ตอนที่ 494 ตระหนัก

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 494

ตระหนัก

เปรี้ยง!! หมัดของจินหมิงกระแทกเข้าใส่ร่างของเส้าเทียนอีกครั้ง แต่คราวนี้หมัดของจินหมิงกลับดูราวกับไม่มีผลอะไรเลย เช่นเดียวกันกับกระบี่ของเสินคง ไม่ว่ามันจะฟันหรือแทงใส่ร่างของเส้าเทียน ตัวมันก็ไร้รอยขีดข่วนราวกับจะไม่มีสิ่งใดทำอะไรมันได้ก็ไม่ปาน

“นี่มันเก็บซ่อนพลังเอาไว้หรือยังไง”เสินคงว่าพลางเร่งความเร็วกระบี่ให้มากขึ้น แต่ไม่ว่าจะแทงเร็วแค่ไหนก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้เส้าเทียนได้อยู่แล้ว เรียกได้ว่าไร้ความหมายเลยทีเดียว

เปรี้ยง! เส้าเทียนต่อยหมัดใส่ร่างของจินหมิงอย่างรุนแรง แม้หมัดของเส้าเทียนจะไม่ได้ร้ายกาจอะไร แต่การต่อยด้วยกำลังของระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 1 ย่อมสร้างความเสียหายร้ายแรงให้แก่จินหมิงอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่จินหมิงเองก็ไม่ธรรมดา เมื่อสัมผัสพลังวิญญาณที่เหนือกว่าตนเองได้ก็ตั้งใจรับมือมากขึ้นส่งผลให้มันบาดเจ็บไม่มากมายอะไร เพียงแต่….

ตูม!! กำลังหมัดของเส้าเทียนอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่ทันทีที่เส้าเทียนปล่อยพลังวิญญาณออกมาถึงระดับนี้พวกมันก็แทบจะทำอะไรเส้าเทียนไม่ได้เลย ราวกับกระบวนท่าของพวกมันเป็นเพียงใบหญ้าที่ฟาดใส่หินผาไม่มีผิด

“……..”พวกจูล่งที่มองอยู่ข้างหลังเองก็ประหลาดใจไม่น้อย พวกสาวๆทราบอยู่แก่ใจแล้วว่าเส้าเทียนอยู่เพียงระดับเทียนเซียนขั้นที่ 5 แต่กลับฝืนเพิ่มระดับตัวเองขึ้นมาเป็นเจ้าสวรรค์ขั้นแรกได้นับว่าเหนือความคาดหมายจริงๆ หากวิชาที่มันใช้เป็นเช่นนี้ หมายความว่าอาจารย์ของมันย่อมทำได้เหนือกว่านี้หรือไม่ แล้วท่านยอดฝีมือท่านนั้นหายไปไหนมาตั้งนาน แล้วมาเป็นอาจารย์ของเส้าเทียนได้อย่างไร

ทางด้านจูล่งนั้นคาดเดาสถานการณ์เอาไว้แต่แรกแล้วจึงเปลี่ยนดวงตาสีเงินเป็นสีม่วงข้างหนึ่งเพื่อตรวจสอบวิชาของเส้าเทียน พลังที่ปะทุออกมานั้นรุนแรงมาก แต่พลังพื้นฐานของเส้าเทียนก็ยังเหมือนเดิม มันเหมือนการฝืนเติมเชื้อเพลิงไม่มีผิด แม้จะทำให้ไฟแรงขึ้นก็จริง แต่ไม้ที่เป็นเชื้อไฟก็จะหมดลงเร็วขึ้นเช่นกัน เกรงว่าวิชาที่เส้าเทียนใช้อยู่นั้นจะเป็นวิชาที่ฝืนตัวเองพอสมควร และคงใช้ได้ไม่นาน

เปรี้ยง!! เส้าเทียนเองก็เหมือนจะรู้ตัวเช่นกันว่าหากใช้วิชานี้ออกมาแล้วจะเหลือเวลาต่อสู้ไม่นาน แต่เดิมเส้าเทียนที่มักจะตั้งรับเสมอกลับเริ่มเป็นฝ่ายบุกบ้าง หมัดของมันกระแทกเข้ากับหมัดของจินหมิงอย่างรุนแรง เรียกได้ว่าแลกหมัดกันหวังล้มด้วยกำลังกันล้วนๆ

ครืด…ร่างของจินหมิงถอยออกมาทีละน้อยจากการปะทะหมัดกันกับเส้าเทียน ยามนี้หมัดที่แข็งแกร่งของจินหมิงปวดไปหมดเพราะต้องต้านกำลังของเส้าเทียนที่เหมือนจะเหนือกว่าตนเองอยู่ระดับหนึ่ง ทำให้ทั้งจินหมิงและเสินคงต่างมีสีหน้ากดดันอย่างมาก

“น้องชาย ช้าก่อน”อยู่ๆเสินคงก็พูดขึ้นมาพลางเข้าไปขวางระหว่างเส้าเทียนกับจินหมิงเอาไว้

“คุณชายเสิน ท่านทำอะไร”จินหมิงถามพลางลดหมัดของตนเองลงไม่อยากให้โดนเสินคง

“น้องชาย ข้ารู้สึกแล้วว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไร้ความหมายเกินไป ข้าเพียงอารมณ์เสียชั่วแล่นเท่านั้นเลยอยากจะขอน้องชายสงบศึก”เสินคงพูดพลางมองไปทางเส้าเทียนที่กำลังทำหน้างงไม่ต่างจากจินหมิงนัก อยู่ๆมันก็เข้ามาขอสงบศึกหน้าด้านๆแบบนี้เลยหรือ

“จริงสิ น้องชายพอเท่านี้เถอะ”จินหมิงเห็นรอยยิ้มของเสินคงเข้าก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง มันรีบหันไปหาเส้าเทียนพลางปลดพลังของมันลงทันที

“พวกท่านไม่สู้แล้วงั้นหรือ”เส้าเทียนถามพลางหายใจแรงๆออกมา การใช้พลังเกินขีดจำกัดของมันกินแรงมากทีเดียว ยิ่งใช้นานๆยิ่งเห็นผล

“ถูกแล้ว พวกเราต้องขอโทษเจ้าจริงๆ พวกเราจะไม่ทำอะไรพวกเจ้าแล้ว”เสินคงยิ้มก่อนจะยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเหมือนจะบอกว่ายอมแพ้

“เช่นนั้นก็ดีแล้วขอรับ”เส้าเทียนเห็นอีกฝ่ายท่าทางจะยอมแพ้ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนที่มันจะปลดวิชาของมันออกจนพลังกลับมาอยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 5 เหมือนเดิม

ตุบ…ร่างของเส้าเทียนล้มลงไปนอนกับพื้นอย่างอ่อนแรง เป็นไปตามที่ไป๋จูล่งคาด เส้าเทียนใช้กำลังเกินตัว พอหยุดใช้วิชาผลที่ได้ก็คืออาการหมดแรงนั่นเอง เส้าเทียนเมื่อเลิกใช้วิชาก็ล้มลงนั่งกับพื้นก่อนจะเอนตัวลงนอนทันทีด้วยความเหนื่อยอ่อน

“เป็นวิชาที่กินแรงจริงๆด้วย”เสินคงยิ้มออกมาพลางมองร่างของเส้าเทียนที่ล้มลงไปนอนกับพื้น เจ้านี่พอปลดวิชาแล้วก็หมดแรงทันทีเลย

“โง่ชะมัด เชื่อศัตรูง่ายๆแบบนี้ชีวิตคงไม่ยืนหรอก”จินหมิงว่าพลางเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าเส้าเทียน พอฝืนใช้พลังก็ถึงกับล้มลงไปนอนสลบ เท่านี้คนที่สู้กับมันได้ก็ไม่มีอีกแล้ว ตอนที่เส้าเทียนหลับมันจะทำอะไรก็ย่อมได้

วูบ…จินหมิงง้างหมัดของมันไปข้างหลังหมายจะต่อยอัดใส่ร่างเส้าเทียนตอนกำลังหลับ ยามนี่มันไม่มีวิชาป้องกันตัว โดนต่อยเข้าจังๆต้องบาดเจ็บหนักอย่างแน่นอน

หมับ…ไม่รอให้จินหมิงต่อยใส่เส้าเทียน มือของไป๋จูล่งก็พลันเอื้อมมาคว้ามือของจินหมิงเอาไว้ก่อน กำลังของจินหมิงรุนแรงแค่ไหนแม้แต่เส้าเทียนก็ยังทนแทบไม่ไหว แต่จูล่งกลับสามารถคว้าข้อมือมันเอาไว้ได้อย่างง่ายดายนั่นเพราะตัวจูล่งนั่นอยู่คนละโลกกับพวกมันก็ว่าได้

“พี่เส้าเทียนพยายามมากเลย พวกท่านเล่นแบบนี้ไม่อายบ้างหรือ”จูล่งถามพลางมองไปทางเสินคงและจินหมิง พวกมันสู้ไม่ได้ก็เลยหลอกให้เส้าเทียนปลดพลังของตนออก แม้จะเป็นความผิดของเส้าเทียนเองที่ไม่รู้ทัน แต่มันก็ดูไม่น่าพอใจอยู่ดี

“แล้วมันจะทำไม”จินหมิงว่าพลางดึงแขนของตนออกมาจากมือของจูล่ง ก่อนจะต่อยใส่ร่างของไป๋จูล่งอย่างจัง

“อัก…”จินหมิงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ความรู้สึกที่ต่อยใส่ร่างไป๋จูล่งนั้นไม่เหมือนตอนต่อยใส่เส้าเทียนเลยแม้แต่น้อย ตอนต่อยใส่เส้าเทียนนั้นแม้จะเหมือนทำอะไรไม่ได้ แต่ก็รู้สึกเหมือนกำลังต่อยใส่คน แต่ยามนี้มันต่อยใส่ไป๋จูล่งกลับรู้สึกเหมือนต่อยใส่เกราะโลหะไม่มีผิด

“พี่เส้าเทียนหลับไปแล้ว พวกเราคงต้องหาที่พักกันแล้วล่ะ”ไป๋จูล่งว่าพลางปล่อยฝ่ามือใส่ร่างของจินหมิงทันที จูล่งใช้เพียงระดับธรรมดาเท่านั้นก็ผลักร่างของจินหมิงกระเด็นไปกระแทกกำแพงด้านหลังเข้าอย่างจัง หากไม่ใช่เพราะจูล่งกลัวว่าจะทำลายบ้านเรือนของผู้อื่นคงใส่แรงมากกว่านี้ไปแล้ว

“เจ้านี่มันอะไร”เสินคงตะลึงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ไป๋จูล่งที่ควรไม่มีพลังวิญญาณกลับซัดฝ่ามือเดียวส่งจินหมิงยอดฝีมือรุ่นใหม่อันดับ 1 ลอยไปติดกำแพงจนหมดสติในพริบตาเดียว แถมเมื่อครู่มันยังรับหมัดของจินหมิงโดยไม่ได้ป้องกันแม้แต่น้อย นอกจากมันจะไม่เป็นอะไรแล้วกลับเป็นฝ่ายจินหมิงเองต่างหากที่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“เจ้า….”เสินคงพูดพลางมองไปทางจูล่ง มันไม่กล้าแม้แต่จะขยับมั่วๆเสียด้วยซ้ำไป

ฉึกๆๆๆ อยู่ๆรอบกายของเสินคงก็ปรากฏทวนสีแดง 4 เล่มพุ่งลงมาจากฟ้าแทงเข้าใส่พื้นรอบตัวมันพอดีราวกับทวนพวกนั้นจะทำหน้าที่เป็นกรงขังร่างของเสินคงเอาไว้ ทวนที่ตกลงมานั้นแนบกายเสินคงจนเหมือนจะแทงใส่ร่างของมันอยู่แล้ว หากผู้ปาเล็งเข้ามาใกล้ตัวมันอีกนิดคงเฉือนร่างของมันเข้าจนได้

ฟุบๆๆๆ ยังไม่ทันหายตกใจอยู่ๆที่มือของเสินคงก็รู้สึกเจ็บวูบขึ้นมาทำเอามันต้องปล่อยกระบี่ในมือทิ้งไปเสียอย่างนั้น

“เจ้าหนู”ชางซีที่เป็นคนปาเข็มพิษใส่มือของเส้าเทียนพูดพลางยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่เย็นยะเยียบ

“นับว่าเจ้าโชคดีไปนะที่อยู่ในอาณาจักรไป๋”ชางซีพูดพลางเก็บเข้มในมือตนเองเข้ามิติไป น่าเสียดายการฆ่าบุตรชายแม่ทัพของอาณาจักรไป๋ในอาณาจักรไป๋ออกจะเสี่ยงเกินไป นางจึงใช้เพียงเข็มพิษธรรมดาๆเท่านั้นไม่ได้ใช้พิษร้ายแรงอะไร

“ไม่หรอก แค่มาหาเรื่องนายน้อยของพวกเราแล้วยังรอดไปได้ก็ถือว่าโชคดีเกินไปแล้ว”ต้าหวานว่าพลางปล่อยพลังของตนออกมาให้เสินคงสัมผัสได้ พลังระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 5 ของนางและน้องสาวทำเอาเสินคงตาเหลือกกว้างด้วยความตกใจ ยามนี้มันได้รู้เสียทีว่าก่อนหน้านี้มันรอดตายอย่างปาฏิหาริย์มาแล้วกี่ครั้ง

.

.

“พี่เส้าเทียนพอใช้ท่านั้นแล้วก็ไม่ยอมตื่นอีกเลยนะ”ไป๋จูล่งว่าพลางแบกร่างของเส้าเทียนมาส่งที่โรงเตี๊ยมใกล้ๆ โดยฝากให้หล่อเจียงเป็นคนดูแลเส้าเทียนอีกที

“มันเป็นเด็กที่มีแววไม่เลว อีกไม่นานคงสร้างชื่อได้แน่ๆ”ต้าหวานว่าพลางมองเส้าเทียนที่นอนอยู่บนเตียง มันยังอายุน้อย อนาคตยังอีกยาวไกลทีเดียว

“พี่ต้าหวาน ระดับของจินหมิงคนนั้นคือยอดฝีมือรุ่นใหม่อันดับ 1 จริงๆหรือขอรับ”จูล่งถามพลางทำสีหน้าครุ่นคิดออกมา ตัวมันมองการต่อสู้ของเส้าเทียนอันดับ 7 กับจินหมิงและเสินคงอันดับ 1 และ 2 แล้วกลับรู้สึกประหลาด ราวกับว่ามันกำลังมองเด็กๆสู้กันก็ว่าได้

“ถูกแล้ว ระดับพลังของพวกมันน่าตกใจมากทีเดียว หากพวกมันอายุมากกว่านี้คงเป็นกำลังที่น่ากลัวของอาณาจักรไป๋อย่างแน่นอน”ต้าหวานตอบพลางพยักหน้าช้าๆ แม้จะดูนิสัยเสียไปหน่อยแต่เสินคงและจินหมิงก็เป็นยอดฝีมือจริงๆ อนาคตของพวกมันการก้าวเข้าระดับเจ้าสวรรค์คงไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันเกินไป

“แต่ชายที่ชื่อจินหมิงรับฝ่ามือข้าไม่ได้นี่ขอรับ ข้าไม่ได้เอาจริงเสียหน่อย”จูล่งถามพลางหันไปมองต้าหวานด้วยท่าทีงุนงง มันเชื่อมาตลอดว่าตนคงมีฝีมือระดับล่างๆถึงกลาง แต่คนที่มันพึ่งซัดติดกำแพงไปนั้นอยู่ระดับสูงสุดของยอดฝีมือรุ่นใหม่แล้สงั้นหรือ?

“นั่นเพราะเจ้าแข็งแกร่งกว่าพวกมันยังไงล่ะ”ต้าเฉียนที่อยู่ด้านหลังตอบ พวกนางเคยสู้กับจูล่งมาก่อนรับประกันได้เลยว่าจูล่งนั้นแข็งแกร่งมากอย่างไม่ต้องสงสัย

“ข้าแข็งแกร่งหรือขอรับ”จูล่งถามออกมาด้วยใบหน้างุนงง

“เจ้าเด็กซื่อบื้อ หากระดับเจ้าไม่เรียกแข็งแกร่งแล้วพวกเราจะเป็นอะไรกัน”ต้าหวานยิ้มออกมาพลางลูบหัวจูล่งเบาๆ คงจะปล่อยให้จูล่งเข้าใจผิดต่อไปไม่ได้กระมัง มันควรจะรู้ตัวได้แล้วว่าตนเองแข็งแกร่งแค่ไหน