ตอนที่ 806

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หลิงฮันรีบวิ่งไปสถานที่นัดพบและเห็นเด็กสาวตัวน้อยมาถึงก่อนนานแล้ว และกำลังนั่งอยู่บนหินด้วยท่าทางเบื่อหน่ายและบุ้ยปากไม่พอใจ

เมื่อเห็นหลิงฮันกำลังมุ่งหน้ามาหา นางรีบพูดบ่นว่า “หลิงฮันช้าเกินไปแล้ว ปล่อยให้หนิวรอตั้งนาน!”

“ขอโทษขอโทษ!” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้หนิวช่วยข้าได้มากเลย”

สีหน้าของฮูหนิวกลายเป็นมีความสุขและปรบมือพูดอย่างร่าเริง “หนิวเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมที่สุดอยู่แล้ว!”

“แน่นอน!” หลิงฮันลูบหัวฮูหนิว เด็กสาวตัวน้อยคนนี้พิเศษเกินไป

“ไปดูของที่พวกเราเก็บเกี่ยวมาได้กันเถอะ!” หลิงฮันและฮูหนิวเข้าไปในหอคอยทมิฬและเรียกเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมา ซึ่งนางกำลังอุ้มหลิงเจี้ยนเสวี่ยนอยู่ และมารวมตัวกันอยู่ด้านหน้าศิลาโลหิตมังกรขนาดใหญ่

“แอ๊ แอ๊!” หลิงเจี้ยนเสวี่ยนส่งเสียงร้องและพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน

“หืม?” หลิงฮันรู้สึกแปลกใจ “หรือว่าเจ้าตัวน้อยของพวกเราจะรู้สึกได้ถึงพลังของศิลาโลหิตมังกร?” เขาหยุดพูดและพูดต่อว่า “สวินเสวี่ยนปล่อยเขาลง” แน่นอนถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเขาสามารถควบคุมได้หมดเพราะอยู่ภายในหอคอยทมิฬ

เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนวางลูกของนางลงบนพื้น และเจ้าตัวน้อยก็ใช้มือและเท้ารีบคลานไปที่ศิลาโลหิตมังกร

แม้ว่าลูกของพวกเขาจะมีอายุไม่ถึงหนึ่งปี แต่ก็สามารถคลานได้อย่างรวดเร็ว และไปหยุดอยู่ที่ด้านหน้าศิลาโลหิตมังกร แล้วใช้มือทั้งสองข้างปีนขึ้นไป หลังจากที่อยู่ด้านบนสุดแล้ว เจ้าตัวน้อยก็หลับสบายเหมือนกับราชันเห็บยักษ์ก่อนหน้านี้

หลิงฮันสังเกตเห็นได้ทันทีว่ามีลวดลายมังกรส่องแสงกระพริบอยู่บนร่างของลูกเขาและพลังของมันไหลเวียนเข้าไปในร่างกายอย่างต่อเนื่อง

ยิ่งดูซับโลหิตมังกรมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

สำหรับลูกหลานของมังกร โลหิตมังกรถือว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่ามากและหาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง

หลิงฮันเดินเข้าไปดูและวางมือลงบนศิลาโลหิตมังกร ทันใดนั้น กายาเก้ามังกรทรราชของเขาถูกกระตุ้นทันที และดูดซับพลังของศิลาโลหิตมังกรเข้ามาในร่างกายของเขาไม่หยุด ทำให้กายหยาบของเขายกระดับขึ้นเล็กน้อย แต่พลังกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปเขาอาจจะทะลวงผ่านระดับสวรรค์ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องดีถ้าเขาแข็งแกร่งเร็วเกินไป เขาจำเป็นต้องควบคุมพลัง นั่นเป็นเพราะในชีวิตที่แล้วเขาเป็นแค่จอมยุทธระดับสวรรค์ที่มีพลังต่อสู้ไม่แข็งแกร่งนัก

อาจกล่าวได้ว่าการทะลวงผ่านระดับสวรรค์เหมือนเขาวกกลับมาจุดเริ่มต้นเดิม และเหนือกว่าตัวเองในชีวิตที่แล้ว ซึ่งเขาใช้เวลาแค่ห้าปีเท่านั้นที่จะมาถึงจุดนี้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับฝัน

หลังจากที่ไปถึงจุดสูงสุดของระดับก้าวสู่เทวา เขาจำเป็นต้องสร้างรากฐานให้แข็งแกร่งก่อนที่จะทะลวงผ่าน ไม่เช่นนั้นมันอาจจะมีผลกระทบอย่างมาก

หลิงฮันดึงมือกลับมาและพูดว่า “หอคอยน้อย ลูกของข้ากำลังดูดซับพลังของศิลาโลหิตมังกรใช่หรือไม่?”

หอคอยน้อยตัวออกมาและพูดเสียงแผ่วเบาว่า “กายหยาบของเขาดีมาก ดีกว่าเจ้าเสียอีก เจ้าน่าจะตายไปซะจะดีกว่า ลูกของเจ้าจะได้เป็นผู้สืบทอดหอคอยทมิฬและจะต้องเหนือกว่าเจ้าอย่างแน่นอน”

ปากเสีย!

ปากของหลิงฮันกระตุก เจ้าจะชมลูกข้าทั้งทีทำไมต้องดูหมิ่นข้าด้วย? คอยดูเถอะสักวันหนึ่งข้าจะทำให้เจ้าคุกเข่าลงต่อหน้าข้า

แต่ไม่มีปัญหา ลูกของเขานอนหงายและกำลังดูดซับพลังของศิลาโลหิตมังกร และไม่มีใครรู้ว่าเมื่อรากฐานวิญญาณเขาตื่นขึ้นมาจะอยู่ในระดับใด…ระดับบุปผาผลิบาน? หรือว่าจะเป็นระดับตัวอ่อนวิญญาณ?

พวกหลิงฮันทั้งสามคนออกมาจากหอคอยทมิฬ แน่นอนว่าสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดจะต้องเป็นเขี้ยวมังกร ในทางตรงกันข้าม แค่เขาได้ศิลาโลหิตมังกรมาก็คุ้มค่าแล้ว

“โฮกกกกกกกกก!” ทันทีที่พวกเขาออกมาจากหอคอยทมิฬ พวกเขาได้ยินเสียงคำรามที่น่าสะพรึงกลัวดังขึ้นมาและกระทบกับผิวของพวกเขาอย่างกับคลื่นน้ำ

มันเป็นเสียงของราชันเห็บยักษ์ เมื่อมันกลับมา มันก็พบว่าศิลาโลหิตมังกรนั้นหายไปแล้ว แน่นอนมันต้องโกรธจนบ้าคลั่งและอาละวาดอย่างรุนแรงอย่างกับจะทำลายสวรรค์และปฐพี

“ไป!” พวกหลิงฮันทั้งสามคนรีบจากไปอย่างรวดเร็ว การดำรงอยู่ของมันเทียบได้กับราชันซากศพสิบห้าตายหากเข้าไปยุ่งกับมันเป็นเหมือนกับการรนหาที่ตาย และเป็นเรื่องโง่มากที่จะทำเช่นนั้น หลังจากที่วิ่งหนีมาได้ร้อยไมล์ แม้ว่าจะได้ยินเสียงคำรามของมันอยู่ แต่คลื่นเสียงของมันก็ไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาอีกต่อไป

มันคือสัตว์อสูรระดับทลายมิติ แค่เสียงคำรามของมันก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับจอมยุทธระดับสวรรค์ได้แล้ว

หลังจากที่พวกเขาวิ่งหนีมาอีกหลายร้อยไมล์ ในที่สุดพวกเขาก็ไม่ได้ยินเสียงคำรามของมันอีกต่อไป โชคดีที่มันไม่อาลาวาดไปทั่ว ไม่เช่นนั้นแม้แต่ดาบสังหารจะสามารถต่อกรกับมันได้หรือไม่?

ตอนนี้พวกเขาไม่สนใจหญ้าโลหิตมังกรหรือศิลาโลหิตมังกรอีกต่อไปแล้ว และตั้งเป้าไปที่เขี้ยวมังกรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาใช้เวลาไปเท่าไหร่แล้วในชั้นนี้

สองวันต่อมา พวกเขาก็มาถึงจุดสิ้นสุดของชั้นที่สาม มันไม่มีทางขึ้นที่ก่อตัวมาจากกระดูกอีกต่อไปมีแค่ทางเชื่อมที่อยู่ด้านหน้า นั่นคือมหาสมุทรเปลวเพลิง

“โอ้ว ในที่สุดเจ้าก็มาถึงพวกข้ากำลังรอคอยเจ้าอยู่เลย!” ฉือชิ่วเหรินเดินมาพร้อมกับแสยะยิ้มและยืนขวางทาง

หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ถ้างั้นข้าคงต้องพูดขอโทษที่ทำให้พวกเจ้าต้องรอ!”

“ไม่จำเป็น เพียงแค่ใช้ชีวิตของเจ้ามาไถ่โทษก็เพียงพอแล้ว” ราชันดาบน้อยกล่าวอย่างเย็นชา

“นั่นคงจะมากเกินไป ข้าให้ความสำคัญชีวิตของข้าเป็นอย่างมาก และไม่คิดที่จะมอบให้กับพวกเจ้า” หลิงฮันมองพวกมันทั้งสี่คนด้วยสายตาเย็นชา

ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบัน เขาไม่เกรงกลัวพวกมันทั้งสี่คน แม้ว่าพลังต่อสู้จะไม่เพียงพอ กายหยาบจะฟื้นฟูไม่ทัน แต่เขาจะเป็นคนที่ได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย ทว่าพวกมันทุกคนมีพลังต่อสู้ที่เหนือกว่าระดับตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกระบี่ไร้เทียมทาน ขวานภูผาวารี ซึ่งอาจเทียบได้กับราชันเห็บยักษ์

หลิงฮันรีบจัดลำดับความสำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเขี้ยวมังกร ส่วนพวกมันสี่คนค่อยจัดการทีหลังก็ได้

“ตายซะ!” ฉือชิ่วเหรินไม่รีรอและเปิดฉากโจมตีใส่หลิงฮันทันทีด้วยกระบี่ไร้เทียมทาน ขณะเดียวกันบุตรแห่งสายฟ้าก็โจมตีใส่หลิงฮันด้วยขวานภูผาวารี

หลิงฮันพาเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและฮูหนิวเข้าไปในหอคอยทมิฬ นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายรู้ถึงการดำรงอยู่อุปกรณ์มิติระดับสวรรค์แล้ว และไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปถ้าเขาจะใช้ต่อหน้าพวกมัน

“คิดจะหนีเรอะ? เจ้าคิดง่ายเกินไปแล้ว!”  จักรพรรดิดาบน้อยแสยะยิ้ม และโจมตีหลิงฮันด้วยเจตจำนงแห่งดาบ

ตงหลิงเอ๋อเองก็โจมตีหลิงฮันด้วยดาบ แม้นางจะยังไม่เข้าใจแก่นแท้แห่งดาบ แต่นางมีพลังแห่งสายเลือด และมีปีกของวิหคเพลิงงอกออกมาจากด้านหลังของนาง

ทั้งสี่คนปิดล้อมทางหนีของเขาพร้อมกัน บวกกับกระบี่ไร้เทียมทานและขวานภูผาวารีด้วยแล้ว อาจพูดได้ว่าเขาไม่อาจต้านทานได้ คงจะมีแค่จอมยุทธระดับทลายมิติเท่านั้นที่สามารถทะลวงผ่านพวกเขาไปได้

หลิงฮันนำดาบสังหารออกมาและพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้างั้นข้าจะแสดงให้เจ้าได้เห็น!”