การต่อสู้ของผู้ที่ไม่เหมือนมนุษย์

“ความเสียหายมากกว่าสี่แสน ?!! นี่เธอยังเป็นมนุษย์อยู่รึปล่าว ?!!”

สมาชิกของกองกำลังนรกทุกคนต่างสงสัยว่านี่พวกเขาเห็นภาพหลอนไปรึปล่าว เมื่อพวกเขาได้เห็นค่าความเสียหายที่ปรากฎขึ้นเหนือหัวหน้ายักษ์ดินที่ไฟเออร์แดนซ์โจมตี ครู่หนึ่งพวกเขาถึงกับสงสัยว่าไฟเออร์แดนซ์นั้นเป็น NPC ปลอมตัวมาเป็นผู้เล่นรึปล่าว

แม้แต่พวกเขาซึ่งเป็นผู้เชี่ยชาญที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของ God domain ก็แทบจะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับยักษ์ดินได้มากกว่าเจ็ดหมื่น ขณะที่ด้วยสกิลและเวทย์ขั้นสามของเฮลรัชซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดในกองกำลังของพวกเขาก็ทำความเสียหายได้มากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะมอนสเตอร์พวกนี้นั้นามันมีค่าความต้านทานเวทย์ที่สูงลิ่ว และพลังป้องกันที่สูงมากอย่างไม่น่าเชื่อ โดยพลังป้องกันทั้งหมดของมันนั้นสามารถจะเทียบได้กับพวกสายพันธุ์โบราณในเลเวลเดียวกันได้เลย

แต่ถึงกระนั้นพวกเขากับพึ่งได้เห็นแอสซาซินขั้นสามทำความเสียหายมากกว่าสี่แสนต่อแกรนลอร์ดได้ โดยใช้เพียงแค่สกิลขั้นสอง

แม้จะอยู่ในขั้นสาม แต่แอสซาซินก็ไม่ได้มีตัวเลือกมากมายนักในการจะเพิ่มพลังการโจมตีของตัวเอง สกิลส่วนใหญ่ของพวกเขานั้นจะเน้นไปที่การเพิ่มความเร็วในการโจมตี

แต่ไฟเออร์แดนซ์นั้นได้ลบเลือนสิ่งที่พวกเขารู้เกี่ยวกับอาชีพนี้ไปทั้งหมด เธอนั้นเป็นแอสซาซินที่มีพลังดิบมากขนาดนี้ได้ยังไง ? เธอนั้นทรงพลังมากกว่าเบอเซิกเกอร์ด้วยซ้ำในแง่ของพลังดิบ ….

ก่อนที่สมาชิกของกองกำลังนรกจะทันได้หายตกตะลึง หยานเทียนซิงและผู้เชี่ยวชาญอีกสามคนของสภาสิบแปดปีกก็เริ่มการต่อสู้กับหัวหน้ายักษ์ดินที่พวกเขารับผิดชอบแล้ว

หยานเทียนซิงนั้นสามารถหลบหลีกการโจมตีของหัวหน้ายักษ์ดินได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่เขาจะวนไปข้างหลังของแกรนลอร์ด จากนั้นเขาก็ได้ใช้กริชของเขาโจมตีหลายครั้งเข้าใส่หัวหน้ายักษ์ดิน
-134,324!

-274,543!

-133,645!

ความเสียหายหลายชุดนั้นปรากฎขึ้นเหนือหัวของหัวหน้ายักษ์ดิน และแม้ว่าความเสียหายที่เขาทำได้จะไม่เท่ากับไฟเออร์แดนซ์ แต่จำนวนทั้งหมดมันก็ยังจัดว่าน่ากลัวมากอยู่ดี

ในขณะเดียวกันอควาโรส อี้ลั่วเฟย และไวโอเล็ทคลาวด์ ซึ่งเป็นผู้เล่นนักเวทย์นั้นก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นมากกว่าสองคนแรกซะอีก

ทันทีที่อควาโรสร่ายเวทย์เสร็จ คลื่นยักษ์ที่สูงตระหง่านก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของเธอก่อนที่มันจะกลืนกินหัวหน้ายักษ์ดิน และยักษ์ดินอีกหลายโหลไปทันที

ด้วยการเคลื่อนไหวครั้งเดียว อควาโรสนั้นได้ทำให้หัวหน้ายักษ์ดิน และยักษ์ดินที่มีค่าความต้านทานเวทย์สูงมากบาดเจ็บสาหัสเพราะเวทของเธอ นอกจากนี้เธอยังสามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่าหนึ่งล้านให้กับมอนสเตอร์แต่ละตัวด้วย

ในขณะเดียวกันอี้ลั่วเฟยก็ได้ทำการเรียกอุกกาบาตไฟออกมาห้าลูกให้โจมตีเข้าใส่หัวหน้ายักษ์ดินที่เธอรับผิดชอบ

หนึ่ง … สอง … สามลูก ….

ขณะที่อุกกาบาตตกลงสู่เป้าหมายแต่ละครั้งนั้น พื้นดินบริเวณนี้ก็สั่นสะเทือนทั้งหมด และเมื่ออุกกาบาตไฟทั้งห้าตกลงมาครบแล้ว มันก็ได้ก่อให้เกิดปล่องภูเขาไฟที่มีความกว้างหนึ่งร้อยเมตร และลึกกว่าสิบเมตรขึ้นที่บริเวณที่แกรนลอร์ดอยู่

อย่างไรก็ตามในบรรดาหัวหน้ายักษ์ดินที่ต้องเผชิญหน้ากับนักเวทย์ทั้งสามนั้น ตัวที่ไวโอเล็ทคลาวด์รับผิดชอบมีสภาพเลวร้ายที่สุด

ใบดาบเงาสามร้อยเล่มนั้นวนเวียนโจมตีกันอยู่รอบๆตัวแกรนลอร์ด ซึ่งใบดาบเงาแต่ละเล่มนั้นก็มีพลังมากพอที่จะทำให้มอนสเตอร์ต้องถอยไปได้เลย และเมื่อทั้งสามร้อยเล่มโจมตีพร้อมกัน มันก็สามารถอธิบายได้คำเดียวว่าเป็นโศกนาฏกรรม …
“ทำไมสภาสิบแปดปีกถึงมีผู้เล่นระดับสัตว์ประหลาดมากมายขนาดนี้กัน ?”

เมื่อมาถึงจุดนี้นั้นสมาชิกของกองกำลังนรกทุกคนเริ่มจะเชื่อแล้วว่าหยานเทียนซิงและพรรคพวกของเขานั้นสามารถที่จะฆ่าหัวหน้ายักษ์ดินทั้งห้าตัวได้ เพียงแต่ว่าพวกเขาต้องการเวลาเพิ่มนิดหน่อยเท่านั้น ….

พลังการต่อสู้ของพวกเขานั้นมันน่ากลัวจริงๆ ผู้เชี่ยวชาญทั้งห้าของสภาสิบแปดปีกสามารถปราบปรามหัวหน้ายักษ์ดินห้าตัวที่เป็นแกรนลอร์ดได้อย่างอยู่หมัดเลย และโดยไม่มีแท๊งเกอร์คอยช่วยเหลือด้วย ….

“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม พวกเขา … ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเขาได้เต็มที่หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วงั้นหรอ ?” เฮลรัชนั้นอดไม่ได้ที่จะถามซือเฟิง ในขณะที่เขาจ้องมองไปยังไฟเออร์แดนซ์และคนอื่นๆที่กำลังต่อสู้อยู่

เขาไม่สามารถคิดถึงเหตุผลอื่นใดที่จะทำให้ผู้เล่นทั้งห้าคนนี้มีพลังและความเร็วที่น่าทึ่งมากขนาดนี้ได้เลย

อย่างไรก็ตามตอนนี้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญของซุเปอร์กิลนั้นก็ยังไม่สามารถจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้ทั้งหมดเลย พวกเขาทั้งหมดยังคงอยู่ระหว่างการสำรวจและทดลองหลายอย่างอยู่เลย เพราะท้ายที่สุดแล้วผู้เชี่ยวชาญของพวกเขานั้นก็พึ่งจะมาถึงขั้นสามได้ไม่นาน

“ใช่แล้ว พวกเขาทั้งห้าคนปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอ
เซ็นต์ทั้งหมดแล้ว” ซือเฟิงกล่าวยืนยันพลางพยักหน้า เขาไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดความจริงที่ไม่สามารถปกปิดได้

เขาไม่สามารถอธิบายความแข็งแกร่งของหยานเทียนซิงและอีกสี่คนได้ด้วยคำว่าค่าสถานะพื้นฐานที่สูงลิ่ว เพราะแม้ว่าพวกเขาจะมีค่าสถานะที่สูงกว่าตอนนี้อีกสักสองถึงสามเท่า แต่พวกเขาก็จะไม่สามารถแสดงพลังการต่อสู้ออกมาได้มากขนาดนี้ ผู้เล่นนั้นจะสามารถบรรลุความสำเร็จแบบนี้ได้ก็ด้วยการปลดล๊อคศักยภาพของร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์เท่านั้น

น่าเสียดายที่โคล่า ชาโด้วซอร์ด เทอเทิ้ลโดฟ และ Alluring Summer นั้นยังไปได้ไม่ไกลถึงขนาดนั้น และในหมู่คนเหล่านี้ Alluring Summer ก็ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้สูงสุดที่เก้าสิบแปดเปอเซ็นต์ ซึ่งถ้าหากทีมของเขาปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์กันทั้งหมด เขาก็จะมีช่วงเวลาที่ง่ายมากขึ้นเยอะเลยทีเดียวในการล่าที่นี่

“พวกเขาทั้งห้าปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วงั้นหรอ ?”

เฮลรัชและรองผู้บัญชาการรอบตัวของเขาอ้าปากค้าง เมื่อได้ยินคำตอบของซือเฟิง ก่อนหน้านี้พวกเขานั้นแค่สงสัยเท่านั้น แต่ท้ายที่สุดแล้วพอซือเฟิงกล่าวยืนยัน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

แม้แต่ผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิโลกใต้พิภพนั้นก็ยังปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้แค่ราวยี่สิบเปอเซ็นต์เท่านั้น และเมื่อบวกกับพรสวรรค์ของพวกเขา พวกเขาก็จะต้องใช้เวลาอีกราวหนึ่งถึงสองเดือนเลยทีเดียวเพื่อจะเข้าถึงตัวเลขหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้

ถึงกระนั้นสภาสิบแปดปีกที่เริ่มต้นจากเป็นกิลที่ไม่มีอะไรเลยใน God domain และไม่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่ใดๆ กับเลี้ยงดูผู้เชี่ยวชาญห้าคนที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ออกมาได้แล้ว นี่มันไม่น่าเชื่อเลย !!!

“คุณยินดีที่จะเสนอคำแนะนำเกี่ยวกับร่างมานาให้เราไหม หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ? ถ้าคุณยินดี ฉันสามารถที่จะเป็นตัวแทนของกิลฉันเสนอผู้เชี่ยวชาญเข้าประจำการที่ป้อมปราการแสงดาวในระยะยาวได้ห้าหมื่นคน พร้อมกันนั้นจักรวรรดิโลกใต้พิภพจะจัดหาวัสดุหายากต่างๆในทวีปด้านตะวันตกให้กับสภาสิบแปดปีกมากเท่าที่กิลต้องการเลย” เฮลรัชกล่าวข้อเสนอโดยพยายามจะกักเก็บความตื่นเต้นของเขา

ร่างมานาของผู้เล่นทุกคนนั้นแตกต่างกัน มันจึงทำให้การจะเรียนรู้จากคนอื่นนั้นยากมากๆ แต่ความจริงที่ว่าสภาสิบแปดปีกได้เลี้ยงดูผู้เชี่ยวชาญห้าคนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ออกมาได้แล้วนั้น มันก็พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาสามารถจะช่วยให้ผู้เล่นบรรลุความสำเร็จในข้อนี้ได้ และใครก็ตามที่มองเป็นอย่างอื่นก็คงจะเป็นได้แค่คนโง่เท่านั้น

ผู้เล่นจะเห็นความสำเร็จของตัวพวกเขาเองมากแค่ไหน มันก็ขึ้นอยู่กับศักยภาพร่างมานาที่พวกเขาสามารถปลดล๊อค และนี่มันยังรวมถึงการทำได้เร็วแค่ไหนด้วย ความแตกต่างระหว่างพลังการต่อสู้ที่สมาชิกสภาสิบแปดปีกแสดงออกมานั้น มันแตกต่างกับสมาชิกของกองกำลังนรกอย่างมาก

หลังจากที่เฮลรัชยื่นข้อเสนอและคำร้องขอของเขาไปแล้ว คนของเขาที่เหลือก็เริ่มกระสับกระส่ายพลางมองไปยังซือเฟิง พวกเขาอยากได้ยินคำตอบของซือเฟิง

ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้ตระหนักเลยว่าร่างมานาที่ถูกปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้นจะทำให้ผู้เล่นทรงพลังขึ้นมากขนาดนี้ แถมหลังจากได้เห็นการแสดงของหยานเทียนซิง และสมาชิกอีกสี่คนของสภาสิบแปดปีกอย่างชัดเจนแล้ว พวกเขาก็รู้ได้ทันทีเลยถึงเรื่องหนึ่ง

ผู้เล่นขั้นสามที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานายังไม่ได้ถึงหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้น จะไม่ต่างจากการวัชพืชเลยต่อหน้าผู้เล่นที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอ
เซ็นต์แล้ว

สมาชิกของกองกำลังนรกหลายคนนั้นมีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงพอๆกับไฟเออร์แดนซ์ และสมาชิกสภาสิบแปดปีกอีกสี่คน แต่อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาจะต้องต่อสู้กับผู้เล่นหนึ่งในห้าคนนี้ ยังไงพวกเขาก็จะปฎิเสธหัวชนฝาแน่นอน เพราะพลังการต่อสู้ของพวกเขานั้นมันแตกต่างกันราวกับสวรรค์และโลก

พวกเขานั้นยังคิดกันด้วยซ้ำว่าไฟเออร์แดนซ์และสี่คนนี้จะสามารถรับมือกับสมาชิกของกองกำลังนรกสามสิบคนพร้อมกันได้เลย

ยิ่งผู้เชี่ยวชาญของกองกำลังนรกคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งกระสับกระส่ายมากยิ่งขึ้น ตอนนี้แทนที่จะมีทัศนคติที่ภูมิใจในตัวเองเหมือนก่อนหน้านี้ พวกเขากับเฝ้ามองไปยังซือเฟิงอย่างคาดหวังและหิวโหย

อาวุธและอุปกรณ์นั้นจัดเป็นเรื่องรองสำหรับผู้เชี่ยวชาญแบบพวกเขา ความแข็งแกร่งส่วนบุคคลนั้นมันสำคัญกว่ามาก ในความเป็นจริงสาเหตุที่พวกเขาหลายคนเข้าร่วมกับจักรวรรดิโลกใต้พิภพก็เพื่อแสวงหาความแข็งแกร่งที่มากขึ้นนี่แหละ

“ไม่ต้องกังวลเรื่องผู้เชี่ยวชาญห้าหมื่นคนหรอก ..” ซือเฟิงกล่าวปัดข้อเสนอ เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว และหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้เห็นท่าทีของทุกคน “การให้คำแนะนำเกี่ยวกับร่างมานาแก่จักรวรรดิโลกใต้พิภพนั้นใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ฉันต้องการให้จักรวรรดิโลกใต้พิภพช่วยฉันในเรื่องอื่นน่ะ ฉันไม่ได้ต้องการข้อเสนอของคุณ ซึ่งหากพวกคุณสามารถช่วยตามคำขอของฉันได้ ฉันก็จะให้คำแนะนำแก่พวกคุณ แม้ว่าฉันจะไม่สามารถช่วยพวกคุณปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกคุณได้อย่างรวดเร็วทุกคนในระยะเวลาอันสั้น แต่ฉันก็ขอรับประกันว่าฉันจะสามารถช่วยพวกคุณให้ทำเรื่องนี้ได้เร็วขึ้นอีกนิดหน่อยแน่นอน”

เฮลรัชนั้นพยายามจะกล่าวออกมาอย่างสงบ เมื่อได้ยินคำพูดกึ่งตกลงของซือเฟิง “หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม โปรดระบุความต้องการของคุณมาเลย !!! ถ้าฉันมีสิทจะยอมรับมัน ฉันก็จะยอมรับทันทีในนามของกิลฉัน !!!”

“มันง่ายมาก ฉันต้องการให้กองกำลังนรกมาทำงานภายใต้คำสั่งของฉันเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม !!!” ซือเฟิงกล่าวพลางมองไปยังสมาชิกของกองกำลังนรกทุกคน