ตอนที่ 448 แสงแห่งวิญญาณ

Legend of the mythological genes

ตอนที่ 448 แสงแห่งวิญญาณ

 

“ สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าความล้นพ้นทั้งสี่ไม่มีอยู่ ปรากฏการณ์ทั้งหมดเชื่อมโยงเข้าด้วยกันหากหัวใจไม่เคลื่อนไหวสวรรค์และโลกก็จะไม่เคลื่อนไหวซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ของการรู้แจ้ง! ”

 

ไม่มีอากาศหรือสสารในอวกาศและไม่สามารถถ่ายทอดเสียงได้ อย่างไรก็ตามเสียงของบทสวดที่ลึกซึ้งยังคงดังก้องอยู่ในใจของทุกคน ไม่รู้ว่ามาจากไหนและสิ้นสุดที่ใด

 

“ นี่มันเสียงอะไร”

 

“ มันมาจากไหน”

 

“ ฉันหลอนหรือเปล่า?”

 

เสียงงงงวยมากมายดังขึ้นในใจของทุกคน

 

ความหายนะเปลี่ยนกฎของจักรวาลและกลายเป็นเงาในอวกาศที่รุกรานร่างกายของทุกคนไม่มีใครสามารถหลบหนีได้

 

เลือดเนื้อที่มีชีวิตได้สูญเสียความแข็งแรงและความมีชีวิตชีวา พวกเขากําลังถูกอบแห้งกลายเป็นพลังแห่งความมืดที่ทําร้ายวิญญาณ ในที่สุดร่างกาย มันจะเปลี่ยนเป็นวิญญาณ

 

ทุกคนต่างต่อสู้ดิ้นรนและแม้แต่นายพลทั้งสามก็ไม่สามารถหนี้ได้

 

จากด้านข้างมันดูราวกับว่าทุกคนถูกปกคลุมด้วยเงาที่ปรากฏในพื้นหลังของจักรวาล ราวกับว่าพวกมันเป็นแมลงที่พันกันเป็นใยแมงมุม ยิ่งพวกเขาดิ้นรนมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งถูกครอบงํามากขึ้น ไม่สามารถหยุดการเปลี่ยนแปลงเป็นวิญญาณได้

 

แต่แล้ว …

 

เสียงศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้นในหูของทุกคน ชําระหัวใจของพวกเขา แต่ก็ให้ความกระจ่างเช่นกันเสียงอันศักดิ์สิทธิ์นั้นได้ระงับอํานาจชั่วร้ายทั้งหมดที่เข้ามาในหัวใจของทุกคนและจิตใจของพวกเขาก็ค่อย ๆ กลับมากระจ่าง ไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือเย็นชาอีกต่อไป

 

ทุกคนมองไปและเห็นแสงสีขาวทอดยาวขึ้นในอวกาศที่เชื่อมต่อกันเป็นโล่แสง ร่างที่มองไม่เห็นถูกล้อมรอบด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ มันเหมือนกับดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่กําจัดความชั่วร้ายทั้งหมด

 

แสงนั้นไม่ได้รุนแรงแต่กลับอบอุ่น

 

แม้แต่เงาที่มองออกไปจากส่วนลึกของจักรวาลนี้ก็ไม่สามารถทําให้มันมืดลงได้แม้แต่น้อย

 

เป็นเพราะนี่ไม่ใช่แสงธรรมดา สิ่งที่ทุกคนเห็นไม่ใช่แสงสว่างในจักรวาล แต่เป็นแสงบริสุทธิ์ที่แผ่ออกมาจากจิตวิญญาณของพวกเขาเอง

 

แสงนี้มาจากส่วนลึกที่สุดในหัวใจของพวกเขา มันกลั่นตัวมาจากความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

 

บางคนเห็นว่าพวกเขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการบ่มเพาะให้สามารถปราบป รามนอกโลกได้บางคนเห็นว่าพวกเขามีดาวเคราะห์แห่งชีวิตเป็นของตัวเอง บางคนเห็นว่าตัวเองท่องไปในจักรวาลอย่างอิสระ สิ่งที่ทุกคนเห็นนั้นแตกต่างกัน เป็นความคาดหวังที่จริงใจที่สุดในใจพวกเขา

 

บทสวดนี้ได้จุดประกายวิญญาณของพวกเขา

 

หายนะของจักรวาลไม่มีที่สิ้นสุด แผ่พุ่งออกมาเหมือนคลื่นยักษ์ แม้จะมีพลังของยีนซุนหงอคงเขาก็จะไม่สามารถโต้กลับได้

 

มันเป็นสิ่งที่แม้แต่นายพลทั้งสามก็ไม่สามารถทําได้ นับประสาอะไรกับเฟิงหลิน

 

หากต้องการรอดก็ต้องช่วยตัวเอง!

 

เฟิงหลินได้รับการถ่ายทอดจากพระสุภูติและได้รับความเข้าใจในทัน ที่ด้วยเหตุนี้จึงทําให้แสงสว่างของจิตวิญญาณในทุกคนสว่างขึ้นผ่านความลึกซึ้งของพระคัมภีร์

 

โอกาสเดียวที่จะอยู่รอดคือการรวมพลังของมนุษย์ระหว่างดวงดาวทั้งหมด

 

แสงแห่งจิตวิญญาณบริสุทธิ์เหมือนแก้ว และตั้งแต่เกิดมาพวกมันได้ซ่อนอยู่ในส่วนลึกที่สุดของจิตใต้สํานึกตอนนี้พวกมันถูกปลุกอย่างช้าๆ

 

อํานาจมืดที่เข้ามารุกรานร่างกายละลายเหมือนน้ําแข็งต่อหน้าแสงอาทิตย์ เมื่อเผชิญกับแสงที่บริสุทธิ์ที่สุดของโลกความอบอุ่นค่อยๆกลับคืนสู่ร่างกายของพวกเขา

 

สติสัมปชัญญะของทุกคนเริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ ความชั่วร้ายถูกล้างออกและจิตใจของทุกคนก็กระจ่าง

 

หัวใจของพวกเขาสงบสุข ขณะที่พวกเขามองไปที่ร่างในแสงนั่น

 

เสียงศักดิ์สิทธิ์ที่ดังขึ้นในใจของพวกเขาอย่างช้าๆ เข้าครอบงําทุกสิ่งและแสงสว่างทางวิญญาณฉายผ่านเข้ามาในใจพวกเขาประสานมือกันที่หน้าอกและเริ่มท่องตามอย่างเป็นธรรมชาติ

“สสารไม่ใช่ความจริงความคิดคือพลังความว่างเปล่าคือสถานะแท้จริงของทุกสิ่งในโลกไม่ว่าจะเกิดหรือดับไม่ว่าจะแปดเปื้อนหรือสะอาด ไม่ว่าจะเพิ่มหรือลด…”

 

เสียงนั้นดังก้องไปทั่วทุกมุมของอวกาศ เชื่อมต่อกันอย่างช้าๆ

 

เฟิงหลินนั่งอยู่ด้านนอกได้ยินเสียงจากทุกทิศทางและยิ้ม รู้สึกอิ่มเอมใจ

 

จากการมองเห็นของเขา เขาสามารถเห็นได้ว่ามนุษย์ระหว่างดวงดาวทุกคนถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีขาวจาง ๆ หากมองไปทีละชั้นจะดูเหมือนเปลวเทียนในสายลม แสงของพวกเขาพลิ้วไหวไปมาและจะดูเหมือนว่าจะดับลงเมื่อใดก็ได้

 

อย่างไรก็ตามหากทุกคนรวมพลังกันและเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน สิ่งต่าง ๆ ก็จะแตกต่างออกไป

 

ความแข็งแกร่งของคนๆหนึ่งอาจอ่อนแอ แต่ความแข็งแกร่งของหลายคนรวมกันนั้นแข็งแกร่ง

 

บทสวดนี้เป็นคันโยกทําให้เฟิงหลินสามารถขับเคลื่อนพลังวิญญาณของมนุษย์ทั้งหมดได้

 

เนื่องจากแม่ของเผ่าพันธุ์วิญญาณนั้นเผาผลาญตัวเองเพื่อเปลี่ยนแปลงกฎของจักรวาล

 

เฟิงหลินก็สามารถรวมพลังของทุกคนและแก้ไขสิ่งต่างๆ

 

จิตวิญญาณของทุกคนที่รวมเข้าด้วยกันอาจทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพโดยเปลี่ยนกฎของจักรวาล

 

นับประสาอะไรกับความจริงที่ว่าทุกคนในสนามรบล้วนแต่เป็นชนชั้นสูงท่ามกลางมนุษย์ระหว่างดวงดาว การบ่มเพาะของพวกเขามาถึงระดับที่สูงมากและแต่ละคนถือได้ว่าเป็นตํานานในสังคมมนุษย์ระหว่างดวงดาว พวกเขามีประสบการณ์เรื่องราวมากมายนับไม่ถ้วนจิตใจและจิตวิญญาณของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามาก

 

นายพลทั้งสามโดดเด่นท่ามกลางทุกคนและเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นยอดในจักรวาลที่สามารถปราบปรามท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวได้

 

เมื่อทุกคนยืนอยู่ด้วยกันพวกเขาจะสามารถปลดปล่อยพลังพิเศษออกมาได้

 

ประกายไฟที่เล็กที่สุดสามารถเผาไหม้ที่ราบทั้งหมดได้

 

แสงหลายสายพลิ้วไหวเชื่อมต่อกันจนกลายเป็นชั้นของเกราะป้องกันแสงที่ไม่สั่นคลอนซึ่งปกป้องทุกคน

 

ท่ามกลางพวกเขามีเสาไฟขนาดใหญ่สามเสาที่โดดเด่น พวกเขาเหมือนเสาสวรรค์สามเสาตั้งตรงในอวกาศ

 

อย่างไรก็ตาม พลังวิญญาณเหล่านี้ยังกระจัดกระจายเกินไป พวกเขาต้องรวมตัวกันเป็นเชือก!

 

ความแข็งแกร่งของแต่ละนิ้วนั้นอ่อนแอ แต่หากรวมกันกําปั้นก็สามารถโจมตีทุกอย่างได้

 

เฟิงหลินนั่งอยู่ที่จุดสูงสุดและด้วยเหตุนั้น พลังวิญญาณของเขาเองได้ถ่ายทอดออกมากลั่นตัวเป็นเกลียวที่เป็นเหมือนใยขนาดใหญ่เชื่อมโยงหัวใจของทุกคนรวมเข้าด้วยกัน

 

ในทันทีที่พวกเขาได้สัมผัสกัน ภาพนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา

 

ราวกับว่าหัวใจของเขารวมเป็นหนึ่งเดียวกับทุกคน มาถึงอาณาจักรที่พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวและมีความตั้งใจเป็นอันหนึ่งเดียวกัน

 

แสงและเงานับไม่ถ้วนเปล่งประกาย มีเด็กคนหนึ่งที่เติบโตบนยอดเขาสูง มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ใช้เส้นทางในตํานานที่ไม่เหมือนใคร มีคนหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการต่อสู้ระหว่างดวงดาวหลายครั้งสิ่งเหล่านี้เป็นความทรงจําในส่วนลึกของ หัวใจของทุกคน

 

ผ่านการเชื่อมต่อของวิญญาณของพวกเขา เฟิงหลินเห็นความทรงจํามากมาย

 

ความทรงจําจํานวนมหาศาลพรั่งพรูออกมาเหมือนคลื่นยักษ์ พวกมันน่ากลัวอย่างยิ่ง ทําให้คนๆหนึ่งจมลงไปได้ในทันที

 

ในช่วงเวลานั้นเฟิงหลินรู้สึกราวกับว่าเขาตกอยู่ในทะเลวิญญาณ พร้อมกับเสียงนับไม่ถ้วนที่ดังออกมารอบตัวเขา ภาพที่ไม่มีที่สิ้นสุดต้องการที่จะทําให้เขาดําดิ่ง

 

วิญญาณเป็นเหมือนทะเลและการดําดิ่งก็เหมือนเข้าสู่นรก

 

หากไม่สามารถรักษาหัวใจที่แน่วแน่ไว้ได้ แม้แต่จิตสํานึกของตัวเองก็จะถูกโจมตี

 

เฟิงหลินทําได้เพียงอาศัยเจตจํานงที่แน่วแน่ และยึดมั่นกัดฟันพยายามอย่างหนักเพื่อให้แสงสว่างของทุกคนเป็นระเบียบ

 

ท่ามกลางอันตราย เขาค่อยๆเข้าใจความจริงที่อยู่เบื้องหลังคัมภีร์หัวใจไร้ขอบเขต

 

“ ถ้าเขาแข็งแกร่งก็ให้เขาแข็งแกร่ง สายลมอ่อนพัดเนินเขา ถ้ามันครอบงําก็ปล่อยให้มันครอบงําแสงจันทร์ส่องลงมาที่แม่น้ําใหญ่”

 

หากหัวใจไม่เปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งในโลกก็จะไม่เปลี่ยนแปลง สวรรค์และโลกจะไม่เปลี่ยนแปลง!

 

จิตใจของเฟิงหลินยังคงจดจ่อ ตัดสิ่งรบกวนนับไม่ถ้วนและมีหนึ่งใจและความคิดเดียว

 

ไม่ว่าพายุวิญญาณจะรุนแรงเพียงใด มันก็เหมือนกับสายลมที่พัดผ่านต่อหน้าเขา

 

ราวกับว่าสภาพแวดล้อมของเฟิงหลินกลายเป็นเอกฐานเป็นที่จับตามองของเครือข่ายวิญญาณแสงแห่งจิตวิญญาณรวมตัวกันจากทุกทิศทุกทาง ปล่อยแสงที่งดงามและสง่างามราวกับเทพบุตรลงมา

 

ในช่วงเวลานั้นเฟิงหลินรู้สึกราวกับว่าเขาได้เข้าสู่อาณาจักรลึกลับ กลายเป็นหนึ่งเดียวกับความปรารถนาของทุกชีวิต ไม่มีอะไรที่เขาไม่รู้และเขาเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋ผู้ยิ่งใหญ่

 

ศักยภาพทางพันธุกรรม +1,100, +1,200, + 1,300 –

 

เข้าสู่เต่ําศักดิ์สิทธิ์ เข้าใจความลึกลับของจักรวาล รู้ความจริงของตํานานทั้งหมด ในใจทุกสิ่งอยู่

 

ศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!

 

ตอนนี้สายธารแห่งจิตวิญญาณจํานวนมากค่อยๆก่อตัวเป็นเสาไฟภายใต้การควบคุมของเฟิงหลินส่องแสงบนท้องฟ้าสีดําที่เต็มไปด้วยดวงดาว ราวกับดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์มันปะทะกับเงามืดของภัยพิบัติและค่อยๆระงับพวกมัน