ตอนที่ 91-2 ซย่าโหวฉิงเทียน ท่านก็มีหัวใจที่อ่อนโยนดวงหนึ่ง

จำนนรักชายาตัวร้าย

ในตอนที่นางถูกซย่าโหวจวินอวี่กักขังนั้น เซี่ยงจิ้นไม่เพียงจับนางมัดเท่านั้น ทั้งอุดปากนางอีกด้วย ทำให้นางไม่มีแม้โอกาสที่จะชี้แจงตนเองได้

 

 

ฮองเฮาแห่งแคว้น ถูกขันทีสองคนหามออกไป ทั้งยังในสภาพเช่นนั้น นางต้องกลายเป็นที่น่าหัวเราะเยาะของคนทั้งวังหลวง

 

 

หลิวฮองเฮารักษาภาพพจน์ที่สูงส่งมาตั้งนาน แล้วก็มาถูกเซี่ยงจิ้นทำลายจนหมดสิ้นในวันนั้น

 

 

น่าแค้นใจนัก!

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น สองสามวันก่อนนางขอร้องอ้อนวอนเซี่ยงจิ้น เพื่อที่จะสอบถามว่าว่าที่สามีซย่าโหวเสวี่ยคือใคร แต่เขาก็ไม่อำนวยความสะดวกเลยแม้แต่น้อย

 

 

แค่บ่าวชั้นต่ำคนหนึ่ง ที่ติดตามอยู่ข้างกายฝ่าบาท ได้เห็นอะไรมากมายจนลืมกำพืดของตัวเองกระมัง!

 

 

“พระนาง บ่าวมีเรื่องเร่งด่วนจะทูลรายงานฝ่าบาท!”

 

 

“ฝ่าบาททรงเข้าบรรทมแล้ว มีเรื่องใหญ่อะไรพรุ่งนี้ค่อยทูลรายงาน!”

 

 

เซี่ยงจิ้นเคยกลั่นแกล้งนางอย่างไร นางก็จะตอบแทนคืนไปเช่นนั้น สนองคืนกลับให้เขาอย่างสาสม

 

 

เพราะอย่างไรเสีย นางและฝ่าบาทก็คืนดีกันแล้ว

 

 

ดังนั้นสำหรับฮองเฮาแล้ว อำนาจในการจัดการนางกำนัลขันทีทั้งวังหลวงนางยังมีอยู่เต็มที่

 

 

“พระนาง บ่าวมีเรื่องด่วนจะทูลรายงานฝ่าบาทจริงๆ นะพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

เห็นเซี่ยงจิ้นร้อนใจจนเหงื่อไหลไคลย้อย หลิวฮองเฮาจึงเผยรอยยิ้มเยือกเย็นออกมา

 

 

“มีเรื่องอะไรบอกข้าเอาไว้ ข้าจะทูลฝ่าบาทแทนเจ้าเอง!”

 

 

บอกฮองเฮาไว้

 

 

บทละครมิได้เขียนไว้เช่นนี้นี่นา!

 

 

เซี่ยงจิ้นให้ตายก็ไม่ยอมพูด ท่าทางเช่นนี้ ยิ่งทำให้หลิวฮองเฮารู้สึกว่าเซี่ยงจิ้นเหิมเกริม

 

 

ไม่แน่นะว่า นังจิ้งจอกคนไหนเห็นว่าฮองเฮาถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว คิดแผนการชั่วร้ายอะไรออกมาได้อีกเพื่อที่จะดึงดูดฝ่าบาทไปหาพวกนาง

 

 

คนชั้นต่ำพวกนี้สมควรตาย!

 

 

ต่อให้ไม่ใช่นังจิ้งจอกมาหาเรื่อง แต่เซี่ยงจิ้นแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเช่นนี้ เห็นเพียงฝ่าบาทเป็นเจ้านาย มีเรื่องมีราวกลับปิดบังนางผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งฮองเฮา เพียงแค่ข้อนี้เขาก็สมควรตายแล้ว!

 

 

“ฮองเฮา บ่าว…”

 

 

เซี่ยงจิ้นยังมิทันกล่าวจบ หลิวฮองเฮาก็ยกมือขึ้นตวัดลงบนใบหน้าเซี่ยงจิ้นอย่างจัง

 

 

“บังอาจ! ฝ่าบาททรงเหน็ดเหนื่อยกว่าจะบรรทมหลบได้ เจ้ากลับเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมารบกวนพระองค์ ใครก็ได้ ลากมันออกไปอุดปากแล้วโบยสิบไม้ให้หนัก”

 

 

เซี่ยงจิ้นยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ก็ถูกอุดปาก กดลงที่พื้นแล้วโบยทันที

 

 

โอ้!

 

 

ฮองเฮา ทรงเสียสติไปแล้วหรือ!

 

 

เซี่ยงจิ้นกัดฟันอดทนเมื่อนึกถึงสิ่งที่ซย่าโหวจวินอวี่กำชับเอาไว้ ละครฉากนี้จะออกมาดีหรือไม่จุดสำคัญอยู่ที่เขา ไม่ทันไร เซี่ยงจิ้นที่เพิ่งถูกโบยไปเจ็ดแปดไม้ก็ตาเหลือกสลบไปทันที

 

 

โบยเซี่ยงจิ้นได้ หลิวฮองเฮาสบายอกสบายใจอย่างที่สุด

 

 

ยากนักที่จะสบโอกาสจิกหัวอีกฝ่าย หากไม่สั่งสอนให้รู้ถึงอำนาจฮองเฮาเสียหน่อย ได้อย่างไรกันเล่า!

 

 

เซี่ยงจิ้นที่สลบไปถูกน้ำสาดปลุกให้ตื่น หลังจากฟื้นขึ้นมาก็ถูกโบยอีกสามไม้จนครบ สุดท้ายจึงค่อยๆ พาร่างอันสั่นเทาคลานไปขอบพระทัยฮองเฮา

 

 

“เฮอะ! พึงระลึกถึงสถานะของตนเองเอาไว้ให้ดี! เจ้ามันก็แค่บ่าวรับใช้…”

 

 

เห็นเซี่ยงจิ้นสะบักสะบอมและอดกลั้น ในที่สุดหลิวฮองเฮาก็กลับเข้าไปในตำหนักด้วยความพึงพอใจ

 

 

นางหารู้ไม่ว่า นี่แหละคือผลลัพธ์ที่ฮ่องเต้ทรงต้องการ

 

 

รอจนกระทั่งฮองเฮาเอนกายนอนลง ซย่าโหวจวินอวี่จึงทำทีเป็นลืมตาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสะลึมสะลือ

 

 

“เกิดอะไรขึ้นหรือ”

 

 

“ไม่มีอะไรเพคะ! เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง พระองค์ทรงบรรทมต่อเถอะเพคะ!”

 

 

หลิวฮองเฮาใช้น้ำเสียงราวกับกำลังกล่อมเด็กน้อยกับฝ่าบาท ไม่นานซย่าโหวจวินอวี่ก็หลับไปอีกครั้ง

 

 

เดิมทีหลิวฮองเฮาคิดว่าเรื่องราวในคืนนี้คงจะจบลงเพียงเท่านี้ ที่ไหนได้ เมื่อถึงกลางดึกซย่าโหวฉิงเทียนมาด้วยตัวเอง

 

 

“ผ่าง…”

 

 

เขาใช้เท้าถีบประตูเข้ามา ประตูสองบานพับที่มีน้ำหนักมากล้มลงที่พื้นเสียงดังสนั่น ทำเอาหลิวฮองเฮาสะดุ้งตื่นด้วยอาการตกใจอย่างที่สุด หัวใจนางแทบกระเด็นออกมาด้านนอกเลยทีเดียว

 

 

“น้องสิบสี่ เจ้า เจ้ามาได้อย่างไรกัน!”

 

 

หลิวฮองเฮารู้ดีว่าความสัมพันธ์ของซย่าโหวจวินอวี่และซย่าโหวฉิงเทียนแน่นแฟ้นยิ่งนัก

 

 

แต่ว่า น้องสามีบุกเข้ามาที่ตำหนักบรรทมพี่สะใภ้กลางดึก นี่มันเรื่องอะไรกันนะ!

 

 

“เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ข้าคงข่มตาหลับไม่ลง คงจะมีแต่พี่เสด็จพี่เท่านั้นกระมังที่ข่มตาหลับลงได้”

 

 

เบื้องหลังของซย่าโหวฉิงเทียนคือเซี่ยงจิ้นที่ค่อยๆ โผลหัวออกมา

 

 

เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า หลิวฮองเฮาจึงคิดว่าเป็นเซี่ยงจิ้นที่ไปฟ้องหลินเจียงอ๋อง ทำให้นางโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก

 

 

แต่ทว่า ไม่รอให้หลิวฮองเฮาแสดงอำนาจบาตรใหญ่ ซย่าโหวจวินอวี่ก็ยืนขึ้นมาเสียแล้ว

 

 

“ฉิงเทียน เป็นอะไรไป เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”

 

 

“เสด็จพี่ ซย่าโหวเสวี่ยตายแล้ว ถูกหลิวเปยฆ่าตาย!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น ปฏิกิริยาแรกของหลิวฮองเฮานั่นก็คือ ซย่าโหวฉิงเทียนพูดจาเหลวไหล จะเป็นไปได้อย่างไร หลิวเปยเด็กดีขนาดนั้น! เหตุใดต้องฆ่าเสวี่ยเอ๋อร์ด้วย

 

 

“น้องสิบสี่ เจ้าในฐานะที่เป็นลุง จะมาสาปแช่งเสวี่ยเอ๋อร์เช่นนี้ได้อย่างไร”

 

 

ท่ามกลางความวุ่นวาย ทำให้หลิวฮองเฮาพลั้งปากออกไป

 

 

สาปแช่ง

 

 

เมื่อเห็นว่าจนกระทั่งถึงตอนนี้แล้วหลิวฮองเฮาก็ยังไม่ได้สติอีก ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชามากขึ้น

 

 

“เสด็จพี่ หญิงที่โง่เขลาเบาปัญญาเช่นนี้ ท่านเลือกมาเป็นฮองเฮาได้อย่างไรกัน ลูกสาวตัวเองเกิดเรื่องแล้ว นางไม่เพียงแต่ไม่ห่วงใย ทั้งยังโบยเซี่ยงจิ้นจนน่วม ขัดขวางมิให้เซี่ยงจิ้นเข้ามากราบทูล ช่างเป็นฮองเฮาที่ทรงอำนาจเสียจริงๆ เลย!”

 

 

ได้ยินดังนั้น ซย่าโหวจวินอวี่จึงเรียกเซี่ยงจิ้นมาเข้าเฝ้าทันที

 

 

จนกระทั่งเซี่ยงจิ้นเล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบอีกครั้ง หลิวฮองเฮาจึงได้รับรู้แล้วว่า ซย่าโหวเสวี่ยโชคร้ายพบกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันจริงๆ

 

 

สำหรับหลิวฮองเฮาแล้ว ความสุขนางเพิ่งจะผ่านเข้ามายังมิทันข้ามวัน ความสุขนั้นก็เป็นดั่งฟองอากาศแตกกระจายสูญสลายไปในพริบตา

 

 

“ไม่ เป็นไปไม่ได้!”

 

 

หลิวฮองเฮาเข่าอ่อน ทรุดลงบนพื้น

 

 

เมื่อรู้จากซย่าโหวฉิงเทียนว่าหลิวเปยได้หลบหนีไป ส่วนองครักษ์จวนองค์หญิงก็บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน ซย่าโหวจวินอวี่ก็พิโรธจนควันออกหู

 

 

“ฮองเฮา เจ้าทำให้ข้าผิดหวังยิ่งนัก!”

 

 

หากมิใช่หลิวฮองเฮาขัดขวาง ซย่าโหวจวินอวี่ก็คงรู้ความจริงนานแล้ว คงให้คนไปจับตัวหลิวเปยมาได้

 

 

ที่ข้างหูก็มีเสียงของซย่าโหวจวินอวี่ที่กำลังกล่าวโทษดังก้อง หลิวฮองเฮาโซซัดโซเซลุกยืนขึ้น ออกเดินมุ่งหน้าออกไปด้านนอก

 

 

“เสวี่ยเอ๋อร์ ข้าจะไปหาเสวี่ยเอ๋อร์ ข้าจะไปหาเสวี่ยเอ๋อร์! “

 

 

“ข้าพานางกลับมาแล้ว!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนเพียงแค่กวักมือ คนสองคนก็หามร่างไร้วิญญาณของซย่าโหวเสวี่ยเข้ามา วางลงตรงเบื้องหน้าหลิวฮองเฮา

 

 

หลิวฮองเฮาใช้มืออันสั่นเทาของนางเลิกผ้าขาวที่คลุมร่างซย่าโหวเสวี่ย เผยให้เห็นร่างที่แลดูน่ากลัว เพราะร่างทั้งร่างของนางเปลี่ยนเป็นสีดำ มีร่องรอยการถูกพิษชัดเจน

 

 

“ราชบุตรเขยกับองค์หญิงไม่รู้ว่าทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร ราชบุตรเขยชักดาบแทงองค์หญิง เมื่อบ่าวได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดขององค์หญิง บ่าวก็รีบร้องให้คนช่วย กระทั่งเมื่อบ่าวบุกเข้าไป ราชบุตรเขยก็ป้อนยาพิษให้องค์หญิงแล้วเพคะ”

 

 

“ก่อนองค์หญิงจะสิ้นพระชนม์ยังทรงร้องตะโกนว่าเสด็จพ่อช่วยลูกด้วยอยู่เลย!”

 

 

ดวงตาทั้งสองข้างของหมัวมัวแดงก่ำทั้งยังบวมเป่ง น้ำเสียงตะกุกตะกัก หลายครั้งที่น้ำเสียงขาดห้วงจนพูดต่อไปไม่ได้เพราะสภาพอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

 

 

รอจนกระทั่งนางเล่าเรื่องทั้งหมดจบลง หลิวฮองเฮาทนรับการกระทบกระเทือนจิตใจนี้ต่อไปไม่ไหว เป็นลมล้มลงไป

 

 

ฮ่องเต้ให้คนกดที่บริเวณจุดหยินจง เพื่อปลุกให้นางได้สติ

 

 

กระทั่งหลิวฮองเฮาลืมตาขึ้น เบื้องหน้านางคือสายตาพิฆาตของฮ่องเต้

 

 

“ฮองเฮา ถึงตอนนี้เจ้าพอใจหรือยัง เสวี่ยเอ๋อร์ตายแล้ว ฆาตกรก็หนีไปแล้ว ข้าสงสัยจริงๆ ว่าเจ้าเป็นมารดาที่ให้กำเนิดเสวี่ยเอ๋อร์จริงหรือเปล่า เจ้าทำให้ข้าผิดหวังยิ่งนัก!”

 

 

สุดท้ายฮ่องเต้ก็มิได้ทรงตัดสินพระทัยว่าจะจัดการอย่างไรกับหลิวฮองเฮา เพียงเหลือร่างไร้วิญญาณของซย่าโหวเสวี่ยไว้เป็นเพื่อนกับนาง จากนั้นจึงให้ลงกลอนตำหนักของฮองเฮา

 

 

หลังจากที่คณะของซย่าโหวจวินอวี่จากไป ในที่สุดหลิวฮองเฮาก็ทนไม่ไหวกระอักเลือดออกมา เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นไปโดนใบหน้าซย่าโหวเสวี่ย

 

 

ความรู้สึกผิดในใจของหลิวฮองเฮาถาโถมกระหน่ำเข้ามา

 

 

สุดท้ายหลิวฮองเฮาก็นอนลงที่พื้น นางหายใจหอบสลับกับไอออกมาเป็นเลือด

 

 

“เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องกลัว แม่อยู่ข้างๆ เจ้าแล้ว เจ้าไม่ต้องกลัว!”

 

 

เห็นว่าใบหน้าของบุตรสาวเลอะเปื้อน หลิวฮองเฮาจึงค่อยๆ คลานเข้าไปข้างกายนาง แล้วยื่นมือไปเช็ดรอยเลือดที่เลอะเปื้อนใบหน้านางออก

 

 

“เสวี่ยเอ๋อร์ แม่อยู่นี่! แม่อยู่เป็นเพื่อนเจ้า!”