บัญชามังกรเดือด บทที่ 772 คลายความเหงา
จัดการประชุมของสหพันธ์ธุรกิจทางเจ็ดเมืองตอนใต้ ล้วนมีแต่คนใหญ่คนโตทั้งนั้น
ผู้ที่สามารถเข้ามาในงานเป็นกลุ่มแรกได้นั้น ก็คือเหล่าผู้นำตระกูลทั้งห้าของเมืองอู่หูเนื่องจากพวกเขาอยู่ใกล้มากที่สุดนั้น จึงเดินทางมาในงานเร็วกว่าใคร ๆ
นำโดยลิเว่ยจงที่เดินเข้ามาก่อน ข้างกายของเขานั้นคือหญิงสาวที่จักมาเป็นผู้สืบทอดตระกูลลิในภายภาคหน้า สตรีผู้มากความสามารถลิฉุน
เดิมที่ ลิฉุนที่เป็นหญิงสาวที่มีความแสบสันนั้น หลังจากผ่านการอบรมสั่งสอนมาได้ระยะหนึ่ง เธอในยามนี้ดูมีความนิ่งลึกสุขุมขึ้นมากนัก
เมื่อเห็นฉินเทียนนั้น ลิฉุนพลันเม้มริมฝีปากเอ่ยขึ้นมาว่า “ท่านผู้นำช่างเป็นคนจำพวก เทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหางจริง ๆ เลย ตึกเรือใบกำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทั้งที มีปัญหาบางอย่างที่ฉันอยากจะปรึกษาหารือกับท่านแต่เคยหาท่านผู้นำเจอไม่”
ฉินเทียนได้แต่แย้มยิ้มกล่าวออกมาว่า “ฉันก็แค่คนนอก มาปรึกษาฉันจะไปได้อะไรกัน อำนาจอยู่ในมือเธอทั้งที ก็ยกให้เธอตัดสินใจไปเลย”
“หากขาดเงินค่อยมาบอกฉัน”
ลิฉุนพลันหัวเราะออกมาด้วยความเย้ยหยัน “ช่างเป็นคำพูดอวดดีเสียจริง!”
พูดจบพลันแบมือเล็ก ๆ ออกมา “เอามา ยังขาดอยู่อีกหมื่นล้าน”
ใบหน้าของฉินเทียนพลันมืดคล้ำไปในทันที
ลิเว่ยจงพลันหัวเราะออกมาเสียฉากใหญ่ “ฉุนเอ๋อร์ลูกจะทำตัวไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่เช่นนี้ไม่ได้นะ ลูกควรจะทำตัวให้ความเคารพต่อท่านผู้นำ!”
ลิฉุนพลันหันหน้าหนีไปในทันที พร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยความเย่อหยิ่งว่า “หนูไม่อยากเคารพเขา!”
เมื่อฉินเทียนมองไปยังหน้าประตูนั้น พลันพบว่าเจี่ยงเส้าเขามาพอดีเมื่อฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ขึ้นมานั้น เขาพลันรีบร้อนดึงลิฉุนมาอีกทางหนึ่ง พลางกระซิบเสียงเบาเอ่ยถามว่า “ตอนนี้เจี่ยงเถียนเถียนเป็นเช่นไรบ้าง ?”
“ลิเหลียงได้ติดต่อเธอไปบ้างหรือไม่?”
ในคราก่อนนั้น ลิฉุนเล่าให้ฉินเทียนฟังว่าเจี่ยงเถียนเถียนตั้งครรภ์แล้ว เธอตั้งใจจะคลอดเด็กคนนี้ออกมา เป็นลูกของลิเหลียง
ฉินเทียนพลันรู้สึกว่า ถ้าหากลิเหลียงรู้เรื่องนี้ขึ้นมานั้น เขาย่อมปรากฏตัวออกมาอย่างแน่นอนและนี่เป็นโอกาสเดียวที่จะสามารถจับตัวลิเหลียงเอาไว้ได้
ตั้งแต่เวทีเซวียนหยวน ที่ลิเหลียงถูกปรมาจารย์พิษช่วยชีวิตเอาไว้นั้น ทั้งเขาและปรมาจารย์พิษก็ราวกับตัดขาดโลกภายนอกไปในทันทีและไม่ยอมปรากฏตัวออกมาอีกเลย
ฉินเทียนจึงได้สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาที่เชี่ยวชาญในการรวบรวมข้อมูลเช่นราชาหนูนั้น ค้นหาไปทั่วโลก แต่ก็ไม่ได้รับข่าวใด ๆ กลับมา ฉินเทียนจึงสรุปไปว่า ทั้งฉินเหลียงและปรมาจารย์วิชาพิษน่าจะซ่อนตัวอยู่ในประเทศ
รวมไปถึงวิหารลึกลับที่ชั่วร้ายเช่นวิหารเทพสังหาร!
ลิฉุนพลันขมวดคิ้วลงเล็กน้อย พร้อมกระซิบเสียกล่าวว่า “ ฉันเชื่อว่าเถียนเถียนไม่มีทางโกหกฉันแน่ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวของลิเหลียงกลับมาเลย ”
“แต่ว่า นายวางใจได้ หากมีข่าวข้อมูลอะไรเข้ามา ฉันจะบอกนายเป็นคนแรก”
ฉินเทียนได้แต่พยักหน้ารับคำอย่างไม่มีทางเลือก
ผู้ที่เดิมมาพร้อมกับเจี่ยงเส้านั้น และตระกูลเฉินเฉินเถิง รวมไปถึงผู้นำหอการค้าตระกูลหม่าหม่าจั๋วชุน
โดยที่หม่าจั๋วชุนก็ได้พาตัวบุตรชายคนโตที่มีนามว่าหม่าจินหยู่มาด้วยเนื่องด้วยเรื่องราวกับจัดการภายในตระกูลที่มากมาย หม่าจั๋วชุนจึงมอบหมายให้ลูกชายคนโตเข้ามาดูแลกิจการของตระกูลเต็มตัวแล้ว
เนื่องจากตระกูลหม่าทำธุรกิจด้านการขนส่งสินค้าเป็นหลัก ดังนั้นฉินเทียนจึงตั้งใจให้พวกเขาทำข้อตกลงกับเทียนหม่ากรุป ซึ่งบริหารงานโดยราชาหม่าที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา
ในเวลานั้นผู้ที่ได้รับหน้าที่ให้เข้ามาเจรจาคือหม่าจินหยู่
ดังนั้นพ่อลูกตระกูลหม่าคู่นี้จึงมีความสัมพันธ์ที่อันดีกับฉินเทียน
ทุกคนพลันเดินก้าวเข้าไปข้างหน้า ล้อมรอบพร้อมกับเอ่ยทักทายฉินเทียนอย่างอบอุ่น
“พี่เทียน พวกเรามาช้าไปหรือเปล่า?”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วรองานเริ่มขึ้นก่อน ฉันจะลงโทษตัวเองสามแก้วเลย!”
ด้านหน้าประตูนั้น พลันมีเสียงพูดคุยของหนุ่มสาวดังเข้ามา ทำเอาทุกคนรีบหันหน้ากลับไปมองในทันที พลางเห็นใบหน้าของคนหนุ่มสาวที่เต็มไปด้วยความร่าเริงกระฉับกระเฉงไปในทันที
ตระกูลจี้ นายน้อยจี้ซิง
พลันมาพร้อมกับภรรยาของเขาหลิวชิงเหยา ทั้งสองเป็นคู่ที่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก เสมือนกับสวรรค์สรรค์สร้างทั้งคู่เพื่อมาให้คู่กัน ทั้งคู่พลางเดินเข้ามาในงามด้วยท่าทีสง่างามยิ่งนัก
สองมือที่สอดนิ้วประสานกัน แม้เพิ่งจะแต่งงานกันไปได้ไม่นาน ทว่าใบหน้าของพวกเขาทั้งคู่ก็ดูหวานชื่นยิ่งนัก เมื่อเทียบกับก่อนหน้านั้นแล้วดูพวกเขาจะสนิทสนมกันมากกว่าเดิม
เมื่อฉินเทียนเห็นว่าจี้ซิงเริ่มไว้หนวดเคราขึ้นมาเล็กน้อยนั้น เขาก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
จี้ซิงพลันเดินเข้าไปหาฉินเทียน พร้อมกับกางแขนออกและกอดฉินเทียนในทันที
พลางใช้มือตบหลังฉินแทนแรง ๆ และกระซิบข้างหูเขาว่า “ฉันได้ยินมาว่า นายไปเที่ยวทางที่ซีเป่ยคนเดียวงั้นเหรอ เล่นสนุกคนเดียวเลยล่ะสิ ไม่ยอมพาฉันไปด้วย ไม่นับว่าเป็นสหายกันหรอกนะ!”
ฉินเทียนได้แต่แย้มยิ้มเล็กน้อย “ไปฮันนีมูนเป็นยังไงบ้าง? ฉันกลัวว่านายจะว่างเกินไป จนไม่สามารถขึ้นรบด้วยกันได้เสียอีก”
“แค่ก—” จี้ซิงได้แต่ไอเสียงดังออกมา พร้อมทั้งอดไม่ได้ที่จะหน้าขึ้นสี พลางพูดเสียงเบาว่า “พี่สะใภ้กำลังตั้งท้องแบบนี้ อยากให้ฉันพาไปคลายความเหงาไหมล่ะ?”
จี้ซิงพลันชำเลืองมองไปยังลิฉุนที่อยู่ไกล ๆ พร้อมกับดวงตาของเขาที่เป็นประกาย และกระซิบเบา ๆ มาอีกครั้งว่า “ฉันว่าใบหน้าของคุณหนูลิก็สวยงามอยู่นะ ทั้งยังมองมาที่นายราวกับอยากจะมาเชื่อมความสัมพันธ์ด้วย ”
“ขอเพียงแค่นายยอมแบมือออกมา เธอจะต้องยอมเป็นคู่ช่วยคลายเหงาในตอนที่พี่สะใภ้กำลังตั้งท้องอยู่ได้แน่”
“ไสหัวไป!”
“แกคิดว่าฉันเป็นคนยังไงกันแน่!”
ฉินเทียนโกรธโมโหเสียจน กระแทกเข่าเข้ากับท้องจี้ซิงในทันที
“อ๊าก!”
“ช่วยด้วย!”
“ท่านผู้นำกำลังจะฆ่าคน!” จี้ซิงเอามือกุมท้องเอาไว้ แสร้งทำเป็นเจ็บปวดพร้อมกับตะโกนโหวกแหวกโวยวายออกมา เสมือนกับกำลังแสดงตลก จนทำให้ผู้คนที่มองมาได้แต่หัวเราะเขา
นายน้อยของตระกูลจี้ เป็นผลไม้ที่ทำให้มีความสุขจริงๆ
“พอได้แล้ว ไม่อายคนหรือยังไงกัน!”
หลิวชิงเหยาเตะไปที่จี้ซิงหนึ่งที พลางเดินเข้าไปหาฉินเทียนด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
“จะทำอะไร?” ฉินเทียนตกใจเสียใจ ก้าวถอยหลังกลับไปโดยไม่รู้ตัว
หลิวชิงเหยาเพียงยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“อะไรกัน สามีฉันกอดนายได้แล้วฉันจะกอดบ้างไม่ได้เหรอ?”
“อย่าลืมสิ ฉันเป็นน้องสาวนายนะ”
หลิวชิงเหยาพลันกางแขนออกมา
หลังจากที่ฉินเทียนมองเจ้าสาวที่เพิ่งแต่งงานไปได้ไม่นานนั้น เธอดูงดงามกว่าเดิมเสียอีก นั่นยิ่งทำให้ฉินเทียนรู้สึกหวาดระแวงมากขึ้น
ในเมื่อเขาไม่มีทางเลือกแล้ว จึงได้แต่ยืนเฉย ๆ ให้หลิวชิงเหยากอด
หลิวชิงเหยาพลันยืนเขย่งเท้าขึ้นมา พร้อมกับกระซิบข้างหูว่า “ฉันแค่อยากทำให้จี้ซิงหึงฉันเท่านั้นทำให้เขารู้สึกเริ่มไม่ปลอดภัย แบบนี้เขาจะได้คิดที่จะทนุถนอมฉันมากขึ้น”
ฟุบ!
ฉินเทียนพลันมีสีหน้ามืดครึ้มไปในทันที ภายในใจได้แต่ลอบคิดถึงความคิดของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
“พวกนายกำลังพูดอะไรกัน?” ความไม่สบายใจพลันฉายขึ้นมาในแววตาของจี้ซิงในทันที
ฉินเทียนกะพริบตาไปมาเล็กน้อย “ฉันไม่บอกแกหรอก”
จี้ซิงเสมือนกับได้รับบาดเจ็บภายใน
“เหยาเหยา นี่เธอกำลังล้อฉันเล่นอีกแล้วเหรอ?”
“อย่าลืม ฐานะในปัจจุบันของคุณสิ” เสียงอันไพเราะพลันดังมาราชินีหอชงเซียวจากเป่ยเจียงนามว่าหยูหลิงหลง เธอเดินทางมาพร้อมกับผู้ปกครองเขตเมืองหยุนชวน นายท่านตระกูลจ้าวจ้าวเทียนเผิง
เมื่อเห็นใบหน้าของยู่หลิงหลงเต็มไปด้วยความเบิกบานเช่นนั้น จ้าวเทียนเผิงเองก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายความอบอุ่นเช่นกัน ดูเหมือนว่า การเดินทางของพวกเขาทั้งสองคนน่าจะเป็นไปได้ด้วยดี
ทำเอาทุกคนอดไม่ได้ที่จะแย้มยิ้มออกมา
“พ่อคะ แม่คะ ทำไมเพิ่งมาถึงกันละคะ!”
“สำรวมต่อท่านผู้นำตำหน่อยสิ!”
หลิวชิงเหยาวิ่งเข้ามาทักทายพวกเขา ราวกับเด็กน้อยก็ไม่ปาน
ไม่รู้ว่า เธอจงใจหรือไม่ได้ตั้งใจที่จะเรียก “พ่อ แม่” ออกมากันแน่ ทำให้ทั้งจ้าวเทียนเผิงและยู่หลิงหลงต่างพากันหน้าแดงกันหมด
ดูเหมือนว่า พวกเขาจะได้คู่กันสักที
ทว่า หลิวชิงเหยาจะตะโกนแบบนี้ขึ้นมาก็ไม่เป็นไร เพราะที่เมืองหยุนชวนก่อนหน้านั้น หลิวชิงเหยาก็ได้ยอมรับจ้าวเทียนเผิงให้เป็นพ่อบุญธรรมของเธอแล้วเช่นกันอีกทั้งจ้าวเทียนเผิงเอง ก็ยังรักเธอเสมือนกับเป็นลูกสาวของตัวเองอีกด้วย
ในยามที่พวกเขาทั้งสองคน มองไปยังเด็กผู้หญิงที่มีสดใสอยู่ตรงหน้านั้น ดวงตาพลันฉายแววเต็มไปด้วยความเอ็นดูมากมาย
จี้ซิงเองก็รีบเข้าไปทักทายเช่นกัน จากนั้นก็บ่นกระซิบกับยู่หลิงหลงว่า หลิงชิงเหยาชอบรังแกเขาอยู่เสมอ
ยู่หลิงหลงจึงเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทีเฉยเมยว่า “นายน้อยจี้ คุณอย่าให้ท้ายเธอมากเกินไปสิคะ ”
“ในเมื่อตอนนี้ เธอเป็นภรรยาของคุณและเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลจี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ย่อมต้องปฏิบัติตามกฎของตระกูลจี้”
“หากว่าเธอทำผิดขึ้นมา คุณจะตีเธออย่างไรก็ได้ จะถูกลงโทษเธออย่างไรก็ได้เช่นกัน!”
“เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณครับแม่!” จี้ซิงพลันแย้มยิ้มออกมาอย่างมีชัย
ฉินเทียนจึงได้เข้าไปทักทายยู่หลิงหลงและ จ้าวเทียนเผิงจากนั้นเหยียนซิวจากเมืองฝูหลิงและหลินตงจากเมืองตง ก็ค่อย ๆ มาถึงทีละคน
ตอนนี้ เหลือเพียงอานกั๋วจากหนานเจียงเท่านั้น
“เหตุใดนายท่านอานกั๋วยังไม่มาอีกเล่า คงมิใช่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกกระมัง ” ฉินเทียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเอ่ยออกมา