ซวงเสวี่ยยิ้มและค่อย ๆ กล่าวข้อมูลทั้งหมดที่เขามีเกี่ยวกับหยกขาวพันปีซึ่งถูกค้นพบโดยคนจากเทือกเขาหิมะ
ก่อนหน้านี้พวกเขาส่งคนกลุ่มเล็ก ๆ ออกไปฝึกยุทธ์และหาประสบการณ์ในทุ่งหิมะทางเหนือ
ดินแดนทางเหนือมีอสูรมายาระดับสูงและวัตถุหายากสำหรับปรุงโอสถมากมาย ทว่าในวันนั้นกลุ่มคนจากเทือกเขาหิมะบังเอิญค้นพบกับดอกบัวหิมะที่มีอายุอย่างน้อยหนึ่งร้อยปี
ดอกบัวดั่งกล่าวงอกอยู่บริเวณหน้าผาลึกในทุ่งหิมะทางเหนือและมันเบ่งบานเต็มที่ซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับจอมยุทธ์ทุกคน
แน่นอนว่าคนกลุ่มเล็ก ๆ เหล่านั้นสงสัยใคร่รู้และสนใจเกี่ยวกับดอกบัวหิมะที่พบในบริเวณแปลกเช่นนั้น พวกเขาต้องการเด็ดเอาดอกบัวดอกนั้นออกมา ทว่าเมื่อเข้าไปใกล้ พวกเขาก็พบบางอย่างที่ประหลาดและน่าทึ่งมาก
ต้นดอกบัวต้นนั้นมิได้งอกขึ้นจากรอยแยกในก้อนหินทว่าอยู่ในชิ้นหยกบนหน้าผา หยกชิ้นนั้นเป็นสีขาวโปร่งแสงและมีประกายแวววับราวกับว่ามันส่องแสงสว่างมานานอย่างน้อยหนึ่งร้อยปี
เมื่อเห็นหยกขาวชิ้นนั้น แน่นอนว่าทุกคนก็ต้องการครอบครองมันมาเช่นกัน
พวกเขามิได้สนใจสภาวะพลังโดยรอบและจับอาวุธของตนไว้มั่นก่อนเริ่มลงมือขุดอย่างช้า ๆ เพื่อพยายามขุดเอาหยกขาวชิ้นงามขึ้นมาโดยไม่ให้มันได้รับความเสียหาย
ไม่คาดคิดเลยว่าเมื่อขุดใกล้ถึงจุดที่ลึกที่สุด จู่ ๆ ก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมาและหยกขาวตรงหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนกลายเป็นเด็กหนุ่มที่มีอายุประมาณแปดถึงเก้าปี
เด็กหนุ่มมีท่าทีตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้คนที่รายล้อมรอบตัวก่อนเปลี่ยนกลายเป็นแสงสีขาวและหายวับไปต่อหน้าต่อตาพวกเขาทุกคน
กลุ่มคนจากเทือกเขาหิมะเหล่านั้นตกตะลึงไม่น้อยและรีบไล่ล่าตามไปในทิศทางที่แสงขาวนั้นหายไป ทว่าหลังจากใช้เวลาตามหาพักใหญ่ พวกเขากลับไม่พบเบาะแสใด ๆ เลย ในบริเวณลึกที่สุดของทุ่งหิมะทางเหนือก็เต็มไปด้วยอสูรมายาระดับพสุธาเซียนขั้นกลางและพวกเขาเหล่านั้นก็ไม่ได้มีพลังที่แข็งแกร่งนัก เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงไม่กล้ามุ่งหน้าลึกเข้าไปและรีบเดินทางกลับเทือกเขาหิมะเพื่อแจ้งเรื่องนี้ให้ซวงเสวี่ยทราบ
ซวงเสวี่ยเองก็มากความรู้และประสบการณ์ หยกขาวที่สามารถจำแลงร่างเป็นมนุษย์ได้นั้น นอกเหนือจากหยกขาวที่อายุหนึ่งพันปีขึ้นไป มันก็ไม่มีทางอื่นที่เป็นไปได้
เขาทราบคุณค่าของหยกขาวพันปีเป็นอย่างดีและต้องการคว้ามันมาครองให้ได้ เพียงแต่ด้วยพลังความสามารถของเทือกเขาหิมะเพียงอย่างเดียวนั้นเกรงว่าการตามหาและครอบครองหยกขาวพันปีมานั้นมิใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเหตุนั้นเขาจึงส่งคนออกไปจงใจกระจายข่าวให้ทราบโดยทั่วกันเพื่อกระตุ้นความสนใจของทุกคนให้มารวมตัวกันที่ทุ่งหิมะทางเหนือและช่วยตามหาหยกขาวพันปีให้พวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้น วัตถุศักดิ์สิทธิ์อย่างหยกขาวพันปีก็มิใช่สิ่งที่จะครอบครองมาได้ด้วยพลังที่แข็งแกร่งเท่านั้น ทว่ายังต้องให้มันเต็มใจยอมจำนนเช่นกัน เพราะเหตุนั้น แม้ว่าซวงเสวี่ยจะต้องการครอบครองของสิ่งนั้นมาก เขาก็ไม่ได้ตั้งความหวังไว้สูงนัก
เขาเพียงหวังว่าหากจอมยุทธ์จำนวนมากมารวมตัวกันและมุ่งหน้าเข้าไปในส่วนลึกของทุ่งหิมะทางเหนือด้วยกัน เขาอาจมีโอกาสทำสำเร็จดังที่ต้องการ
“กล่าวคือ…นอกเหนือจากการทราบว่าหยกขาวพันปีหายเข้าไปในส่วนลึกของทุ่งหิมะ ท่านก็ไม่มีเบาะแสอื่นอีก”
ฉินอวี้โม่มองซวงเสวี่ยและเชื่อว่าอีกฝ่ายมิได้ปิดบังสิ่งใด อย่างไรก็ตาม เพียงได้ฟังคำยืนยันว่ามันคือหยกขาวพันปีจริง ๆ นางก็มีความสุขมากแล้ว
“ถูกต้อง เราไม่มีเบาะแสอื่นเพิ่มเติมอีก ตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ ข้าได้สั่งให้คนของเทือกเขาหิมะสืบหาข่าวคราวเกี่ยวกับมันทว่าก็ไม่เป็นผล หยกขาวพันปีปรากฏให้เห็นเพียงในครั้งนั้นครั้งเดียวเท่านั้นและไม่เคยมีผู้ใดพบเห็นมันอีกเลย”
ซวงเสวี่ยพยักศีรษะและกล่าวด้วยน้ำเสียงจนปัญญาเล็กน้อย หยกขาวพันปีคือวัตถุลึกลับอย่างแท้จริง ราวกับมันรู้ตัวว่ามีคนพยายามตามหา นับตั้งแต่ปรากฏตัวครานั้น มันก็ไม่เคยปรากฏให้เห็นอีกเลย
“ดูเหมือนว่าการครอบครองหยกขาวพันปีมาจะไม่ง่ายเสียแล้ว”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบา ๆ แม้นางตระหนักดีว่ามันมิใช่เรื่องง่าย นางก็เชื่อมั่นว่านางจะทำสำเร็จให้จงได้ หยกขาวพันปีคือวัตถุดิบสำคัญในการปรับปรุงพัฒนาคฤหาสน์เฟิงหัวและเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ยังขาดอยู่ในตอนนี้ ตราบใดที่ได้หยกขาวพันปีมาครอง คฤหาสน์เฟิงหัวของนางจะได้พัฒนาและปรับโฉมใหม่เสียที เมื่อถึงตอนนั้น คุณสมบัติของคฤหาสน์หลังน้อยจะแกร่งกล้ามากขึ้นและประสิทธิภาพในการต่อสู้ของนางก็จะแข็งแกร่งมากกว่าแต่ก่อนเช่นกัน
“อันที่จริง ข้าเคยได้ยินว่าวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดมักมีสิ่งที่พวกมันชอบอยู่ใกล้และมีสถานที่ที่พวกมันชื่นชอบ ตราบใดที่เราสามารถระบุได้ว่าหยกขาวพันปีนั่นชอบอาศัยอยู่ในบริเวณใด ข้าเชื่อว่าเราจะพบพิกัดของมันได้ไม่ยาก”
เหมาซานกล่าวขึ้นมา นี่เป็นข้อมูลที่พวกเขาได้มาโดยบังเอิญ อย่างไรก็ตาม การคาดเดาว่าหยกขาวพันปีชื่นชอบสิ่งใดดูจะเป็นสิ่งที่ยากอย่างยิ่ง
ทว่าเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็มีบางสิ่งบางอย่างผุดขึ้นมาในความคิดของฉินอวี้โม่
ในเมื่อคนของเทือกเขาหิมะพบหยกขาวพันปีบนหน้าผาและมีดอกบัวหิมะงอกอยู่ข้างบน นั่นก็หมายความว่าหยกขาวพันปีจะต้องชื่นชอบที่สูง อากาศหนาวเย็นและพืชพรรณหายาก
นางรีบกล่าวข้อคาดเดานี้กับทุกคนทันทีและทุกคนก็พยักศีรษะอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยความเชื่อว่ามันมีความเป็นไปได้พอสมควร
“ในเมื่อหยกขาวพันปีหนีเข้าไปลึกในทุ่งหิมะทางเหนือแล้ว เราก็ต้องมุ่งหน้าเข้าไปที่นั่นด้วยกัน เมื่อถึงตอนนั้นเราก็ต้องมองหาที่ที่มีพืชระดับสูงและลักษณะภูมิประเทศที่สูงกว่าบริเวณอื่น เราอาจพบร่องรอยของหยกขาวพันปีที่ตามหาอยู่ที่นั่น”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและตัดสินใจในทันที ถึงอย่างไรในทุ่งหิมะแห่งนี้ก็มีของดีอยู่มาก แม้ว่าเดินทางเข้าไปแล้วจะไม่พบหยกขาวพันปี นางและคนอื่น ๆ ก็คงจะได้สมบัติติดไม้ติดมือกลับไปไม่น้อย
“ด้วยการที่มีท่านผู้นำและท่านฉินเฟิงอยู่ข้างกาย ครานี้เราจะมุ่งหน้าเข้าไปในส่วนลึกของทุ่งหิมะได้อย่างแน่นอน”
ซวงเสวี่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ก่อนหน้านี้เขาเคยนำกลุ่มคนออกเดินทางไปที่นั่นแล้ว ทว่าไปถึงได้เพียงแค่ครึ่งทาง เขาก็ถูกขัดขวางไว้โดยบรรดาอสูรพสุธาเซียนขั้นสูงที่เข้ามาห้อมล้อมทั้งสองฝั่ง
แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการให้เทือกเขาหิมะของตนต้องเผชิญกับความสูญเสีย ดังนั้นจึงได้ยอมถอนกำลังกลับออกมาทันที เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและรีบหนีห่างออกมาอย่างรวดเร็ว ทว่าครานั้นซวงเสวี่ยก็ยังได้รับบาดเจ็บเพราะการปะทะในระยะสั้นกับอสูรพสุธาเซียนขั้นสูงสองตัว เขาต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่จะพักรักษาตัวจนดีขึ้น
“มารยา..”
ด้วยเสียงเอ่ยเบา ๆ ร่างของมารยาก็ปรากฏกายถัดจากฉินอวี้โม่
มารยาเป็นอสูรธาตุน้ำแข็งและทุ่งหิมะทางเหนือนี้ก็เสริมพลังให้กับมันได้อย่างดีเยี่ยม ยิ่งไปกว่านั้น พลังการรับรู้ของมารยาในดินแดนเยือกเย็นแห่งนี้ก็จะพัฒนาขึ้นมาก ฉินอวี้โม่จึงเรียกอสูรสาวตัวนี้ออกมา
เมื่อเห็นสตรีงดงามปรากฏข้างกายผู้นำคนใหม่ของพวกเขา ซวงเสวี่ยและเหมาซานก็ตะลึงเล็กน้อย
“นี่คืออสูรมายาของข้า…มารยาซึ่งเป็นอสูรธาตุน้ำแข็ง ในทุ่งหิมะแห่งนี้ ต่อให้ต้องเผชิญกับอสูรพสุธาเซียนระดับสูงที่ว่านั่น นางก็สามารถรับมือได้”
ฉินอวี้โม่ยิ้มบาง ๆ ขณะกล่าวแนะนำมารยากับทุกคน
ซวงเสวี่ยและเหมาซานชะงักค้างไปทันทีที่ได้ยินว่าสตรีโฉมงามผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นอสูรมายาของฉินอวี้โม่ พวกเขาสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของมารยาและไม่เคยพบอสูรสาวที่งดงามชวนมองเช่นนี้มาก่อน
“นายท่าน ทุ่งหิมะของดินแดนทางเหนือแห่งนี้มีอสูรพสุธาเซียนขั้นสูงไม่ต่ำกว่าห้าตัว ระดับพสุธาเซียนขั้นกลางอีกนับสิบตัว ระดับพสุธาเซียนขั้นต้นหลายร้อยตัว และอสูรเซียนขั้นเก้าอีกนับไม่ถ้วน ท่านต้องระมัดระวังให้มากไม่ว่าจะทำสิ่งใด”
มารยาแผ่พลังการรับรู้ออกไปโดยครอบคลุมเกือบทั่วบริเวณทุ่งหิมะทางเหนือ มันสัมผัสได้ถึงสภาวะพลังบางอย่างที่คุ้นเคยจากดินแดนแห่งนี้ทว่ายังมิอาจเข้าใจได้ว่าคืออะไร มันจึงปล่อยให้ความรู้สึกนั้นค่อย ๆ จางหายไป
“เข้าใจแล้ว”
ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ พยักศีรษะตอบรับคำเตือนของมารยาในขณะที่ซวงเสวี่ยและเหมาซานสับสนงุนงงยิ่งกว่าเดิม นั่นเป็นเพราะมารยากล่าวถูกต้องทุกประการ สิ่งที่นางกล่าวเมื่อครู่คือสิ่งที่พวกเขาทั้งสองได้ยินมาก่อนหน้านี้แล้ว
“ข้ารู้สึกได้ว่าในส่วนลึกของทุ่งหิมะนี้ดูจะมีพืชที่มีพลังวิญญาณหนาแน่นอยู่ชนิดหนึ่ง ทว่าข้านึกชื่อของมันไม่ออก”
เมื่อพยายามสัมผัสอีกครา มันก็พบสถานที่ที่มีพลังวิญญาณหนาแน่นอยู่ในส่วนลึกของทุ่งหิมะและในสถานที่แห่งนั้นก็เหมือนจะมีพืชที่แผ่พลังวิญญาณที่เข้มข้นออกมา
“มันคือผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์”
เสี่ยวม่านที่แทบจะไม่ออกมาข้างนอกอดไม่ได้และปรากฏตัวออกมาจากคฤหาสน์เฟิงหัวอย่างกะทันหันพร้อมกล่าวตอบชื่อของพืชชนิดนั้น
“นายท่าน มันน่าจะเป็นผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน หากจอมยุทธ์หรืออสูรมายาที่มีคุณสมบัติธาตุน้ำแข็งดูดซับพลังงานจากมัน คนผู้นั้นจะสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองได้อย่างก้าวกระโดด !”
น้ำเสียงของพลับพลึงแดงเจือด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง ผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์เป็นพืชหายากอย่างยิ่ง และในแง่ของคุณภาพนั้นมันก็เทียบได้กับพลับพลึงแดง
ผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์มีพลังธาตุน้ำแข็งที่ทรงพลังอย่างยิ่ง หากจอมยุทธ์ที่บ่มเพาะพลังธาตุน้ำแข็งคนใดดูดซับพลังงานของมันไป ความแข็งแกร่งของคนผู้นั้นจะเพิ่มขึ้นสูงมาก
“นายท่าน ฉู่เจี๋ยใช้ผลผลึกน้ำแข็งนี้ได้ หากท่านครอบครองมันมาได้ บางทีพลังธาตุน้ำแข็งที่ทรงพลังของมันอาจปลุกให้ฉู่เจี๋ยตื่นขึ้นมา”
เสี่ยวม่านกล่าวต่อด้วยประโยคที่ทำให้ฉินอวี้โม่ตั้งตารอมันมากยิ่งขึ้น
ฉู่เจี๋ยที่พักฟื้นอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวของนางอยู่ในสภาวะไร้การตอบสนองมานานแล้วและไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมา ฉินอวี้โม่สัมผัสได้ว่าพลังของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องทว่ายังไม่มีสัญญาณใดบ่งบอกว่าเขาจะตื่นลืมตา
บัดนี้เมื่อพลับพลึงแดงกล่าวเช่นนี้ นางก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาก หากฉู่เจี๋ยตื่นขึ้นมาจริง ๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดียิ่งนัก แม้ไม่สามารถส่งข่าวแจ้งให้เสี่ยวเหยียน ตระกูลของฉู่เจี๋ยและสหายทั้งหลายได้ทราบ ทว่าเมื่อพบกับคราต่อไป การที่ได้เห็นว่าฉู่เจี๋ยฟื้นขึ้นแล้วจะทำให้ทุกคนมีความสุขอย่างแน่นอน
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะรับทราบ สำหรับผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์นี้ นางจะต้องครอบครองมาให้ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เห็นทีนางจะต้องมุ่งหน้าลึกเข้าไปในทุ่งหิมะทางเหนือให้จงได้
“นายท่าน ข้าขอเข้าไปในคฤหาสน์ก่อน หากข้าสัมผัสได้ถึงสิ่งใด ข้าจะส่งข่าวบอกท่านทันที ทว่าตอนนี้เจ้าหนูทั้งสองกำลังรอให้ข้าเข้าไปเล่นด้วย”
เสี่ยวม่านกล่าวพร้อมรอยยิ้มและกลับเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัว ตอนนี้เด็กน้อยชายหญิงตื่นแล้วและกำลังเล่นสนุกกัน หากมิใช่เพราะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์ เสี่ยวม่านก็คงไม่ปรากฏตัวออกมา
เมื่อมองดูอสูรมายาที่หายตัวไปอย่างรวดเร็วต่อหน้าฉินอวี้โม่และได้ยินบทสนทนาทั้งหมดเมื่อครู่ ซวงเสวี่ยและเหมาซานก็ยังคงชะงักนิ่งเล็กน้อย ดูเหมือนครานี้พวกเขาจะเป็นคนนอกที่ไม่รับรู้สิ่งใด
อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ไม่คิดที่จะอธิบายกับพวกเขาในตอนนี้ มันยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
“บางสิ่งบางอย่าง…พวกท่านจะได้ทราบในอนาคตข้างหน้า ข้ามิได้ต้องการปิดบังซ่อนเร้นจากพวกท่าน เพียงแต่มันยังมีหลายสิ่งที่ยังไม่ถึงเวลาต้องบอก”
สำหรับซวงเสวี่ย เหมาซานและคนอื่น ๆ เหล่านี้ ฉินอวี้โม่ยังไม่สามารถยืนยันความจงรักภักดีของพวกเขาได้ หากความลับเรื่องกายเทพมายาแพร่งพรายออกไป มันจะต้องนำพาปัญหาน่าปวดหัวมาอย่างแน่นอน เพราะเหตุนั้นนางจึงยังไม่คิดที่จะบอกพวกเขาจนกว่าจะยืนยันได้ว่าซวงเสวี่ยและเหมาซานภักดีต่อนางอย่างสัตย์จริง
“พวกเราเข้าใจ”
ซวงเสวี่ยและเหมาซานพยักศีรษะโดยไม่ถามให้มากความ พวกเขาเข้าใจดีว่าฉินอวี้โม่ไม่ธรรมดาอย่างที่เห็นภายนอกและตระหนักดีว่าตนเองยังไม่ได้รับความไว้วางใจจากนางมากพอ
“มารยา เจ้านำทางไปได้เลย”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าวให้อสูรสาวนำทางมุ่งหน้าลึกเข้าไปในทุ่งหิมะทางเหนือของดินแดนเทพมายา