ตอนที่ 1,724 : สร้างชื่อเสียงในตำหนักฟ้าลี้ลับ
“ศิษย์น้องหลิงเทียน…พลังฝีมือเจ้าช่างน่าเลื่อมไสนัก นับถือๆ!”
กัวลู่ ย่อมรู้เป็นธรรมดา ว่าต้วนหลิงเทียนไม่อยากให้มันต้องอับอายต่อหน้าผู้คนจึงจงใจออมมือให้ผลออกมาเป็นเสมอ! ทำให้มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตามันเต็มไปด้วยความนับถือเลื่อมไสทั้งแฝงเร้นไปด้วยความสำนึกบุญคุณ อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาประสานเขย่า!
“ศิษย์พี่กัวลู่ก็นับว่าไม่ธรรมดา วันหน้าพวกเราค่อยมาแลกเปลี่ยนวรยุทธ์กันใหม่”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มตอบอย่างสุภาพ
ในที่สุดการประลองระหว่างต้วนหลิงเทียนกับกัวลู่ก็จบลงด้วยผลเสมอ
ถึงแม้นี่จะเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนออมมือ แต่ยากที่จะมีใครล่วงรู้เรื่องนี้นอกจากตัวกัวลู่
อย่างไรก็ตามข่าวเรื่องนี้นับว่าสร้างความตื่นตระหนกให้ทั้งตำหนักฟ้าลี้ลับแล้ว!
มียอดฝีมือที่บรรลุด่านพลังเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญทั้งที่อายุยังไม่ถึง 40 ปีน้อยคนนักที่เคยปรากฏตัวขึ้นมาในตำหนักฟ้าลี้ลับ! ที่สำคัญคือมันไม่มีในรุ่นนี้…ย่อมหมายความว่าต้วนหลิงเทียนเสมือนปรากฏตัวขึ้นมาได้ประจวบเหมาะนัก!!
เหล่าศิษย์วังนภามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตายำเกรงทันที พวกมันค่อยๆเดินออกจากลานบ้านของต้วนหลิงเทียนไปพร้อมๆกับกัวลู่ ไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาอะไรอีก…
หากจะกล่าวว่าขามาในใจพวกมันยังไม่ยอมรับต้วนหลิงเทียนและคิดว่าอีกฝ่ายเพียงมีโชคที่ต้องตาพึงใจรองจ้าววังนภาจนได้รับสิทธิ์เข้าสระวิญญาณล่ะก็…
มาตอนนี้เมื่อได้เห็นพลังฝีมือต้วนหลิงเทียน พวกมันก็เชื่อแล้วว่าต้วนหลิงเทียนสมควรได้รับสิทธิ์เข้าสระวิญญาณที่สุด!
ในโลกนี้ผู้ที่มีพลังฝีมือเข้มแข็งย่อมได้รับการเคารพนับถือเสมอไม่ว่าจะไปที่ใด
นับประสาอะไรกับต้วนหลิงเทียนที่บรรลุพลังฝีมือเท่านี้ทั้งที่ยังอายุไม่ถึง 40!
อายุไม่ทันถึง 40 แต่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ หากได้รับเวลามากพอให้เติบใหญ่ ย่อมกลายเป็นเสาหลักของตำหนักฟ้าลี้ลับได้แน่! กระทั่งหากวันหน้าศักยภาพไม่ถดถอย น่ากลัวว่าจะกลายเป็นจ้าวตำหนักที่ทรงพลัง!!
หลังจากที่ผู้คนทยอยกันจากไป ไม่นานในลานว่างก็หลงเหลือคนอยู่เพียงแค่ 2 คน…
เหวางเฟยเซวียนจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอื้ออึงอยู่นาน
ชายหนุ่มเบื้องหน้านับว่าทำให้นางตกใจครั้งใหญ่แล้วจริงๆ
ต้องทราบด้วยว่าแม้จะเป็นขอบเขตพลังเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ แต่กัวลู่นั้นก็นับเป็นยอดฝีมือติด 3 อันดับแรกของด่านพลังดังกล่าว ทว่ากัวลู่ผู้นั้น…กลับทำได้แค่เสมอมิอาจสยบชายเบื้องหน้า!
จังหวะนี้ในใจของหวางเฟยเซวียนยังเต็มไปด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้!
ก่อนหน้านี้นางคิดว่าในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน คงมีแค่ ‘ลี่เฟิง’ เท่านั้นที่เหนือกว่านาง
ทว่ามาตอนนี้กลับมีเพิ่มมาอีกคน
บางทีชายเบื้องหน้าอาจไม่ร้ายกาจเท่าลี่เฟิง แต่อีกฝ่ายก็แข็งแกร่งกว่านางแน่นอน!
“เจ้ามองพอรึยัง?”
กว่าหวางเฟยเซวียนจะคืนสติ ก็ตอนที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาด้วยคิ้วที่ขมวดเป็นปม เพราะเขาเองก็เห็นนางมองเขาอยู่นานแล้ว
“ใครมองเจ้ากัน!”
หวางเฟยเซวียนโพล่งคำสวนกลับ ใบหน้างามน่ารักขึ้นสีแดงเรื่อด้วยเขินอายเล็กน้อย พยายามทำท่าฮึดฮัดกลบเกลื่อน
“ข้าแค่ถามว่าเจ้ามองพอรึยัง ข้าไปถามว่าเจ้ามองข้าอยู่ตอนไหน? เจ้ากินปูนร้อนท้องเองรึเปล่า?”
ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้น มุมปากยังยกยิ้มแสยะ
เขาไม่คิดเหมือนกันว่าหวางเฟยเซวียนที่แลดูดุร้ายเอาแต่ใจ จะเผยสีหน้าเก้อเขินแบบนี้ออกมาได้ จะว่าไปก็แลดูน่ารักไม่น้อย
แต่เมื่อเห็นว่ายิ่งมาหน้าหวางเฟยเซวียนยิงแดงขึ้นด้วยความอาย ต้วนหลิงเทียนก็คร้านสนใจอะไรนางอีกเพียงหันหลังเดินกลับเข้าบ้านทันที ด้วยกริ่งเกรงจะมีเรื่องดั่ง ‘วิกาลยาวนานฝันยุ่งเหยิง’
ปึง!
กระทั่งเสียงปิดประตูดังขึ้น หวางเฟยเซวียนที่ยืนอายจึงค่อยรู้สึกตัว นางกำหมัดสีชมพูน้อยแน่นด้วยความโกรธปากบ่นงึมงำ “เจ้าทึ่มนั่นมันไม่รู้อะไรเลยรึไง!?”
‘ไม่รู้อะไรเลย?’
ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งปิดประตูบ้าน ย่อมได้ยินวาจากล่าวบ่นนี้ของหวางเฟยเซวียนดี อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้นมา
เรื่องที่หวางเฟยเซวียนสนใจเขา ไหนเลยเขาจะไม่รู้
แต่บางทีที่นางสนใจเขานั้นทั้งหมดเพราะความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ ใครจะไปรู้ว่ากาลเวลาผ่านไปใจนางจะแปรเปลี่ยนเป็นอื่นหรือไม่?
อีกทั้งไม่ต้องกล่าวถึงว่าเรื่องที่ตอนนี้เขามีคู่หมั้นอยู่แล้วถึง 2 คน กระทั่ง เค่อเอ๋อ เป็นตายอย่างไรก็ไม่ทราบ เขาจะไปมีอารมณ์สนใจอะไรกับสตรีที่มาสนใจเขา
เช่นนั้นเมื่อเจอกับสตรีที่เข้าหาแบบนี้ เขาจึงจงใจหลีกเลี่ยง
ในเมื่อยุ่งกับนางมากไม่ได้เพราะเดี๋ยวนางจะคิดว่ามีหวัง เช่นนั้นหลีกเลี่ยงนางไปเลยไม่ดีกว่าหรือ?
“เหลือแค่ไม่กี่วันแล้ว…หวังว่าครั้งนี้ข้าจะก้าวหน้า”
เพียงห้วงคิด ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบเข้าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ มุ่งหน้าสู่ชั้น 3 เพื่อบ่มเพาะพลังต่อไป
ต้วนหลิงเทียนที่ตั้งหน้าตั้งตาบ่มเพาะพลังในเจดีย์ ย่อมไม่รู้เลยว่าข่าวที่เขาเอาชนะหวงจี้ ที่เป็นชนชั้นยอดฝีมือในขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลางและลู้เสมอกับกัวลู่ยอดฝีมือเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ ได้แพร่สะพัดไปทั่ววังนภาปานพายุ!
“ด้วยอายุที่ยังไม่ทันถึง 40 ปีที…กลับมีพลังฝีมือสูงพอจะทัดเทียมกับกัวลู่แล้วงั้นหรือ?”
“พลังฝืมือของกัวลู่ จัดเป็น 3 อันดับต้นๆของของเขตเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญในวังนภา…แต่กลับทำได้แค่เสมอกับหลิงเทียน?”
“หลิงเทียนคนนี้มันเป็นปีศาจที่ผุดขึ้นมาจากที่ใดกันแน่? ศักยภาพพรสวรรค์เช่นนี้…น่ากลัวว่าจะพอๆกันกับลี่เฟิงที่โด่งดังขึ้นมาเมื่อปีที่แล้วได้เลย!”
“ในประวัติศาสตร์ของตำหนักฟ้าลี้ลับเรา อัจฉริยะที่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญก่อนอายุ 40 ปี สามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียว…! ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเลย…ว่ารุ่นของพวกเราจะปรากฏตัวตนเช่นนี้ขึ้นมาได้ อีกไม่นานคงถึงยุคสมัยที่ตำหนักฟ้าลี้ลับของพวกเราจะผงาดแล้ว!!”
“หากหลิงเทียนผู้นี้รักษาระดับความก้าวหน้าในปัจจุบันเอาไว้…บางทีอีกไม่นานเขาอาจจะกลายเป็นอย่างจ้าวตำหนักเมฆาครามคนใหม่ นำพาตำหนักฟ้าลี้ลับของพวกเราให้กลายเป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!!”
……
วาจาทำนองเดียวกันนี้ได้ยินไปทั่ววังนภา
ยิ่งไปกว่านั้นหลายคนเริ่มยกเอาต้วนหลิงเทียนไปเทียบกับจ้าวตำหนักเมฆาครามคนปัจจุบัน เพราะจ้าวตำหนักเมฆาครามคนปัจจุบันก็คือสุดยอดอัจฉริยะที่พึ่งผงาดขึ้นมา สามารถนำพาตำหนักเมฆาครามให้กลายเป็นขุมพลังแนวหน้าของภูมิภาคเบื้องล่างด้วยพลังฝีมือส่วนตัว!!
อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้เลยว่าจ้าวตำหนักเมฆาครามคนใหม่ที่พวกมันกล่าวถึง ก็คือบิดาบังเกิดเกล้าของหลิงเทียนที่พวกมันกำลังยกมาเทียบ…
แน่นอนว่ากระทั่งต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน หาไม่แล้วเขาคงไม่มาตำหนักฟ้าลี้ลับตั้งแต่แรก
“ยอดเยี่ยมนัก! มิคิดเลยว่าเจ้าหนูนั่นจักร้ายกาจถึงขั้นสู้เสมอกับกัวลู่ได้!”
พอได้ยินเรื่องนี้ เซียวยี่รองจ้าววังนภา ก็ตกใจครั้งใหญ่!
เดิมทีมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นเซียนขัดเกลาขั้นกลางที่ร้ายกาจ แต่ไม่คิดเลยจริงๆว่าจะเป็นถึงชนชั้นยอดฝีมือเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ! ที่ยอดฝีมือเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญทั่วไปยากจะเทียบได้!!
เรื่องนี้เห็นชัดจากการสู้เสมอกับกัวลู่!
ทว่าร้อยพันหมื่นคาดเซียวยี่ก็คงไม่เคยคิด ว่าที่สู้เสมอกัวลู่แบบนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนจงใจออมมือและให้ผลออกมาในรูปแบบนี้!
หาไม่แล้วต่อให้มี 10 กัวลู่ น่ากลัวจะลำบากเพียงพลิกฝ่ามือก็จัดการได้!
ขณะเดียวกัน ข่าวการสู้เสมอระหว่างหลิงเทียนกับกัวลู่นี้ ก็ได้แพร่ไปยังวังปฐพี วังลี้ลับ และวังเหลืองเช่นกัน
กัวลู่แม้จะเป็นแค่ศิษย์คนหนึ่งในวังนภา แต่พลังฝีมือที่บรรลุถึงชนชั้นเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญก็ไม่ใช่ชั่ว ทำให้มันเป็นที่รู้จักในตำหนักฟ้าลี้ลับไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ที่มีพลังฝึกปรือต่ำกว่าเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ ไม่มีใครไม่รู้จักกัวลู่ก็ว่าได้!
“หืม!? กัวลู่ ยอดฝีมือที่ติด 3 อันดับแรกในขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญของวังนภาคนนั้นน่ะเหรอ!?”
“นั่นสิ! ตัวตนเช่นนั้นน่ะหรือเสมอกับหลิงเทียน!?”
“สวรรค์ช่วย เช่นนั้นหลิงเทียนที่ว่าก็นับว่าร้ายกาจนัก! ตอนแรกข้าคิดว่าพลังฝึกปรือเต็มที่ก็แค่เซียนขัดเกลาขั้นกลางเท่านั้น ให้ตายเถอะ น่าทึ่งยิ่ง!”
“แต่หากจะกล่าวว่าผู้ใดร้ายกาจที่สุด ข้ายังคิดว่าสมควรเป็นลี่เฟิง ที่ปรากฏตัวขึ้นมาในเขตอิทธิพลหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเมื่อปีที่แล้วมากกว่า…เพราะลี่เฟิงนั่นบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดตั้งแต่ยังอายุไม่ถึง 40! หลิงเทียนยังห่างอยู่บ้างหากคิดจะเทียบกับลี่เฟิง!”
“แน่นอนว่าลี่เฟิงนั่นย่อมเป็นสัตว์ประหลาดที่แท้จริง!”
……
ศิษย์ของอีก 3 วังที่เหลือเองก็อดไม่ได้ที่จะตกใจกับข่าวนี้
หากต้วนหลิงเทียนมาได้ยินวาจาของพวกมันล่ะก็ คงได้มีอมยิ้มกันบ้าง
ลี่เฟิงนั่นจะอย่างไรก็แค่ตัวเขาเมื่อปีที่แล้ว
วันนี้เขาไม่ได้อยู่ระดับเดียวกันกับปีที่แล้วเลย…
แน่นอนว่าแม้ต้วนหลิงเทียนจะได้ยินที่พวกมันพูด เขาก็คงทำแค่อมยิ้ม และไม่คิดอธิบายอะไรเพิ่มเติม
เพราะสุดท้ายแล้วตอนนี้เขาไม่ใช่ลี่เฟิง แต่เป็น หลิงเทียน!
ไม่ว่าจะอะไรยังไง สุดท้ายข่าวเรื่องที่หลิงเทียนสู้เสมอกัวลู่ ก็แพร่สะพัดไปทั่วตำหนักฟ้าลี้ลับ บรรดาระดับสูงๆทั้งหลายยังอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความสนใจ
หลายคนยังกระเหี้ยนกระหือรือหมายรับตัวเขาเป็นศิษย์!
หากแต่ไม่ว่าคลื่นลมจะโหมกระหน่ำเพียงใด ต้วนหลิงเทียนที่ตั้งหน้าตั้งตาบ่มเพาะพลังในชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติก็ไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย จนถึงวันที่สระวิญญาณจะเปิดออก ต้วนหลิงเทียนค่อยออกมาจากเจดีย์ 7 สมบัติและมานั่งรอที่โต๊ะหินอ่อนในลานหน้าบ้าน
สะบัดมือคราหนึ่ง ปรากฏเหยือกสุราผุดจากความว่าง 1 เหยือก พร้อมจอกเล็กๆ
จิบสุราเบาๆ มองฟ้างดงาม รอคอยเวลาอย่างเงียบงัน
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงแหวกฝ่าสายลมเสียงหนึ่ง เขาจึงหันมองไปทางต้นเสียงทันที
ตอนแรกคิดว่าเป็นหวังพีที่มารับ มิคาดกลับเป็นหวางเฟยเซวียนอีกแล้ว…
ไม่ทราบทำไม ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกปวดหัวขึ้นมาตงิดๆเมื่อได้เห็นหวางเฟยเซวียน! เขาเองก็ไม่อาจทุบตีทำร้ายนางได้ด้วยเหตุผลว่ารำคาญที่นางตามตื๊อ เพราะอย่างไรเสียนางก็ไม่ได้ล้ำเส้นเขา..
เห็นได้ชัดว่าต้วนหลิงเทียนไม่รู้เรื่องที่นางไปเที่ยวใส่ไฟกระตุ้นอารมณ์ผู้คนให้พากันยกพวกมาถึงบ้านเขา ถ้าเขารู้เรื่องนี้ล่ะก็…น่ากลัวนางจะโดนดีไม่ใช่น้อย!
“หลิงเทียนเจ้าช่างตื่นเช้านัก! ข้าคิดว่าเจ้าจะนอนตื่นสายเสียอีก..จะได้อาศัยจังหวะนี้บอกศิษย์พี่หวังพี ว่าเจ้าสละสิทธิ์เข้าสระวิญญาณให้ข้า…น่าเสียดายเจ้าดันออกมาทันเวลา!”
หวางเฟยเซวียนที่มาถึงก็เดินดุ่มๆมานั่งที่โต๊ะหินอ่อนตรงข้ามกับต้วนหลิงเทียนอย่างเรียบๆร้อยๆ ค่อยกล่าวออก
“เจ้าคิดว่าศิษย์พี่หวังพีจะเชื่อเจ้ารึไง?”
ต้วนหลิงเทียนยกจอกสุราขึ้นจิบไปครึ่ง ค่อยส่ายหน้ากล่าวออกอย่างระอา
“ฮึ!”
หวางเฟยเซวียนย่นจมูกพ่นลมเบาๆ คิ้วขมวดเล็กน้อย
ทว่าต้วนหลิงเทียนที่เห็นอาการฮึดฮัดนี้ของนางกลับนิ่งค้างไปทันใด
นั่นเพราะยามที่หวางเฟยเซวียนย่มขมูกพ่นลมทั้งขมวดคิ้ว นางกลับให้ความรู้สึกคล้ายเค่อเอ๋อ คู่หมั้นของเขา
ดั่งคำ ภาพจำซ้อนทับ พอเห็นความคล้ายนี้ของหวางเฟยเซวียนกับเค่อเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็เหม่อลอยไปด้วยความคิดถึงทันที
‘เอ๊ะ! เจ้าทึ่มมันเป็นอะไรไป…หรือมันหลงเสน่ห์ข้าเข้าแล้ว?’
หวางเฟยเซวียนย่อมแลเห็นอาการดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนเป็นธรรมดา