ตอนที่ 12 ขุมทรัพย์ของจักรพรรดิเก้าเมฆา โดย Ink Stone_Fantasy
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ทะลุอากาศเดินทางกลับไปอย่าง
“เขากระบี่สวรรค์” ตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า มองดูเขากระบี่สวรรค์ที่ทอดยาวต่อเนื่องกันตรงหน้า บัดนี้เขากระบี่สวรรค์ปรักหักพังไปหมด สถานที่หลายแห่งยังคงมีเปลวเพลิงลุกโชน แม้ศึกใหญ่ครั้งนี้จะยุติลงแล้ว แต่ความเสียหายของเขากระบี่สวรรค์นั้นมากมายยิ่งนัก แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดก็ยังต้องสิ้นใจ ประมุขยอดเขา ผู้บูชาและผู้อาวุโสมากมายก็สู้จนตัวตายไปไม่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงศิษย์จำนวนมากเลย
สวบ
เงาร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงกะพริบวาบคราหนึ่งก็มาถึงยอดเขาแห่งหนึ่ง ที่นี่มียอดฝีมือกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ พวกเขากำลังคุ้มกันบุรุษอาภรณ์สีดำวัยกลางคนผู้หนึ่งซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลาง
“ผู้อาวุโส” น้ำเสียงรื่นหูดังก้องขึ้น
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไป เป็นสตรีอาภรณ์สีแดงผู้นั้นนั่นเอง
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ลงมือ” สตรีอาภรณ์สีแดงอีจื่อพูดอย่างซาบซึ้งใจ “ก่อนหน้านี้ขอให้ผู้อาวุโสลงมือ แล้วผู้อาวุโสก็จากไป ข้ายังคิดว่าผู้อาวุโสไม่อยากสอดมือเข้ายุ่งเกี่ยวเสียอีก ตอนนี้คิดไปคิดมา…คงเป็นเพราะผู้อาวุโสไม่อยากพาพวกเราไปด้วยมากกว่า เพราะพาพวกเราไปด้วยก็รังแต่จะมีตัวถ่วงเพิ่มขึ้นมาเท่านั้นเอง”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ประมุขพรรคของพวกเจ้ารับปากจะมอบสมบัติล้ำค่าให้ข้า ข้าจะลงมือก็เป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดตามอำเภอใจ
คนอื่นๆ ในที่นั้นยังคงรู้สึกซาบซึ้งนัก
สมบัติล้ำค่าหรือ ต่อให้ล้ำค่ากว่านี้ก็เป็นเพียงของนอกกายเท่านั้น! หากตายไปแล้ว สมบัติล้ำค่าจะมากกว่านี้ก็ไร้ประโยชน์ สามารถช่วยเหลือพวกเขาชาวเขากระบี่สวรรค์ได้ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น ไม่เพียงแค่ช่วยเหลือประมุขพรรค แด่ยังช่วยเหลือทั้งพรรคเอาไว้อีกด้วย!
“ข้าน้อยจื่ออวี่ มิทราบว่าผู้อาวุโสมีสมญาว่ากระไรหรือเจ้าคะ” อีจื่อถามขึ้น จื่ออวี่คือสมญาของนาง อีจื่อคือชื่อตัว ชื่อตัวมีเพียงคนที่ใกล้ชิดอย่างยิ่งเท่านั้นจึงจะเรียกขานได้
“เฟยเสวี่ย” ตงป๋อเสวี่ยอิง
“ผู้อาวุโสเฟยเสวี่ย ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสเฟยเสวี่ยไล่สังหารประมุขหุบเขาเปลวอัคคีผู้นั้น การใหญ่สำเร็จหรือไม่เจ้าคะ” อีจื่อถาม
“เขาสิ้นใจไปแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงโพล่งขึ้นมา
บุคคลระดับสูงของเขากระบี่สวรรค์กลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่โดยรอบฟังแล้วก็ตื่นเต้นขึ้นมา ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีสิ้นใจแล้วหรือ ประมุขหุบเขาและรองประมุขหุบเขาเปลวอัคคีสิ้นใจไปกันหมดแล้ว คนที่หลงเหลืออยู่นั้นไม่ควรค่าแก่การใส่ใจ เชื่อว่าศิษย์ของหุบเขาเปลวอัคคีที่หนีเอาชีวิตรอดเหล่านั้นล้วนแต่ไม่กล้ารั้งรออยู่ในฐานที่มั่น คงจะหนีไปตามที่ต่างๆ อย่างรวดเร็ว ‘หุบเขาเปลวอัคคี’ ที่ต่อสู้กับพวกเขาชาวเขากระบี่สวรรค์มานานปีถึงเพียงนี้น่าจะจบสิ้นเพียงเท่านี้แล้ว!
“ผู้อาวุโสช่างเยี่ยมยอดโดยแท้ สามารถสังหารประมุขหุบเขาเปลวอัคคีได้ เกรงว่าอีกไม่นานชื่อเสียงคงจะขจรขจายออกไป” อีจื่อเอ่ยขึ้นมา นัยน์ตาของนางเปล่งประกาย พลังของยอดฝีมือตรงหน้าผู้นี้อยู่ในระดับเดียวกับบิดาของนาง ภายในดินแดนเก้าเมฆาก็เพียงพอจะเป็นผู้ทรงอำนาจทางฝ่ายหนึ่งได้แล้ว ยอดฝีมือใหญ่พรรค์นี้ต้องผูกสัมพันธ์เอาไว้
เช่นคารวะเข้าอยู่ในสำนักของเขา คารวะเขาเป็นอาจารย์ เช่นนั้นก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีก!
ขณะที่อีจื่อเกิดความคิดมากมายขึ้นมานั่นเอง บุรุษอาภรณ์ดำวัยกลางคนด้านข้างที่กำลังนั่งขัดสมาธิพลางรีดพิษวิญญาณออกมานั้นก็ลืมตาขึ้นแล้วมองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงพลางพูดขึ้นว่า “พี่เฟยเสวี่ย ช่วยข้าขับพิษวิญญาณออกไปหน่อยได้หรือไม่”
ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึงไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ ท่านกลัวว่าข้าจะฉวยโอกาสลงมืออย่างนั้นหรือ”
“ด้วยพลังของพี่เฟยเสวี่ย จะสังหารข้า พวกเขาหน้าไหนจะขัดขวางได้เล่า” ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์พูดขึ้น “พิษวิญญาณด้ายเงินโยงนี้อำมหิตเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้เพื่อจะทนต่อสู้ จึงถูกพิษล้ำลึกนัก ข้าจะรีดพิษเองก็ไม่มั่นใจเลย ดังนั้นจึงต้องขอให้พี่เฟยเสวี่ยช่วยเหลือ”
“ข้าลองดูหน่อยดีกว่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า คนอื่นๆ ล้วนหลีกทางไป
ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินไปถึงข้างกายประมุขพรรคกระบี่สวรรค์แล้วก็นั่งขัดสมาธิลงเช่นกัน เขายื่นมือออกไปตบไหล่ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์เบาๆ ทันใดนั้นคลื่นระลอกแล้วระลอกเล่าก็แทรกซึมเข้าไปในกายเขาอย่างรวดเร็ว ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ก็ไม่ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย
คลื่นระลอกนี้เข้าไปในทะเลแห่งการับรู้ของประมุขพรรคกระบี่สวรรค์แล้วปกคลุมวิญญาณของประมุขพรรคกระบี่สวรรค์เอาไว้อย่างรวดเร็ว
“รุนแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึงอยู่บ้าง
วิญญาณของประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ถูกเส้นสายสีเงินจำนวนมากแทรกซึมเข้าไปจนหมดอย่างรวดเร็ว มันแน่นขนาดและแผ่คลุมไปทั่ววิญญาณราวกับเส้นเลือดฝอยอย่างไรอย่างนั้น หากไม่มีตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ก็กดดันเอาไว้ไม่ได้อย่างแท้จริง…บวกกับการเดินทางไปยังดินแดนเก้าเมฆาก็ยากยิ่งนัก ยากมากที่เขาจะหายาถอนพิษได้ในระยะเวลาสั้นๆ เกรงว่าเขาคงจะต้องเอาชีวิตไปทิ้งด้วยเหตุนี้
“พี่เฟยเสวี่ยลงมือให้เต็มที่เถิด” ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์กล่าว
“อืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่งคลื่นระลอกแล้วระลอกเล่าแทรกเข้าไปภายในวิญญาณของอีกฝ่ายด้วยความระมัดระวัง
ระดับขั้นอย่างประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ วิญญาณก็แข็งแกร่งยิ่งนัก ต่อให้ตัดแบ่งเป็นสิบส่วน อีกเก้าส่วนที่เหลือดับสลายไปก็เป็นเพียงแค่การบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น! ดังนั้นระลอกคลื่นแทรกซึมเข้าไปภายในวิญญาณของประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ก็มิได้ทำร้ายอะไรมากนัก เพียงแต่เมื่อ ‘พิษวิญญาณด้ายเงินโยง’ นี้แทรกซึมเข้าไปภายในวิญญาณอย่างสิ้นเชิง จะขับออกไปกลับยากเย็นนัก
“ฟึ่บๆๆ” แผนภาพคลื่นจานของตงป๋อเสวี่ยอิงควบคุมระลอกคลื่นได้พิสดารยิ่งนัก เขาเริ่มผูกด้ายเงินขึ้นมา
ขณะเดียวกับที่เขากำลังช่วยขับพิษวิญญาณออกไปนั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สำแดงเคล็ดลับออกมาอย่างไร้สุ้มเสียง
วิ้ง
เนื่องจากเดิมทีเขาก็ส่งระลอกคลื่นจำนวนมากแทรกซึมเข้าไปในวิญญาณของประมุขพรรคกระบี่สวรรค์อยู่แล้ว แม้เคล็ดลับจะแทรกตัวเข้าไปด้วยเช่นกัน แต่ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์กลับไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย วิญญาณของเขาก็ไร้ซึ่งการโต้ตอบใดๆ
“มิใช่ศิษย์ของสองลัทธิใหญ่” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ “ทว่าก็ถูกต้องแล้ว ตามข้อมูลที่ได้มา ผู้แกร่งกล้าท้องถิ่นที่กลายเป็นศิษย์ของสองลัทธิใหญ่นั้นมีจำนวนน้อยนิดยิ่งนัก ข้าสามารถพบได้ว่าประมุขหุบเขาและรองประมุขหุบเขาเปลวอัคคีเป็นศิษย์ก็โชคดีมากแล้ว หากประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ก็เป็นศิษย์เช่นเดียวกัน เช่นนั้นก็จะประสบความสำเร็จเกินไปแล้ว”
การจะตามหาศิษย์สักคนนั้นเป็นเรื่องยากมาก
ข้อแรก
ระดับอย่างประมุขหุบเขาเปลวอัคคีและประมุขพรรคกระบี่สวรรค์นั้น ก็มีพลังระดับเจดีย์ดาวชั้นที่สี่เช่นเดียวกัน ตนไม่มีทางควบคุมและตรวจสอบอย่างไร้ร่องรอยได้แน่นอน จะต้องต่อสู้ซึ่งหน้าแล้วทำร้ายฝ่ายตรงข้ามจนสาหัสและผนึกกำลังเอาไว้ ทำให้อีกฝ่ายไร้การต่อสู้อย่างสิ้นเชิงจึงจะสามารถสำแดงเคล็ดลับออกมาได้! จู่ๆ ดินแดนเก้าเมฆาก็มียอดฝีมือคนหนึ่งโผล่มา แล้วลงมือกับบรรดาผู้ทรงอำนาจในบริเวณต่างๆ ทางแถบหนึ่งทันที…เดิมทีเรื่องนี้ก็สามารถทำให้เกิดข้อสงสัยด้วยตัวของมันเองได้โดยง่ายอยู่แล้ว! เมื่อถูกลัทธิใหญ่ทั้งสองจับตามอง ตนก็จะมิอาจรั้งรออยู่ในดินแดนเก้าเมฆาได้อย่างยาวนานแล้ว
ข้อสอง ศิษย์คนสำคัญพรรค์นี้ หากตายไปแล้ว ทางฝ่ายลัทธิก็ย่อมล่วงรู้ในทันที!และพวกเขาก็จะตรวจสอบว่าที่แท้แล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่
อย่างครั้งนี้ เป็นเพราะประมุขหุบเขาเปลวอัคคีเคลื่อนไหวมารุกรานเขากระบี่สวรรค์ เขากระบี่สวรรค์มียอดฝีมือช่วยเหลือ แล้วทำลายประมุขหุบเขาเปลวอัคคี นี่ก็เป็นเรื่องปกตินัก
หากจู่ๆ ผู้แกร่งกล้าแปลกหน้าลอบโจมตีหุบเขาเปลวอัคคีและสังหารประมุขหุบเขาเปลวอัคคีแล้วล่ะก็…
สังหารเพียงคนเดียวก็แล้วไปเถิด หากวันใดสังหารศิษย์คนสำคัญไปอีกสักคน เกรงว่าทางลัทธิก็คงจะสงสัยเช่นกัน เพราะพวกเขาให้ยอดฝีมือซึ่งมีพลังระดับเจดีย์ดาวชั้นที่สี่กลายเป็นศิษย์ ก็ต้องทุ่มเทอะไรไปมากมาย หากเป็นศิษย์ระดับฐานราก จะตายก็ตายไปเถิด แต่ศิษย์คนสำคัญพรรค์นี้แต่ละคนนั้นล้วนแต่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก สถานะยังสูงส่งกว่าทูตทิพย์ทั่วไปเสียอีก
“ศึกระหว่างสองลัทธิใหญ่และโลกทิพย์ทั้งสามจะต้องระมัดระวัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “จะทำตัวโอหังโดดเด่นเกินไปมิได้ จะต้องทำตามน้ำไป”
ดังเช่นครั้งนี้ ตนก็จัดการประมุขหุบเขาเปลวอัคคีไปตามน้ำ
……
พิษวิญญาณของประมุขพรรคกระบี่สวรรค์นั้นซับซ้อนมาก ทว่าสิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงฝึกนั้นเป็นถึงศาสตร์ลับด้านบริเวณซึ่งแข็งแกร่งที่สุดของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งวังทวีสูญ หากทุ่มเทสุดกำลังจริงๆ เพียงชั่วจอกชาเดียวก็เพียงพอแล้ว ทว่าเขากลับใช้เวลากว่าครึ่งเดือนด้วยความอดทนอย่างมาก เพื่อช่วยประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ขับพิษวิญญาณออกไปจนสิ้น
“โครมมมม…”
ตงป๋อเสวี่ยอิงและประมุขพรรคกระบี่สวรรค์เดินออกมาจากห้องเงียบที่เก็บตัวอยู่ ด้านนอกมีบุคคลระดับสูงของพรรคกระบี่สวรรค์คอยท่าอยู่นานแล้ว แม่นางอีจื่อผู้นั้นก็อยู่ด้วยเช่นกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า มีพี่เฟยเสวี่ยช่วยเหลือสุดกำลัง ข้าจึงขับพิษวิญญาณนั่นออกไปได้จนเกลี้ยงแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า…” เสียงหัวเราะของประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ดังเป็นระลอก
“ยินดีกับท่านประมุขพรรค ยินดีกับท่านประมุขพรรคด้วย” บุคคลระดับสูงของพรรคกระบี่สวรรค์แต่ละคนในที่นั้นล้วนตื่นเต้นเหลือแสน เพราะประมุขพรรคกระบี่สวรรค์เป็นเสาหลักของทั้งพรรค ตอนแรกสุดก็เป็นเขาที่บุกเบิกลัทธิขึ้นมา อีกทั้งผู้อาวุโสสูงสุดก็สู้จนตัวตายไปแล้ว หากประมุขพรรคยังต้องมาสิ้นใจด้วยพิษวิญญาณอีก ขั้นรวมเป็นหนึ่งระดับยอดไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว เช่นนั้นพรรคกระบี่สวรรค์ก็จะต้ออง
“ยินดีกับท่านพ่อด้วย ขอบคุณผู้อาวุโสเฟยเสวี่ยเจ้าค่ะ” แม่นางอีจื่อรีบเอ่ยขึ้นทันที
“ฮ่าฮ่า ถอยกันไปให้หมดเถอะ ข้ากับพี่เฟยเสวี่ยยังมีบางเรื่องที่ต้องสนทนากัน อีจื่อ ไปเตรียมของกินมาทีสิ” ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์กำชับ ให้บุตรสาวของประมุขพรรคตระเตรียมอาหารมาปรนนิบัติด้วยตนเอง จะเห็นได้ว่าประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ให้ความสำคัญกับตงป๋อเสวี่ยอิงเพียงใด
ไม่นานนัก
คนอื่นๆ ภายในลานก็ถอยออกไปจนหมด
ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งลงตรงข้ามกับประมุขพรรคกระบี่สวรรค์
“พี่เฟยเสวี่ย บุญคุณช่วยชีวิตในครั้งนี้ ข้ายากจะตอบแทน” ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์รำพึง ครั้งนี้เขายังคิดว่าจะต้องจบเห่กันไปแล้ แม้แต่พรรคก็ยังต้องดับสลาย แต่บัดนี้สถานการณ์กลับพลิกไปแล้ว
“มีเพียงขุมทรัพย์ของจักรพรรดิเก้าเมฆาเท่านั้น ที่ข้าอาจจะสามารถช่วยเหลือพี่เฟยเสวี่ยได้” ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์กล่าว
“ขุมทรัพย์ของจักรพรรดิเก้าเมฆาหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกใจ
“ท่านยังมิได้ตรวจดูสมบัติล้ำค่าที่ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีทิ้งเอาไว้ใช่หรือไม่” ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ก็สงสัยขึ้นมาบ้าง
“หลังข้าสังหารเขาแล้ว ก็ช่วยท่านขับพิษวิญญาณมาโดยตลอด จึงยังมิทันได้ตรวจดู” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว เขาพูดพลางหยิบกำไลเก็บวัตถุอันหนึ่งขึ้นมาก่อนจะหลอมแปรแล้วตรวจสอบทันที ในบรรดาสมบัติจำนวนมากภายในกำไลเก็บวัตถุ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พบสิ่งที่เขาต้องการอย่างรวดเร็ว…นั่นก็คือปิ่นสีทองอันแปลกพิสดาร
ตงป๋อเสวี่ยอิงพลิกมือคราหนึ่ง ในมือก็มีปิ่นทองเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น
“ขุมทรัพย์ของจักรพรรดิเก้าเมฆา” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ นัยน์ตาเป็นประกายขึ้นมา
จักรพรรดิเก้าเมฆา…
คือเทพจักรวาลซึ่งมีชื่อเสียงอย่างยิ่งในยุคโลกทิพย์โบราณดั้งเดิม พลังของเขาจัดเป็นอันดับต้นๆ ในบรรดาสิ่งมีชีวิตระดับยอดสุด ทว่าท่ามกลางสงครามครั้งสุดท้ายซึ่งทำให้ทั้งโลกทิพย์โบราณดั้งเดิมแตกออกเป็นเสี่ยงๆ นั้น จักรพรรดิเก้าเมฆาก็บาดเจ็บสาหัสเช่นเดียวกัน หลังบาดเจ็บสาหัสได้ไม่นานเท่าไหร่ก็สิ้นใจและตกต่ำลง เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บสาหัสเกินไป หากพูดอย่างจริงจังแล้ว ก็นับว่าสิ้นใจด้วยน้ำมือของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง
ตอนนั้นโลกทิพย์โบราณดั้งเดิมแตกสลาย จักรพรรดิเก้าเมฆาอาการบาดเจ็บสาหัส และรู้ตัวเองดีว่าจวนจะสิ้นใจอย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้นก่อนจะสิ้นใจ เขาจึงได้ตรงดิ่งมาทางดินแดนเก้าเมฆาซึ่งอยู่ ณ ส่วนลึกของอากาศอันสับสนอลหม่าน และได้วางขุมทรัพย์ไว้บนดินแดนเก้าเมฆาถึงสิบหกแห่งด้วยกัน! ทั้งยังทิ้งปิ่นทองเอาไว้บนดินแดนเก้าเมฆาทั้งหมดสามสิบเล่ม และได้เผยแพร่ข่าวนี้ออกไป…
ขอเพียงสามารถเก็บรวบรวมปิ่นทองได้จนครบห้าเล่มก็จะสามารถกระตุ้นค่ายกลขึ้นมาได้ และจะถูกส่งถ่ายเข้าไปภายในขุมทรัพย์แห่งหนึ่ง!
แต่ทว่า…
เทพอากาศจึงจะสามารถเข้าไปได้ และอย่างมากที่สุดก็สามารถเข้าไปได้เพียงห้าท่านเท่านั้น!
ทุกครั้งหลังจากส่งถ่ายแล้ว ปิ่นทองก็จะกระจายตัวไปอยู่ตามที่ต่างๆ ทั่วทั้งดินแดนเก้าเมฆา
……
ดังนั้นตลอดคืนวันอันยาวนานที่ล่วงเลยมา เนื่องจากมีปิ่นทองอยู่ถึงสามสิบเล่ม จึงมีผู้ที่เก็บรวบรวมปิ่นทองได้ครบห้าเล่มอยู่หลายครั้ง มีผู้แกร่งกล้าเข้าไป และถึงขั้นเคยมีผู้แกร่งกล้าขั้นอลวนเข้าไปด้วย ทว่าขุมทรัพย์ทั้งสิบหกแห่ง ไม่ว่าขุมทรัพย์แห่งใดก็ตาม คิดจะได้มาทั้งหมดก็ยากยิ่งนัก โดยทั่วไปก็ได้เพียงส่วนหนึ่งมาเท่านั้น แต่ผ่านวันคืนอันยาวนาน เข้าไปครั้งแล้วครั้งเล่า เกรงว่าขุมทรัพย์ทั้งสิบหกแห่งคงจะถูกนำไปเป็นส่วนใหญ่แล้ว แต่ขอเพียงปิ่นทองยังคงอยู่ ก็หมายความว่าขุมทรัพย์ยังคงอยู่เช่นเดียวกัน!
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นสิ่งมีชีวิตระดับสุดยอดซึ่งพลังจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของยุคโลกทิพย์โบราณดั้งเดิม
หากพูดถึงพลังแล้ว เป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่าพวกบรรพชนห้วงอากาศและบรรพชนเทียนอวี๋เสียอีก
“ท่านทราบว่าประมุขหุบเขาเปลวอัคคีมีปิ่นทองด้วยหรือนี่” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
“ตอนนั้นข้าและประมุขหุบเขาเปลวอัคคีคนก่อนพบปิ่นทองสองเล่มพร้อมกัน” ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์กล่าว “พวกเราตกลงกันไว้ดิบดีว่าจะแบ่งกันคนละเล่ม แต่เพิ่งจะแบ่งปิ่นทองกัน เขาก็ลอบโจมตีข้า แม้ข้าไม่มีจิตคิดที่จะลอบโจมตี แต่กลับลอบป้องกัน! การต่อสู้ครั้งนั้นเขาพ่ายแพ้และตัวตายไปในท้ายที่สุด ทว่าการต่อสู้ครั้งนั้นดุเดือดยิ่งนัก ระหว่างที่เขาเคลื่อนที่ในพริบตาหนีไปก็ได้แอบซ่อนปิ่นทองเอาไว้ แม้ข้าจะไล่ตามเขาไปและสังหารเขา แต่กลับหาปิ่นทองไม่พบ ข้าเดาว่าเขาต้องแจ้งจุดที่ซ่อนปิ่นเอาไว้ให้ศิษย์เขาทราบแน่นอน หลังจากประมุขหุบเขาเปลวอัคคีคนก่อนตายไปแล้ว หุบเขาเปลวอัคคีและเขากระบี่สวรรค์ของข้าก็ได้กลายเป็นศัตรูตัวฉกาจต่อกัน”
“นี่ก็เพิ่งจะสองเล่มเท่านั้น ต้องใช้ปิ่นทองห้าเล่มจึงจะสามารถกระตุ้นการส่งถ่ายได้กระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว แน่นอนว่าเขาย่อมปรารถนาขุมทรัพย์เป็นอย่างยิ่ง!
มาถึงดินแดนเก้าเมฆาเพื่ออะไรกัน ก็เพื่อสมบัติล้ำค่า! เพื่อที่จะแลกเปลี่ยนเอา ‘หัวใจหลิวเมฆาแดง’ ไปช่วยจิ้งชิวและอวี้เอ๋อร์ หากตนได้ขุมทรัพย์ที่เทพจักรวาลทิ้งเอาไว้เพียงส่วนเล็กน้อยอย่างยิ่ง ก็คงเพียงพอแล้วกระมัง
……………………………….