การหลีกเลี่ยงกฎ

สมาชิกของกองกำลังนรกรวมทั้งเฮลรัชนั้นต่างก็มองไปยังซือเฟิงอย่างแปลกๆ เมื่อได้ยินคำพูดของเขา พวกเขาได้อธิบายเรื่องการล่อลวงของเทพปีศาจให้กับผู้เล่นจากทวีปด้านตะวันออกเหล่านี้ฟังแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าซือเฟิงจะยังคงตั้งเป้าไปที่หีบสมบัติระดับตำนานที่อ่อนแอ การพยายามจะลองเสี่ยงกับอะไรแบบนี้นั้น มันไม่ต่างจากการยอมแลกชีวิตเพื่อความมั่งคั่งเลย

“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณไม่สามารถจะใช้สกิลเบอเซิกร์ หรือเครื่องมือใดๆช่วยเหลือตัวเองได้เลยนะภายในวิหาร คุณจะต้องเผชิญหน้ากับเงาของเทพปีศาจโดยอาศัยพลังของคุณเอง และแม้ว่าเงานี้จะไม่ใช่เทพปีศาจที่แท้จริง แต่มันก็เป็นสิ่งที่เทพปีศาจได้สร้างขึ้นมา ซึ่งมันแข็งแกร่งกว่าฮีโร่ในเลเวลและขั้นเดียวกันมาก” เฮลรัชอธิบาย “หากคุณล้มเหลว คุณก็จะต้องสร้างไอดีใหม่เลยนะ …”

เฮลรัชนั้นเข้าใจถึงความปราถนาของซือเฟิง เพราะท้ายที่สุดแล้วหีบสมบัติระดับตำนานที่อ่อนแอนั้นมันก็น่าดึงดูดมากจริงๆ และหีบสมบัตินี้ก็มีสิทจะมอบเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานให้กับผู้ที่เปิดมันสูงมาก

แต่ซือเฟิงนั้นไม่ได้รู้เลยว่าเงาของเทพปีศาจนั้นมันทรงพลังมากขนาดไหน

เฮลรัชอาจพิจารณาถึงการลองเข้าไปทดสอบเช่นกัน หากเขาไม่ได้รู้ถึงพลังของเงาของเทพปีศาจมาก่อน แต่เขานั้นรู้ ….

สมาชิกของกองกำลังนรกพยักหน้าเห็นด้วยกับผู้บัญชาการของพวกเขา พวกเขานั้นยอมรับซือเฟิงอย่างมากในเรื่องของความแข็งแกร่ง แต่ชายคนนี้ก็ไม่ควรจะมีพลังมากพอที่จะท้าทายเงาของเทพปีศาจ และเอาชีวิตรอดออกมาได้

“หัวหน้ากิล ?”

คำพูดของซือเฟิงนั้นทำให้อควาโรสรู้สึกกังวลเล็กน้อย เขายังไม่ได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเขาได้ถึงหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ด้วยซ้ำ และในสุสานดาวนี้ก็ต้องพูดว่าเขายังมีพลังการต่อสู้น้อยกว่าเธออยู่เล็กน้อย หากซือเฟิงล้มเหลวในการทดสอบ มันจะเป็นการที่เขาลากสภาสิบแปดปีกลงไปพร้อมกับเขาเลย ชายคนนี้นั้นเป็นดั่งสัญลักษณ์ของสภาสิบแปดปีก หากเขาถูกบังคับให้ต้องสร้างไอดีใหม่ กิลจะพังทลายลงอย่างรวดเร็วแน่นอน
“เธอเข้าใจผิดไปแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะท้าทายเงาของเทพปีศาจโดยตรง” ซือเฟิงรีบอธิบาย เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าวิตกกังวลของพรรคพวกของเขา “ฉันแค่บอกว่าได้รับหีบสมบัตินั้นเป็นไปได้”

“การได้รับหีบสมบัติโดยไม่ต้องท้าทายเงาของเทพปีศาจงั้นหรอ ?” เฮลรัชนั้นมองไปยังซือเฟิงอย่างสับสน เขาคิดว่าผู้ชายคนนี้ต้องล้อเขาเล่นแน่ๆ เมื่อผู้เล่นเข้าไปในวิหารแล้ว พวกเขาจะไม่สามารถออกมาได้จนกว่าการทดสอบจะเสร็จสิ้น และถ้าซือเฟิงไม่สามารถเอาชนะเงาของเทพปีศาจแล้ว เขาจะไปเอาหีบสมบัติมาได้ยังไง ?

“ใช่แล้ว แม้ว่ามันจะค่อนข้างยากก็ตาม” ซือเฟิงตอบพลางพยักหน้า จากนั้นเขาก็หันไปหาอควาโรสและพูดว่า “ตั้งวงเวทย์สตาร์ไลท์แกทเธอลิ่งรอบๆวิหาร จากนั้นฉันต้องการให้ทุกคนช่วยกันเฝ้าและป้องกันไม่ให้มอนสเตอร์โดยรอบเข้ามาใกล้”

ซือเฟิงนั้นมีความรู้อยู่ค่อนข้างมากเกี่ยวกับเทพโบราณและเงาของพวกนี้ ต้องบอกว่าเขามีความรู้มากกว่าใครๆใน God domain ตอนนี้เลย แม้แต่มังกรในขั้นเดียวกันก็ยังไม่สามารถจะเข้าใกล้พื้นที่ที่ถูกปกป้องโดยเงาของเทพได้เลย ความแข็งแกร่งของเงาแบบนี้นั้นมันเทียบเท่ากับมังกรศักสิทธิ์ และในตอนนี้นั้นต่อให้เป็นตัวเขาเองก็จะทนการโจมตีของเงาในขั้นเดียวกันได้แค่สามถึงสี่ครั้งเท่านั้นก่อนจะตายลง ไม่ต้องพูดถึงเงาที่มีขั้นสูงกว่าหนึ่งขั้นเลย

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะเงาของเทพปีศาจได้ แต่กรณีในการได้รับหีบสมบัตินั้นเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป

ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา มันก็มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่ได้ท้าทายการล่อลวงของเทพปีศาจ และท้ายที่สุดก็ถูกบังคับให้ต้องสร้างไอดีใหม่ ซึ่งนี่รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดบางคนด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม อยู่ๆมันก็มีผู้เล่นอิสระคนหนึ่งนั้นเอาสมบัติจากการล่อลวงของเทพปีศาจมาได้ ซึ่ง ณ จุดนี้ผู้เล่นอิสระคนนี้ก็ได้โพสต์เกี่ยวกับชัยชนะของเขาในฟอรั่ม ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว God domain และมันก็ทำให้ผู้เล่นทั้งหมดนั้นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้มากๆ แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังพยายามจะรับสมัครผู้เล่นอิสระคนนี้โดยเสนอกระทั่งตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุด หรือไม่ก็ผู้อาวุโสในกิลให้เลย

อย่างไรก็ตามเมื่อมหาอำนาจต่างๆได้มาพบกับผู้เล่นอิสระผู้นี้ตัวเป็นๆ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เพราะผู้เล่นอิสระคนนี้นั้นเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญทั่วไปเท่านั้น ในตอนนั้นเขายังไม่ได้มาถึงขอบเขตการปรับแต่งเลยด้วยซ้ำ ….

ไม่มีใครคาดคิดกับผลลัพธ์ของเรื่องนี้ เพราะแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนที่มีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานอยู่หลายชิ้นจะพยายามทำการทดสอบนี้ แต่ก็ไม่มีใครยืนต่อต้านเงาของเทพปีศาจได้เกินสิบวินาทีเลย และตามธรรมชาติแล้วก็ไม่ต้องพูดถึงการได้รับสมบัติเลย

หลังจากได้สัมภาษณ์โดยละเอียด บรรดามหาอำนาจต่างๆก็ได้รู้ว่าผู้เล่นอิสระผู้นี้นั้นไม่ได้ทำการท้าทายการล่อลวงของเทพปีศาจจริงๆ เพียงแต่ว่าเขาได้ค้นพบสมบัติที่ซ่อนอยู่ในวิหาร

และเพื่อรับเอาสมบัติมา สิ่งที่เขาทำก็แค่ถอดรหัสวงเวทย์ที่ปกป้องวิหารอยู่

เมื่อผู้เล่นถอดรหัสวงเวทย์ได้แล้ว พวกเขาก็จะสามารถใช้เครื่องมือเวทย์มนต์ภายในวิหารได้ ซึ่งสิ่งนี้มันก็จะทำให้พวกเขาตรึงเงาของเทพปีศาจไว้ได้นานพอที่จะรับเอาหีบสมบัติและหนีออกมาได้

ซึ่งมหาอำนาจต่างๆนั้นก็ล้วนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อได้รู้เรื่องนี้ พวกเขาไม่คิดเลยว่ามันจะมีวิธีที่จะหลีกเลี่ยงกฎของระบบแบบนี้ได้ด้วย ผู้เล่นทุกคนใน God domain นั้นล้วนจดจำกฎต่างๆจากระบบหลักของ God domain ได้เป็นอย่างดี และพวกเขาก็คิดว่าคงจะไม่มีใครสามารถท้าทายกฎเหล่านี้ได้ แต่อย่างไรก็ตามผู้เล่นคนนี้กับทำให้พวกเขารู้ว่ามันเป็นไปได้

แน่นอนว่าวิธีการที่ผู้เล่นอิสระผู้นี้ใช้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน

การถอดรหัสวงเวทย์ของวิหารนั้นมันต้องใช้เวลานานมาก และการล่อลวงของเทพปีศาจแบบนี้ก็มักจะไม่ได้คงอยู่นานนัก โดยส่วนใหญ่มันจะคงอยู่แค่ราวสองวันเท่านั้น

แม้ว่าผู้เล่นอิสระผู้นี้จะไม่ได้มีความสามารถในการต่อสู้ที่น่าทึ่ง แต่เขานั้นก็เป็นปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นสูง และอยู่ห่างเพียงแค่ก้าวเดียวจากการกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์ ดังนั้นเขาจึงสามารถถอดรหัสวงเวทย์ได้ภายในเวลาที่กำหนดและรับเอาสมบัติมาได้

น่าเสียดายที่แม้ว่าจะมีมหาอำนาจมากมายใช้วิธีการเดียวกัน แต่มันก็มีน้อยมากที่จะประสบความสำเร็จ

การล่อลวงของเทพปีศาจนั้นจะปรากฎขึ้นแบบสุ่ม และแม้ว่าผู้เล่นจะมาพบมัน แต่มันก็ไม่มีประโยชน์เลย หากผู้เล่นไม่สามารถถอดรหัสของวงเวทย์ได้ก่อนที่วิหารจะหายไป และแม้ว่าพวกเขาจะทำได้สำเร็จ แต่พวกเขาก็ยังคงต้องหลบหนีจากเทพปีศาจอยู่ดี ซึ่งหากพวกเขาไม่สามารถทนอยู่ได้สักยี่สิบถึงสามสิบวินาที การหลบหนีไปพร้อมกับสมบัตินั้นจะเป็นไปไม่ได้เลย

ตอนนี้ซือเฟิงนั้นเป็นปรมาจารย์นักเวทย์แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่แค่ในขั้นพื้นฐานเท่านั้น แต่เขาก็น่าจะมีโอกาสถอดรหัสวงเวทย์ของวิหารได้ ปัญหาเพียงอย่างเดียวของเขาคือเวลาที่มีจำกัดเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ซือเฟิงก็ไม่ได้สนใจใดๆ เขาอยากจะลองดู มันมีโอกาสน้อยมากที่จะได้มาพบกับการล่อลวงของเทพปีศาจ ซึ่งการยอมแพ้โดยไม่ทำอะไรเลย มันจะเป็นการสูญเปล่ามากๆ

ในขณะเดียวกันอควาโรส และพรรคพวกของเธอก็ได้ทำตามที่ซือเฟิงบอกอย่างสับสน โดยพวกเขาได้ทำการตั้งวงเวทย์สตาร์ไลท์แกทเธอลิ่งไว้รอบๆวิหารทันที ซึ่งในขณะที่พวกเขาทำแบบนี้นั้นวงเวทย์ก็ได้รวบรวมมานาโดยรอบให้มารวมตัวกันรอบวิหาร และทำให้ความหนาแน่นของมานาภายในวงเวทย์นั้นสูงขึ้นมาก

ตอนนี้ความหนาแน่นของมานาก็สูงขึ้นแล้ว ฉันน่าจะถอดรหัสวงเวทย์ได้เร็วขึ้น ต่อไปที่เหลือก็ต้องแข่งกับเวลาแล้ว ซือเฟิงคิดพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้เสาหินที่อยู่รอบวิหาร จากนั้นเขาก็เริ่มทำการถอดรหัสวงเวทย์ที่ปกป้องวิหาร

มันมีเสาหินโบราณหลายต้นนั้นคอยปราบปรามและกั้นพื้นที่รอบๆกับภายในวิหารอยู่ ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว พวกมันก็เป็นวงเวทย์หลักที่ทำหน้าที่ปิดผนึกวิหารนี่แหละ หากเขาสามารถถอดรหัสมันได้ เขาก็จะสามารถเข้าและออกวิหารได้อย่างอิสระจนกว่าการซ่อมแซมอัตโนมัติของวงเวทย์จะเสร็จสิ้น เขาจะไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกจัง หรือไม่สามารถใช้เครื่องมือเวทย์มนต์ภายในวิหารได้เลย

“ผู้บัญชาการ แบล๊คเฟรมนั่นบ้าไปแล้ว …. นั่นคือวงเวทย์ของระบบเลยนะที่เรากำลังพูดถึง และเขาก็พยายามจะถอดรหัสพวกมัน …” ธันเดอร์บีสต์ตกตะลึง เมื่อเขาเห็นซือเฟิงเดินเข้าใกล้เสาหินและเริ่มงานของตัวเอง
“ฉันไม่รู้ …” เฮลรัชพูดพลางส่ายหัว “อย่างไรก็ตามเขาได้จ้างเรามา และเนื่องจากเขาต้องการจะลองถอดรหัสของวงเวทย์ เราจึงได้แต่ต้องทำตามความปราถนาของเขาเท่านั้น และไม่ว่าในกรณีใด เราก็สามารถจะใช้โอกาสนี้พักผ่อนได้ด้วย”

แม้ว่าเฮลรัชจะคิดว่าวิธีการที่ซือเฟิงกำลังลองทำนั้นมีความเป็นไปได้น้อยกว่าการเผชิญหน้ากับเงาของเทพปีศาจโดยตรงซะอีก แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลจะหยุดซือเฟิง เพราะท้ายที่สุดแล้ว วิธีนี้มันไม่ได้อันตรายใดๆ

แถมในระหว่างที่ซือเฟิงกำลังทำแบบนี้นั้น กองกำลังนรกก็จะได้พักผ่อนด้วย ในขณะที่คอยเฝ้าระวังมอนสเตอร์โดยรอบให้เขา

ในขณะเดียวกันความตื่นเต้นก็ปรากฎขึ้นในดวงตาของซือเฟิง ขณะที่เขาทำการตรวจสอบวงเวทย์ของวิหาร ปรากฎว่าพวกมันนั้นไม่ได้ทรงพลังอย่างที่เขาคาดเดา เพียงแต่ว่ามันจะค่อนข้างซับซ้อนเพราะประกอบไปด้วยชุดของวงเวทย์ระดับปรมาจารย์ที่เชื่อมโยงถึงกันเท่านั้น สิ่งเหล่านี้นั้นไม่ได้ทรงพลังเท่ากับวงเวทย์ที่ใช้กักขังมังกรเงินศักสิทธิ์ด้วยซ้ำ

หากเขามีเวลาเพียง การจะถอดรหัสพวกมันให้ได้ก็จะไม่มีปัญหาเลย

ซือเฟิงนั้นค่อยๆถอดรหัสวงเวทย์ที่สลักอยู่บนเสาหินโบราณอย่างเมามัน และเวลาก็ค่อยๆผ่านไปเรื่อยๆ

สามชั่วโมง … หกชั่วโมง … สิบสองชั่วโมง …

ยิ่งซือเฟิงพยายามจะถอดรหัสวงเวทย์นี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีความประทับใจมากขึ้นเท่านั้น วงเวทย์พวกนี้นั้นได้ให้ข้อมูลเชิงลึกแก่เขามากมายเกี่ยวกับโครงสร้างและการปรับแต่งวงเวทย์

โชคไม่ดีที่ซือเฟิงยิ่งถอดรหัสวงเวทย์ไปได้มากเท่าไหร่ ความคืบหน้าของเขาก็ยิ่งช้าลงมากเท่านั้น วงเวทย์ต่อๆไปแต่ละอันนั้นมันมีความซับซ้อนมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก แถมมันยังต้องใช้มานาที่มากขึ้น และการควบคุมมานาที่ดีขึ้นด้วยในการถอดรหัสมัน

ในท้ายที่สุดซือเฟิงก็ถอดรหัสวงเวทย์ได้เพียงแค่ครึ่งเดียว หลังจากผ่านไปนานกว่าหนึ่งวัน เขาจึงเริ่มรู้สึกสลดใจเล็กน้อย
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมในชีวิตที่ผ่านมาของฉัน มันถึงมีมหาอำนาจแค่ไม่กี่กลุ่มที่ใช้วิธีนี้ได้สำเร็จ แม้ว่าผู้เล่นจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับเงาของเทพปีศาจ แต่การมาทำแบบนี้มันก็เป็นการทดสอบความรู้เรื่องวงเวทย์ และการควบคุมมานาของผู้เล่นเช่นกัน เมื่อซือเฟิงสังเกตเห็นวงเวทย์วงต่อไป เขาก็คิดว่าเขาคงหมดสิทจะได้รับหีบสมบัตินี้แล้วแน่เลย ….

“หัวหน้ากิล การควบคุมมานาของหัวหน้ากิลนั้นมันค่อนข้างจะหยาบเกินไป เช่นเดียวกับเทคนิคการต่อสู้ มานานั้นทำงานภายใต้กฎบางประการ มันจะง่ายกว่าที่จะควบคุม ถ้าหัวหน้าปฎิบัติตามกฎเหล่านี้” อควาโรสนั้นกล่าวเตือนซือเฟิง เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มไปต่อไม่ได้

เทคนิคการต่อสู้ ? ดวงตาของซือเฟิงนั้นเปล่งประกายเมื่อเขาตระหนักได้ถึงบางสิ่ง ใช่แล้ว !!!

จากนั้นเขาก็กัดฟันและดึงคริสตัลความทรงจำที่มีเทคนิคมานาที่ของนักบุญสวรรค์น้ำเงินออกมา

ตอนแรกเขานั้นต้องการจะเก็บมันไว้จนกว่าเขาจะสามารถปลดล๊อคศักยภาพสูงสุดร่างมานาของตัวเองได้ เพราะการใช้เทคนิคนี้จะเกี่ยวข้องกับร่างมานาของเขาด้วย แต่เทคนิคมานานั้นก็เป็นหัวใจหลักในการใช้มานา แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถใช้เทคนิคมานาของอีเลียดี้ได้ แต่การเรียนรู้มันก็น่าจะทำให้เขาสามารถควบคุมมานาได้ดีขึ้น

ฉันทำได้แค่ลองเท่านั้น !!!

จากนั้นซือเฟิงก็บีบคริสตัลความทรงจำในมือจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และลำแสงสีม่วงทองก็ไหลเข้ามาในหัวของเขา และทำให้เกิดพื้นที่เสมือนจริงภายในจิตใจของเขาทันที