เกราะทองมังกรหงส์

ดัชนีแสงสีงาช้างชี้ไปบนอากาศแผ่วเบา

จากนั้นก็ปะทะกับลำแสงหอกสีทองที่มีภาพเงาของมังกรและหงส์ฟ้าอยู่รอบๆ

จังหวะที่ปะทะกันนั้น ทั่วบริเวณก็เหมือนจะเงียบงันไป

ดวงตาของมู่เฉินจับจ้องที่จุดปะทะ ไม่มีเสียงดังสนั่นจากการปะทะน่ากลัวนี้ แต่ทันใดนั้นริ้วความมืดก็กำจายออกมาจากนิ้วของไฉ่เซียว

ริ้วดำมืดราวกับน้ำหมึกที่หยดลงบนทะเลสาบขณะแผ่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็เปลี่ยนเป็นหลุมดำขนาดร้อยจั้ง!

ขณะที่หลุมดำหมุนคว้าง ก็ดูราวกับจะกลืนกินทุกสรรพสิ่งบนโลกลงไป วัตถุใดๆ จะถูกลดลงเป็นความว่างเปล่าชั่วนิรันดร์จากความมืดมิด

โฮก!

มังกรและหงส์ฟ้าราวกับกำลังคำราม พลังการต่อสู้น่าตกใจกระจายออกมาจากลำแสงหอกทองคำหมายจะทะลวงผ่านหลุมดำไปให้ได้ แต่ในความเป็นจริงกลับทำให้ลำแสงหอกสีทองจมลงไปในหลุมดำทีละน้อย…ละน้อย ไม่ว่ามันจะดิ้นรนอย่างไร ก็ไม่อาจหลุดออกจากพลังดึงดูดน่ากลัวได้

ผู้พิทักษ์เกราะทองคำรามอย่างเกรี้ยวกราด แสงสีทองป่าเถื่อนพวยพุ่งเพื่อจะให้หลุดพ้น แต่สุดท้ายก็ไร้ผล เนื่องจากไฉ่เซียวในตอนนี้เหมือนจะแสดงพลังที่น่าตกใจอย่างยิ่งออกมา

หลุมดำหมุนคว้างบนปลายนิ้วของไฉ่เซียว ลำแสงหอกสีทองก็ถูกดูดกลืนลงไปช้าๆ กระทั่งอันตรธานหายไปทั้งหมด

วาบ!

พริบตาเมื่อลำแสงหอกสีทองถูกหลุมดำเขมือบ หลุมดำขนาดร้อยจั้งก็หดลงอย่างรวดเร็ว ลดขนาดเป็นจุดสีดำเล็กๆ ราวกับน้ำหมึกพลิ้วลงบนปลายนิ้วของไฉ่เซียว จากนั้นนางก็วาดนิ้วออกไปอีกครั้งแตะเข้าที่หน้าผากของผู้พิทักษ์เกราะทองอย่างรวดเร็ว

ไม่มีเสียงดังผิดปกติ แต่ร่างของผู้พิทักษ์เกราะทองกลับแข็งค้างไปทันที มากจนแม้แต่แสงสีทองพร่างพราวที่กำจายจากร่างยังหม่นลงรวดเร็ว

แขนที่ปกคลุมด้วยเกล็ดมังกรสั่นสะท้านขณะยกขึ้นจะตะปบไฉ่เซียว แต่สุดท้ายก็ห้อยตกลงมาอย่างไร้พลัง ร่างทั้งร่างของมันล้มลงบนพื้นด้วยเสียงดัง คลื่นหลิงกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตหายไปจนหมดสิ้น

มู่เฉินถึงกับตกตะลึงไปกับภาพนี้ เขาทึ่งกับการโจมตีเมื่อสักครู่ของไฉ่เซียวยิ่งนัก การโจมตีของนางช่างรวดเร็วอย่างยิ่ง

ไฉ่เซียวมองผู้พิทักษ์เกราะทองที่พังพาบบนพื้น เรือนผมตระการตาก็เปลี่ยนกลับมาเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว ม่านตาเจ็ดสีก็กลับมาเป็นสีดำดังเดิม

ตัวนางสั่นเบาๆ จากนั้นก็เซล้มไปทางเบื้องหลัง

ร่างหนึ่งปรากฏที่ด้านหลังนางทันท่วงที แขนคว้าเอวนางไว้ มู่เฉินพบว่าตอนนี้ใบหน้าของไฉ่เซียวซีดลงหลายส่วน ดูท่าการโจมตีพริบตาที่สังหารผู้พิทักษ์เกราะทองจะดึงพลังไปมหาศาลเลยทีเดียว

“เป็นอะไรไหม?” มู่เฉินถามอย่างเป็นห่วง

ไฉ่เซียวส่ายหน้าเบาๆ จากนั้นก็ยืดตัวขึ้น ส่วนมู่เฉินก็ปล่อยมือออก เขาไม่ลังเลที่จะปล่อยความนุ่มนวลที่ทำให้หัวใจแปรปรวนได้

“ข้าไม่เป็นไร ในที่สุดเราก็จัดการมันได้” ไฉ่เซียวเหลือบมองผู้พิทักษ์เกราะทองบนพื้นที่ไม่มีรัศมีใดๆ เหลืออยู่ ก็รู้สึกถึงภาระหนักถูกยกออก หากแบบนี้ยังไม่สามารถจัดการมันได้ พวกนางก็ทำได้แค่ล่าถอยแล้ว

มู่เฉินเดินตรงมาเคาะร่างผู้พิทักษ์เกราะทองอย่างระวัง แต่ร่างภายใต้เกราะกลับส่งเสียงกลวงๆ ขึ้นมา ทำให้เขาอึ้งไปวูบหนึ่ง จากนั้นเขาก็เปิดชุดเกราะออกพบว่าไม่มีอะไรอยู่ภายใต้เกราะอีกเลย ราวกับว่าผู้พิทักษ์กลายเป็นอากาศธาตุอย่างไร้ร่องรอย…

“เขาถูกดัชนีกลืนสวรรค์ของข้า เนื้อถูกดูดกลืนไปหมดแล้ว” ไฉ่เซียวอธิบายเสียงเรียบ

พอได้ยินคำพูดนั่น มู่เฉินพลันสูดหายใจลึก การโจมตีกระบวนท่านี้ครอบงำนัก ที่มาของไฉ่เซียวช่างลึกลับจริงๆ มีขนาดทักษะที่ทรงพลังเช่นนี้

“แต่ชุดเกราะนี้เหมือนจะไม่ใช่ของธรรมดา” ไฉ่เซียวกำมือ ชุดเกราะทองก็ลอยมาที่ตรงหน้า ชุดเกราะนี้สร้างจากเกล็ดของมังกรแท้จริง ความแข็งแกร่งจึงไม่สามารถอธิบายได้ นอกจากนี้ยังมีลวดลายของปีกคู่หนึ่งบนหลังชุดเกราะอีกด้วย…

“ชุดเกราะนี้เป็นการหลอมรวมพลังระหว่างมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง…” มู่เฉินเคลื่อนเข้ามาใกล้ขณะพูดอย่างตกตะลึง ที่แท้ปีกหงส์ฟ้าที่สยายออกมาจากเบื้องหลังผู้พิทักษ์เกราะทองเมื่อก่อนหน้าก็มาจากเกราะนี้เอง

“ของดีเลย” มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม เกราะทองมังกรหงส์นี้มีพลังป้องกันทรงประสิทธิภาพจากเกล็ดมังกรบวกกับความเร็วของหงส์ฟ้า ความสามารถของเกราะนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่อาวุธพบสวรรค์ขั้นสูงยังไม่อาจเทียบได้ หากการมีอยู่ของชุดเกราะนี้ล่วงรู้ไปถึงหูคนอื่นละก็ จะต้องทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนตาแดงก่ำแน่นอน

“เจ้ายังไม่เห็นส่วนทรงพลังที่แท้จริงของเกราะทองมังกรหงส์” ไฉ่เซียวกลับเอ่ยพลางยิ้มบาง

เมื่อได้ยิน มู่เฉินก็อึ้งไป

“พลังของมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงเข้ากันไม่ได้เหมือนน้ำกับไฟ ในเมื่อเจ้ามีกายามังกรพรางก็น่าจะตระหนักถึงความจริงข้อนี้ดี ต่อให้มีเลือดมังกรและหงส์ฟ้าอยู่ในสระมังกรหงส์ แต่สุดท้ายพวกมันก็จะกลืนกินซึ่งกันและกันจนเกิดผู้ชนะ เจ้าถึงจะดูดซับได้”

ไฉ่เซียวชี้ไปที่เกราะทองมังกรหงส์ที่ลอยอยู่ตรงหน้า “แต่มันกลับไม่ใช่ สิ่งนี้สามารถรวมพลังของมหาเทพอสูรทั้งสอง ข้าว่าสาเหตุที่ผู้พิทักษ์เกราะทองสามารถมีพลังทั้งของมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง ไม่ได้เป็นเพราะตัวมันทรงพลังหรอก แต่เป็นเพราะเกราะทองมังกรหงส์นี้…”

“เจ้าหมายความว่า…” หางตาของมู่เฉินกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ขณะที่ไฟลุกโชนในส่วนลึกของนัยน์ตา

“ถูกต้อง ถ้าเจ้ามีเกราะทองมังกรหงส์นี้ บางทีเจ้าอาจสามารถดูดซับแก่นเลือดได้ทั้งของมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง ถึงตอนนั้นเจ้าจะสร้างกายามังกรพรางและกายาหงส์ฟ้าพรางได้ในเวลาเดียวกัน… ฮ่าๆ บางทีเรียกว่ากายามังกรหงส์คงเหมาะสมกว่า…” ไฉ่เซียวกลั้วหัวเราะ

“กายามังกรหงส์”

มู่เฉินเลียริมฝีปาก แม้แต่ตัวเขาเองยังอดไม่ได้ที่จะหัวใจหวั่นไหวไปในตอนนี้ หลังจากหลายปีของการเปิดเขตหลงเฟิ่ง จอมยุทธ์ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นพากันได้รับกายามังกรพรางกับกายาหงส์ฟ้าพราง ทว่าไม่มีข่าวลือใดที่กล่าวว่าสามารถรับกายาทั้งสองได้พร้อมกัน ดังนั้นจึงบอกได้ว่าความคิดนี้ทำไม่ได้จริงแค่ไหน

แต่ตอนนี้กลับมีความหวังสำหรับความคิดฝันเฟื่องนี้อยู่ แล้วมู่เฉินจะไม่รู้สึกหวั่นไหวในใจได้อย่างไร?

ระลอกคลื่นกระเพื่อมอยู่ในใจของมู่เฉินเป็นเวลานานก่อนจะค่อยๆ สงบลง เขาเหลือบมองเกราะทองมังกรหงส์ก่อนมองที่ไฉ่เซียว “เจ้าเป็นคนที่โค่นผู้พิทักษ์เกราะทองลงได้…”

เขาไม่ได้ตาบอดจากความอยากได้ เพราะเขารู้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะไฉ่เซียว เขาก็คงไม่สามารถมาถึงที่นี่ได้ ไม่ต้องพูดถึงการไปแตะของเทพเช่นนี้เลย

“รับไปเถอะ อย่าทำตัวเป็นยายแก่ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเสี่ยงชีวิตขัดขวางเมื่อครู่ ข้าก็ไม่สามารถจัดการมันได้เหมือนกัน นอกจากนี้แม้เกราะทองมังกรหงส์นี้จะเป็นของหายาก แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะดึงดูดข้าได้หรอก” ไฉ่เซียวยิ้มพลางพลิกนิ้วสะบัดมือเกราะทองมังกรหงส์ก็เปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งเข้าหามู่เฉิน

“สมกับที่เป็นคนที่มีเบื้องหลังอู้ฟู่จริงๆ”

แม้เขาจะรู้ว่านี่เป็นเพียงข้อแก้ตัวของไฉ่เซียว แต่มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจ เขาไม่ได้ปฏิเสธคว้าเกราะทองมังกรหงส์ไว้ จากนั้นก็พยักหน้าให้ไฉ่เซียวอย่างจริงจัง “ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้นะ หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือจากข้าในภายหน้า เจ้าเรียกหาข้าได้ทุกเมื่อเลย”

“ขี้โม้จริงนะ” ไฉ่เซียวมองมู่เฉินอย่างล้อเลียน ด้วยสถานะของนาง หากนางต้องการความช่วยเหลือจริงๆ คนอย่างมู่เฉินคงช่วยไม่ได้แม้แต่น้อยหรอก

“ตอนนี้อาจยังช่วยอะไรไม่ได้ แต่ใครจะรู้อนาคตล่ะ?” มู่เฉินลูบเกล็ดเย็นบนเกราะทองมังกรหงส์พร้อมกับยิ้มบาง แม้รอยยิ้มของเขาจะดูสงบนิ่ง แต่ความมั่นใจที่อยู่เบื้องหลังรอยยิ้มทำให้ไฉ่เซียวประหลาดใจไปเล็กน้อย เพราะนางสัมผัสได้ว่านี่ไม่ใช่การพูดอวดโดยไม่มีรากฐาน แต่เป็นความมั่นใจในตัวเองและความดื้อดึง

ใครจะไปรู้ว่า ลูกอินทรีในวันนี้ อนาคตจะไม่สามารถทะยานบนฟากฟ้าได้อย่างภาคภูมิ?

ไฉ่เซียวจ้องมองมู่เฉินครู่หนึ่ง ก็คลี่ยิ้มพลางพยักหน้า “ตกลง ใช้เกราะทองมังกรหงส์นี้มาแลกเป็นบุญคุณของยอดยุทธ์ในอนาคต ช่างคุ้มค่าจริงๆ”

พอได้ยินคำพูดของนาง มู่เฉินก็ยิ้มเขิน ช่างเป็นคำสัญญาที่ว่างเปล่านัก หากเป็นคนอื่นคงจะกลอกตาใส่เขาไปแล้ว

“ต่อไปถึงเวลาชื่นชมกับสิ่งที่ได้มาซะที”

ไฉ่เซียวเลื่อนสายตาไปที่สระน้ำสีทองในสระมังกรหงส์ชั้นยอด ก่อนจะมองต้นอ่อนสีทองด้วยดวงตาร้อนผ่าว บนต้นนั้นมีผลเทพมังกรหงส์สามผลกำจายแสงเจิดจ้าออกมา พวกมันช่างโดดเด่นที่สุดในบริเวณนี้

ไฉ่เซียวกับมู่เฉินแลกเปลี่ยนสายตากัน ก่อนที่จะเคลื่อนตัวไปปรากฏตรงหน้าต้นอ่อนสีทองพลางยื่นมือออกไป

ชี่!

แต่ทันทีที่พวกเขาเคลื่อนไหว มิติรอบต้นอ่อนสีทองก็บิดเบี้ยวราวกับใบมีดพร้อมกับผลเทพมังกรหงส์สามผลร่วงหล่นในพริบตา ก่อนที่จะเข้าไปในมิติบิดเบี้ยวและหายไป

เหตุการณ์พลิกผันทำให้ไฉ่เซียวกับมู่เฉินอึ้งไป ก่อนที่สีหน้าจะเย็นเยือกลง

“ทำไมไอ้พวกจอมยุทธ์ในบันทึกมังกรหงส์ถึงชอบขโมยไก่จับหมากันจริงๆ?!” ไฉ่เซียวมองพื้นที่ว่างเปล่าก็แค่นเสียงเย็น

วาบ!

ทันทีที่เสียงแค่นออกมา ร่างนางก็หายไปปรากฏตัวอีกครั้งบนมิตินั่น มือนางตบออกไป ทำลายมิติเป็นเสี่ยงๆ

บึ้ม!

ในมิติแตกสลาย ฝ่ามือหนึ่งก็ซัดออกมาอย่างไม่ปรานีปะทะกับฝ่ามือไฉ่เซียวจังใหญ่ ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็กวาดออก แม้แต่ร่างไฉ่เซียวยังสั่นสะท้านเล็กน้อย

ดวลกับผู้พิทักษ์เกราะทองไปเมื่อครู่ ทำให้พลังของนางตอนนี้อ่อนกำลังลงหลายส่วน

แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะคว้าของจากมือของนาง นางวาดตราประทับด้วยมือข้างหนึ่ง แสงเจ็ดสีก็ยิงออกไปพุ่งเข้าสู่มิติเวิ้งว้างเบื้องหน้า

มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ หยดเลือดจำนวนหนึ่งพุ่งออกมา ลำสายฟ้าแลบแปลบปลาบพุ่งออกมาจากมิติ ทะยานหนีไปด้วยความเร็วน่าตกใจ ความเร็วนั้นไม่ใช่สิ่งที่ไฉ่เซียวจะตามทันได้ง่ายๆ

เมื่อมองร่างแสงนั่น สีหน้าของไฉ่เซียวก็เต็มไปด้วยไอเย็นชา ครู่หนึ่งนางพลิ้วตัวลงบนพื้นพร้อมกับพลิกนิ้ว ผลเทพมังกรหงส์สองผลแผ่แสงสีทองตรงหน้า

“เขาแย่งไปลูกหนึ่ง” เสียงของไฉ่เซียวเย็นเยือก แม้นางจะแย่งกลับมาได้สองผล แต่เรื่องนี้ก็ยังทำให้นางไม่พอใจอย่างยิ่ง

มู่เฉินมองผลเทพมังกรหงส์ทั้งสองลูกก็รู้สึกโล่งใจ โชคดีที่พวกเขาได้คืนมาเป็นผลที่เจริญเต็มที่แล้ว ส่วนที่เสียไปเป็นผลที่ยังไม่สุก

เขามองไปยังทิศทางที่ร่างแสงหายไป แววเย็นเยือกก็วาบบนใบหน้าเช่นกัน แม้ร่างนั้นจะไม่เผยตัวตน แต่มู่เฉินก็รู้แล้วว่าเป็นใคร

คนที่สามารถรู้เส้นทางเดินของพวกเขา มิหนำซ้ำยังแอบตามติดมาเงียบๆ จนแย่งผลเทพมังกรหงส์ไปจากไฉ่เซียวได้ ในศึกมังกรหงส์ครั้งนี้ นอกจากอันดับแรกในบันทึกมังกรหงส์แล้วก็ไม่มีใครอื่นอีก

“ฟังยี่จากหมู่ตึกเทวะเรอะ…”

**ชอบขโมยไก่จับหมา เปรียบเทียบกับพวกชอบลอบขโมยของคนอื่น