอาให้เถ้าแก่เจี๋ยดู” เยี่ยตงผงเอียงหน้ามองลูกชาย วางท่าเป็นเถ้าแก่
“เถ้าแก่เจี๋ย เงินอยู่ในนี้หมดแล้ว!” เยี่ยเทียนรูดซิปกระเป๋าหนังออก ทันใดนั้นกองเงินหยวนก็ปรากฎต่อหน้าหวังซุ่น
“ดี เถ้าแก่หูเป็นคนตรงไปตรงมา ของพวกนี้เชิญคุณดูตามสบาย แต่มีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ผมมีธุระต้องออกไปข้างนอก!”
เมื่อเห็นธนบัตรเต็มกระเป๋า หวังซุ่นก็หรี่ตาแคบลง หากครั้งนี้ตี๋หว่างไม่สั่งให้ทำการค้าอย่างเป็นธรรม ใจเขาก็อยากจะควักปืนฆ่าสองคนนี้ทิ้งซะจริงๆ
แต่หวังซุ่นไม่รู้ว่า เวลานี้ฝ่ามือของเยี่ยเทียนจับเหรียญต้าฉีทงเป่าไว้แน่น เพียงหวังซุ่นขยับตัวเล็กน้อย เหรียญต้าฉีทงเป่านี้จะไปปรากฎสักที่ในตัวของหวังซุ่น
ตั้งแต่เข้ามาในห้องนี้ เยี่ยเทียนก็รู้สึกถึงอันตรายแผ่ออกมาจากหลังเอวของหวังซุ่น นั่นเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก มีแค่ผู้ฝึกวิชาจนแตกฉานทะลุปรุโปร่งอย่างเยี่ยเทียน จึงมีปฏิกิริยาฉับไวเช่นนี้
“สินค้าไม่เลว นี่ขุดออกมาจากหลุมสมัยราชวงศ์ฮั่นใช่ไหม” หลังจากที่นั่งยองๆ ดูตรงพื้น เยี่ยตงผิงก็เผยสีหน้าพึงพอใจออกมา
ของสิบสองชิ้นนี้รวมถึงหยกฮั่นซึ่งมีสีสันหลากหลายทั้งหมดสี่ชิ้น หมวกแม่ทัพหนึ่งชิ้น กริชทองคำหนึ่งด้าม นอกจากนี้ยังมีโคมไฟทองแดงสองดวงและกระจกทองเหลืองราชวงศ์ฮั่นซึ่งอยู่ในสภาพดี
ของล้ำค่าที่สุดในนี้ น่าจะเป็นเครื่องหยกไม่กี่ชิ้นเหล่านั้น หากเก็บไว้ในมือสักสองสามปี ลำพังหยกฮั่นไม่กี่ชิ้นก็ขายออกได้หลายแสน ดังนั้นเยี่ยตงผิงจึงพอใจในการซื้อขายสินค้าครั้งนี้มาก
หลังจากฟังเยี่ยตงผิงพูด หวังซุ่นก็ยิ้มแบบมีเลศนัยออกมา แล้วพูดว่า “หึๆ เถ้าแก่หู ของที่อยู่ตรงนี้ คุณพอใจก็พอ เอามาจากไหนไม่สำคัญหรอกใช่ไหม? ”
เยี่ยตงผิงตบหัว ยิ้มตอบว่า “ใช่ ผมพูดมากไปเอง เถ้าแก่เจี๋ย พวกเราส่งสินค้ากับเงินพร้อมกัน ดีไหม?”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เยี่ยตงผิงทำการซื้อขายโบราณวัตถุ รู้กฎระเบียบภายในดี เมื่อเห็นของแล้วจ่ายเงินหยิบไปก็พอ ถามแหล่งที่มาเป็นข้อต้องห้ามของคนอื่น
“ได้ ผมจะห่อของให้!”
เมื่อเห็นเยี่ยตงผิงตกลงรับสินค้า หวังซุ่นก็คลายการระมัดระวังมากขึ้น หยิบกระเป๋าหนังปลาขึ้นมาจากพื้น เอาเครื่องทองสำริดทั้งหมดใส่เข้าไป ส่วนหยกสองสามชิ้นนั้น กลับให้เยี่ยตงผิงพกไว้กับตัว
เยี่ยตงผิงรับถุงที่หวังซุ่นส่งมาให้ หลังจากเก็บเครื่องหยกหลากสีไม่กี่ชิ้นเสร็จแล้ว ก็พูดกับเยี่ยเทียนว่า“จ่ายเงินไป”
สำนวนที่พูดกันว่าหนูมีทางของหนู แมวก็มีทางของแมว ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะพกปืนติดตัว แต่ขอเพียงไม่ควักออกมา เยี่ยเทียนก็ไม่อยากฟื้นฝอยหาตะเข็บ จึงยื่นกระเป๋าให้ทันที
แต่ว่าขณะที่เยี่ยเทียนยื่นกระเป๋าหนังไปนั้น ทันใดตาของเขากวาดไปยังโต๊ะกาแฟที่เต็มไปเบียร์และถั่ว พอเห็นเข้า ทำให้เขาถึงกับตกตะลึง
หลังจากที่เอากระเป๋าหนังให้อีกฝ่ายแล้ว เยี่ยเทียนก็ชี้ไปที่หยกสี่ห้าชิ้นที่วางไว้บนโต๊ะกาแฟ ถามขึ้นว่า “เถ้าแก่เจี๋ย หยกพวกนั้นของคุณ ก็ขายด้วยหรือเปล่า?”
หวังซุ่นมองไปยังทิศทางที่เยี่ยเทียนชี้ ส่ายหัวพูดว่า “พวกนั้นไม่ขาย เป็นหยกใหม่ทั้งนั้น พวกคุณตาไม่ถึงหรอก”
“ไม่เข้าใจก็พูดน้อยๆ หน่อย!”
เยี่ยตงผิงไม่พอใจที่ลูกชายพูดแทรก หลังจากจ้องเยี่ยเทียนตาเขม็ง ก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เอาล่ะ เถ้าแก่เจี๋ย ครั้งหน้าหากมีสินค้าอะไรดีๆ อีก ต้องมาหาผมนะครับ”
ถึงจะพูดแบบนี้ แต่เยี่ยตงผิงก็รู้ เขากับอีกฝ่ายครั้งหน้าคงไม่มีการแลกเปลี่ยนซื้อขายกันแล้ว เพราะหลังจากออกจากประตู เขาก็จะทิ้งซิมมือถือทันที
“แน่นอนครับแน่นอน กลับดีๆ นะครับทั้งสองคน!”
ใบหน้าของหวังซุ่นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่วางมือข้างซ้ายไว้ที่หลังเอวอีกครั้ง เหตุการณ์คมเฉือนคมมักเกิดขึ้นหลังจากทำธุรกิจสำเร็จ เขาจึงจำเป็นต้องระวังตัว
แต่หวังซุ่นไม่เห็นว่า ตอนเยี่ยเทียนกำลังจะออกจากประตู นิ้วมือเด้งออก และอากาศธาตุไร้รูปไร้สีกลุ่มหนึ่งซึมก็แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายเขา