บทที่ 445 ผู้ฟังที่มีคุณสมบัต

รักหวานอมเปรี้ยว

“เธอเป็นเมียน้อยพ่อผมจริงๆ” เปปเปอร์เกาคิ้วตัวเอง

มายมิ้นท์เบิกตากว้าง “อะไรนะ? เป็นเมียน้อยจริงๆเหรอ?”

“อืม”

“แล้วทำไมคุณยัง…”

“แต่เธอไม่ใช่เมียน้อยที่ถูกต้อง และก็ไม่ได้ทำลายความสัมพันธ์พ่อกับแม่ผม เพราะว่าพ่อกับแม่ผมไม่ได้รักกันอยู่แล้ว พวกเขาแต่งงานกันก็เพราะว่าตระกูล คลอดผมออกมา ก็เพราะว่าความรับผิดชอบ หลังจากที่คลอดผมออกมาแล้ว พ่อกับแม่ของผมก็แยกกันอยู่ ต่อมาพ่อของผมก็ไปรู้จักกับพิศมัยข้างนอก เขาเลยรักกับพิศมัย” เปปเปอร์เอนหลังพิงกำแพงหิน

มายมิ้นท์พยักหน้าด้วยความเข้าใจ “แบบนี้นี่เอง”

พ่อแม่ของเขาไม่ได้รักกัน

เรื่องนี้ เธอพึ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรก

“แล้วต่อมาล่ะ? พ่อของคุณคบกับพิศมัย แม่ของคุณไม่โกรธเหรอ?” มายมิ้นท์มองหน้าเขาแล้วถาม

ถึงแม้ว่าจะไม่รักผู้ชายคนนั้น แต่ผู้ชายคนนั้นคือสามีของเธอ

สามีมีเมียน้อย ไม่มีทางที่จะไม่โกรธ

แต่เปปเปอร์กลับส่ายหน้า “ไม่โกรธ สำหรับเรื่องที่พ่อของผมรักกับพิศมัย แม่ของผมเห็นแบบนั้นก็มีความสุข”

“อะไรนะ?” ปากของมายมิ้นท์กระตุก

มีความสุขที่ได้เห็นแบบนั้น?

นี่… เธอควรพูดว่า แม่ของเขาใจกว้างอย่างนั้นเหรอ?

“ตกใจมากใช่ไหม?” เปปเปอร์ยิ้มให้เธอ

มายมิ้นท์พยักหน้า “ตกใจจริงๆ ถ้าเป็นฉัน ฉันคงจะไม่ใจกว้างขนาดนั้นแน่นอน”

ได้ยินแบบนี้ เปปเปอร์ก็นึกถึงเรื่องเมื่อสี่เดือนก่อนขึ้นมา เรื่องที่เขาเสนอให้เธอย้ายออกไปอยู่ข้างนอก จะได้มีที่ให้ส้มเปรี้ยว

ไม่แปลกใจที่แต่งงานกันโดยที่ไม่รักกันมาหกปี เธอไม่เคยพูดถึงเรื่องหย่า แต่กลับพูดถึงเรื่องหย่าตอนที่เขาบอกว่าจะพาส้มเปรี้ยวกลับมาอยู่ที่บ้าน

“คุณกำลังคิดอะไรอยู่?” เห็นเปปเปอร์ใจลอย มายมิ้นท์ก็ยื่นมือออกไปโบกข้างหน้าเขา

เปปเปอร์กะพริบตา เขาได้สติกลับมา “ไม่มีอะไร”

เห็นว่าเขาไม่ยอมพูด มายมิ้นท์ก็ไม่ถามอะไรอีก เธอกลับไปพูดเรื่องเดิม

“เอ่อใช่ ทำไมแม่คุณถึงมีความสุขล่ะ ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่ได้รักกัน แต่ว่าพ่อของคุณรักพิศมัย พิศมัยคือคนที่จะมาแย่งตำแหน่งคุณผู้หญิงตระกูลนวบดินทร์ของแม่คุณ” มายมิ้นท์นั่งขัดสมาธิ

เปปเปอร์กัดคุกกี้อีกคำ “เพราะแม่ของผมอยากออกไปจากตระกูลนวบดินทร์มาตลอด ถ้าพ่อของผมและพิศมัยแต่งงานกัน แม่ของผมก็จะได้หย่ากับพ่อ นี่คือความฝันของเธอ แบบนี้แม่ของผมก็เลยขอบคุณพิศมัย เพื่อที่จะให้พ่อของผมและพิศมัยได้แต่งงานกันเร็วๆ เธอยังคิดที่จะไปหาคุณย่าที่คฤหาสน์ไปเล่าเรื่องราวดีๆของพิศมัยของคุณย่าฟัง”

“ต่อมาล่ะ?” มายมิ้นท์โน้มตัวลง วางข้อศอกเท้าคางบนต้นขาของตัวเองแล้วมองเขาด้วยท่าทีผู้ฟังที่ดี

จะว่าไปแล้ว ดูเหมือนเธอจะไม่เคยพูดกับเขาดีๆแบบนี้มาก่อน

“ต่อมา คืนที่แม่ของผมไปหาคุณย่า แม่ของผมฆ่าตัวตายเพราะเรื่องอะไรบางอย่าง” เปปเปอร์พูดถึงตรงนี้ เขาก็กำมือที่ถือคุกกี้อยู่อย่างแน่น บีบซองคุกกี้จนเกิดเสียง

มายมิ้นท์ตกใจจนอ้าปากค้าง “ฆ่าตัวตาย?”

ตั้งแต่รู้ว่าพิศมัยไม่ใช่แม่แท้ๆของเขา เธอก็พอจะเดาออกว่าแม่แท้ๆของเขาจากไปแล้ว

แต่เธอไม่เคยคิดว่า มันคือการฆ่าตัวตาย

“อืม” เปปเปอร์หลับตาลง ทำให้คนอื่นยากที่จะมองเห็นสีหน้าของเขา

“เกี่ยวข้องกับพิศมัยเหรอ?” มายมิ้นท์ชูถาม

เปปเปอร์ส่ายหน้า “ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำ ที่จริงแล้วแม่ของผมยอมให้เธอคบกับพ่อของผม และหลังจากที่แม่ของผมตายไปแล้ว พิศมัยรู้สึกผิดมาตลอด คิดว่าการมาของตัวเอง ทำให้แม่ของผมทนไม่ได้จนต้องฆ่าตัวตาย เธอเลยรู้สึกผิดต่อแม่ของผมมาตลอด แล้วก็เพราะแบบนี้ พิศมัยถึงได้เห็นผมเป็นเหมือนลูกแท้ๆ ถึงขั้นตอนที่ท้องปีโป้ ยังคิดที่จะทำแท้งปีโป้ แต่ผมห้ามเธอไว้”

“ฉันเข้าใจแล้ว ได้ยินคุณพูดแบบนี้ ฉันควรจะมองพิศมัยใหม่” มายมิ้นท์เลิกคิ้ว

เปปเปอร์ยิ้มอย่างแผ่วเบา “ถึงแม้ว่าเธอจะมีข้อเสียมากมาย ไม่ได้เป็นคนดีอะไรขนาดนั้น แต่เธอก็ไม่ใช่คนเลว”

มายมิ้นท์ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้

ที่จริงแล้วตอนอยู่ที่ตระกูลนวบดินทร์หกปี พิศมัยก็แค่พูดจาไม่น่าฟัง แต่เธอก็ไม่เคยลงไม้ลงมือกับมายมิ้นท์

แต่หลังจากที่หย่ากับเปปเปอร์ พิศมัยมาหาเธออยู่หลายครั้ง และลงไม้ลงมือกับเธอ

“ไม่กินแล้วเหรอ?” เห็นเปปเปอร์วางคุกกี้ลง มายมิ้นท์จึงถามเขา

เปปเปอร์อืมแล้วพูดว่า “พอแล้ว ผมอยากนอนต่ออีกสักหน่อย ยังรู้สึกเวียนหัวอยู่”

“โอเค งั้นคุณนอนเถอะ” มายมิ้นท์ประคองเขานอนลงแล้วห่มผ้าให้เขา

เปปเปอร์มองไปที่เธอ “แล้วคุณล่ะ?”

“เดี๋ยวฉันค่อยนอน ผมยังไม่แห้งเลย” มายมิ้นท์ชี้ไปที่ผมของตัวเอง

เปปเปอร์พยักหน้าเบาๆแล้วหลับตา

มายมิ้นท์ลุกขึ้นแล้วเดินกลับไปที่กองไฟ เพิ่มฟืนเข้าไปในกองไฟ จากนั้นก็นั่งลงเป่าผมให้แห้ง

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ผมของเธอก็แห้ง แล้วเธอทนไม่ไหวแล้ว เธอหาว

วันนี้มันช่างเป็นวันที่น่ากลัว บวกกับความเร็วของความตาย ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เธอผ่านมันมาด้วยความหวาดกลัว

ดังนั้นตอนนี้เธอจึงรู้สึกผ่อนคลาย ทั้งร่างกายและจิตใจก็เหนื่อยล้าไปหมด

เธอขยี้ตาที่แทบจะลืมไม่ขึ้นอยู่แล้ว มายมิ้นท์เพิ่มฟืนเข้าไปอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไฟจะไม่ดับในตอนกลางดึก จากนั้นก็เดินไปที่เปปเปอร์ กอดผ้าห่มอีกผืนหนึ่ง แล้วนอนลงไปห่างจากเปปเปอร์ประมาณครึ่งเมตร

เพราะพื้นที่ปูฟางไว้มีแค่นี้ ถ้าเธอไม่นอนกับเปปเปอร์ ก็คงต้องนอนบนพื้นเย็นๆ

ถึงแม้ว่าจะมีผ้าห่ม แต่ก็มันก็คงจะหนาวจนทำให้คนตัวสั่น ดังนั้นเธอจึงต้องนอนข้างเปปเปอร์

อย่างไรก็นอนห่มผ้าคนละผืน ไม่ถือว่านอนผ้าห่มผืนเดียวกัน

ผ้าห่มบนตัวมีกลิ่นเหม็นอับ ทำให้มายมิ้นท์ที่ไม่เคยห่มผ้าห่มแบบนี้ไม่ค่อยคุ้นชิน

แต่ว่าตอนนี้มีแค่นี้ ไม่ชินก็ต้องชิน

ดังนั้นมายมิ้นท์จึงสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำให้ตัวเองไม่สนใจกลิ่นเหม็นอับนั้นแล้วหลับตาลง

เพราะว่าเธอเหนื่อยเกินไป ถึงแม้ว่าผ้าห่มจะมีกลิ่นเหม็น แต่มายมิ้นท์ก็หลับไปอย่างรวดเร็ว เธอค่อยๆหายใจเบาลง

และในตอนนี้เอง ผู้ชายที่อยู่ข้างๆเธอก็ลืมตาขึ้นมา ในสายตาของเขาไม่มีความง่วงเลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้หลับไปจริงๆ แต่แสร้งทำเป็นหลับ

สายตาของเปปเปอร์มองไปที่มายมิ้นท์ มองดูใบหน้าที่กำลังหลับใหลของเธอ เขาพยุงตัวเองขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว จากนั้นก็ขยับเข้าไปใกล้เธอ

เพื่อไม่ให้เธอตื่น เขาขยับเข้าไปอย่างระมัดระวังราวกับเป็นหัวขโมย ขยับไปพร้อมกับมองหน้าเธอ มองดูว่าเธอตื่นรึเปล่า

ในที่สุดเมื่อเขาขยับเข้ามาข้างๆมายมิ้นท์แล้ว มายมิ้นท์ก็ยังไม่ตื่น เปปเปอร์ถึงได้นอนลงไปอีกครั้งด้วยความพอใจ จากนั้นก็ยื่นแขนออกไป กอดมายมิ้นท์ผ่านผ้าห่มแล้วหลับตาลงอีกครั้ง

……

วันต่อมา เมื่อมายมิ้นท์ตื่นขึ้นมา ข้างนอกฝนหยุดตกแล้ว

เธอลืมตาขึ้น เห็นว่าข้างบนหัวไม่ใช่เพดานห้องนอนที่ตัวเองคุ้นเคย แต่กลับเป็นหิน เธอตกใจ “อะไรกัน?”

ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?

มายมิ้นท์ลุกขึ้นนั่ง ต่อมาความทรงจำที่ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธอ

เธอถึงตระหนักได้ว่า เมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้น

มายมิ้นท์นวดขมับทำให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ลง

นอนเยอะเกินไปจริงๆ นอนจนลืมไปว่าเมื่อวานตัวเองกับเปปเปอร์มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

นึกถึงเปปเปอร์ มายมิ้นท์ก็ตกใจแล้วรีบหันไปมองทางขวามืออย่างรวดเร็ว ดูว่าเปปเปอร์เป็นอย่างไรแล้ว

สุดท้ายเห็นว่าเปปเปอร์นอนอยู่ข้างตัวเอง เธอก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ

เกิดอะไรขึ้น?

เขาเข้ามานอนใกล้ตัวเองขนาดนี้ได้ยังไง?