DND.865 – พลิกหน้าตำราเก่าแก่
รองหลิวกล่าว
“จากที่หลานสาวของเจ้าพันธมิตรโจวบอกพวกนางบอกว่าพวกนางได้ถามลูกจ้างเด็กหญิงของร้านนั้น เขาคือเจ้าของร้านตงหลิน ข้าไม่รู้จักนามของเขา ข้าเพียงแค่จำได้ว่าเขาเป็นคนสกุลซือ มีคนเรียกเขาว่า ‘เจ้าของร้านซือ’ ”
“เจ้าหาข้อมูลของเขาก่อนจะไปที่นั่นจงจำไว้ว่าต้องสุภาพกับเขา เพราะต่อไปเจ้าพันธมิตรโจวจะต้องไปขอบคุณเขาด้วยตัวเอง ถ้าเขาทำให้คนผู้นั้นไม่ประทับใจ มันก็จะแย่หากเจ้าพันธมิตรโจวรู้เรื่อง เจ้าควรจะรู้ดีอยู่แล้วว่าพันธมิตรไม่ได้ขาดแคลนนายหน้า มีหลายคนอยากจะมาแทนที่เจ้า…”
รองหลิวเตือน
แต่จู่ๆรองหลิวก็สังเกตเห็นว่าเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างสีหน้าแปลกไปเขาดูเหมือนคนที่กำลังร้องไห้แต่ก็ยิ้มออกมาด้วย เขาหน้าเขียวและซีดในเวลาต่อมา มันค่อนข้างแปลกทีเดียว
“อะไรกัน?เจ้าไม่อยากทำรึ? เจ้ารู้สึกไม่ดีเพราะต้องเสียกำไรรึ?”
รองหลิวสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อเห็นท่าทางแปลกๆของอีกฝ่าย
เขาทั้งรำคาญและสับสนเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างควรจะเป็นคนที่มีความสามารถและเฉลียวฉลาด เขาสงสัยว่าเหตุใดเขาถึงมาห่วงกับแค่กำไรเล็กน้อย!
ในตอนนั้นเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างยิ้มออกมาโดยที่เขาไม่คาดคิด ซึ่งรอยยิ้มนั้นย่ำแย่กว่าใบหน้าร่ำไห้ในก่อนหน้านี้เสียอีก
“ท่านรองหลิวใยท่านไม่มาให้เร็วกว่านี้กัน?”
ในเมืองส่วนนอกมีเจ้าของร้านโอสถไม่ต่ำกว่าสิบร้านที่ถือสกุลซือ แต่มีแค่ร้านตงหลินร้านเดียวเท่านั้น นั่นแสดงว่าเจ้าของร้านก็คือซือหยูเซี่ยน! ตอนนี้เขายังอยู่ในหมู่คนโดยยังไม่ทันกลับไปไหน
“ฮื่ม!เจ้าไม่อยากทำล่ะสิ…ใช่หรือไม่?”
รองหลิวหรี่ตา
ในตอนนั้นเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างคิดว่าเหมือนได้ฆ่าตัวเองตายไปแล้ว…ทำไมต้องเป็นซือหยูเซี่ยนเล่า? มันบังเอิญขนาดนี้ได้ยังไง?
“ขะ…ข้า…”
เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
รองหลิวคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยและเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างจำทำได้อย่างง่ายดายแต่ตอนนี้เขากลับลังเล! มันคือการไม่รักษาหน้าต่อกัน โดยเฉพาะต่อหน้าคนมากมาย!
“ถ้าเจ้าไม่อยากทำก็ลืมไปเสียข้าจะได้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนอื่น”
รองหลิวเริ่มโมโห
เป็นเรื่องยากที่จะหานักปรุงยาแต่ไม่ใช่กับนายหน้าค้าโอสถ!เหตุหลักที่เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างเป็นหนึ่งในสามรายใหญ่ก็เพราะว่าเขารู้จักรองหลิว นั่นทำให้เขาได้โอสถจำนวนมากจากพันธมิตร และรองหลิวก็จะได้ส่วนแบ่งจากเขาเช่นกัน
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่รองหลิวจะหาคนมาแทนที่เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างและเป็นเพราะว่ามันยุ่งยากเล็กน้อย เขาจึงไม่เปลี่ยนคนบ่อยๆก็เท่านั้น
หากเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างใช้งานยากและกล้าดูหมิ่นเขาซึ่งหน้าเช่นนี้เขาก็คิดว่าเขาจะไปเยี่ยมนายหน้าลำดับสี่และให้คนผู้นั้นมาแทนที่เจ้าบ้านจันทร์กระจ่าง เขาไม่ได้ขาดทุนอะไร เพียงแค่ไม่สะดวกเท่านั้น
หลังรองหลิวพูดจบเขาหันหลังเตรียมจะจากไป
แต่เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างก็รีบตะโกนไล่หลังมา
“ช้าก่อน!ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากทำ แต่ข้าทำไม่ได้!”
เขาพูดคำที่คล้ายกับตอนที่พูดกับซือหยูแต่ครั้งนี้ เขาพูดให้ชวนสงสัย
รองหลิวขมวดคิ้ว
“อธิบายข้าให้กระจ่าง!”
เขารู้สึกว่าท่าทีของเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างค่อนข้างแปลกสัญชาตญาณบอกว่ามีบางอย่างอยู่เบื้องหลัง
หากเรื่องมาถึงขั้นนี้เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างทำได้แค่เล่าเรื่องทั้งหมด รองหลิวผงะไปข้างหลังเมื่อรู้ว่าเขาเพิ่งจะไล่ซือหยูไปเมื่อครู่ก่อน…เรื่องบังเอิญเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างเล่ารายละเอียดสั้นๆเขาไม่ได้กล่าวถึงสิ่งผิดพลาดที่ทำลงไป เขาเล่าให้ดูราวกับว่าซือหยูเป็นฝ่ายมาหาเรื่องอย่างไม่มีเหตุผล
แต่รองหลิวนั้นเผชิญโลกมามากเขาจับเท็จได้ในทันที
“อืม…เจ้าของร้านระดับต่ำมาที่นี่และเริ่มทำร้ายทหารของเจ้าโดยไม่มีเหตุผลสินะ?ฮื่ม จันทร์กระจ่าง เจ้าคิดว่าข้าโง่งั้นเรอะ? เจ้านั่นแหละที่เป็นคนหาเรื่องเขาเพื่อเอาใจไอ้คนสกุลเฟย!”
เขามองความจริงออกในพริบตา!เมื่อความจริงถูกเปิดเผย เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างตกตะลึงและหน้าซีด เขาไม่ตอบอะไร เขาเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปอย่างมาก
ถ้าเขาแค่อยากจะไม่ขายโอสถให้ซือหยูตามที่เจ้าของร้านเฟยบอกเขาก็เพิ่งแค่ปฏิเสธซือหยูไป แต่เขาได้ทำเกินไปและดูหมิ่นซือหยูหลายครั้ง
สุดท้ายเขาก็ได้ไปไกลจนถึงขั้นพยายามจะสั่งสอนซือหยูด้วยตัวเอง นั่นทำให้จ้าวเทวะสองคนของซือหยูปรากฏตัวออกมา และเรื่องก็มิอาจย้อนคืนได้อีกต่อไป!
เขาคิดไม่ตก…ข้าจะกอบกู้เรื่องราวยุ่งเหยิงเช่นนี้ยังไง?
“ข้าไม่สนว่าเจ้ามีอะไรต่อกันแต่เจ้าทำให้ข้าลำบาก เจ้าไม่ต้องมาหาข้าที่พันธมิตรปรุงยาอีกแล้ว…”
รองหลิวพูดอย่างเยือกเย็น
สิ่งที่เขาไม่ได้พูดก็คือเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างต้องจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเองจากนั้น ถ้าเขาไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างอีก เขาก็ไม่ต้องยุ่งกับเรื่องราวไปมากกว่านี้ แต่ถ้าเขาทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ เขาก็ทำได้แค่ต้องหาคนมาแทนที่เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างล่วงหน้า เขาจะได้ไม่เกิดปัญหาเมื่อซือหยูพูดให้ร้ายเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างต่อหน้าเจ้าพันธมิตรโจว!
เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างสั่นไปทั้งตัวเขาไม่กล้าจะหาข้ออ้างโทษคนอื่นอีกต่อไป
“ข้าเข้าใจแล้วข้าจะไปขอโทษเขาเดี๋ยวนี้!”
เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างรีบกล่าว
จากนั้นเสียงอันไม่แยแสดังมาจากเหล่าผู้คนด้านนอก
“จันทร์กระจ่างเจ้าไม่ต้องทำอะไรแล้ว! ข้าไม่ได้จะขอให้เจ้ามอบโอสถให้ เจ้าเก็บไว้เองเถอะ”
คนที่พูดคือซือหยู!
เมื่อครู่ก่อนเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างเยาะเย้ยซือหยูและบอกให้เขาไม่ต้องมาอ้อนวอนซือโอสถกับเขาอีก แต่พอรองหลิวมาถึง ซือหยูก็ยังอยู่ในพื้นที่ใกล้ๆ!
เขาได้ยินบทสนทนาและค่อนข้างแปลกใจสงสัยเด็กสาวที่เขาช่วยไว้พร้อมกันหยิงหลวนจะเป็นหลานสาวสามคนของเจ้าพันธมิตรโจว!
ส่วนเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างนั้นซือหยูไม่คิดจะสนใจในตอนนี้ ถ้าเขาปฏิเสธที่จะขายโอสถให้ซือหยูเพราะเขาถูกขู่และถูกเจ้าของร้านเฟยบังคับ ซือหยูก็เข้าใจได้และจะไม่ก่อเรื่อง
แต่ซือหยูคิดว่าน่าขันนักที่เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างต้องการจะแสดงพลังและความภักดีโดยการภยายามสั่งสอนซือหยูแทนเจ้าของร้านเฟยคนชั่วช้าเช่นนี้มิควรได้รับความสนใจ แม้ว่าเขาจะส่งโอสถให้ซือหยูโดยไม่ต้องจ่ายแก้วสักดวง ซือหยูก็จะไม่รับเอาไว้เพราะเขาไม่คิดจะมีความสัมพันธ์กับคนประเภทนี้!
เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างหน้าซีดเขามองซือหยูด้วยสายตาอ้อนวอนและประสานมือให้ซือหยู
“เจ้าของร้านซือโปรดใจกว้างด้วยเถิด ข้ามันตามืดบอดจนไม่มองเห็นท่าน โปรดอย่าจำเรื่องนี้ใส่ใจเลย”
ฟังจากน้ำเสียงเขาพยายามจะอ้อนวอนให้ซือหยูรับโอสถจากเขาไป สิ่งที่เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างพูดเมื่อครู่เกิดขึ้นจริง แต่มันกลับกัน! มิใช่ซือหยูที่มาอ้อนวอนเขา แต่เป็นเขาที่อ้อนวอนซือหยูให้รับโอสถกลับไป!
“ข้าไม่กล้าอ้างว่ารู้จักกับคนที่ยิ่งใหญ่อย่างเจ้าหรอกลาก่อน”
ซือหยูหันหลังจากไปโดยมีจ้าวเทวะสองคนตามหลัง
รองหลิวที่เห็นทุกสิ่งตกตะลึงเจ้าของร้านที่ช่วยลูกสาวของเจ้าพันธมิตรโจวยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนโดยที่เขาไม่รู้!
เมื่อเห็นว่าเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างพลิกสถานการณ์ไม่ได้เรองหลิวก็มีสีหน้าเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง
“เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างไม่ต้องมาหาข้าที่พันธมิตรปรุงยาอีกแล้ว! ไปหาคนอื่นเถอะ ฮื่ม!”
เมื่อพูดจบรองหลิวรีบพุ่งออกไปเหลือแค่เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างที่กำลังโศกเศร้า ข่าวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วว่าวันนี้ เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างผู้เป็นนายหน้ารายใหญ่ถูกปลดจากตำแหน่ง
ต่อให้เขาคุ้นเคยกับนักปรุงยาในพันธมิตรก็ไม่มีผลอีกแล้วเพราะไม่มีใครกล้าจะต่อต้านรองหลิวและติดต่อกับเขาต่อไป! ดังนั้น อาชีพนายหน้าค้าโอสถของเขาถือว่าจบลงแล้ว
ถ้าเขาสามารถย้อนเวลากลับไปได้เขาจะไม่ทำเรื่องเมื่อครู่เลย แต่ก็น่าเสียดายที่มันไม่มีทางอีกแล้ว
หลังจากกลับมาถึงร้านตงหลินซือหยูขอบคุณจ้าวเทวะทั้งสองที่อยู่ด้านหลัง
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยเหลือข้า”..novel-lucky
ทั้งสองเพียงยิ้มจางๆและซ่อนตัวอีกครั้งพวกเขาจะปรากฏตัวออกมาเมื่อซือหยูตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น
ซือหยูเข้าไปในร้านตงหลินและยังคงขมวดคิ้วเขาดีใจที่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกครั้งเพราะเขาจะไม่มีทางปรุงวารีผงกลั่นดวงใจได้เลยถ้าถูกจับตามองโดยจ้าวเทวะทั้งสอง เพราะถ้าหากเขารู้ว่าซือหยูปรุงโอสถโบราณที่ไม่มีอีกแล้วได้ เขาก็จะต้องเจอกับปัญหาอีกมากมาย
หลังจากกลับมาในห้องซือหยูปิดประตูฝึกตนและเริ่มเรียนรู้วิชาลับห้าธาตุ เขาใช้เวลาทั้งคืนในการบ่มเพาะและเรียนรู้อักษรอสูรได้อีกสามตัว
ทั้งหมดทั้งมวลซือหยูบ่มเพาะมาแล้วเจ็ดอักษร เขาเข้าใจธาตุทั้งห้าของโลกอย่างล้ำลึกขึ้นไปอีก เขาสามารถรวบรวมธาตุทั้งห้าได้อย่างง่ายดายดั่งใจนึก โดยเฉพาะธาตุไฟที่เขาเข้าใจยิ่งกว่าธาตุอื่น
ไม่รู้ว่าเหตุผลเป็นเพราะเขามีวิบัติอัคคีอยู่ในร่างกายหรือไม่และถ้าซือหยูจะปรุงโอสถอีก เขาจะควบคุมเพลิงได้ดีขึ้น
การบ่มเพาะวิชาลับห้าธาตุดำเนินไปอย่างราบลื่นแต่เขารู้สึกว่าวิญญาณของเขาอ่อนแอลงไปเรื่อยๆขณะที่บ่มเพาะ สีหน้าของเขาหม่นหมอง เพราะวิญญาณร้ายที่เป็นคำสาปของเขาคือภัยซ่อนเร้น ถ้าเขาไม่กำจัดมันโดยเร็ว ดวงวิญญาณของเขาจะเสียหายอย่างมาก
เขายืนขึ้นในยามรุ่งสางแต่หยิงหลวนกับฉิงหลิวนั้นยังคงอยู่ข้างนอกเพราะไม่มีอะไรให้ทำ ทั้งสองเพียงแค่ดูแลร้านโอสถที่ว่างเปล่าอย่ากงกังวลใจ
“เจ้าของร้านซือไม่ให้ข้าลองหาโอสถจากตลาดมืดมาทนแทนก่อนล่ะ? ถ้าไม่อย่างนั้น ท่านจะโดนไล่ออกถ้าถูกรายงาน!”
หยิงหลวนพูดหลังจากคิดมานานเพราะเจ้าของร้านดีๆนั้นยากที่จะได้เจอ นางไม่อยากจะเสียเขาไป
ซือหยูยิ้มจางๆ
“เจ้าไม่ต้องลำบากหรอกน่าข้าเจอแหล่งโอสถตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
หยิงหลวนกับฉิงหลิวถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเหลือบมองกันทั้งสองดีใจ
“ข้าต้องออกไปข้างนอกพวกเจ้ารออยู่ในร้าน จะมีคนมาส่งโอสถในวันนี้…”
ซือหยูกล่าว
เขาอยากจะหาตำราโบราณในเมืองเทียนหยาเพื่อที่จะทำความเข้าใจเรื่องคำสาปเขายังคิดว่าเขาจะสามารถตรวจสอบการใช้งานของหยกแก่นเพลิงได้อีกด้วย
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือศิลาเลือดศักดิ์สิทธิ์บำรุงวิญญาณถ้าเทพปีศาจอยากได้นัก มันก็ย่อมเป็นสมบัติวิเศษ ซือหยูอยากรู้ว่ามันคือสิ่งใดกันแน่
ฉิงหลิวเป็นฝ่ายถามหลังจากลังเลไปครู่หนึ่ง
“แต่ถ้าท่านไม่อยู่พวกเราจะจ่ายค่าโอสถอย่างไรล่ะ?”
“พวกเจ้าไม่ต้องจ่ายต่อให้พวกเจ้าอยากจ่าย พวกเขาก็จะไม่รับแก้วสักดวง”
ซือหยูโฐกมือและเดินจากไปโดยทิ้งทั้งสองให้งุนงง
หนึ่งคืนผ่านไปแล้วตั้งแต่เกิดเรื่องในบ้านจันทร์กระจ่างมีหลายคนรู้แล้วว่าบ้านจันทร์กระจ่างตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ในค่ำคืนเดียว
ขณะนี้เหล่านายหน้าค้าโอสถที่ฉลาดจะต้องหาทางเอาใจซือหยู นั่นก็เพราะถ้าหากซือหยูพูดชมพวกเขาต่อหน้าเจ้าพันธมิตรโจว พวกเขาจะได้ผลประโยชน์ตามมาเหนือกว่าที่เสนอโอสถให้ซือหยูโดยไม่คิดเงิน
หลังซือหยูออกจากร้านเขาไปยังร้านตำราโบราณที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเทียนหยา ร้านตำรานี้ไม่ได้เก็บวิชาบ่มเพาะพลังแต่เป็นตำราที่เขียนเกี่ยวกับยุตโบราณที่ทำให้ผู้คนเข้าใจอารยธรรมของยุคโบราณมากขึ้น
ตำราส่วนมากถูกแปลงออกมาแต่บางตำราก็ยังเหลือต้นฉบับอยู่บ้าง นี่คือเหตุผลที่ผู้คนมักจะมาที่นี่ หลายคนหวังจะได้เจอวิชาบ่มเพาะจากยุคโบราณที่ซุกซ่อนอยู่ในตำรายุคก่อน
แต่ก็น่าเสียดายที่พวกเขาล้วนกลับไปมือเปล่านั่นก็เพราะตำราเหล่านี้เปิดแสดงอยู่ในร้าน มันถูกตรวจสอบนับครั้งไม่ถ้วนมาก่อนตั้งแต่ถูกนำมาวางบนชั้นแล้ว ดังนั้นถ้าหากมีความลับซ่อนอยู่ในตำรา มันก็ไม่ใช่คนนอกที่จะรับรู้
ซือหยูตอนนี้อยากรู้เรื่องคำสาปหยกแก่นเพลิง ศิลาเลือดศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณ เขาจะต้องหาข้อมูลจากที่นี่ แต่ก่อนที่เขาจะเดินเข้าร้าน เขาได้เห็นสาวน้อยตัวเล็กน่ารักอยู่ด้านใน ดูเหมือนว่านางจะมองหาบางอย่างที่เฉพาะเจาะจง
อสูรน้อยรึ?เมื่อเห็นนาง ซือหยูเดาะลิ้นพลางสงสัย…ทำไมข้าต้องมาเจอกับนังเด็กสองหน้านี่อีก?
เขาแปลกใจที่นางใจเย็นพอที่จะอ่านตำราได้โดยไม่ใช้เวลาทั้งหมดวางแผนทำร้ายผู้คน!ซือหยูสงสัยว่าอสูรน้อยกำลังทำอะไร…