บทที่ 2069+2070

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2069 เผยไพ่ 2

เธอเล่าอย่างรวบรัด แต่เป็นระเบียบชัดเจน รายละเอียดเหมาะสมเพียงพอจะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กระจ่าง

สุ้มเสียงราบเรียบยิ่ง ไม่มีสำเนียงการปรุงแต่งเลย ทว่าในใจของตี้ฝูอีกลับเกิดคลื่นพายุโหมกระหน่ำขึ้นมาแล้ว…

….

น้ำชาค่อยๆ เย็นเฉียบลง บุปผาที่ร่วงหล่นอยู่ด้านนอกศาลาปลิวเข้ามา หมุนวนรอบกายกู้ซีจิ่วที่นั่งอยู่ตรงนั้น ร่วงลงบนอาภรณ์เธอ เรือนผมเธอ เท้าของเธอ…

เมื่อเล่าทุกอย่างออกไปแล้ว หินก้อนใหญ่ที่ถ่วงทับอยู่ในใจกู้ซีจิ่วมาโดยตลอดในที่สุดก็คล้ายว่าจะย้ายออกไปแล้ว แต่ที่ไหนสักแห่งในหัวใจกลับวูบโหวงว่างเปล่า บอกไม่ถูกว่าเป็นความรู้สึกเช่นใด

ท่าทางยามที่ตี้ฝูอีจากไปยังวูบไหวอยู่เบื้องหน้าเธอตลอด

เขาเป็นผู้ฟังที่ดีมาก ระหว่างที่เธอเล่า เขาฟังอยู่เงียบๆ ตลอด ไม่มีทีท่าจะเอ่ยขัดเลยสักนิด ปล่อยให้เธอเล่าจนจบ

หลังจากฟังเธอเล่าจบ เขาก็เอ่ยถามเธอไม่กี่ประโยค หลังจากเธอตอบครบเขาก็หันหลังจากไปเลย

“หลายปีมานี้เจ้าตามหาเขามาตลอดใช่หรือไม่?”

“ใช่ ข้าตามหาเขากว่าสองร้อยปีแล้ว ถึงแม้ข้าจะลืมเขาไปแล้ว แต่ยังคงตามหาเขาไปตามสัญชาตญาณ”

“เจ้าติดตามทำภารกิจอยู่ข้างกายข้า ก็เพื่อคืนชีพให้เขาใช่ไหม?”

“ใช่!”

“เจ้ารู้สึกว่าเป็นไปได้ว่าข้าก็คือเขาที่กลับชาติสินะ?”

“เรื่องนี้มีความเป็นไปได้จริงๆ เจ้ากับเขามีหลายสิ่งที่เหมือนกันมาก อย่างเช่นชมชอบอาภรณ์สีม่วงเช่นกัน รูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกัน…”

ถึงขั้นที่หวงถูที่เธอฝันถึงก็มีรูปโฉมเช่นเดียวกับตี้ฝูอี

แน่นอนว่าสุดท้ายกู้ซีจิ่วก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นความฝันฤดูใบไม้ผลิของเธอ…

ตี้ฝูอีฟังเธอเล่าถึงจุดเหมือนเหล่านั้นจนจบอย่างเงียบๆ แค่นหัวเราะคราหนึ่ง น้ำเสียงเจือแววถากถางอย่างบอกไม่ถูก

“เท่าที่ข้ารู้ เทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของโลกเบื้องล่างเมื่อทะลวงขั้นโบยบินสำเร็จ จะกลายเป็นซ่างเซียนของดินแดนเบื้องบน ล้วนมีบันทึกคดีความอยู่ที่ศาลสวรรค์ หากว่าไม่สำเร็จ จะดับสลายไปตลอดกาล ไม่อาจหวนคืนมาได้ ไม่สามารถกลับชาติมาเกิดยังโลกนี้ได้ เจ้าคิดว่าข้าคือเขา มิใช่คิดเออออเอาเองเกินไปหน่อยหรือ?”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า

“ข้าก็ไม่แน่ใจมากนัก ข้าไม่ได้บอกว่าเจ้าคือเขาแน่ๆ…”

“นี่คือเหตุผลที่ช่วงนี้เจ้าทำตัวห่างเหินกับข้าใช่หรือไม่?”

กู้ซีจิ่วไม่ตอบ แต่การแสดงออกของเธอคือการตอบรับโดยปริยาย

“ความหมายของเจ้าคือ ตอนนี้เจ้าจะปฏิบัติต่อข้าในฐานะเป้าหมายของภารกิจ ให้ข้าทุ่มเทฝึกฝน หากว่าสุดท้ายยืนยันได้ว่าข้าคือเขา เช่นนั้นเจ้าก็จะสานต่อวาสนาในชาติก่อนกับข้ากระมัง?”

กู้ซีจิ่วไม่ได้ปฏิเสธ เพียงพยักหน้าเล็กน้อย

ตี้ฝูอีเคาะหน้าโต๊ะเบาๆ ผ่านไปสักพักก็ยิ้มออกมา เอ่ยเสียงเนิบ

“เช่นนั้น…หากว่าข้าไม่ใช่เล่า? เช่นนั้นเจ้าจะละทิ้งข้าไปอย่างง่ายดายยิ่งสินะ?”

กู้ซีจิ่วแข็งทื่อไปเล็กน้อย สูดหายใจเบาๆ คราหนึ่ง

“เมื่อถึงเวลานั้นพวกเรายังเป็นสหายกันได้…”

“เฮอะ!”

ตี้ฝูอีเยาะหยันหนักกว่าเก่า

“เจ้าอาศัยสิ่งใดมาคิดว่าข้าต้องการเป็นสหายกับเจ้า?!”

กู้ซีจิ่วชะงักไปเล็กน้อย

“ข้าช่วยให้เจ้าบรรลุถึงชั้นซ่างเซียนได้โดยเร็ว ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นผลดีต่อเจ้ามิใช่หรือ? ไม่มีผลเสียอะไรต่อเจ้าเลย…”

“แต่เปิ่นกงไม่ต้องการ!”

ตี้ฝูอีตัดบทเธอ

กู้ซีจิ่วสูดหายใจตื้นๆ เฮือกหนึ่ง

“เช่นนั้น…เช่นนั้นก็ไม่มีหนทางแล้ว”

“ไม่มีหนทางของเจ้าก็คือ หากว่าข้าไม่ใช่เขา เจ้ากับข้าก็แยกย้ายกันไป ทางใครทางมันใช่ไหม?”

กู้ซีจิ่วขบเม้มริมฝีปากที่แห้งผาก

“จะกล่าวเช่นนั้นก็ได้”

ตี้ฝูอีจ้องมองนางอยู่พักหนึ่ง มือที่อยู่แขนเสื้อกำแน่นขึ้น แน่นขึ้นไปอีก

สายตาของเขาเฉียบคมอย่างยิ่ง กู้ซีจิ่วถูกเข้าจ้องจนหนังหัวชาหนึบแล้ว ทว่าไม่อาจถดถอยได้

การพูดความจริงเป็นการทำร้ายผู้อื่นจริงๆ ทว่าความจริงก็คือความจริง

ดีกว่าการที่เธอไปบอกทีหลัง เช่นนั้นจะทำให้เขาที่ไม่ได้เตรียมใจไว้ฟื้นตัวไม่ได้ไปตลอดกาล

————————————————————————————-

บทที่ 2070 เผยไพ่ 3

ฉวยโอกาสที่ยามนี้เขายังไม่ถลำลึกถึงเพียงนั้น ยังพอจะแก้ไขทุกอย่างได้…

ตอนนี้ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอน่าจะเป็นเพียงช่วงว้าวุ่นของเด็กชายวัยแตกหนุ่ม เมื่อชมชอบขึ้นมาจะร้อนแรงดุจกองเพลิง แต่ความรู้สึกเช่นนี้มาไว และไปไวเช่นกัน เมื่อเธอกล่าวทุกอย่างออกไปหมดแล้ว เขาจะได้เก็บความรู้สึกนี้กลับไป ไม่เจ็บปวดสาหัสจนเกินไป

“ฝูอี ตอนนี้เจ้ายังเด็ก ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องมาขบคิดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เลย ข้ารู้สึกว่าเจ้าสมควรทุ่มสมาธิไปกับการฝึกฝนวรยุทธ์…”

กู้ซีจิ่วกล้ำกลืนฝืนกล่าว เพียงแต่กล่าวยังไม่จบก็ถูกตี้ฝูอีตัดบทด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น

“เจ้าเป็นใครกัน? ข้าจะทำอะไรต้องให้เจ้ามาคอยบอกด้วยหรือ?”

กู้ซีจิ่วเงียบลง

ตี้ฝูอีมองเธอแล้วยิ้มหยัน

“กู้ซีจิ่ว เจ้าอาศัยสิ่งใดมานึกว่าข้าจะยอมเป็นตัวสำรองอย่างว่าง่าย?! ข้าขอบอกเจ้าเอาไว้ตรงนี้เลย อย่ามาพูดว่าข้าคือหวงถูอันใดนั่นกลับชาติมาเกิด ต่อให้ข้าใช่ ข้าก็ไม่ยอมรับความรู้สึกนี้ของเจ้า! ชาติก่อนคือชาติก่อน ชาตินี้คือชาตินี้ ชาตินี้ข้าคือเสินเนี่ยนโม่ และเป็นตี้ฝูอี ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหวงถูอันใดที่เจ้าชมชอบนั้นไม่เกี่ยวข้องกับข้าเลยสักนิด! เจ้าคิดจะเปลี่ยนข้าให้เป็นเขา เช่นนั้นเจ้าก็อย่าได้ฝันเลย! เจ้าตัดใจตรงนี้เสียเถอะ!”

เมื่อเขาเอ่ยวาจานี้จบ ก็สะบัดแขนเสื้อจากไป ไม่กลับมาอีก

ส่วนชาที่เธอชงให้เขา เขาก็เพิ่งจิบไปอึกเดียวเท่านั้น

ผลลัพธ์เช่นนี้ทั้งอยู่ในความคาดหมายและอยู่เหนือความคาดหมายของกู้ซีจิ่ว หัวใจคล้ายว่างเปล่าวูบโหวง เธอยืนอยู่ตรงนั้น ไม่มีความเคลื่อนไหวใดไปชั่วขณะ

สายพิรุณด้านนอกหยุดลงแล้ว อากาศเสมือนได้รับการชะล้าง

เจ้าหอยยักษ์มุดขึ้นมาจากน้ำ คลานมาอยู่ข้างกายเธอ ใช้ฝาหอยหนีบชายกระโปรงเธอ จากนั้นก็ทอดถอนใจ

 “เจ้านาย ท่านไม่ควรเล่าให้เขาฟังจนหมดเปลือกเลย แบบนี้เกรงว่าเขาคงไม่ให้ความร่วมมือแล้ว”

กู้ซีจิ่วไม่เปล่งวาจา ความจริงแล้วในใจเธอก็ทราบดีว่า ที่เจ้าหอยยักษ์พูดมามีเหตุผล เธอไม่ควรเล่าความจริงออกมาตอนนี้ แต่ควรเดี๋ยวใกล้ชิดเดี๋ยวห่างเหินกับเขาต่อไป หลอกล่อให้เขาฝึกฝนวรยุทธ์ เมื่อภารกิจเสร็จสิ้นแล้วค่อยว่ากัน

แต่ว่า…เธอรู้สึกอยู่เสมอว่าแบบนี้ไม่ยุติธรรม ยิ่งตี้ฝูอีดีต่อเธอมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งอึดอัดใจมากขึ้นเท่านั้น

ยามนี้เล่าความจริงออกไปแล้ว ในที่สุดก็ไม่อึดอัดแล้ว แต่เริ่มปวดหัวขึ้นมาแทน

เธอจะทำภารกิจนี้ต่อไปได้อย่างไร?

เธอนึกยังไม่ทันออกเลยว่าขั้นตอนต่อไปสมควรดำเนินการอย่างไรดี ไป๋เจ๋อก็มาเยือนแล้ว

ไป๋เจ๋อในชุดเสื้อคลุมสีขาวดูอ่อนโยนราวกับหยก วาจาที่เอ่ยออกมาก็อบอุ่นมากเช่นกัน

“แม่นางกู้ อาการบาดเจ็บของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ขอบคุณในความห่วงใยของแม่ทัพไป๋ หายดีแล้ว”

ยามนี้บาดแผลบนร่างกู้ซีจิ่วภาพรวมนับว่าหายดีแล้ว ส่วนที่ยังเหลืออยู่เล็กน้อยพักฟื้นอีกไม่กี่วันก็ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แล้ว

“แม่นางกู้ ตำหนักนภาลัยของเรามีกฎอยู่ ยามปกติไม่ให้คนนอกมาพักอาศัย ในครั้งนี้เพราะสถานการณ์ของแม่นางกู้เป็นกรณีพิเศษ ดังนั้นฝ่าบาทน้อยถึงได้เชิญแม่นางกู้มารักษาตัวอยู่ที่นี่หลายวัน ตอนนี้ในเมื่อแม่นางกู้หายดีแล้ว…”

วาจาท่อนหลังไป๋เจ๋อไม่ได้เอ่ยออกมาอีก แต่กู้ซีจิ่วเข้าใจแล้ว

อีกฝ่ายได้รับคำสั่งให้มาไล่แขก…

กู้ซีจิ่วสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง

“นี่คือความต้องการของฝ่าบาทน้อยของพวกท่านกระมัง?”

ไป๋เจ๋อยิ้มนิดๆ ทว่ารอยยิ้มแผ่ไปไม่ถึงดวงตา

“กฎเป็นเช่นนี้ แม่นางกู้อภัยให้ด้วยเถิด”

บทสนทนาของกู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอี ไป๋เจ่อบังเอิญได้ยินเข้า มันขุ่นเคืองแทนนายน้อยยิ่งนัก!

ไม่ง่ายเลยกว่านายน้อยจะหวั่นไหวใฝ่รัก ไม่น่าเชื่อว่าถูกผู้อื่นเห็นเป็นตัวสำรอง!

สตรีนางนี้เพื่อจะช่วยเหลือบุรุษอื่นถึงได้มาเข้าใกล้ฝ่าบาทน้อย ซ้ำยังคิดจะเปลี่ยนฝ่าบาทน้อยให้กลายเป็นคนอื่นอีก…

ฝ่าบาทน้อยของพวกเขาก็คือเสินเนี่ยนโม่ เป็นโอรสแห่งเทพมาร หาใช่เทพศักดิ์สิทธิ์ของโลกเบื้องล่างกลับชาติมาเกิดไม่!

หากพูดกันแบบยอมถอยให้แล้ว ต่อให้เขาใช่ เช่นนั้นก็ไม่มีความหมายอะไรอยู่ดี ภพชาติก่อนผ่านพ้นไปแล้ว ไม่มีความเกี่ยวข้องกับนายน้อยในชาตินี้เลยสักนิด!

……………