บทที่ 453 รวมพล (1)
ถึงแม้ว่า พูฮาเรน น้องชายของเฟฮีจะเป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดของราชวงศ์แม้เขาจะเป็นลูกชายคนเดียวของราชินี แต่ พูฮาเรน ก็ถูกตั้งชื่อให้เป็นเจ้าชายแห่ง พัลซาร์ แต่เขาอ่อนโยนและอ่อนแอตามธรรมชาติและเขาไม่สนใจบัลลังก์ เขายังเด็กเกินไปที่จะเป็นราชา
ดังนั้นหลังจากการสิ้นพระชนม์ของอดีตกษัตริย์ เฟฮี เลยช่วยเหลือ
น้องชายของเธอและกลายเป็นกษัตริย์แทน พูฮาเรน อย่างลับๆ
แต่เกิดเรื่องบังเอิญขึ้นอย่างปริศนา หลังจากวันนั้นพี่ชายและน้องสาวของ เฟฮี ก็เริ่มจะตายลงใต้สถานการณ์ลึกลับ ทายาทคนที่ 3 และ 4 ได้ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงและทายาทคนที่ 2 เสียชีวิตจากอาหารเป็นพิษปล่อยให้ เฟฮี ที่อยู่เบื้องหลังกลายเป็นบุคคลเดียวที่มีสิทธิ์ครองบัลลังก์
“มาร?”
จินซาฮยอค เดินเข้ามาหาผมทำลายความคิดของผม ผมพยักหน้าและตอบ “พูฮาเรน อยู่ตรงนั้น”
ใบหน้าของจินซาฮยอค แข็งค้างทันที เธอหันมาเผชิญหน้ากับผมด้วยท่าทางประหลาดใจอย่างที่สุด
“พูอะไรนะ พูฮาเรน!”
“ใช่.”
“แต่นายบอกว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่!”
“นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดในตอนนั้น”
“แล้วมันยังไงกันแน่….”
ภายใต้ความตกใจของจินซาฮยอค เมื่อมองไปที่ผนังอีกด้านหนึ่ง ผู้ลี้ภัยกำลังเข้ามาใกล้ปราสาทเมื่อหมอกของพูฮาเรนซึ่งสร้างจากพลังงานมารแผ่กระจายไปทั่วภูมิทัศน์โดยรอบอย่างเท่าเทียมกัน
“….บัดซบ”
จินซาฮยอค พึมพำ สำหรับเธอพูฮาเรนเป็นสัญลักษณ์ของความกลัว
การตอบสนองของเธอนั้นสมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาจาก ‘เนื้อเรื่อง’ ของ พูฮาเรน เขานั้นแข็งแกร่งกว่า พอลคาส
“เกิดอะไรขึ้น?!”
เฟฮีมาในไม่ช้า เธอปีนขึ้นมาอย่างรวดเร็วบนกำแพงปราสาทและมองลงไปด้านล่าง ขบวนของผู้ลี้ภัยถูกขยายออกไปทั่วเส้นขอบฟ้า
“ผู้ลี้ภัย” อัศวินพูด
ผมยืนนิ่งและมองดูผู้ลี้ภัย มีอย่างน้อย 10,000 คน เฟฮี ขมวดคิ้ว
“… ผู้ลี้ภัย?”
“ใช่. ดูเหมือนว่ามีเรื่องในดินแดนของ ชูเบิร์ท พวกเขากำลังพยายามมาพักพิงที่นี่….”
เฟฮีนิ่งเงียบๆ ในขณะที่เธอมองดูพวกเขา พวกเขาก็เดินเข้าไปใกล้ประตูของพระราชวัง
“ฝ่าบาท ได้โปรดออกคำสั่งของท่านกับพวกเรา”
หลังจากรอคอยมานานเหล่าอัศวินก็พูดออกมา เฟฮีมองใบหน้าของเหล่าผู้ลี้ภัย จินซาฮยอค และผมมอง เฟฮี
“… .”
เฟฮี ไตร่ตรองอย่างเงียบๆ เธอไม่แน่ใจว่า พัลซาร์ จะสามารถรับกับจำนวนประชากรที่มากขึ้นได้หรือไม่ แม้ว่าพืชผลจะถูกปลูกในเมืองแต่หากประชากรเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนที่สุดก็คือการขาดแคลนอาหาร นอกจากนี้เธอกำลังเผชิญกับภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทางศีลธรรม ผู้ลี้ภัยเหล่านั้นเป็นพลเมืองของชูเบิร์ท กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเป็นพวกที่ทรยศต่อกษัตริย์โดยเลือกรับใช้ชูเบิร์ท
“…คนเหล่านั้นเป็นคนทรยศที่ร่วมมือกับชูเบิร์ท”
ในที่สุด เฟฮี ก็อ้าปากพูด ทุกคนได้แต่เศร้าโศกกับสิ่งที่เธอกำลังจะพูด
“แต่……..อย่างไรก็ตาม”
เฟฮีกำกำปั้นของเธอ มือเล็กๆของเธอโอบกอดความมุ่งมั่นที่มั่นคง
“…ผู้คนพยายามที่จะอยู่รอด”
จินซาฮยอค มองดู เฟฮี พูดอย่างงุนงง ผมหวังว่า จินซาฮยอคจะเรียนรู้สัก 1-2 อย่างจาก เฟฮี ซึ่งแตกต่างจากตัวเธอในปัจจุบันโดยสิ้นเชิง
“ดังนั้นฉันก็เป็นฝ่ายผิดถ้าทรยศพวกเขา”
ในที่สุดผู้ลี้ภัยก็มาถึงปราสาท พวกเขาขอร้องให้พวกเราเปิดประตู
เฟฮี มองดูพวกเขาและประกาศว่า “เปิด…ประตู”
“ราชาสั่งให้พวกเราเปิดประตู -!”
อัศวินคำรามอย่างพร้อมเพรียงกัน “เปิดประตู! เปิดประตู!” เสียงร้องดังลั่นประตูเปิดออกอย่างช้าๆ ผู้ลี้ภัยวิ่งเข้าไปในปราสาทพร้อมเสียงเชียร์และความยินดี ในขณะเดียวกันอัศวินที่เหลือก็กระโดดออกจากกำแพงเพื่อปกป้องผู้ลี้ภัย
“บาเรียนี้จะปกป้องพวกเขา”
ไอลีน เปิดใช้งาน วาจาสิทธิ์ ของเธอด้วย
คลื่นนนนนนนนนนนน
กำแพงพลังเวทมนต์ยืดตัวออกไปปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้าในทันที บาเรียขนาดยักษ์นี้จะปกป้องขบวนของผู้ลี้ภัย ขนาดของบาเรียนั้นใหญ่ยักษ์อย่างที่คิดสมเป็น ‘คนแคระที่ยังรอดชีวิต’ เอ้อ…ผมหมายถึง ‘มังกร’
เฟี้ยว…
ลูกศรหลายร้อยดอกพุ่งทะลุผ่านกำแพง พวกมันคือลูกศรเวทมนตร์ของ จินเซยอน ลูกศรแต่ละดอกมุ่งเป้าไปที่สัตว์ประหลาดที่พยายามทำให้
ผู้ลี้ภัยหวาดกลัว
อัศวินจำนวนมากของ ชินจงฮัก อียองฮาและซอยอนจี ต่างก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยปกป้องผู้ลี้ภัย
“ …ทำไมเธอไม่ทำอะไรเลยละ”
ผมสะกิดจินซาฮยอค ที่ยืนนิ่งจ้องมอง เฟฮี เธอสะดุ้งแล้วหันมาทางผม
“…เฮ้ออออออ.”
จินซาฮยอค ถอนหายใจออกมา
“ฉันเคยพูดเรื่องนี้มาก่อนแล้ว แต่…ฉันจะพูดอีกครั้ง” จินซาฮยอค กล่าวพร้อมกำหมัดของเธอแน่น “…ฉันเป็นของจริง นายอย่าลืมซะละ ฉันคนนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น”
จินซาฮยอค กระโดดลงจากป้อมปราการไปยังสนามรบด้านล่าง
*************************************************************************
[เกาหลี หอคอยแห่งวีรบุรุษ]
หลังจากที่คิมซูโฮพิชิตหอคอยแห่งความปรารถนาแล้วเปลือกนอกของหอคอยก็พังทลายลง ในตอนแรกผู้คนสันนิษฐานว่าหอคอยถูกทำลายไปแล้ว ทำลายทั่วโลกเกิดความพันพวน ราคาหุ้นลดลง แต่ไม่นานก็มีการประกาศว่าหอคอยนั้นไม่เสียหายและมีการเปลี่ยนแปลงเพียง
เล็กน้อยเท่านั้น ผู้คนยังสามารถเข้าสู่หอคอยได้และผู้เล่นในหอคอยสามารถดำเนินการผจญภัยต่อไปได้
“…เขาจะออกมาเมื่อไหร่? มันนานมากแล้วนะ”
ในร้านกาแฟบนชั้น 3 ของ [Tower of Heroes] แชนายอน ถาม
ยูยอนฮา ก็ตอบคำถามของเธอ
“สมาคมอาจมีคำถามมากมายที่ต้องถามเขา ส่วนใหญ่เกี่ยวกับรางวัลที่เขาได้รับจากการพิชิตหอคอยและพวกเขายังสงสัยด้วยว่าพวกเขาจะแบ่งปันรางวัลให้กับสมาคมได้ไหมและถ้าเขาทำไม่ได้เขาจะต้องจ่ายภาษีจำนวนที่ไม่น่าเชื่อสำหรับมันออกมา….”
การประชุมของ คิมซูโฮ กับผู้บริหารของสมาคมดำเนินมาเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมงติดต่อกัน ผู้ที่มาฉลองความสำเร็จของเขา ทุกคนรอให้เขากลับมา
“ชิ.”
นี่คือเหตุผลที่ ยูยอนฮา ไม่ชอบสมาคม ความคิดโง่ๆของพวกเขาทำให้เธอโกรธ อะไรคือการจัดประชุมกับคนที่เพิ่งกลับมาจากหอคอยโดยไม่ให้เขาพักแม้แต่นิดเดียว? เธอเดอะลิ้นของเธอด้วยความไม่พอใจ
“ฉันเบื่อหน่ายกับสมาคมพวกนี้แล้วนะ”
แชนายอน พึมพำคำตอบที่คล้ายกันออกมา
“โอ้ นั้น นายอนกับยอนฮา?”
“… ?”
เมื่อเสียงที่นุ่มนวลดังขึ้นมันช่างคุ้นเคยทำให้ทั้งคู่หันหัวไปมอง
หยุนซึงอาผู้นำของกิลด์ ‘ผู้รังสรรค์ศักดิ์สิทธิ์’ อยู่ที่นั่น
“โอ้ ว้าวไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ พี่”
“…สวัสดีคะ.”
แชนายอน มีความสุขที่เจอเธอ แต่ ยูยอนฮา พยายามปกปิดความรู้สึกไม่ใจสบายของเธอเอาไว้
“ดีใจที่ได้เจอพวกเธอทั้งคู่นะ~”
ยุนซึงอานั่งลงที่โต๊ะ
“เธอตัดผมใหม่เหรอ นายอน มันน่ารักมากเลยนะ.”
แชนายอน ไว้ผมหางม้า เธอปัดผมด้วยมือของเธออย่างมีความสุข และเขินอายด้วยคำชมของ ยุนซึงอา
“ฮ่าๆ…ก็ผมมันยาว ฉันเลยตัดสินใจผูกมันไว้ ฉันว่าจะตัดมันแล้วละ”
“แต่เธอไม่ควรทำแบบนั้นนะ ตอนนี้เธอสวยจริงๆ”
ยุนซึงอา ตบแขน แชนายอน แล้วหันไปจ้องมองยูยอนฮา
“อืมแล้ว คุณ ยอนฮา?”
“….คะ”
ยูยอนฮา รู้สึกไม่สบายใจ ยุนซึงอา เองก็คงจะรู้สึกเหมือนกัน มันเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าง ‘ผู้รังสรรค์ศักดิ์สิทธิ์’ กับ
‘Essence of the Strait’ ถึงแม้ว่า จะเป็นกิลด์อันดับ 1 ในปัจจุบันและอยู่ยงคงกระพันแล้วอย่างแท้จริง แต่กิลด์ทั้ง 2 ต่างแข่งขันกันอย่าง
ดุเดือดมายาวนาน
ยุนซึงอาโจมตีก่อน
“ฉันเกือบจะเริ่มรู้สึกเสียใจกับคุณ แต่ฉันดีใจที่ทุกอย่างไปได้ด้วยดี ฉันได้ยินว่า Essence of the Strait ลงทุนเงินจำนวนมากใน หอคอย…. มันคงดีกว่าที่มันไม่ได้ล้มเหลว”
เธอชี้ให้เห็นถึงความจริงที่ว่าแม้ Essence of Strait จะลงทุนในหอคอย จำนวนมหาศาลแต่ ผู้รังสรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ก็จบลงด้วยการชนะการแข่งขัน
“…ใช่. ดูเหมือนว่าผู้คนยังสามารถเข้าหอคอยได้อย่างอิสระตราบใดที่พวกเขามีตั๋วเข้า ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงภายในดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ฉันเชื่อว่าหอคอยนั้นยังเป็นโอกาสเพราะมันเป็นตลาดที่ใหญ่มากจริงๆ”
ยูยอนฮา ตอบอย่างจริงจังกับสายตาที่นุ่มนวลของยุนซึงอา
“แต่มันก็น่าอัปยศที่ถึงแม้ว่าซูโฮจะชนะ แต่วิสาหกิจส่วนใหญ่ที่ทำกำไรภายในหอคอยนั้นอยู่ภายใต้การจัดการโดยกิลด์อื่นๆ เรื่องนี้ฉันต้องขอโทษด้วย”
สงสารและเห็นใจเป็นอาวุธของ ยูยอนฮา คิ้วของยุนซึงอากระตุกเบาๆ
“…อ้าๆ~ ได้โปรดอย่าคิดแบบนั้น ท้ายที่สุดพวกเราก็ได้รางวัลที่ชัดเจนมาในการครอบครองของพวกเราแม้ว่าฉันจะไม่แน่ใจว่ามันเป็นอะไรก็ตาม”
“ขอโทษนะ? แต่ฉันคิดว่ารางวัลเป็นของซูโฮนะ”
ยูยอนฮาแกล้งยิ้มด้วยความเห็นอกเห็นใจ ยุนซึงอาอาพบว่าน้ำเสียงของคู่แข่งของเธอน่าหงุดหงิดเป็นอย่างมากและเส้นเลือดของเธอก็เริ่มปูดออกมาแล้ว
“…คิมซูโฮเป็นคนของผู้รังสรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เขาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าในไม่ช้า~”
“จริงๆเหรอ? ฉันได้ยินมาว่าเงินเดือนของรองหัวหน้าผู้รังสรรค์ศักดิ์สิทธิ์ นั้นเท่ากับหัวหน้าทีมของกิลด์อื่นๆเองนะ….”
ยูยอนฮา พยายามที่จะพูดเรื่องเงินให้อีกฝ่ายอับอาย ยุนซึงอา ก็ตอบโต้ทันทีว่า “นั่นก็ยังดีกว่าการมีหัวหน้าที่บริหารจัดการทุกอย่างในกิลด์เองไม่ใช่เหรอ”
“…ฮ่าๆๆๆ~”
“ฮ่าๆๆๆ.”
และในขณะที่ทั้ง 2 ยิ้มให้กัน ใบมีดที่ซุ่มซ่อนอยู่ในรอยยิ้มของพวกเธอก็ทำให้แชนายอนเลือกที่จะไม่สนใจในบทสนทนานี้อย่างสิ้นเชิง
“เมื่อไม่นานมานี้ผู้คนจำนวนมากพูดคุยเกี่ยวกับวิธีการที่เธอเป็นผู้นำของ-”
“โอ้ ใช่ๆ!”
ยูยอนฮา ขัดจังหวะของ ยุนซึงอา เธอยิ้มและปรบมือ
“ฉันได้ยินมาว่าพึ่งผ่านวันเกิดของคุณมาเมื่อไม่นานมานี้ ขอแสดงความยินดีด้วย ตอนนี้คุณอายุเท่าไหร่? 32? 33?”
“… .”
นั่นเป็นเรื่องอันตรายถึงชีวิต ยุนซึงอาพูดอะไรไม่ออกใบหน้าของเธอแข็งค้าง เธออยากชี้ให้เห็นว่าคำถามนี้ไม่ยุติธรรม แต่เธอทำไม่ได้เพราะการทำเช่นนั้นจะเปิดเผยความสั่นไหวของเธอเกี่ยวกับเรื่องอายุออกมา
—————2—————