บทที่ 567: สิ้นหวังในโอสถเหนือสวรรค์

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

Dual Cultivation บทที่ 567: สิ้นหวังในโอสถเหนือสวรรค์

 

“ท่านต้องการที่จะเพิ่มพูนความรู้ของพวกเราในด้านการปรุงยารี” นักปรุงยาเหล่านั้นต่างพากันสบตากัน ดูเหมือนจะงุนงงกับจุดประสงค์ของเขา ในเมื่อพวกเขานั้นไม่เห็นถึงประโยชน์ใดๆจากการทําเช่นนั้น

 

“ขออภัยสําหรับการพูดอย่างตรงไปตรงมาของข้า แต่ท่านมีเจตนาอะไรในการทําเช่นนั้นที่มิได้มีประโยชน์ต่อตัวท่าน ท่านต้องการอะไรกันแน่จากทั้งหมดนี้” เจ้าซีพลันกล่าวขึ้นพร้อมกับส่งสายตาเฉียบคม ถามซูหยางถึงคําถามที่อยู่ในใจของทุกคนในขณะนี้

 

ในขณะที่มันอาจจะมีประโยชน์สําหรับนักปรุงยาในโลกนี้ที่จะได้รับความรู้เพิ่มมากขึ้น และบางทีก็อาจจะเพิ่มฝีมือให้กับพวกเขาด้วย แต่ก็เหมือนกับว่ามันไม่ได้ให้ประโยชน์ต่อซูหยาง ตามความเป็นการกระทําเช่นนั้นมีเพียงแต่จะทําให้ผลประโยชน์ของเขานั้นลดน้อยลงไป

 

ปรากฏรอยยิ้มของนักปรุงยาลึกลับขึ้นเบื้องหลังหน้ากากจากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “เจ้าพูดถูก ข้ามิได้อะไรจากการทําเช่นนี้ และไม่ได้คาดหวังที่จะได้อะไรกลับคืนมา ข้าเพียงทําตามใจปรารถนาเช่นนี้ก็เพราะว่าข้าสงสารดินแดนแห่งนี้”

 

“ท่าน… สงสารพวกเรารึ ท่านพอจะอธิบายเรื่องนี้ได้ไหม ท่านผู้อาวุโส” เจ้าซีเลิกคิ้วด้วยท่าทางงุนงงสงสัย

 

ซูหยางพยักหน้าและกล่าวด้วยเสียชัดเจนแช่มช้าว่า “เมื่อตอนที่ข้ามาถึงทวีปตะวันออกแห่งนี้ครั้งแรกและเห็นบรรดายาคุณภาพต่ำที่นี่ ข้าตกตะลึงกับการที่ว่าทําไมนักปรุงยาในที่แห่งนี้จึงขาดประสบการณ์มากเช่นนี้ ในฐานะเพื่อนนักปรุงยาข้าจึงรู้สึกสงสาร ดังนั้นข้าจึงปรารถนาที่จะแบ่งปันความรู้ของข้าบางอย่างเพื่อหวังที่จะทําให้ที่แห่งนี้เป็นที่ที่ดีขึ้นสําหรับนักปรุงยาทุกคน”

 

“ร-รอสักครู่ เมื่อตอนที่ท่าน “มาถึงเป็นครั้งแรก” ที่นี่รึ น-นั่นหมายความว่าท่านมาจากทวีปอื่นอย่างนั้นรึ” เจ้าซีถามเขาด้วยสีหน้าตกใจ

 

เพราะว่าทะเลหยกที่กั้นระหว่างทวีปแต่ละทวีปและสิ่งมีชีวิตใต้น้ำที่ทรงอํานาจที่มักจะเกรี้ยวกราดต่อเหล่ามนุษย์นั้น ทําให้ผู้คนยากที่จะเสี่ยงชีวิตในการเดินทางไปยังทวีปอื่น

 

ตามความเป็นจริง กระทั่งเจ้าซีที่เป็นหนึ่งในผู้ฝึกยุทธที่ทรงพลังที่สุดในทวีปตะวันออกก็ยังไม่เคยไปที่ทวีปอื่น มีเพียงแต่พ่อของเขา ซีหวัง ที่มีประสบการณ์ในการเดินทางไปยังทวีปอื่น

 

เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของเจ้าซี ซูหยางก็พยักหน้าและกล่าวขึ้นว่า “ข้ามาจากสถานที่ซึ่งพวกเจ้าอ้างว่าเป็น “ทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง”

 

“อะไรนะ ทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง”

 

เหล่าบรรดาจอมยุทธต่างพากันผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจ รวมไปถึงเจ้าซีด้วย

 

“นั่นหมายความว่าทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางมีจริงๆ ข้าเคยคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ตํานาน”

 

“ไม่น่าเชื่อ นี่สามารถอธิบายได้ว่าทําไมฝีมือของเขาจึงกว้างขวางเหนือกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบกับพวกเรา ราวกับพ้นโลกนี้ไปแล้ว”

 

เหล่าจอมยุทธต่างมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

 

“ท-ท่านมาจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางจริงๆ ท่านผู้อาวุโส” เจ้าซีถามเขาเพื่อยืนยัน

 

ซูหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “ถ้าเจ้ามเชื่อข้า ทําไมมิให้ข้าเล่าให้พวกเจ้าฟังสักเล็กน้อยเกี่ยวกับทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางล่ะ”

 

จากนั้นซูหยางก็ทําการนึกไปถึงประสบการณ์ของตนเองที่ทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง ส่วนใหญ่แล้วเขาก็จะพูดถึงสํานักเก่าแก่ทั้งสาม

 

“ตามความเป็นจริงแล้ว ข้าวางแผนที่จะกลับไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางในเร็วๆนี้ เมื่อตอนนั้นมาถึง ข้ามถือหากจะพาใครสักคนไปด้วย”

 

เมื่อผู้คนที่นั่นได้ยินคําพูดของซูหยาง พวกเขาล้วนพากันจ้องมองเขาอย่างเงียบงัน ก่อนที่จะระเบิดเสียงคํารามลั่นออกมากระหมสถานที่แห่งนั้น

 

ในเวลาต่อมา เจ้าซีก็กล่าวขึ้นว่า “ข้าจักถือเป็นเกียรติอย่างสูงหากว่าข้าได้ไปประจักษ์ถึงทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางก่อนที่ข้าจะตาย แต่ท่านวางแผนอย่างไรในการที่จะพาพวกเราไปที่แห่งนั้น ทะเลหยก… มันเป็นเรื่องเสี่ยงเกินไป”

 

“แน่นอนเมื่อข้ามีวิธีที่จะมาที่นี่ได้อย่างปลอดภัย ข้าก็ย่อมจักต้องมีวิธีที่จะคืนกลับไปอย่างปลอดภัยเช่นกัน อย่างไรก็ตามข้ามต้องการที่จะทําลายความสนุก ดังนั้นข้าจึงมิตอบคําถามอะไรมากไปกว่านี้” ซูหยางตอบ

 

สองสามอึดใจให้หลังเขากล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตามข้ามิได้จัดชุมนุมพวกเจ้าทั้งหลายที่นี่ในวันนี้เพื่อที่จะพูดถึงเกี่ยวกับทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง”

 

สายตาที่แหลมคมของเขาพลันกวาดไปทั่วทุกที่ และเขาก็พูดด้วยเสียงจริงจังว่า “โอสถสู่ปฐพีที่ข้าได้เปิดเผยไปก่อนหน้านั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นการแนะนําเม็ดยาที่เหลือ”

 

จากนั้นเขาก็สะบัดชายเสื้อ จนทําให้เม็ดยาอีกสี่ตัวปรากฏตัวลอยขึ้นมาต่อหน้าผู้ชม และเขาก็ได้พูดต่อไปอีกว่า “ ข้าได้มีตัวยาอยู่กับข้าที่นี่อีกสี่ชนิดที่จะทําให้โอสถสู่ปฐพีกลายเป็นตัวยาที่ต่ำต้อยไป”

 

“เริ่มจากด้านซ้าย ข้ามีโอสถรวมปราณ โอสถร้อยทิวา โอสถคืนสวรรค์พิภพ และสุดท้ายโอสถเหนือสวรรค์”

 

ซูหยางทําการอธิบายผลของเม็ดยาแต่ละชนิด

 

“หากกลืนกินโอสถรวมปราณก็จักเพิ่มความเร็วในการฝึกปรือ 100% เป็นเวลา 12 ชั่วโมง โอสถร้อยทิวานั้นจักเพิ่มพลังการฝึกปรือของเจ้าไปอย่างมากราวกับว่าเจ้าได้ฝึกไปเป็นเวลานับร้อยวัน แต่มันเพียงสามารถกลืนกินได้เพียงหนึ่งครั้งทุกๆสี่ปี โอสถศีสวรรค์พิภพก็จักฟื้นคืนพลังวิญญาณที่หมดสิ้นไปให้แม้กระทั่งผู้ที่อยู่ในระดับสูงสุดของเขตอัมพรวิญญาณภายในมีกี่วินาที”

 

“ส่วนสําหรับเม็ดยาตัวสุดท้าย โอสถเหนือสวรรค์นั้น ก็เหมือนกับโอสถสู่ปฐพี มันจักเพิ่มโอกาสให้คนที่อยู่ในระดับสูงสุดของเขตปฐพีวิญญาณให้ก้าวเข้าสู่เขตอัมพรวิญญาณขึ้นกับคุณภาพของเม็ดยา ในระดับสูงสุดนั้นมันสามารถที่จะเพิ่มระดับความสําเร็จถึง 100% นั่นหมายความว่ามิว่าจะเป็นผู้ฝึกวิชาเขตปฐพี่คนไหนก็ตามก็จะมีโอกาสที่จะเข้าถึงเขตอัมพรวิญญาณได้มิว่าพวกเขาจะมีพรสวรรค์มากน้อยเพียงใดก็ตาม”

 

ทั่วทั้งหอประชุมนั้นพลันเงียบสงัดลงไปในทันที ในเมื่อพวกเขาทุกคนต่างพยายามที่จะทําความเข้าใจสิ่งที่ซูหยางได้เพิ่งพูดออกไป

 

“ท-ท่านกําลังหมายความว่าถ้าข้ากลืนโอสถเหนือสวรรค์เข้าไปนั่นก็จักทําให้ข้าสามารถเข้าสู่เขตอัมพรวิญญาณได้ใช่ไหม”

 

คนที่พูดเป็นคนแรกก็คือ ฟางเซียนเจว้ ซึ่งยืนขึ้นพร้อมกับจับจ้องมองไปยังโอสถเหนือสวรรค์ ดวงตาของเธอเปี่ยมไปด้วยความหวัง ซึ่งหลังจากที่ติดอยู่ในระดับสูงสุดของเขตปฐพีวิญญาณมานานกว่า 30 ปี เธอก็เริ่มหมดหวังกับการที่เธอจะได้ก้าวเข้าสู่เขตอัมพรวิญญาณ อย่างไรก็ตาม ด้วยการปรากฏตัวของโอสถเหนือสวรรค์นี้ ความปรารถนาที่จะเข้าสู่เขตอัมพรวิญญาณของเธอนั้นก็ได้ถูกจุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง

 

เมื่อเห็นความกระตือรือล้นของฟางเซียนเจว้แล้ว เขาก็พยักหน้า “ถูกต้อง โอสถเหนือสวรรค์ในมือของข้าในตอนนี้มีคุณสมบัติสูงสุดอยู่พอดี ดังนั้นจึงสามารถที่จะรับประกันได้ว่าเจ้าจักสามารถก้าวเข้าสู่เขตอัมพรวิญญาณอย่างแน่นอนหากว่าเจ้าได้กลืนมันลงไป”

 

“ป-เป็นไปได้ไหมที่จะขายเม็ดยานี้ให้กับข้า ท่านผู้อาวุโส ข้าได้ติดอยู่ที่เขตปฐพีวิญญาณมาหลายสิบปี ได้โปรด ข้ายินดีที่จะจ่ายมิว่าจะมีราคาเท่าไหร่ก็ตามสําหรับเม็ดยานี้” ฟางเซียนเจว้ไม่สนใจว่าจะเสียหน้าต่อหน้าจอมยุทธมากมายเหล่านี้ เธอขอร้องซูหยางด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง

 

“ราคาเท่าไหร่” ซูหยางถามเธอ

 

“ถูกต้อง ข้ามาจากตระกูลฟาง หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ ท่านสามารถกําหนดราคามาได้เลย”

 

เมื่อได้ยินเสียงมั่นใจของเธอ ซูหยางก็พยักหน้าและยกนิ้วขึ้นสามนิ้วไปให้เธอ

 

“สามล้านก้อนหินวิญญาณรี ขาจักเตรียมมันให้กับท่านในทันที” ฟางเซียนเจว้กล่าวด้วยความตื่นเต้น

 

อย่างไรก็ตาม ซูหยางส่ายหน้าและกล่าวว่า “เจ้ากําลังหมินคุณค่าของโอสถเหนือสวรรค์อยู่กระนั้นรึ โอสถสู่ปฐพี่หนึ่งเม็ดก็มีค่านับแสนก้อนหินวิญญาณไปเรียบร้อยแล้ว”

 

จากนั้นเขาก็กล่าวต่อว่า “ถ้าข้ายอมให้ทุกคนในห้องนี้ซื้อเม็ดยานี้ที่ราคาสามล้านก้อนหินวิญญาณ ใครที่ปรารถนาที่จะซื้อบ้าง”

 

ทันใดนั้นหลังจากที่คําถามของซูหยางจบสิ้นลง ทุกคนในห้องก็ยกมือของพวกเขาขึ้น

 

“อย่าใส่ใจสามล้านก้อนหินวิญญาณเลย ข้าเองยินดีที่จะจ่ายห้าล้านก้อนหินวิญญาณ”

 

“ข้าสามารถจ่ายสิบล้านก้อนหินวิญญาณสําหรับโอสถเหนือสวรรค์ ข้าเองก็ได้หยุดชะงักที่เขตปฐพีวิญญาณมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว”

 

“ส-สามสิบล้านก้อนหินวิญญาณ ข้าปรารถนาที่จะจ่ายที่สามสิบล้านก้อนหินวิญญาณ” ฟางเซียนเจว้พลันตะโกนขึ้น สร้างความงงงันให้กับผู้คนที่นั่น แม้กระทั่งสามีของเธอเองซึ่งจ้องมองเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง

 

“นั่นเพียงพอสําหรับโอสถเหนือสวรรค์หรือไม่” เธอถามเขาด้วยสีหน้าเจ็บปวด ในเมื่อหินวิญญาณสามสิบล้านก้อนนั้นย่อมสร้างความเสียหายไปถึงธุรกิจของตระกูลฟาง

 

อย่างไรก็ตามเธอนั้นมุ่งมั่นสุดชีวิตที่จะเข้าถึงเขตอัมพรวิญญาณ ถึงแม้ว่าเธอจะต้องยอมขายแขนขาอย่างละข้าง เธอก็ยังจะซื้อโอสถเหนือสวรรค์

 

“สามสิบล้านก้อนหินวิญญาณอย่างงั้นรี” ซูหยางแกล้งทําเป็นครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะพยักหน้า “ก็ได้ ข้าจักผ่านยาเม็ดนี้เป็นราคาสามสิบล้านก้อนหินวิญญาณ”

 

จากนั้นเขาก็กล่าวต่อว่า “และเพื่อที่จะพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าเม็ดยานี้เป็นของจริง ข้าปรารถนาให้เจ้ากลืนเม็ดยาลงไปและก้าวข้ามไปสู่เขตอัมพรวิญญาณในที่ตรงนี้”

 

“ท-ท่านต้องการให้ข้ากลืนเม็ดยานี้ที่ตรงนี้เลยรี” ฟางเซียนเจว้มองไปที่เขาด้วยความประหลาดใจ

 

“ถูกต้อง อย่ากังวล ข้าย่อมรับประกันความปลอดภัยของเจ้าในขณะที่เจ้ากําลังฝึกวิชา และมันก็มิได้ใช้เวลานานมากไปกว่าเพียงมีกี่นาทีเท่านั้น”

 

ฟางเซียนเจว้ไม่ได้สงสัยในคําพูดของเขาและตรงเข้าไปหาเขาในทันที

 

ก่อนที่จะยื่นส่งโอสถเหนือสวรรค์ให้กับเธอ ซูหยางก็กล่าวด้วยเสียงสบายๆว่า “ในกรณีที่หากว่าเจ้าวางแผนที่จะหลีกเลี่ยงการจ่ายคืนหลังจากนี้ ข้าย่อมจักใช้การลบล้างตระกูลใหญ่ฟางทิ้งเป็นการชดใช้”

 

ฟางเซียนเจว้สั่นสะท้านไปกับคําพูดของเขา และเธอก็แสดงรอยยิ้มมั่นใจให้กับเขา “ข้าย่อมมิกล้าแม้จะจินตนาการในการพยายามที่จะขโมยจากท่านผู้อาวุโสผู้ทรงศักดิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีประจักษ์พยานมากมายอยู่ที่นี้ ถึงแม้ว่าข้าจักต้องขายร่างกายของข้าเพื่อจ่ายสามสิบล้านก้อนหินวิญญาณให้กับท่าน ข้าก็ยินดีสาบานต่อตระกูลฟางว่าข้าจักต้องจ่ายหนี้นี้”

 

“ดี” ซูหยางพยักหน้าและยื่นส่งเม็ดยาให้กับเธอ