ภาคแยก | บทที่ 26 ทำแบบนี้ก็ได้แล้วใช่ไหม

Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี

ภาคแยก 5 : Finally.

(ในที่สุด)

เช้ามืดอันเงียบสงัดที่ทุกคนกำลังหลับใหล

แพทริเซียที่กำลังหลับลึกเริ่มพลิกตัว นางรู้สึกร้อนบริเวณคอจึงพลิกตัวอยู่สองสามทีก่อนจะร้องครางออกมาโดยไม่รู้ตัว

“อืมม…”

ความรู้สึกร้อนที่เริ่มจากบริเวณคอเริ่มกระจายไปทั่วตัว แพทริเซียยังคงนอนหลับตาต่อไปเพื่อกลับเข้าสู่ห้วงนิทรา แต่ในที่สุดนางก็ทนไม่ไหวกับความรู้สึกแปลกประหลาดที่ลุกลามไปทั่วร่างจึงต้องลืมตาขึ้น

สิ่งแรกที่แพทริเซียทำหลังจากลืมตาคือสำรวจร่างกายของตน นางชันตัวขึ้นและไล่สายตามองลงไปจนกระทั่ง…

“อา”

“…”

จนกระทั่ง…

“ตื่นแล้วหรือ”

พบลูซิโอ

แพทริเซียเอ่ยถามลูซิโอที่วุ่นวายอยู่แถวๆ หน้าอกของตนด้วยเสียงแหบพร่า

“ทำอะไร…อยู่ตรงนั้นคะ”

“แย่จริง”

สีหน้าของเขาแดงระเรื่ออย่างเก้อเขิน จากนั้นเขาก็ตอบคำถามของแพทริเซีย

“ขอโทษนะ ข้านอนดูเจ้าตอนหลับแล้วรู้สึกว่าน่ารักมาก…”

ก็เลยทนไม่ไหว

ครั้นได้ยินคำพูดประโยคหลังของลูซิโอแพทริเซียก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี เขานี่เอาไม่อยู่กู่ไม่กลับแล้วจริงๆ ให้ตายเถอะ เพิ่งจะนอนพักได้ไม่เท่าไรแท้ๆ นี่จะเริ่มอีกแล้วหรือ

“ข้าแค่จูบเอง”

ลูซิโอพูดเสริมหวังจะแก้ตัว แพทริเซียทำสีหน้าไม่เชื่อแต่ริมฝีปากกลับคลี่ยิ้ม เขาชอบนางมากเหลือเกิน ชอบทั้งกลางวันและกลางคืนไม่แปรเปลี่ยน แพทริเซียหัวเราะอย่างมีเสน่ห์พลางรวบผมสีน้ำเงินอมเขียวมาพาดไว้ด้านหนึ่ง ตะวันทอแสงเผยให้เห็นไหล่ขาวเนียน

“ไม่เหนื่อยบ้างหรือคะ”

“ไม่ค่อยนะ…?”

ช่างเป็นบุรุษที่มีพละกำลังล้นเหลือจริงๆ แพทริเซียชื่นชมในใจแล้วจุมพิตเบาๆ ที่ปากของลูซิโอตามความเคยชิน ขณะที่ค่อยๆ ผละออก ทันใดนั้นนางก็สบตากับลูซิโอ แสงสลัวยามรุ่งสางสะท้อนในดวงตาของเขาและเปล่งประกายงดงาม

‘สวยจัง’

จู่ๆ นางก็อยากจุมพิตที่ดวงตาสีนิลคู่สวยนั้น แพทริเซียเผยอปากเล็กน้อยและค่อยๆ โน้มตัวเข้าไปหาลูซิโอ ถ้าเข้าไปใกล้อีกนิด ริมฝีปากของข้าอาจได้สัมผัสกับดวงตาของเขา แต่ทันใดนั้นริมฝีปากที่เผยอออกเล็กน้อยของนางก็ถูกบางสิ่งที่นุ่มหยุ่นรุกล้ำ แพทริเซียตกใจกับเหตุการณ์เหนือคาดจนเผลอทิ้งตัวไปด้านหน้า

“อ๊ะ…!”

เมื่อปากอ้ากว้างด้วยความตกใจ อีกฝ่ายก็สบโอกาสรุกคืบเข้ามาอย่างรุนแรง แม้จะเป็นท่าทางที่ยากต่อการจูบ แต่ลูซิโอก็ทำสำเร็จจนได้

แพทริเซียส่งเสียงหอบกระเส่าอย่างไรเรี่ยวแรง

“ฮา…”

“ถ้าเจ้าเหนื่อยให้ข้าอยู่ด้านบนไหม”

“เรื่องแบบนั้น…อื้อ!”

เสียงครางสั้นๆ ดังผ่านหูของลูซิโอ ทันใดนั้นเขาก็ขยับตัวเร็วขึ้นราวกับถูกกระตุ้น แพทริเซียพยายามรวบรวมสติที่หลุดลอยและเรียกอีกฝ่าย

“ลู..ซิโอ”

“เจ้าเรียกชื่อข้าเช่นนี้” เขากระซิบเสียงทุ้มต่ำ “รู้สึกดีชะมัด”

“อ๊ะ!”

ทั้งสองสลับตำแหน่งกันในเสี้ยววินาที แพทริเซียเบิกตากว้างด้วยความตกใจในขณะที่ลูซิโอมองนางอย่างรักใคร่เป็นที่สุดก่อนจะเริ่มจูบอีกครั้ง แต่สองริมฝีปากประกบกันได้ไม่นาน ลูซิโอก็ค่อยๆ ลากริมฝีปากลงต่ำ

“อา…จะทำอีกจริงๆ หรือคะ”

“ไม่เป็นไร ทุกคนหลับอยู่”

“น่าจะตื่นกันบ้างแล้วนะคะ”

“ข้าจะทำเบาๆ…นะ?”

“แต่ข้าไม่มั่นใจเลยว่าจะเบาได้”

ได้ยินดังนั้น ลูซิโอที่กำลังวุ่นวายอยู่แถวๆ กระดูกไหปลาร้าก็ชะงักไป ตอนนั้นเองแพทริเซียจึงได้พักหายใจพลางคิดว่า ‘ทีนี้คงจะหยุดแล้วกระมัง’ แต่นางคิดผิด

ลูซิโอขยับขึ้นมาอยู่ในระดับสายตาเดียวกันอีกครั้ง แพทริเซียมองอีกฝ่ายด้วยแววตาสงสัย ทันใดนั้นเขาก็เลื่อนมือลงไปด้านล่าง ไม่นานแพทริเซียก็หลุดเสียงร้องออกมา

“อ๊ะ…อุ๊บ!”

เสียงของแพทริเซียถูกริมฝีปากของลูซิโอกลืนหายไปในเสี้ยววินาที

ไม่ว่าจะมีเสียงอะไรเกิดขึ้นในปากลูซิโอก็ไม่สนใจ

เขาครอบครองริมฝีปากของแพทริเซียจนไม่เหลือช่องว่าง ครู่หนึ่งหลังจากนั้นเขาก็หยุดการกระทำทุกอย่างแล้วผละออก แพทริเซียมองอีกฝ่ายอย่างงุนงง ลูซิโอจึงยิ้มให้บางๆ แล้วกระซิบที่ข้างหูของคนรัก

“เป็นอย่างไร? ทำแบบนี้ก็ได้แล้วใช่ไหม”

อ่า ถูกเกลี้ยกล่อมโดยสมบูรณ์เสียแล้วสิ

***

ต้องเป็นเพราะเรื่องเมื่อตอนเช้ามืดเป็นแน่

แพทริเซียยกมือขวาขึ้นกุมศีรษะที่ปวดตุบๆ เมื่อเช้านางรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว สุดท้ายนางก็ปวดหัวข้างเดียวอย่างรุนแรงมาจนถึงช่วงสาย แพทริเซียพยายามอดทนต่ออาการปวดเพื่อทำงาน แต่ยังไม่ทันพ้นเที่ยง สุดท้ายนางก็ต้องเรียกหามีร์ยา

“ฝ่าบาท ทรงเรียกหาหม่อมฉันหรือเพคะ”

“ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย…”

แพทริเซียเค้นเสียงพูดต่อ “วันนี้มีกำหนดการอะไรหรือไม่”

“บ่ายสองวันนี้มีนัดดื่มชากับเลดี้ไอชาเพื่อหารือแผนการจัดเตรียมงานเลี้ยง ตอนหกโมงมีนัดเสวยพระกระยาหารกับฝ่าบาทเพคะ กำหนดการที่เป็นงานส่วนนอกมีเพียงเท่านั้น ส่วนงานภายในที่ต้องจัดการก็มีเท่าที่หม่อมฉันนำเอกสารมาให้เพคะ”

“เฮ้อ…”

ทำไมนัดดื่มชาที่มีนานทีปีหนจะต้องมาตรงกับวันนี้ด้วยนะ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าอ้างว่าไม่สบายแล้วยกเลิกนัดกินมื้อค่ำกับลูซิโอ เขาคงจะมาเฝ้าถามว่าไม่สบายตรงไหนและทำเป็นเรื่องใหญ่อีกเป็นแน่ แค่อาการปวดหัวเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ต้องพักสักครู่จึงจะดีที่สุด แพทริเซียครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น

“เลื่อนนัดดื่มชากับเลดี้ไอชาออกไปสักหนึ่งชั่วโมง ส่วนนัดทานมื้อค่ำกับฝ่าบาทให้เป็นไปตามนั้น งานเอกสาร…คงไม่เสร็จภายในวันนี้ เลื่อนไปเป็นพรุ่งนี้ได้หรือไม่”

“เพคะ ฝ่าบาท โชคดีที่ไม่ใช่เรื่องด่วน”

เท่านี้ก็โล่งอก แพทริเซียยิ้มบางๆ พลางซวนเซลุกจากที่นั่ง มีร์ยาเห็นดังนั้นก็ตกใจรีบวิ่งเข้าประคอง

“ฝ่าบาท!”

“ไม่ต้องเอะอะไป ข้าไม่เป็นไร”

แพทริเซียว่าพลางยิ้มน้อยๆ ให้มีร์ยาสบายใจ แต่ดูเหมือนมีร์ยาจะไม่เชื่อ

“หม่อมฉันจะไปตามหมอหลวงเพคะ” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“แค่ปวดหัวนิดหน่อยเท่านั้น ฝืนตัวเองมากไปก็แบบนี้แหละ” แพทริเซียอธิบายอาการของตนอย่างนุ่มนวล และพูดต่อ “ได้นอนสักหน่อยก็น่าจะดีขึ้นแล้ว มีร์ยา ไม่ต้องเอะอะไปหรอก”

“หม่อมฉันอยากให้ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับพระวรกายให้มากกว่านี้นะเพคะ”

“ไม่ต้องห่วง ในยามค่ำคืนพระจักรพรรดิก็ทรงให้ความสำคัญกับเรื่องนั้นอย่างเพียงพอแล้วล่ะ”

“ฝะ ฝ่าบาท!”

การโต้กลับของแพทริเซียทำเอามีร์ยาหน้าแดง แม้จะไม่ค่อยสบายแต่แพทริเซียก็เผยยิ้มบางๆ พลางตบหลังมีร์ยาเบาๆ สุดท้ายมีร์ยาก็ประคองแพทริเซียมาถึงเตียง แพทริเซียบอกมีร์ยาว่านางจะไม่รับอาหารกลางวันและให้มาปลุกตอนบ่าย 2 โมงก่อนจะผล็อยหลับไป

แพทริเซียนอนไปได้สองชั่วโมงก็ตื่นขึ้น และใช้เวลาเตรียมตัวอีกหนึ่งชั่วโมงเพื่อออกไปต้อนรับเลดี้ไอชา แพทริเซียเตรียมชาแดงจากเมืองแคนดีที่อีกฝ่ายโปรดปรานไว้ให้และมานั่งที่โต๊ะรับรองด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นมากกว่าเมื่อครู่

ไม่นานไอชาก็เข้ามา

“ถวายบังคมพระจักรพรรดินี จันทราผู้งดงามแห่งจักรวรรดิ ขอมาวินอสจงมีแต่ความรุ่งเรือง”

ไอชาทำความเคารพอย่างสง่างาม เห็นดังนั้นแพทริเซียก็เผยยิ้มต้อนรับและเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายนั่งลงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“นั่งก่อนสิ เลดี้ไอชา ต้องขอโทษด้วยที่เปลี่ยนเวลานัดกะทันหัน”

“หามิได้เพคะ ฝ่าบาท” ไอชาตอบอย่างนอบน้อม “ได้ยินจากมาร์เชอเนสพรินสกีว่าพระวรกายของฝ่าบาทไม่สู้ดีนัก ที่จริงเรื่องนั้นทำให้หม่อมฉันกังวลใจทีเดียว คิดว่าควรจะยกเลือกนัดวันนี้ไปก่อน…”

“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ได้นอนงีบหนึ่ง ดีขึ้นมากทีเดียว”

“โล่งอกไปทีนะเพคะ ฝ่าบาท เช่นนั้นเข้าเรื่องกันเลยดีไหมเพคะ…”

ไอชายิ้มบางๆ แล้วเปลี่ยนหัวข้อเข้าธุระของตนทันที สภาพร่างกายของแพทริเซียดีขึ้นกว่าเมื่อครู่จึงสามารถสนทนาโต้ตอบกับอีกฝ่ายได้อย่างลื่นไหลมิได้ลำบากอะไร ผ่านไปราวสองชั่วโมง การสนทนาของทั้งคู่ก็ใกล้จะสิ้นสุดลงเต็มที เมื่อใกล้จะหมดเรื่องให้พูดคุย ไอชาก็เปลี่ยนหัวข้อไปคุยเรื่องที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว

“หม่อมฉันได้ยินข่าวแล้วนะเพคะ ฝ่าบาท”

จู่ๆ ไอชาก็กล่าวขึ้นโดยไม่มีหัวมีท้าย แพทริเซียจึงมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าสงสัย

“เรื่องที่ทรงไม่ได้เป็นหมัน” ไอชายิ้มพรายพลางตอบ

“อ้อ”

แพทริเซียเผลอยิ้มออกมา ไอชาเองก็คอยสังเกตสีหน้าของแพทริเซียอย่างระมัดระวัง แม้สุดท้ายแล้วจะเป็นไปในทางที่ดีก็ตาม แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นหัวข้อที่ละเอียดอ่อน สิ่งที่สำคัญที่สุดย่อมต้องเป็นสีหน้าของผู้ฟังอย่างแพทริเซีย เมื่อไอชาเห็นว่าแพทริเซียรับฟังโดยไม่มีท่าทีไม่พอใจ นางจึงเริ่มต่อบทสนทนาอีกครั้ง

“ความรักใคร่กลมเกลียวของทั้งสองพระองค์โด่งดังทั่วเมืองหลวง ดังนั้น ตอนที่พระจักรพรรดิประกาศจะแต่งตั้งพระสนมเพียงเพราะปัญหาเรื่องรัชทายาท หม่อมฉันรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ เพคะ”

“เราก็ดีใจเช่นกันที่ทุกอย่างจบลงด้วยดี” แพทริเซียตอบด้วยรอยยิ้ม

เรื่องที่แพทริเซียไม่ได้เป็นหมันได้รับการรับรองจากหมอหลวงทุกคนในพระราชวัง ดังนั้น คนที่ต้องพะวักพะวนใจย่อมต้องเป็นพิทูเนียที่ยังไม่ทันได้รับการแต่งตั้งเป็นสนมก็ประพฤติตัวล่วงเกินจักรพรรดินีในงานเลี้ยงเมื่อไม่นานมานี้ อีกทั้งลูซิโอยังประกาศไม่รับสนมโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น ส่วนเหล่าขุนนางก็พูดอะไรไม่ได้เพราะเดิมทีที่ประกาศรับสนมก็เนื่องมาจากปัญหาเรื่องรัชทายาท

“ได้ยินว่าช่วงนี้เลดี้เบลินซ์เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเพคะ และด้วยเรื่องที่นางเคยล่วงเกินฝ่าบาท ผู้ที่เคยจะมาสู่ขอก็พากันหลบลี้หนีหน้าด้วยเกรงว่าจะพลอยถูกฝ่าบาทไม่พอพระทัยไปด้วย”

“เราก็มิได้ไม่พอใจนางถึงขนาดนั้น…แค่รู้สึกว่าคำพูดของนางมันเกินไปหน่อย”

“อย่างไรก็เป็นเรื่องที่ดีต่อฝ่าบาทนะเพคะ เพราะเรื่องนี้ พระราชอำนาจของฝ่าบาทจึงเพิ่มขึ้นอีกขั้นมิใช่หรือ”

แพทริเซียยิ้มละมุนแทนคำตอบ ไอชามองรอยยิ้มนั้นเงียบๆ ก่อนจะร้อง ‘อ้อ’ ขึ้นมาราวนึกอะไรได้

“เกือบลืมไปเลยว่าหม่อมฉันมีของมาถวายฝ่าบาทเพคะ”

“ให้เราหรือ”

จากนั้นนางกำนัลก็นำกล่องของขวัญใบหนึ่งมาวางตรงหน้าแพทริเซียที่มีสีหน้าฉงน

“ได้ยินว่าหมู่นี้ฝ่าบาทเสวยอะไรก็ไม่ถูกปาก ทรงถามหาแต่ขนมหวาน หม่อมฉันจึงคิดว่าน่าจะโปรดสิ่งนี้…” เลดี้ไอชาอธิบาย

เมื่อเปิดกล่องออก ช็อกโกแลตหลายแบบหลากสีก็ปรากฏต่อสายตา เมื่อเห็นขนมหวานที่ตนชอบที่สุด แพทริเซียก็เผยยิ้มแล้วหยิบช็อกโกแลตก้อนกลมที่อยู่ใกล้มือที่สุดขึ้นมา

“ขอบใจมาก เรากำลังกังวลอยู่ทีเดียวที่ช่วงนี้ไม่ค่อยอยากอาหาร…”

“พระองค์ทรงงานหนักเกินไปน่ะสิเพคะ ฝ่าบาท อีกหน่อยยังต้องมีพระประสูติการองค์รัชทายาท ดังนั้น โปรดถนอมพระวรกายด้วยเถิดเพคะ”

“นั่นสินะ”

แพทริเซียยิ้มกว้างก่อนจะลิ้มรสช็อกโกแลต

“อ๊ะ…”

ทันใดนั้นแพทริเซียก็นิ่วหน้าเล็กน้อย