คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 844
”แดร์ริล นายจะต้องอดทนไว้! นายต้องซึมซับเปลวเพลิงมนตราไว้ให้ได้” เดบร้าน้ำตาคลอเบ้าหัวใจของเธอปวดร้าว
เปลวเพลิงเย็นไร้มลทินคือเปลวเพลิงมนตราที่อัศจรรย์ที่สุดในโลกนี้
ใครก็ตามจะถูกแผดเผาเป็นเถ้าถ่านถ้าหากไม่ใส่ใจมัน!
แดร์ริลไม่อาจจะฝืนได้อีกต่อไป เขารู้สึกย่ำแย่!
ร้อน!
เขารู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งทั่วตัวราวกับถึงจุดเดือด!
แดร์ริลรู้สึกราวกับว่าเครื่องในของเขาถูกเผาไหม้เกรียมไปหมดแล้ว เขาไม่มีวันที่จะลืมความรู้สึกนี้ไปตลอดชีวิต!
“นายท่าน อดทนไว้!” จีเวลตะโกนดวงตาเธอแดงก่ำ
ใบหน้าของแดร์ริลเต็มไปด้วยเหงื่อไคลไหลเย็น ทั่วร่างกายของเขาถูกแผดเผา เขาไม่สามารถจะทนได้อีกต่อไป แต่ทันทีที่เขาได้ยินเสียงของจีเวลและเดบร้า เขาก็กัดฟันลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิเขาใช้กำลังภายในสยบเปลวเพลิงเย็นไร้มลทิน!
ในหัวของแดร์ริลนั้นว่างเปล่า เขาตั้งสติรู้ตัวว่าเขาจะต้องไม่ตายและเขาจะล้มเหลวไม่ได้!
ถ้าหากเขามาขาดใจตายในตอนนี้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปกับจีเวลและเดบร้า?
แดร์ริลสัมผัสได้ว่าเปลวเพลิงไร้มลทินกำลังดูดซับกำลังภายในของเขา!
‘ได้ เปลวเพลิงเย็นไร้มลทิน มาดูกันว่าแกกับพลังงานพิสุทธิ์ของฉันใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน!’
ดวงตาของแดร์ริลแดงเถือก ขณะเขาอดทนกับความเจ็บปวดร้อนแสบไปทั่วทั้งตัว แดร์ริลใช้วิชาพลังงานพิสุทธิ์และเริ่มต่อสู้กับเปลวเพลิงไร้มลทิน
เฮ้อ!
พลังงานทั้งสองอย่างประชันกันเพื่อซึมซับกันไปมา อย่างไรก็ตามพลังงานทั้งสองนี้ก็ไม่ทีท่าว่าจะยอมแพ้กันและยังคงประลองกันต่อไป
จีเวลกำหมัดแน่นขณะที่เธอส่งเสียงเชียร์แดร์ริล “นายท่าน สู้ ๆ คุณทำได้”
…
ในขณะเดียวกัน ประมาณพันกว่ากิโลเมตรทางตอนใต้ของเมืองหลวงแห่งโลกใหม่
มีภูเขาลูกหนึ่งถูกรายล้อมไปด้วยก้อนเมฆ มันดูเหมือนกับสรวงสวรรค์ มันถูกขนานนามว่า ภูเขาสุญญตา
มีตำหนักโบราณอยู่ใต้ภูเขา มันคือที่ตั้งของสำนักสุญตา!
สำนักสุญตาเป็นสำนักที่มีชื่อเสียง ไม่มีใครไม่รู้จักในโลกใหม่ มันคือพรรคของผู้ลอบสังหารที่เหี้ยมโหดและมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ที่ทุกคนหวาดกลัว!
สำนักนี้มีประวัติยาวนานมาเป็นพันปี แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าใครเป็นคนก่อตั้งมันขึ้นมาและไม่รู้ว่าพวกเขามีนักฆ่ากี่คน พวกเขาคือสำนักที่ลี้ลับมากที่สุด พวกเขาได้ลอบสังหารจอมยุทธระดับสูงมากมายในโลกใหม่!
มีตำนานเล่าขานในยุทธจักรว่าสำนักสุญตาไม่เคยพลาดถ้าหากพวกเขาต้องการจะลอบสังหารใครสักคน คนที่ตกเป็นเป้าหมายของพวกเขาต้องสิ้นลมหายใจอย่างไม่ต้องสงสัย!
หญิงสาวคนหนึ่งนั่งไขว่ห้างอยู่ภายในห้องโถงหลักของสำนักสุญตา
หญิงสาวคนนี้สวมใส่ชุดเดรสยาวสีดำรัดรูป เธอมีทรวดทรงไร้ที่ติ เธออายุประมาณ 20 ปี ผ้าคลุมสีดำที่ปกปิดใบหน้าของเธอมันแสดงให้เห็นเพียงแค่ดวงตาสดใสของเธอเท่านั้น
ใครก็ตามที่ได้มองใกล้ ๆ พวกเขาก็จะเห็นว่าใบหน้าซีกหนึ่งของหญิงสาวคนนี้ขาวโพลนราวกับหิมะ ไม่มีใครสามารถจะต้านทานได้เมื่อพวกเขาได้เห็นเธอ
ส่วนอีกซีกหนึ่งของใบหน้าเธอนั้นดำทมิฬราวกับน้ำหมึกหรือก้อนถ่าน!
หญิงสาวคนนี้คือ ลิลี่!
ในตอนที่สำนักประกายแสงโยนร่างของเธอทิ้งลงทะเล เธอคิดว่าเธอคงจะต้องตายอย่างแน่นอน เธอไม่ได้คาดคิดว่าจะถูกช่วยชีวิตไว้ได้จากฝีมือของเจ้าสำนักสุญตา
จากนั้นลิลี่ก็ได้เข้าร่วมกับสำนักสุญตาและยอมรับเจ้าสำนักเป็นอาจารย์ของเธอ เธอทุ่มเทอย่างหนักในการบ่มเพาะวิชาของเธอ
มัตเตโอแห่งสำนักประกายแสงได้ทำร้ายเธออย่างสาหัสสากรรจ์ ลิลี่จึงปฏิญาณตนว่าจะเป็นคนที่แข็งแกร่งทรงพลังมากขึ้น!
เธอจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อการล้างแค้น!
ลิลี่เฝ้าบ่มเพาะพลังทั้งวันทั้งคืน จนตอนนี้พลังของเธอพัฒนาขึ้นอย่างมากมายก่ายกอง! เธอสามารถเปล่งรัศมีที่ทรงพลังสง่างามออกมาได้
“ลิลี่”
เธอได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาเบา ๆ ขณะที่ผู้หญิงคนหนึ่งแต่งกายในชุดเดรสยาวสีม่วงเดินเข้ามาในห้องโถง
ผู้หญิงคนนี้อายุราวสามสิบเศษและเธอก็มีทรวดทรงที่วิจิตรงดงาม เธอดูเพริศพราย! อย่างไรก็ตามสายตาของเธอนั้นเย็นชา เรือนร่างของเธอเปล่งรัศมีที่เย็นยะเยือกอันจับต้องไม่ได้ออกมา
ผู้หญิงคนนี้คือเจ้าสำนักสุญตาและเป็นอาจารย์ของลิลี่เธอมีนามว่า เซเลสเต้ โทรเน่
“ท่านอาจารย์”
ลิลี่ก็ลุกขึ้นยืนทักทายทำความเคารพเธออย่างสุภาพนอบน้อมในทันที
เซเลสเต้พยักหน้าตอบรับและชมเชยขณะมองไปที่ลิลี่ “เธอพัฒนามาไกลมากลิลี่ ฉันภูมิใจในตัวเธอ ยังไงก็แล้วแต่ อย่าหักโหมเอาแต่จะบรรลุพลังของเธออย่างเดียว”
นับตั้งแต่ที่เธอมาถึงที่สำนักสุญตา ลิลี่ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ของเธอในการบ่มเพาะ เธอหักโหมมากจนกระทั่งใครเห็นก็ต้องปวดใจ
ลิลี่ยิ้มอ่อน ๆ เธอไม่สนใจ เพราะเธอต้องการที่จะบ่มเพาะพลังไปล้างแค้นมัตเตโอในอนาคต
ลิลี่ลุกขึ้นยืนและกล่าวถาม “ท่านอาจารย์ มีข่าวเกี่ยวกับแดร์ริลบ้างไหม?”
ตั้งแต่ที่เธอได้เข้าร่วมกับสำนักสุญตา ลิลี่ก็ร้องขอให้เซเลสเต้ตามหาข่าวคราวเกี่ยวกับแดร์ริล
ถึงแม้ว่าเธอจะมีหน้าตาอัปลักษณ์ และเธอไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับแดรืริล แต่เธอก็ยังคงคิดถึงเขาและอยากจะรู้ว่าแดร์ริลนั้นปลอดภัยสบายดี
“มี ฉันได้ยินข่าวเกี่ยวกับเขาแล้ว”