ตอนที่ 1604 กลับมาอย่างยิ่งใหญ่

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1604 กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ Ink Stone_Fantasy

“พวกเจ้ามันก็เป็นได้แค่มดปลวกที่อยู่ใต้ปีกของเย่หยวน! หากไร้ซึ่งเย่หยวนพวกเจ้ามันก็ไร้ค่าใด ๆ”

คำของโจวเหว่ยนั้นปักลงลึกในจิตใจของทุกผู้คน มันทำให้ผู้ที่ทะนงตัวต้องเดือดดาลขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิ้งหมัวหู่ที่ตอนนี้เขาโกรธจนควันออกหูแล้ว

“ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้! นายน้อยคนนี้จะขอเสี่ยงชีวิตสู้กับเจ้าดูสักตั้ง!”

ร่างของอิ้งหมัวหู่พลันเปลี่ยนกลายเป็นพยัคฆ์ร้ายพุ่งเข้าหาโจวเหว่ยทันที

นั้นทำให้โจวเหว่ยต้องอมยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะส่งฝ่ามือของตัวเองออกมาด้านหน้า

อิ้งหมัวหู่รู้สึกได้ว่าพลังของฝ่ามือนั้นมันช่างแข็งแกร่งจนทำให้ผู้ที่ต้องพบเจอต้องรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาทันที

“อ๊อก!”

อิ้งหมัวหู่กระอักเลือดออกมา เขารู้สึกว่ากระดูกทั้งร่างของเขาในตอนนี้มันหักจนหมดสิ้น

เยวี่ยเมิ่งลี่ที่เห็นแบบนั้นก็หน้าซีดขึ้นทันทีก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปรับตัวของอิ้งหมัวหู่ไว้

แต่พลังอันรุนแรงนั้นกลับส่งร่างของนางกระเด็นลอยไปพร้อม ๆ กันด้วย

ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าช่างแข็งแกร่ง!

โจวเหว่ยมองดูภาพตรงหน้าอย่างเย็นชาก่อนจะพูดขึ้น “เห็นไหมล่ะ? รับฝ่ามือจากข้าไม่ได้สักฝ่ามือด้วยซ้ำ แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองมิใช่มดปลวกอีกรึ? หากพวกเจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่พวกเจ้าคนตายไปนานแล้ว แต่ทว่า…ต่อให้อยู่ก็คงไม่นาน”

เยวี่ยเมิ่งลี่มองดูหน้าของโจวเหว่ยก่อนจะพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น “เจ้าปฏิบัติกับเราแบบนี้ ไม่กลัวว่าผู้อาวุโสที่สองจะรู้เรื่องเลยรึ?”

โจวเหว่ยจึงหัวเราะออกมาเสียงดัง “ผู้อาวุโสที่สองกำลังอยู่ในการเก็บตัว ศิษย์ของท่านที่ใกล้ชิดกับเย่หยวนเองก็กำลังยุ่งมือเป็นพัลวัน หากเจ้าโดนไล่ออกไปจากเมืองชั้นในและไปตายที่อื่นเสียก่อน เจ้าคิดว่าผู้อาวุโสที่สองจะมาล้างแค้นให้คนตายอย่างพวกเจ้ารึ?”

ใบหน้าของเยวี่ยเมิ่งลี่เปลี่ยนเป็นสีแดงฉานก่อนจะตะโกนกลับไป “เหมือนว่าผู้อาวุโสใหญ่ของฝั่งนั้นจะควบคุมอะไรไม่ได้แล้วสินะ!”

โจวเหว่ยจึงยิ้มตอบกลับไป “เพราะฉะนั้น หากอยู่ก็จงหาผลึกปราณเทวะมาจ่ายเสีย! ตอนนี้จงมอบผลึกปราณเทวะมา พวกเจ้ามีกันห้าคน ก็จงจ่ายมาตามกฎสองล้านห้าแสนผลึกปราณเทวะ”

อิ้งหมัวหู่กัดฟันกรอดพยายามที่จะส่งตัวเองลุกขึ้น แต่ร่างกายของเขากลับไม่เชื่อฟังคำสั่ง

สายตาของเยวี่ยเมิ่งลี่มองไปทางโจวเหว่ยอย่างโกรธแค้นก่อนจะพูดขึ้น “เราจะจ่าย!”

และอย่างที่นางว่า เยวี่ยเมิ่งลี่หยิบแหวนออกมาและโยนมันไปทางโจวเหว่ยอย่างเต็มแรง

ที่ด้านข้างเองหลงซานก็กำลังกัดฟันแน่นก่อนจะบอกขึ้นมา “แม่นางลี่เอ๋อ ข้า…ข้าจะออกจากเมืองไปเอง ท่านมิต้องจ่ายให้ข้าหรอก!”

เยวี่ยเมิ่งลี่ตะโกนสวนกลับไป “หยุดเลย! หากเจ้าออกไปจากเมืองตอนนี้เจ้าคิดว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดถึงวันพรุ่งนี้ได้รึ?”

หลงซานจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นคง “หลงซานผู้นี้เป็นแค่คนชั้นต่ำ แต่นายท่านกลับให้โอกาสข้าได้มาเกิดใหม่! หากวันนี้ข้าจะขอชดใช้บุญคุณด้วยชีวิตมันจะผิดด้วยหรือ?”

เยวี่ยเมิ่งลี่เองก็แสดงท่าทางหนักแน่นออกมาก่อนจะพูดขึ้น “เรามาด้วยกัน หากมีใครอยากไป เราก็จะไปด้วยกัน! วันข้างหน้าอย่าได้คิดพูดจาอะไรแบบนี้อีก”

โจวเหว่ยกลั้นขำมองดูสภาพละครน้ำเน่าตรงหน้า “เหมือนว่าพวกเจ้าแต่ละคนจะยังมีความหวังกันอยู่สินะ! คนที่ได้เข้าไปในห้วงมิติสืบทอดนั้นไม่เคยมีใครกลับออกมาได้ พวกเจ้าจงลืมเรื่องนั้นไปเสียเถอะ! ฮ่าๆ…”

โจวเหว่ยเดินกลับออกไปพร้อมเสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจ ใบหน้าอันโกรธแค้นของทุกคนแสดงออกมาให้เห็นกันอย่างชัดเจน

แต่ก็อย่างที่โจวเหว่ยว่า หากไม่มีเย่หยวนพวกเขาก็เป็นได้แค่คนไร้พลังที่ไม่มีปัญญาทำอะไรเมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้า

ตอนที่เย่หยวนจากไป เขาทิ้งผลึกปราณเทวะไว้ให้ราวร้อยล้านชิ้น

แต่หลังจากเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งร้อยปี คนทั้งห้าเองก็ใช้ทรัพยากรบ่มเพาะฝึกฝนตัวไม่น้อย

เดิมทีด้วยความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสที่สอง พวกเขายังพอจะอยู่รอดต่อไปได้

แต่ช่วงหลายปีมานี้ ด้วยการขูดรีดของโจวเหว่ย ทำให้ตอนนี้พวกนางเหลือผลึกปราณเทวะเพียงสี่ถึงห้าล้านชิ้น

และในวันนี้ยังต้องเสียไปกว่าครึ่งในคราเดียว!

หากโจวเหว่ยมาอีกครั้ง พวกนางทั้งหลายคงไม่มีปัญญาที่จะจ่ายอีกต่อไป

เดิมทีทุกคนเชื่อว่าโจวเหว่ยจะกลับมาอีกในปีหน้า แต่ใครจะไปคิดว่ามันเป็นเวลาแค่ไม่กี่วันเท่านั้นที่โจวเหว่ยกลับมาอีกครา!

“โจวเหว่ย ภาษีที่เจ้าว่าให้เราจ่ายเราก็จ่ายไปแล้ว ยังจะอยากได้อะไรอีก?” ลี่เอ๋อถามด้วยอารมณ์โกรธอย่างไม่ปิดบังอีกต่อไป

โจวเหว่ยจึงยิ้มตอบ “ใครบอกเจ้าว่าภาษีของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เรามีแค่อย่างเดียว? ที่เก็บไปคราที่แล้วนั้นเรียกว่าภาษีรายหัว แต่ที่ข้าจะมาเก็บคราวนี้เรียกว่าภาษีพลังวิญญาณ! เมืองชั้นในมันเข้มข้นไปด้วยพลังวิญญาณที่หนาแน่นกว่าเมืองชั้นนอกนับสิบเท่า และพวกเจ้าก็มาอยู่ที่นี่ความเร็วการฝึกฝนของพวกเจ้าย่อมเร็วกว่าคนที่เมืองชั้นนอกมากนัก แล้วยังจะมาหลบเลี่ยงไม่ยอมจ่ายภาษีอีกรึ?”

ลี่เอ๋อหน้าซีดลงทันทีที่ได้ยิน “แล้วเจ้าจะเอาเท่าไหร่ล่ะ?”

โจวเหว่ยยิ้มออกมา “ไม่มาก ไม่มากเลย แค่สองล้านก็เพียงพอแล้ว!”

“สองล้าน! เจ้าคิดจะปล้นพวกเรารึยังไงกันล่ะ!” ลี่เอ๋อตะโกนสวนออกมา

โจวเหว่ยตอบกลับอย่างเย็นชา “นี่คือกฎของจวนเจ้าเมือง หากเจ้าไม่จ่าย งั้นก็ขอโทษด้วย แต่คงต้องให้เจ้าออกจากเมืองชั้นในไปแล้วล่ะ”

คำพูดนั้นทำให้เยวี่ยเมิ่งลี่หน้าเสียทันที ตอนนี้นางไม่สามารถเอาผลึกปราณเทวะมากขนาดนั้นออกมาได้ง่าย ๆ อีกต่อไปแล้ว

นางหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดขึ้นด้วยท่าทางที่หนักแน่น “ได้ เราจะออกไป!”

“ไม่นะ พี่สะใภ้ท่านต้องอยู่ เราจะออกไปเอง!” อิ้งหมัวหู่ขัดขึ้น

“พี่ลี่เอ๋อ ท่านออกไปไม่ได้นะ!” ลู่เอ๋อพูดเสริม

ลี่เอ๋อจึงหันไปบอกทั้งคู่ “พวกเจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้าตัดสินใจไปแล้ว! ทุกคนเก็บของ เราจะออกไปตอนนี้เลย!”

โจวเหว่ยจึงพูดขึ้นด้วยท่าทางอมยิ้ม “หึหึ ต้องแบบนั้นสิ มดปลวกอย่างพวกเจ้าน่ะสมควรไปอยู่เมืองชั้นนอกหรือไม่ก็ไปอยู่เมืองหลวงเสียเถอะ พื้นที่ในเมืองชั้นในมันล้ำค่าเกินกว่าที่พวกเจ้าจะครองไว้ได้มากมายนัก”

แม้จะถูกโจวเหว่ยว่าแบบนั้น พวกเขาทั้งหลายก็ได้แต่ทนรับฟัง

หลังเก็บของอยู่สักพัก ตอนที่ทุกคนกำลังจะเดินทางออกไปจู่ ๆ ก็เกิดคลื่นพลังขนาดใหญ่พวยพุ่งออกมาจากหอยุทธ์

นั่นทำให้พลังวิญญาณในเมืองจักรพรรดิทั้งหมดไหลรวมเข้าไปสู่จุดนั้น ไหลไปรวมกันยังหอยุทธ์

ตอนนี้เหมือนกับว่ามีท่อสูบพลังงานวิญญาณโผล่ออกมาในหอยุทธ์ กระแสพลังวิญญาณจึงไหลไปรวมกันที่นั่นอย่างบ้าคลั่ง

“หืม? เกิดอะไรขึ้น? มีใครบรรลุระดับหรือ?” อิ้งหมัวหู่กล่าวขึ้นด้วยท่าทางสงสัย

“ใครบรรลุระดับกัน? ถึงขนาดที่สร้างคลื่นพลังอันปั่นป่วนแบบนี้ได้?” หลงซานพูดด้วยสีหน้าสุดแตกตื่น

โจวเหว่ยเองก็มีท่าทีตกใจไม่น้อยเช่นกัน แต่เขาก็หันกลับมาบอก “ใครจะบรรลุระดับมันก็ไม่ใช่เรื่องของพวกเจ้า! เจ้าจะบอกว่านั้นเป็นการบรรลุของเย่หยวนรึไง? เฮอะ เฮอะ พลังขนาดนี้ต่อให้เป็นอาณาจักรราชันพระเจ้าก็ยังเทียบไม่ได้ รีบ ๆ ไสหัวไปได้แล้ว นี่ไม่ใช่ที่ของพวกเจ้า!”

เวลานั้นทั่วทั้งเมืองเกิดความโกลาหลขึ้นทันที

การบรรลุนี้มันเหมือนท่อสูบพลัง ดูดพลังวิญญาณของทั้งเมืองให้ไหลไปอยู่ในที่เดียว

“เกิดอะไรขึ้น? หรือมีผู้อาวุโสคนไหนกำลังบรรลุอย่างนั้นรึ?”

“ความโกลาหลระดับนี้ แม้แต่อาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวหรือห้าดาวก็ยังไม่น่าทำได้ขนาดนี้ใช่ไหม?”

“ใครกันที่กำลังบรรลุขั้นอยู่ นี่มันบ้าเกินไปแล้ว ใช่ไหม? ด้วยพลังวิญญาณที่มากมายมหาศาลขนาดนี้ต่อให้เป็นอาณาจักรราชันพระเจ้าก็ยังตัวแตกตายได้!”

ตอนนี้นักยุทธ์นับไม่ถ้วนกำลังมุ่งหน้าไปยังหอยุทธ์เพื่อดูว่ามีใครกันที่สามารถสร้างความปั่นป่วนได้ขนาดนี้ด้วยการบรรลุระดับ

เมื่อเห็นว่าเยวี่ยเมิ่งลี่เอาแต่ถ่วงเวลาไม่ยอมไปเสียที โจวเหว่ยจึงขมวดคิ้วแน่นและพูดออกมา “ยังไม่ไปกันอีกเรอะ หรืออยากต้องให้ข้าทำการส่งแขกให้?”

แต่เยวี่ยเมิ่งลี่ก็ยังไม่คิดจะขยับ และจู่ ๆ นางก็เปิดปากขึ้นพูด “พี่หยวนล่ะ! นี่มันการบรรลุของพี่หยวน! เขากลับมาแล้ว!”

หน้าของโจวเหว่ยเปลี่ยนสีไปทันทีก่อนเขาจะตะคอกขึ้น “พูดบ้าบออะไรของเจ้า? เย่หยวนมันตายในห้วงมิติสืบทอดไปนานแล้ว จะมาบรรลุอะไรได้ยังไง? ที่สำคัญต่อให้เป็นมัน การบรรลุระดับนี้จะเป็นของอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าได้ยังไงกัน?”

เยวี่ยเมิ่งลี่หันไปมองหน้าโจวเหว่ยก่อนจะพูดขึ้น “โจวเหว่ย หากนี่เป็นพี่หยวนจริง ๆ แล้วเจ้ายังคิดจะไล่เราออกไป เจ้าก็น่าจะรู้ถึงผลที่จะตามมาดีนะ!”

นั้นทำให้หน้าของโจวเหว่ยซีดลงทันที ตอนนี้หัวใจของเขาเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว

…………………………………………………….ตอนที่ 1604 กลับมาอย่างยิ่งใหญ่

“พวกเจ้ามันก็เป็นได้แค่มดปลวกที่อยู่ใต้ปีกของเย่หยวน! หากไร้ซึ่งเย่หยวนพวกเจ้ามันก็ไร้ค่าใด ๆ”

คำของโจวเหว่ยนั้นปักลงลึกในจิตใจของทุกผู้คน มันทำให้ผู้ที่ทะนงตัวต้องเดือดดาลขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิ้งหมัวหู่ที่ตอนนี้เขาโกรธจนควันออกหูแล้ว

“ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้! นายน้อยคนนี้จะขอเสี่ยงชีวิตสู้กับเจ้าดูสักตั้ง!”

ร่างของอิ้งหมัวหู่พลันเปลี่ยนกลายเป็นพยัคฆ์ร้ายพุ่งเข้าหาโจวเหว่ยทันที

นั้นทำให้โจวเหว่ยต้องอมยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะส่งฝ่ามือของตัวเองออกมาด้านหน้า

อิ้งหมัวหู่รู้สึกได้ว่าพลังของฝ่ามือนั้นมันช่างแข็งแกร่งจนทำให้ผู้ที่ต้องพบเจอต้องรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาทันที

“อ๊อก!”

อิ้งหมัวหู่กระอักเลือดออกมา เขารู้สึกว่ากระดูกทั้งร่างของเขาในตอนนี้มันหักจนหมดสิ้น

เยวี่ยเมิ่งลี่ที่เห็นแบบนั้นก็หน้าซีดขึ้นทันทีก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปรับตัวของอิ้งหมัวหู่ไว้

แต่พลังอันรุนแรงนั้นกลับส่งร่างของนางกระเด็นลอยไปพร้อม ๆ กันด้วย

ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าช่างแข็งแกร่ง!

โจวเหว่ยมองดูภาพตรงหน้าอย่างเย็นชาก่อนจะพูดขึ้น “เห็นไหมล่ะ? รับฝ่ามือจากข้าไม่ได้สักฝ่ามือด้วยซ้ำ แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองมิใช่มดปลวกอีกรึ? หากพวกเจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่พวกเจ้าคนตายไปนานแล้ว แต่ทว่า…ต่อให้อยู่ก็คงไม่นาน”

เยวี่ยเมิ่งลี่มองดูหน้าของโจวเหว่ยก่อนจะพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น “เจ้าปฏิบัติกับเราแบบนี้ ไม่กลัวว่าผู้อาวุโสที่สองจะรู้เรื่องเลยรึ?”

โจวเหว่ยจึงหัวเราะออกมาเสียงดัง “ผู้อาวุโสที่สองกำลังอยู่ในการเก็บตัว ศิษย์ของท่านที่ใกล้ชิดกับเย่หยวนเองก็กำลังยุ่งมือเป็นพัลวัน หากเจ้าโดนไล่ออกไปจากเมืองชั้นในและไปตายที่อื่นเสียก่อน เจ้าคิดว่าผู้อาวุโสที่สองจะมาล้างแค้นให้คนตายอย่างพวกเจ้ารึ?”

ใบหน้าของเยวี่ยเมิ่งลี่เปลี่ยนเป็นสีแดงฉานก่อนจะตะโกนกลับไป “เหมือนว่าผู้อาวุโสใหญ่ของฝั่งนั้นจะควบคุมอะไรไม่ได้แล้วสินะ!”

โจวเหว่ยจึงยิ้มตอบกลับไป “เพราะฉะนั้น หากอยู่ก็จงหาผลึกปราณเทวะมาจ่ายเสีย! ตอนนี้จงมอบผลึกปราณเทวะมา พวกเจ้ามีกันห้าคน ก็จงจ่ายมาตามกฎสองล้านห้าแสนผลึกปราณเทวะ”

อิ้งหมัวหู่กัดฟันกรอดพยายามที่จะส่งตัวเองลุกขึ้น แต่ร่างกายของเขากลับไม่เชื่อฟังคำสั่ง

สายตาของเยวี่ยเมิ่งลี่มองไปทางโจวเหว่ยอย่างโกรธแค้นก่อนจะพูดขึ้น “เราจะจ่าย!”

และอย่างที่นางว่า เยวี่ยเมิ่งลี่หยิบแหวนออกมาและโยนมันไปทางโจวเหว่ยอย่างเต็มแรง

ที่ด้านข้างเองหลงซานก็กำลังกัดฟันแน่นก่อนจะบอกขึ้นมา “แม่นางลี่เอ๋อ ข้า…ข้าจะออกจากเมืองไปเอง ท่านมิต้องจ่ายให้ข้าหรอก!”

เยวี่ยเมิ่งลี่ตะโกนสวนกลับไป “หยุดเลย! หากเจ้าออกไปจากเมืองตอนนี้เจ้าคิดว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดถึงวันพรุ่งนี้ได้รึ?”

หลงซานจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นคง “หลงซานผู้นี้เป็นแค่คนชั้นต่ำ แต่นายท่านกลับให้โอกาสข้าได้มาเกิดใหม่! หากวันนี้ข้าจะขอชดใช้บุญคุณด้วยชีวิตมันจะผิดด้วยหรือ?”

เยวี่ยเมิ่งลี่เองก็แสดงท่าทางหนักแน่นออกมาก่อนจะพูดขึ้น “เรามาด้วยกัน หากมีใครอยากไป เราก็จะไปด้วยกัน! วันข้างหน้าอย่าได้คิดพูดจาอะไรแบบนี้อีก”

โจวเหว่ยกลั้นขำมองดูสภาพละครน้ำเน่าตรงหน้า “เหมือนว่าพวกเจ้าแต่ละคนจะยังมีความหวังกันอยู่สินะ! คนที่ได้เข้าไปในห้วงมิติสืบทอดนั้นไม่เคยมีใครกลับออกมาได้ พวกเจ้าจงลืมเรื่องนั้นไปเสียเถอะ! ฮ่าๆ…”

โจวเหว่ยเดินกลับออกไปพร้อมเสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจ ใบหน้าอันโกรธแค้นของทุกคนแสดงออกมาให้เห็นกันอย่างชัดเจน

แต่ก็อย่างที่โจวเหว่ยว่า หากไม่มีเย่หยวนพวกเขาก็เป็นได้แค่คนไร้พลังที่ไม่มีปัญญาทำอะไรเมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้า

ตอนที่เย่หยวนจากไป เขาทิ้งผลึกปราณเทวะไว้ให้ราวร้อยล้านชิ้น

แต่หลังจากเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งร้อยปี คนทั้งห้าเองก็ใช้ทรัพยากรบ่มเพาะฝึกฝนตัวไม่น้อย

เดิมทีด้วยความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสที่สอง พวกเขายังพอจะอยู่รอดต่อไปได้

แต่ช่วงหลายปีมานี้ ด้วยการขูดรีดของโจวเหว่ย ทำให้ตอนนี้พวกนางเหลือผลึกปราณเทวะเพียงสี่ถึงห้าล้านชิ้น

และในวันนี้ยังต้องเสียไปกว่าครึ่งในคราเดียว!

หากโจวเหว่ยมาอีกครั้ง พวกนางทั้งหลายคงไม่มีปัญญาที่จะจ่ายอีกต่อไป

เดิมทีทุกคนเชื่อว่าโจวเหว่ยจะกลับมาอีกในปีหน้า แต่ใครจะไปคิดว่ามันเป็นเวลาแค่ไม่กี่วันเท่านั้นที่โจวเหว่ยกลับมาอีกครา!

“โจวเหว่ย ภาษีที่เจ้าว่าให้เราจ่ายเราก็จ่ายไปแล้ว ยังจะอยากได้อะไรอีก?” ลี่เอ๋อถามด้วยอารมณ์โกรธอย่างไม่ปิดบังอีกต่อไป

โจวเหว่ยจึงยิ้มตอบ “ใครบอกเจ้าว่าภาษีของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เรามีแค่อย่างเดียว? ที่เก็บไปคราที่แล้วนั้นเรียกว่าภาษีรายหัว แต่ที่ข้าจะมาเก็บคราวนี้เรียกว่าภาษีพลังวิญญาณ! เมืองชั้นในมันเข้มข้นไปด้วยพลังวิญญาณที่หนาแน่นกว่าเมืองชั้นนอกนับสิบเท่า และพวกเจ้าก็มาอยู่ที่นี่ความเร็วการฝึกฝนของพวกเจ้าย่อมเร็วกว่าคนที่เมืองชั้นนอกมากนัก แล้วยังจะมาหลบเลี่ยงไม่ยอมจ่ายภาษีอีกรึ?”

ลี่เอ๋อหน้าซีดลงทันทีที่ได้ยิน “แล้วเจ้าจะเอาเท่าไหร่ล่ะ?”

โจวเหว่ยยิ้มออกมา “ไม่มาก ไม่มากเลย แค่สองล้านก็เพียงพอแล้ว!”

“สองล้าน! เจ้าคิดจะปล้นพวกเรารึยังไงกันล่ะ!” ลี่เอ๋อตะโกนสวนออกมา

โจวเหว่ยตอบกลับอย่างเย็นชา “นี่คือกฎของจวนเจ้าเมือง หากเจ้าไม่จ่าย งั้นก็ขอโทษด้วย แต่คงต้องให้เจ้าออกจากเมืองชั้นในไปแล้วล่ะ”

คำพูดนั้นทำให้เยวี่ยเมิ่งลี่หน้าเสียทันที ตอนนี้นางไม่สามารถเอาผลึกปราณเทวะมากขนาดนั้นออกมาได้ง่าย ๆ อีกต่อไปแล้ว

นางหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดขึ้นด้วยท่าทางที่หนักแน่น “ได้ เราจะออกไป!”

“ไม่นะ พี่สะใภ้ท่านต้องอยู่ เราจะออกไปเอง!” อิ้งหมัวหู่ขัดขึ้น

“พี่ลี่เอ๋อ ท่านออกไปไม่ได้นะ!” ลู่เอ๋อพูดเสริม

ลี่เอ๋อจึงหันไปบอกทั้งคู่ “พวกเจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้าตัดสินใจไปแล้ว! ทุกคนเก็บของ เราจะออกไปตอนนี้เลย!”

โจวเหว่ยจึงพูดขึ้นด้วยท่าทางอมยิ้ม “หึหึ ต้องแบบนั้นสิ มดปลวกอย่างพวกเจ้าน่ะสมควรไปอยู่เมืองชั้นนอกหรือไม่ก็ไปอยู่เมืองหลวงเสียเถอะ พื้นที่ในเมืองชั้นในมันล้ำค่าเกินกว่าที่พวกเจ้าจะครองไว้ได้มากมายนัก”

แม้จะถูกโจวเหว่ยว่าแบบนั้น พวกเขาทั้งหลายก็ได้แต่ทนรับฟัง

หลังเก็บของอยู่สักพัก ตอนที่ทุกคนกำลังจะเดินทางออกไปจู่ ๆ ก็เกิดคลื่นพลังขนาดใหญ่พวยพุ่งออกมาจากหอยุทธ์

นั่นทำให้พลังวิญญาณในเมืองจักรพรรดิทั้งหมดไหลรวมเข้าไปสู่จุดนั้น ไหลไปรวมกันยังหอยุทธ์

ตอนนี้เหมือนกับว่ามีท่อสูบพลังงานวิญญาณโผล่ออกมาในหอยุทธ์ กระแสพลังวิญญาณจึงไหลไปรวมกันที่นั่นอย่างบ้าคลั่ง

“หืม? เกิดอะไรขึ้น? มีใครบรรลุระดับหรือ?” อิ้งหมัวหู่กล่าวขึ้นด้วยท่าทางสงสัย

“ใครบรรลุระดับกัน? ถึงขนาดที่สร้างคลื่นพลังอันปั่นป่วนแบบนี้ได้?” หลงซานพูดด้วยสีหน้าสุดแตกตื่น

โจวเหว่ยเองก็มีท่าทีตกใจไม่น้อยเช่นกัน แต่เขาก็หันกลับมาบอก “ใครจะบรรลุระดับมันก็ไม่ใช่เรื่องของพวกเจ้า! เจ้าจะบอกว่านั้นเป็นการบรรลุของเย่หยวนรึไง? เฮอะ เฮอะ พลังขนาดนี้ต่อให้เป็นอาณาจักรราชันพระเจ้าก็ยังเทียบไม่ได้ รีบ ๆ ไสหัวไปได้แล้ว นี่ไม่ใช่ที่ของพวกเจ้า!”

เวลานั้นทั่วทั้งเมืองเกิดความโกลาหลขึ้นทันที

การบรรลุนี้มันเหมือนท่อสูบพลัง ดูดพลังวิญญาณของทั้งเมืองให้ไหลไปอยู่ในที่เดียว

“เกิดอะไรขึ้น? หรือมีผู้อาวุโสคนไหนกำลังบรรลุอย่างนั้นรึ?”

“ความโกลาหลระดับนี้ แม้แต่อาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวหรือห้าดาวก็ยังไม่น่าทำได้ขนาดนี้ใช่ไหม?”

“ใครกันที่กำลังบรรลุขั้นอยู่ นี่มันบ้าเกินไปแล้ว ใช่ไหม? ด้วยพลังวิญญาณที่มากมายมหาศาลขนาดนี้ต่อให้เป็นอาณาจักรราชันพระเจ้าก็ยังตัวแตกตายได้!”

ตอนนี้นักยุทธ์นับไม่ถ้วนกำลังมุ่งหน้าไปยังหอยุทธ์เพื่อดูว่ามีใครกันที่สามารถสร้างความปั่นป่วนได้ขนาดนี้ด้วยการบรรลุระดับ

เมื่อเห็นว่าเยวี่ยเมิ่งลี่เอาแต่ถ่วงเวลาไม่ยอมไปเสียที โจวเหว่ยจึงขมวดคิ้วแน่นและพูดออกมา “ยังไม่ไปกันอีกเรอะ หรืออยากต้องให้ข้าทำการส่งแขกให้?”

แต่เยวี่ยเมิ่งลี่ก็ยังไม่คิดจะขยับ และจู่ ๆ นางก็เปิดปากขึ้นพูด “พี่หยวนล่ะ! นี่มันการบรรลุของพี่หยวน! เขากลับมาแล้ว!”

หน้าของโจวเหว่ยเปลี่ยนสีไปทันทีก่อนเขาจะตะคอกขึ้น “พูดบ้าบออะไรของเจ้า? เย่หยวนมันตายในห้วงมิติสืบทอดไปนานแล้ว จะมาบรรลุอะไรได้ยังไง? ที่สำคัญต่อให้เป็นมัน การบรรลุระดับนี้จะเป็นของอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าได้ยังไงกัน?”

เยวี่ยเมิ่งลี่หันไปมองหน้าโจวเหว่ยก่อนจะพูดขึ้น “โจวเหว่ย หากนี่เป็นพี่หยวนจริง ๆ แล้วเจ้ายังคิดจะไล่เราออกไป เจ้าก็น่าจะรู้ถึงผลที่จะตามมาดีนะ!”

นั้นทำให้หน้าของโจวเหว่ยซีดลงทันที ตอนนี้หัวใจของเขาเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว

…………………………………………………….