ตอนที่ 359 โรคประสาทต้องได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณยายแน่ๆ + ตอนที่ 360 เหอปี้อวิ๋นคลั่งอีกแล้ว

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 359 โรคประสาทต้องได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณยายแน่ๆ + ตอนที่ 360 เหอปี้อวิ๋นคลั่งอีกแล้ว โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 359 โรคประสาทต้องได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณยายแน่ๆ

ไม่ต้องพูดถึงว่าเหอปี้อวิ๋นจะเจ็บปวดแค่ไหน จ้องอู่เหมยที่เอาแต่มองและไม่พูดอะไรออกมา ทำให้เธอโกรธจนต้องตะโกนออกไป “ยังไม่รีบบอกให้พี่แกลุกขึ้นมาอีก!”

อู่เหมยพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “หนูไม่ได้เป็นคนบอกให้พี่คุกเข่าสักหน่อย ผู้ชายไม่ยอมคุกเข่าง่ายๆ ผู้หญิงอย่างเราเองก็ควรจะทระนงตนไว้บ้าง ทำไมกระดูกพี่ถึงได้อ่อนแอแบบนั้นล่ะ พอบอกว่าจะคุกเข่าก็คุกเข่าจริงๆ ซะงั้น!”

ในใจของอู่เยวี่ยโกรธมาก แต่ก็ทำได้แค่ร้องไห้สะอื้นเสียงเบา ตอนนี้เธอไม่สามารถพูดอะไรได้ หวังพึ่งเหอปี้อวิ๋นให้ช่วยว่าอาจจะทำให้เธอหายโมโหได้บ้าง เธอจึงจำต้องคุกเข่าต่อไป!

“ก็เป็นเพราะเด็กบ้าอย่างแกที่วันๆ เอาแต่พูดจาไร้สาระไง พี่แกเป็นปกติดีจะเป็นโรคประสาทได้ยังไง? แค่ดูก็รู้ว่าแกอิจฉาพี่สาว ทนเห็นพี่สาวตัวเองได้ดีไม่ได้” เหอปี้อวิ๋นพยามดึงเธออยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะพูดอะไรอู่เยวี่ยก็ไม่ยอมลุกขึ้น เหอปี้อวิ๋นรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก และรู้สึกเกลียดชังอู่เหมยมากขึ้น

อู่เยวี่ยคิ้วขมวดทันที เหอปี้อวิ๋นแสดงท่าทีออกมาได้แย่มาก แค่คำเดียวว่ายัยเด็กบ้า คงแปลกถ้าคุณปู่และคุณพ่อได้ยินแล้วจะดีใจ อู่เยวี่ยผิดหวังในตัวเหอปี้อวิ๋นมาก ดูเหมือนเธอจะต้องพึ่งตัวเองแล้วล่ะ

เธอพูดอย่างสะอึกสะอื้น “เหมยเหมย พี่ขอโทษน้องด้วยนะ ขอร้องล่ะให้อภัยพี่เถอะ น้องจะด่าจะตบตีพี่ยังไงก็ได้ ขอแค่อย่าบอกว่าพี่เป็นโรคประสาทเลย เราสองคนเป็นพี่น้องแท้ๆ กันนะ หากว่าพี่เป็นโรคประสาท มันก็มีผลกระทบกับตัวเธอด้วย กระทั่งยังกระทบไปถึงเหวินฮุ่ยและเสี่ยวเชาด้วย”

อู่เจิ้งหงที่นั่งดูด้วยความสนุกก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เพราะลูกเป็นดั่งชีวิตของเธอ คำพูดของอู่เยวี่ยได้จี้จุดอ่อนของเธอเข้าพอดี หากมีผลเสียต่อลูกของเธอแม้แต่เล็กน้อยก็ตาม เธอจะไม่ยอมให้มันได้มีชีวิตต่อ

อู่เหมยพูดอย่างเย็นชา “พี่คะ ทำไมพี่จะต้องลากไปถึงจี้เหวินฮุ่ยกับอู่เชาด้วยล่ะคะ? พันธุกรรมของตระกูลอู่ ทุกคนต่างรู้ว่าดีมากแค่ไหน แต่หนูรู้สึกว่าที่สภาพจิตใจพี่ไม่แข็งแรง แปดสิบถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์คงเป็นเพราะได้พันธุกรรมมาจากฝั่งตระกูลคุณยาย”

พอโยนเรื่องไปให้ตระกูลเหอ อู่เหมยก็ไม่ได้เกิดความรู้สึกผิดเลย ตระกูลเหอน่ารังเกียจมากกว่าตระกูลอู่ เลี้ยงดูลูกหลานอย่างเหอปี้อวิ๋นมา ยังถือว่าเป็นตระกูลที่ดีอีกหรือ?

ทุกคนในตระกูลอู่ต่างรู้สึกโล่งใจ และพึงพอใจต่อคำพูดของอู่เหมยมาก ไม่ผิดเลย ที่ว่าพันธุกรรมของตระกูลอู่ทุกคนต่างรู้ว่าดีแค่ไหน ถ้าสิ่งไม่ดีต้องเป็นเพราะตระกูลอื่นแน่

เหอปี้อวิ๋นโกรธจนดวงตาแดงก่ำ เธอตะโกนด่าด้วยความโมโห “แกพูดบ้าอะไรอีก? ขนาดตอนนี้แม่ของฉันก็จะเอาไปใช้หลอกคนอื่นหมด แกยังให้ความเคารพต่อผู้หลักผู้ใหญ่บ้างไหม? ฉันจะสั่งสอนแกเอง!”

เหอปี้อวิ๋นอารมณ์โกรธปะทุขึ้นอย่างจริงจัง จึงหันไปคว้าเอาตะเกียบที่วางอยู่บนโต๊ะ ปาไปทางอู่เหมย แน่นอนว่าอู่เหมยไม่มีทางเป็นเด็กดีนั่งรอให้ถูกตีหรอก เธอกระโดดหลบไปอยู่ด้านหลังของอู่เจิ้งซือ จึงทำให้ตะเกียบหล่นกลางอากาศ และตกใส่จานผักจนกระเด็นเรี่ยราด

“หนูไม่ได้พูดอะไรผิด ถ้าสภาพจิตใจของแม่ปกติจริง ทำไมถึงได้ตีหัวพ่อจนแตกได้ล่ะคะ? วันนั้นท่าทีของแม่น่ากลัวมาก ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อคนได้ จนถึงตอนนี้ยังคงเป็นฝันร้ายของหนูอยู่เลย!”

อู่เหมยเอาแต่หลบอยู่ด้านหลังอู่เจิ้งซือ และคอยทำให้เหอปี้อวิ๋นโมโหไม่หยุด อู่เจิ้งหงนั่งมองอย่างสนุกสนานและยิ้มจนตาหยี ตี๋ชิวเยวี่ยเองก็เบื่อที่จะสนใจต่อเรื่องไม่เป็นเรื่อง สีหน้าท่าทางของคุณปู่และคุณย่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก เรื่องที่เหอปี้อวิ๋นทำร้ายอู่เจิ้งซือยังคงติดอยู่ในใจของเขาตลอด ราวกับเป็นเข็มที่ทิ่มแทง อู่เหมยเป็นดั่งคนที่พูดเรื่องนี้ขึ้น เพื่อย้ำเตือนว่าไม่ให้พวกเขาลืมเรื่องนี้

ส่วนเธอเอง หากจะต้องลำบากไปด้วย เพราะถูกคนกล่าวหาว่าเป็นโรคประสาท อู่เหมยก็ไม่สนใจเลยสักนิด แต่ถ้าเป็นโรคประสาทก็ดีไปอีกแบบ เอกสิทธิ์เยอะจะตาย!

คำพูดของอู่เหมยได้จุดประกายกองไฟในใจที่เหอปี้อวิ๋นพยามยามฝืนซ่อนมันเอาไว้ขึ้นมา เธอลืมคำพูดของแม่ตัวเองและอู่เยวี่ยไปหมดสิ้น ในตอนนี้สิ่งที่เธออยากทำที่สุด คือ การตีอู่เหมยอย่างโหดเหี้ยม!

…………………………………………………………………………………………..

ตอนที่ 360 เหอปี้อวิ๋นคลั่งอีกแล้ว

อู่เยวี่ยที่เห็นลักษณะวิกลจริตของเหอปี้อวิ๋นก็รับรู้ได้ถึงลางร้าย และเธอเองก็รู้สึกไม่พอใจต่อเหอปี้อวิ๋นที่ทำลายความหวังของเธอ ทำไมไม่หัดจำบ้างนะ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ถูกอู่เหมยยั่วโมโห และในตอนนี้ก็ยังอยู่ที่บ้านของคุณปู่และคุณย่าด้วย อีกทั้งอู่เหมยก็เพิ่งจะได้รับรางวัลมา แล้วเหอปี้อวิ๋นอาละวาดแบบนี้ กำลังหาที่ตายให้ตัวเองอยู่หรือ?

“แม่คะ ใจเย็นๆ ก่อน อู่เหมยแค่พูดจาไร้สาระ แม่จะไปโต้เถียงด้วยทำไมล่ะคะ?”

อู่เยวี่ยจึงทำได้แค่ลุกขึ้นด้วยตัวเอง ตอนนี้เรื่องของเหอปี้อวิ๋นสำคัญกว่า เธอจะไม่ยอมให้คุณปู่คุณย่ารังเกียจเหอปี้อวิ๋นไปมากกว่านี้เด็ดขาด เรื่องของเธอไว้ค่อยคุยทีหลัง

แต่การกระทำของเธอช้าไปหนึ่งก้าว อารมณ์โมโหเดือนดาลของเหอปี้อวิ๋นกำเริบขึ้นอย่างฉับพลัน โดยเฉพาะสภาพจิตใจของเธอในช่วงนี้ไม่ค่อยดีนัก ทนอึดอัดเก็บไว้มานาน คงต้องหาที่ระบายออกบ้าง!

“ฉันจะตีแกให้ตายยัยของชั้นต่ำ ฉันรู้ถึงสิ่งที่แกทำไปจนหมดแล้ว ถ้าฉันกับพี่สาวแกเป็นบ้า แล้วแกล่ะเป็นตัวอะไร?”

เหอปี้อวิ๋นพุ่งตัวเข้ามา เพราะจะจับตัวอู่เหมยมาสั่งสอนให้หลาบจำ โดยลืมไปจนหมดสิ้นแล้วว่าตอนนี้เธออยู่ในสถานะอะไรและสถานการณ์แบบไหน กระทั่งลืมไปแล้วว่าอู่เจิ้งซือยังไม่ได้ให้อภัยเธอ เพียงแค่ต้องการจะระบายความแค้นของเธอกับลูกสาวอันเป็นที่รัก จึงได้ทำหน้าตาโหดเหี้ยมน่ากลัว และไม่น่ามองเท่าไหร่

“นี่ไง คืนวันนั้นแม่มีท่าทีแบบนี้เลย แต่ก็น่ากลัวกว่าตอนนี้อีก!” อู่เหมยตะโกนเสียงดังและชี้ไปยังเหอปี้อวิ๋น และแสร้งทำท่าทางเหมือนกลัว เจ้าเด็กอ้วนอู่เชาพลางนึกถึงร่องรอยอันน่ากลัวบนคอของอู่เหมยในตอนนั้นขึ้นมาได้ เขาจึงสะดุ้งตกใจและสั่นสะท้านไปทั้งตัว

อู่เยวี่ยเป็นโรคประสาท อาสะใภ้รองก็เป็นโรคประสาท พระเจ้า! ต่อไปเขาคงไม่กล้าไปเหยียบที่บ้านของอาสองแล้ว!

คำพูดของอู่เหมยได้จุดประกายกองไฟในใจของทุกคนในตระกูลอู่ขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขามองไปทางเหอปี้อวิ๋นด้วยสายตาที่รังเกียจหนักกว่าเดิม จากความโหดเหี้ยมที่กระทำต่อสามีของตัวเองแล้ว ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะเป็นโรคประสาทจริงๆ แล้วดูลักษณะท่าทางของเธอในตอนนี้สิ เหมือนกับคนปกติตรงไหน?

“พอได้แล้ว เหอปี้อวิ๋น สร้างความวุ่นวายที่บ้านยังไม่พอ ยังมาอาละวาดที่นี่อีก ยังรู้สึกขายหน้าไม่พอเหรอ?” อู่เจิ้งซือไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป เขาลุกขึ้นยืนและตักเตือน ทั้งตัวของเขามีแต่ไอของความเยือกเย็นลอยออกมา

อู่เจิ้งหงเองก็พูดขึ้นตาม “สะใภ้รองนี่จริงๆ เลย ทำไมถึงได้เอาวัฒนธรรมของคนบ้านนอกเข้ามาสู่บ้านเราด้วย? บ้านเราถือได้ว่าเป็นตระกูลผู้มีความรู้ เธออย่าเอาแต่ทำตัววุ่นวายอาละวาดตามอารมณ์ตัวเองสิ น่าขายหน้าชะมัด!”

อู่เหมยยู่ปาก คนทั้งบ้านที่ไม่มีสิทธิ์จะต่อว่าเหอปี้อวิ๋นที่สุด ก็คือผู้หญิงคนนี้ หากบอกว่าทำตัววุ่นวายอาละวาดตามอารมณ์ตัวเอง ใครจะเทียบได้กับอู่เจิ้งหง?

เพียงแต่คำพูดนี้อู่เจิ้งหงกลับรู้สึกสบายใจ จะสนใจทำไมว่าเธอเป็นใคร ขอแค่สามารถโจมตีเหอปี้อวิ๋นได้ก็พอ!

มีแต่ไอเย็นที่ลอยออกมาจากตัวของอู่เจิ้งซือที่ได้ทำให้เหอปี้อวิ๋นตัวแข็งทื่อจนได้สติขึ้นมา เธอเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ในทันที และนึกถึงเมื่อครู่ที่เธออาละวาดออกไป ความรู้สึกของเหอปี้อวิ๋นในตอนนี้ราวกับจมลึกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง

ทั้งตัวถูกแช่จนเย็นยะเยือก รู้สึกผิดจนไม่รู้จะทำอย่างไร

ทำไมเธอถึงได้ตกหลุมพรางของยัยเด็กบ้านี่อีกแล้ว?

ครั้งนี้เธอจะทำอย่างไรดี?

คุณอู่ต้องไม่พอใจแน่ๆ เรื่องเมื่อครั้งก่อนยังไม่จบเลย!

อู่เยวี่ยพุ่งตัวเข้าไปหา ออกแรงบีบมือเหอปี้อวิ๋นอย่างแรง และพูดขอร้อง “แม่โมโหเพราะอู่เหมยเอาแต่หาเรื่อง ปกติแล้วแม่ไม่ได้เป็นแบบนี้ แม่จะอ่อนโยนเสมอ”

อู่เจิ้งหงพูดขึ้นอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน “เยวี่ยเยวี่ยอย่าพูดไร้สาระ ปกติป้าก็ไม่เห็นว่าแม่เธอจะอ่อนโยนได้เท่าไหร่เลย ดูที่ตีหัวพ่อเธอสิ หากคนอ่อนโยนจริงๆ คงไม่ทำอะไรที่โหดร้ายแบบนี้หรอก!”

เหอปี้อวิ๋นอยากจะตอบโต้กลับไปมาก และเธอเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไป เธอเองก็อยากจะตีหัวอู่เจิ้งหงสักครั้งด้วยแจกัน ทั้งบ้านก็มีแค่หญิงสาวคนนี้แหละที่เธอเกลียดที่สุด เพราะเอาแต่คัดค้านเธอทุกอย่าง

ภายใต้ความกดดันของคุณปู่อู่และอู่เจิ้งซือ ละครฉากนี้จึงได้หยุดลงอย่างกะทันหัน ทุกคนกลับไปนั่งประจำที่เดิมเพื่อทานข้าว แต่บรรยากาศกลับไม่เป็นเหมือนก่อนหน้านี้

…………………………………………………………………………………………..