บทที่ 436 ฮุบไว้เอง

The king of War

“เธอไม่รู้เรื่อง! ไม่รู้อะไรทั้งนั้น!”

“ก็เพราะคุณเป็นแบบนี้ไง ฉันถึงได้มาพบเป็นครั้งที่สอง แต่กลับไม่สนใจความคิดของฉันสักนิด จะพาฉันไปอย่างนั้นเหรอ?”

“คุณมีสิทธิ์อะไรทำแบบนี้? มีสิทธิ์อะไร?!”

“ฉันจะบอกให้นะ คุณไม่คู่ควร!”

“ไม่คู่ควร!!”

อารมณ์ฉินซีปะทุเป็นไฟ จนถึงขั้นว่าตะคอกออกมาในตอนท้าย น้ำตานองหน้า

“หุบปาก! หุบปากเดี๋ยวนี้! ฉันจะตีลูกอกตัญญูคนนี้ให้ตายไปเลย!”

เย่ม่านก็ถูกยั่วโมโหจนพีคสุดแล้วเหมือนกัน โกรธจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว ง้างมือขึ้นตบหน้าฉินซีไปอย่างหนัก

“ถ้าคุณกล้าแตะเธอ ผมเอาคุณตาย!”

ตอนนี้เอง เสียงที่เต็มไปด้วยจิตสังหารก็ดังขึ้น

เสียงที่ดังขึ้นกะทันหัน เย็นยะเยือกจนราวกับแทรกซึมเข้ากระดูก ทำให้เย่ม่านได้สติ มือที่ง้างก็ชะงักกลางอากาศ

เหลียงเหลียนเข้าไปบังอยู่หน้าเย่ม่านแบบอัตโนมัติ มองร่างเย็นชาอย่างระแวดระวัง

เมื่อสบตากับหยางเฉินแล้ว เหลียงเหลียนก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกแช่แข็ง ความเย็นเฉียบพุ่งจากกระดูกสันหลังขึ้นกะโหลก

เขาเคยผ่านสนามรบ

เคยฆ่าคน

และยังฆ่าคนมาเยอะด้วย

เหลียงเหลียนมั่นใจว่ามีแต่คนแกร่งที่เคยผ่านสนามรบ และเดินออกมาจากกองซากศพเท่านั้นที่ทรงอำนาจขนาดนี้ได้

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าคนหนุ่มที่อายุไม่ถึงสามสิบตรงหน้าคนนี้ แม้เป็นยอดฝีมือของตระกูลเย่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

เขามั่นใจมาก ว่าคำพูดของหยางเฉินเมื่อครู่ไม่ใช่แค่คำขู่แน่ แต่จะปลิดชีวิตเย่ม่านจริงๆ

เย่เสี่ยวเตี๋ยที่ดูเรื่องสนุกอยู่ด้านข้าง เวลานี้ดวงตาก็เปลี่ยนมาจ้องหยางเฉินตาเป็นมัน

ผู้ชายคนนี้เธอคิดถึงมาตลอดหนึ่งปีเต็ม หมดทางเยียวยานานแล้ว

ขอแค่ได้เขาคนนี้มา เธอก็ยอมแลกกับทุกสิ่ง

“ไม่ว่ายังไงฉันก็เป็นแม่ยายเธอ! เธอทำแบบนี้กับผู้ใหญ่เหรอ?”

เย่ม่านอดกลั้นความหวาดกลัวในใจ กัดฟันพูด

“เหอะ!”

หยางเฉินหัวเราะอย่างไม่แยแส “ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มีเบื้องหลังยังไง ถ้าแตะภรรยาผมแม้แต่ปลายเล็บ ผมก็กล้าทำให้คุณหายไปจากโลกนี้!”

“สำหรับ ‘แม่ยาย’ ที่คุณพูดถึง คุณคู่ควรด้วยเหรอ?”

“ไม่ว่าคุณจะมาด้วยภารกิจอะไร แต่ผมบอกคุณได้เลย ว่าทั้งหมดคุณต้องคว้าน้ำเหลว กลับเยี่ยนตูไปซะ แล้วผมจะไม่เอาความเรื่องก่อนหน้านี้”

หยางเฉินพูดด้วยความเย็นชาสุดขั้ว จากนั้นก็จูงมือฉินซีจากไปโดยไม่มองเย่ม่านสักนิด

กระทั่งหยางเฉินกับฉินซีเดินลับไปแล้ว อารมณ์บนใบหน้าของเย่ม่านถึงได้เหี้ยมเกรียมมากขึ้นเรื่อยๆ กัดฟันพูด “กล้ามาข่มขู่ฉัน มีสิทธิ์อะไร?!”

เดิมเหลียงเหลียนยังอยากเตือน แต่เมื่อนึกถึงการจัดการที่ผ่านมาของเย่ม่านแล้ว สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะเงียบ

ตอนนี้เอง เย่เสี่ยวเตี๋ยก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยเดินออกมา มองเย่ม่านแล้วพูด “คุณป้า นี่คงถือว่าภารกิจล้มเหลวแล้วมั้ง?”

“เย่เสี่ยวเตี๋ย!”

เย่ม่านทำหน้าเคร่ง

ในความคิดของเธอ หากอีกฝ่ายไม่ได้พูดว่า ‘เพราะอำนาจ’ ออกไป เธอต้องได้นับแม่นับลูกกับฉินซีแล้วแน่

และจะไม่เป็นเหมือนตอนนี้ ที่ความสัมพันธ์แม่ลูกขาดสะบั้น

“เย่ม่าน เธอคงไม่คิดว่าถ้าฉันไม่โผล่ออกมา เธอก็คงได้นับแม่นับลูกกับฉินซีแล้วจริงๆ ใช่ไหม?

เย่เสี่ยวเตี๋ยหน้าขึงขังทันที แม้แต่คำว่า ‘คุณป้า’ ก็ไม่เรียก แต่เรียกชื่อจริงแทน

ดวงตาที่เต็มไปด้วยความแค้นของเย่ม่าน ทำให้เธอไม่พอใจ

“หรือไม่จริง?”

เย่ม่านพูดด้วยความโมโห “ทั้งๆ ที่เธอรับปากฉันว่าจะทิ้งการแต่งงานครั้งนี้ ฉันถึงได้ตามหาลูกสาวฉัน คิดจะสละความสุขของเธอ”

“พูดดีนี่ พอถึงเวลาสำคัญก็มาทำแบบนี้”

“ครั้งนี้ที่ภารกิจล้มเหลวก็เป็นเพราะเธอ เธอต้องรับผิดชอบ!”

เย่ม่านพูดเสียงกร้าว

เย่เสี่ยวเตี๋ยขมวดคิ้วแน่น หน้าตาดุดันเช่นกัน “ในเมื่อพูดอย่างนี้แล้ว งั้นฉันก็ต้องคิดบัญชีหน่อยแล้วละ”

“ภารกิจของตระกูล ก็คือให้ฉันแต่งงานกับราชาเจียงผิง แต่เธอกลับฮุบไว้เสียเอง คิดจะถีบฉันออกไปแล้วให้ลูกสาวตัวเองคบหากับราชาเจียงผิง”

“เธอคิดว่าเรื่องลับหลังพวกนั้น ฉันจะไม่รู้จริงๆ เหรอ? ต้องให้ฉันเอาหลักฐานออกมามอบให้คุณปู่ไหม?”

“ตอนแรกฉันยังมาหาเพราะหวังดี คิดจะช่วยเธอบอกเล่าความจริงให้พี่อภัย สองแม่ลูกจะได้เข้าใจกัน ภารกิจของตระกูลก็จะได้สำเร็จด้วย ”

“แต่เธอกลับทำมันพัง แถมยังผลักความรับผิดชอบมาให้ฉันอีก ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”

ท่าทีของเย่เสี่ยวเตี๋ยแข็งกร้าวมาก ดวงตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่ “ถึงเขาจะเป็นสามีของลูกสาวเธอ แต่ฉันก็จะหาวิธีเข้าหาเขา และเอาตัวเขามาให้ได้!”

เมื่อได้ฟังคำพูดของอีกฝ่ายแล้ว เย่ม่านก็ตะลึงงัน

เธอเป็นป้าของเย่เสี่ยวเตี๋ย หลานคนนี้เป็นผู้หญิงดื้อรั้นอย่างไร มีเหรอเธอจะไม่รู้?

ตอนนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฉินซีแตกหักแล้ว คิดจะฟื้นฟูก็ทำได้ยากในเวลาอันสั้น

หากระหว่างนี้เย่เสี่ยวเตี๋ยยั่วหยางเฉินได้จริงจะทำอย่างไรดี?

“เสี่ยวเตี๋ย เธออย่าเพิ่งโมโห ป้าไม่ได้ตั้งใจ เธอก็รู้ว่านังเด็กนั่นไม่ยอมรับฉัน ฉันถึงได้โมโหจนหน้ามืด”

“แต่เธอต่อต้านการแต่งงานมาตลอด อยากอยู่กับเจ้าชายขี่ม้าขาวในดวงใจไม่ใช่เหรอ?”

“เธอวางใจเถอะ ป้าต้องทำให้ฉินซีให้อภัยได้แน่ ขอแค่พวกเราสองแม่ลูกยอมรับกัน หยางเฉินก็จะเป็นลูกเขยของฉัน ทางตระกูลต้องไม่ทำให้เธอต้องลำบากอีกหรอก”

เย่ม่านรีบโน้มน้าว

เธอไม่รู้ว่าหยางเฉินเป็นคนอย่างไร

แต่เธอรู้ว่าเย่เสี่ยวเตี๋ยเป็นคนอย่างไร สวยหยาดย้อย ด้วยหน้าตาของเธอ จะมีผู้ชายสักกี่คนที่ทัดทานการยั่วยวนได้

ถึงหยางเฉินจะเป็นสามีของฉินซี แต่หากเย่เสี่ยวเตี๋ยเข้าแทรก ใครก็เอาแน่ไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

นี่ก็คือการถือความคิดตัวเองเป็นใหญ่ที่โง่งมและตาบอด หากเธอสืบหยางเฉินให้แน่ชัดก่อน ก็จะรู้ว่าหยางเฉินไม่มีทางทรยศฉินซีแน่

เย่เสี่ยวเตี๋ยยิ้มมุมปาก เผยรอยยิ้มเลศนัย จากนั้นก็จะเดินจากไป “คุณป้า ฉันไม่ยอมแพ้หรอกนะ!”

ว่าแล้วเธอก็จากไป

เย่ม่านตะลึงค้าง เธอรู้ว่าเย่เสี่ยวเตี๋ยชอบผู้ชายคนหนึ่งอยู่นานแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันทั้งตระกูล

เดิมคิดว่าเย่เสี่ยวเตี๋ยต้องไม่สมัครใจกับการเกี่ยวดองในครั้งนี้แน่ แต่คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะยื่นมือเข้าแทรกจริงๆ

เวลานี้หยางเฉินกับฉินซีได้มุ่งหน้าไปทางยอดเมฆากลับบ้านแล้ว

หยางเฉินขับรถ ส่วนฉินซีก็เหม่อลอยมองนอกหน้าต่างอยู่ที่นั่งข้างคนขับตลอดทาง

หยางเฉินไม่ได้พูด เวลานี้ทางที่ดีที่สุดก็คือให้เวลาฉินซีได้ใช้สมองเพียงลำพัง

“หยางเฉิน คุณว่าทำไมโชคชะตาถึงไม่ยุติธรรมกับฉันอย่างนี้นะ?”

อยู่ๆ ฉินซีก็หันหน้ามองทางหยางเฉิน “แม่บุญธรรมของฉันก็ไม่ชอบฉันมาแต่เล็ก ตั้งแต่ต้นจนจบก็เอาแต่รีดไถฉัน”

“กว่าจะได้เจอแม่แท้ๆ ก็กลับไม่มีความกล้าแม้แต่จะยอมรับความผิด”

“ที่จริง ในหัวฉันเคยจำลองภาพการพบกันของแม่ลูกมานับครั้งไม่ถ้วนมานานแล้ว”