ยื้อยุดเทพปีศาจ

“มันจบแล้ว !!”

“นี่เงาของเทพปีศาจตัวนี้จะไม่แข็งแกร่งเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?!!”

ทุกคนนั้นอ้าปากค้าง ในขณะที่พวกเขาเฝ้าดูจากการโจมตีของแอทล๊อคกำลังพุ่งเข้าใส่ซือเฟิง

การโจมตีนี้มันทรงพลังมากพอๆกับเวทย์ทำลายล้างขนาดใหญ่ เพียงแต่ว่ามันไม่ได้มีระยะเวลาในการร่ายเลย ….

มันเป็นท่าเดียวกับที่แอทล๊อคใช้ในการทำให้วัลคีรี่ชั้นสูง และอาร์สเล็ทบาดเจ็บสาหัส และหากแม้แต่สิ่งมีชีวิตทั้งสองก็ยังไม่สามารถทนต่อการโจมตีนี้ได้ แล้วผู้เล่นขั้น
สามอย่างซือเฟิงจะมีโอกาสรอดไปจากมันได้อย่างไร ?

แม้แต่สกิลอมตะที่ทรงพลังก็ยังไม่สามารถจะช่วยนักดาบได้แน่นอนในตอนนี้

มันไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสกิลอมตะที่แท้จริงใน God domain สิ่งที่เรียกว่าสกิลหรือเวทย์อมตะภายในเกมนั้นเป็นเพียงสกิลและเวทย์ป้องกันที่สามารถจะดูดซับความเสียหาย และป้องกันการโจมตีจากคู่ต่อสู้ได้ อย่างไรก็ตาม หากการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามมีพลังมากกว่าสกิลป้องกันหรือค่าความทนทานต่อความเสียหายของผู้เล่น ผู้เล่นก็จะยังคงได้รับความเสียหายบางส่วน

จากการแสดงพลังของแอทล๊อค เห็นได้ชัดเลยว่ามันมีความแข็งแกร่งที่ขั้นห้าแน่นอน และมันอาจมีพลังการต่อสู้มากกว่ามังกรศักสิทธิ์ในขั้นห้าด้วยซ้ำ และแม้แต่วงเวทย์ป้องกันของ NPC ก็ไม่ควรจะสามารถจัดการกับพลังประเภทนี้ได้

อย่างมากสกิลและเวทย์อมตะของผู้เล่นในปัจจุบันนั้นก็น่าจะสามารถป้องกันการโจมตีขั้นสี่ได้เท่านั้น พวกมันจะไร้ประโยชน์อย่างถึงที่สุดกับการโจมตีขั้นห้า และมันก็มีตัวอย่างให้เห็นมาหลายเคสแล้วสำหรับผู้เล่นที่โชคไม่ดีที่เผอิญไปเจอกับอะไรแบบนี้ และพยายามจะใช้สกิลหรือเวทย์อมตะเอาชีวิตรอด …. พวกเขานั้นตายแทบจะทันทีเลย ….

ขณะเดียวกัน การโจมตีนี้ก็กินพื้นที่มากพอจนซือเฟิงนั้นไม่สามารถจะหลบได้เลย
อย่างไรก็ตามทันใดนั้นอักษรรูนสีทองก็ปรากฎขึ้นรอบๆตัวของนักดาบ และมันก็แผ่ความรู้สึกอันศักสิทธิ์ยากจะพรรณนาออกมา

ตู้ม !!

การระเบิดนี้ทำให้วิหารสั่นสะเทือน และคลื่นกระแทกของการโจมตีนี้ก็ส่งผลไปถึงกองกำลังนรกที่อยู่ไกลออกไปด้วย แอทล๊อคนั้นมีพลังในการจะทำลายทั้งสวรรค์และโลกอย่างแน่นอน

“แน่นอนเลยว่าการทดสอบนี้เป็นกับดัก ไม่มีทางที่ผู้เล่นจะเคลียร์มันได้เลย”

สมาชิกของกองกำลังนรกทุกคนส่ายหัวและถอนหายใจออกมา ขณะที่มองไปยังฝุ่นที่บดบังวิหาร

ถ้าแอทล๊อคไม่ได้ใช้การโจมตีที่น่ากลัวแบบนี้ บางทีซือเฟิงอาจจะมีสิทได้รับหีบสมบัติระดับตำนานที่อ่อนแอก็ได้ภายใต้การช่วยเหลือของวัลคีรี่ชั้นสูง และฮีโร่ขั้นสี่ แต่น่าเสียดายที่เงาของเทพปีศาจนั้นทรงพลังมากเกินไป ผู้เล่นในปัจจุบันไม่มีความหวังจะต่อกรกับมันได้เลย

เมื่อเห็นสิ่งนี้สมาชิกของสภาสิบแปดปีกก็อดไม่ได้ที่จะแสดงออกอย่างหวาดกลัว

ซือเฟิงและสภาสิบแปดปีกนั้นจะสามารถฟื้นฟูตัวเองได้แน่นอน หากเขาตายตามปกติ แต่ถ้าเขาตายในวิหารแห่งนี้เขาจะต้องสร้างไอดีใหม่

“เดี๋ยวก่อน !! ฉันเห็นแสงสีทองในวิหาร !!”

ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าการต่อสู้นั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว มันก็มีคนสังเกตเห็นแสงสีทองจางๆที่เปล่งประกายออกมาจากภายในวิหาร

“เขาป้องกันมันได้งั้นหรอ ?”

เฮลรัชจ้องมองไปยังฉากตรงหน้าที่ฝุ่นเริ่มจางลงไปด้วยความประหลาดใจ เพราะเขาสังเกตเห็นซือเฟิงที่ยังคงยืนอยู่ตรงหน้าหีบสมบัติระดับตำนานที่อ่อนแอ นักดาบนั้นมีสภาพค่อนข้างน่าสังเวช และสูญเสีย HP ไปมากกว่าครึ่ง แต่การโจมตีเมื่อครู่ของเงาของเทพปีศาจก็ยังไม่สามารถฆ่าเขาลงได้
“นี่เขาเป็นมนุษย์จริงๆงั้นหรอ ?”

เมื่อสมาชิกกองกำลังนรกทั้งหมดสังเกตเห็นเรื่องนี้ พวกเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจอย่างมาก

มังกรขั้นห้านั้นสามารถจะทำลายเมืองทั้งเมืองได้ในการโจมตีเดียว แต่ถึงแม้จะได้รับการโจมตีที่มีพลังเทียบเท่ากับขั้นห้านี้ ซือเฟิงก็ยังรอดชีวิตมาได้ โดยที่เขาสูญเสีย HP ไปมากกว่าครึ่งเท่านั้น พลังป้องกันของเขานั้นนับว่าท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง

“คุณนั้นค่อนข้างๆจะโชคดีมากจริงๆนักผจญภัยตัวน้อย คุณสามารถจะทลายขีดจำกัดของตัวเองได้ในนาทีสุดท้าย และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับวงเวทย์ของแหวนนั่นของคุณได้” แอทล๊อคกล่าวพลางจ้องมองไปยังซือเฟิง จากนั้นมานาภายในวิหารก็กลายเป็นน้ำแข็ง “อย่างไรก็ตามโชคของคุณจะต้องสิ้นสุดลงที่นี่ แหวนนั่นช่วยคุณได้เพียงครั้งเดียว !!! คุณคิดว่าคุณจะสามารถป้องกันการโจมตีครั้งต่อไปของฉันได้งั้นหรอ ?”

แอทล๊อคจับขวานของมันด้วยมือสองอย่างอย่างแน่นหนา ก่อนที่จะยกมันขึ้นเหนือหัว และหลับตาพลางเริ่มรวบรวมมานาเข้ามาอยู่โดยรอบอาวุธของมัน โดยมานาที่มันรวบรวมมานี้หนาแน่นมากๆจนในไม่ช้ามันก็กลายเป็นรูปแบบทางกายภาพ

หลุมดำ !!!

ด้วยมีขวานเป็นแกนกลาง หลุมดำนาดเล็กก็ก่อตัวขึ้นเหนือแอทล๊อค และกลืนกินทุกสิ่งที่อยู่ใกล้ๆ และมันก็มีแรงดึงดูดที่น่ากลัวมากๆจนมันสามารถดึงดูดแทบทุกสิ่งโดยรอบเข้าไปได้ ….

นี่มันยังไม่ได้เอาจริงอีกงั้นหรอ ? ซือเฟิงมองไปยังเงาของเทพปีศาจด้วยรอยยิ้มขมขื่น

เป็นไปตามที่แอทล๊อคได้กล่าว ซือเฟิงนั้นได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นกลางแล้วอย่างแท้จริงในช่วงเวลาสุดท้าย และเขาก็ได้จัดการเสริมความแข็งแกร่งให้กับวงเวทย์ของแวหนเจ็ดลูมินาลี่ ซึ่งเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับโดเมนสมบูรณ์แบบด้วย แต่กระนั้นมันก็ยังไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะสกัดกั้นพลังโจมตีทั้งหมดของแอทล๊อคได้

ที่แย่กว่านั้นคือเขาจะไม่สามารถใช้โดเมนสมบูรณ์แบบได้อีกเป็นเวลาหลายนาที
แม้ว่าเขาจะใช้สกิลในตอนนี้ แต่เขาก็ไม่น่าจะสามารถหยุดหลุมดำของแอทล๊อคได้ ….

“หนีในระหว่างที่มันยังไม่พร้อมโจมตีเถอะ หัวหน้ากิล !!!! ถ้าหัวหน้าปล่อยให้มันโจมตีเข้ามาและฆ่าหัวหน้าได้ทุกสิ่งที่เราทำมานั้นจะจบลงทันที !!! เรายังมีโอกาสที่จะได้รับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานอีกมากมายในอนาคตนะ !!!” อควาโรสตะโกนผ่านแชททีม

การโจมตีก่อนหน้านี้ของแอทล๊อคนั้นก็จัดว่าน่ากลัวมากอยู่แล้ว แต่การเคลื่อนไหวตอนนี้ที่แอทล๊อคกำลังเตรียมจะใช้นั้นมันทำให้อุณภูมิภายในรัศมีหกร้อยหลาเพิ่มขึ้นจนสูงลิ่วอย่างมาก ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าการโจมตีครั้งนี้นั้นทรงพลังกว่าครั้งก่อนมาก ถ้ามันโดนซือเฟิงเต็มๆ เขาจะไม่เหลือแม้แต่ขี้เถ้าแน่นอน

เหลืออีกหกวินาที ?

เมื่อได้ยินคำแนะนำที่รีบเร่งของอควาโรส ซือเฟิงก็เหลือบไปเห็นแถบดาวโหลดที่ลอยอยู่เหนือหีบสมบัติ และสิ่งที่เขาเห็นนั้นมันก็ทำให้เขาพูดไม่ออก

แอทล๊อค อาร์สเล็ท วัลคีรี่ชั้นสูงได้ทำการแลกเปลี่ยนปะทะกันไปมากกว่าสิบครั้งแล้ว และซือเฟิงก็จงใจที่จะอยู่นิ่งๆ หลังจากการโจมตีครั้งสุดท้ายของเงาของเทพปีศาจ เขานั้นพยายามจะซื้อเวลาให้มากขึ้น แต่มันก็ผ่านไปเพียงสิบสี่วินาทีเท่านั้น ….

ซือเฟิงนั้นตระหนักแล้วว่าเขาไม่สามารถจะพึ่งพาวัลคีรี่ชั้นสูง และฮีโร่ขั้นสี่ได้อีกต่อไป เนื่องจากทั้งคู่นั้นสูญเสียพลังการต่อสู้ที่จุดสูงสุดของตัวเองไปแล้ว

“หนี ? คุณคิดว่าฉันจะปล่อยให้คุณหนีไปได้ง่ายๆอย่างงั้นหรอ ?” แอทล๊อคนั้นตระหนักถึงสิ่งที่ซือเฟิงเริ่มคิดภายในใจ และเมื่อเขาเห็นการแสดงออกของนักดาบ เขาก็กล่าวต่อว่า “เนื่องจากคุณกล้าที่จะมาปล้นหีบสมบัติของฉันโดยยังไม่ผ่านการทดสอบของฉัน มันก็มีผลลัพธ์เดียวเท่านั้นที่รอคุณอยู่ !!!”

พื้นที่รอบๆหลุมดำขนาดเล็กนั้นเริ่มแข็งตัว และซือเฟิงก็แทบจะไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ นับประสาอะไรกับการใช้เวทย์เทเลพอร์ต “โจรผู้โง่เขลา จงหายไปจาก God domain ซะ !!!”

ดวงตาของแอทล๊อคนั้นเริ่มเปล่งปประกายด้วยแสงแปลกๆสีแดงเข้ม และเขาก็เหวี่ยงขวานของเขาเป็นแนวโค้ง ผลักหลุมดำขนาดเล็กนี้ไปทางซือเฟิง ซึ่งอาวุธของเงาของเทพปีศาจนี้ก็เข้าไปหลอมรวมกันในระหว่างกระบวนการ

เมื่อหลุมดำถูกปล่อยออกไปนั้น แรงดึงดูดภายในวิหารก็เพิ่มขึ้นหลายเท่า และหลุมดำขนาดเล็กก็กลืนกินทุกอย่างจนเหลือเพียงแค่ความว่างเปล่าเท่านั้นในเส้นทางของมัน

อย่าคิดว่าจะฆ่าฉันได้ง่ายๆขนาดนั้นสิเว้ย !!!

ซือเฟิงนั้นตระหนักดีว่าการหลบหนีมันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป ในขณะที่เขาเฝ้าดูหลุมดำขนาดเล็กใกล้เข้ามา เขาได้ตัดสินใจที่จะทุ่มสุดตัวแล้วโดยการนำเรือเหาะมังกรสีเลือดออกมาจากกระเป๋าของเขา พร้อมกับใช้ม้วนคัมภีร์เวทย์มนต์ป้องกันขั้นสี่เพื่อเสริมการ้องกันให้กับเรือเหาะ

เรือเหาะมังกรสีเลือดนั้นมีความสามารถในการป้องกันที่สูงกว่าขั้นสามมากๆ และมันมีความอ่อนแอกว่ากำแพงเมืองใหญ่ของ NPC เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งโดยปกติก็จะมีแต่การโจมตีที่อยู่ในขั้นสี่หรือสูงกว่าขึ้นไปเท่านั้จึงจะสามารถสร้างความเสียหายให้กับเรือเหาะได้

ลำเรือขนาดมหึมาของเรือเหาะมังกรสีเลือดก็ปรากฎขึ้นมาคั่นระหว่างซือเฟิงและหลุมดำที่กำลังใกล้เข้ามา และหลังจากนั้นบาเรียเวทย์มนต์ป้องกันก็ปรากฎขึ้นรอบๆเรือเหาะ

ป้องกันมัน !!!

หลุมดำขนาดเล็กนี้กระแทกเข้ากับเรือเหาะมังกรสีเลือด

เมื่อต้องเผชิญห้ากับการโจมตีนี้ บาเรียเวทย์มนต์ของเรือเหาะก็ค่อยๆหลอมละลายเหมือนเทียนท่ามกลางพายุไฟ แต่อย่างไรก็ตามก็โชคดีที่ตัวเรือเหาะนั้นยังทนได้ เพียงแต่ว่ามันก็เริ่มสูญเสียค่าความทนทานไปเรื่อยๆเช่นกัน

หลังจากสามวินาทีสั้นๆ ค่าความทนทานของเรือเหาะก็ลดลงจากห้าลงมาเหลือน้อยกว่าสองพันแต้ม ….

แม้ว่าเรือเหาะจะยังคงสูญเสียค่าความทนทานต่อไปเรื่อยๆ แต่มันก็เห็นได้ชัดว่ามันเริ่มช้าลงแล้ว อันเนื่องมาจากหลุมดำนั้นมันค่อยๆหมดหลังลงไป

ขอร้องละป้องกันมันไว้ให้ได้เถอะ !!!

ความวิตกกังวลของซือเฟิงนั้นเริ่มเพิ่มขึ้น ในขณะที่เฝ้าดูค่าความทนทานของเรือเหาะมังกรสีเลือดลดลงเหลือแค่ราวห้าร้อยแต้ม ถ้าแม้แต่เรือเหาะก็ยังไม่สามารถจะป้องกันหลุมดำเอาไว้ได้จริงๆ เมื่อมันเข้ามา มันจะฆ่าเขาได้ทันทีแน่นอน ….

ห้าร้อย…สามร้อย…หนึ่งร้อย…

ซือเฟิงนั้นคิดว่าทุกอย่างคงจะจบลงแล้ว ในขณะที่ค่าความทนทานของเรือเหาะมังกรสีเลือดลดลงถึงศูนย์ แต่ทันใดนั้นหลุมดำขนาดเล็กก็เริ่มจางหายไป และครู่ต่อมาพื้นที่ภายในวิหารก็กลับมาเป็นปกติ

เมื่อหลุมดำหายไปนั้นการเปิดหีบสมบัติระดับตำนานที่อ่อนแอมันก็สิ้นสุดลง และมันก็มีแสงจำนวนมากเปล่งประกายออกมาจากหีบสมบัติจนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในชั้นสองของสุสานดาว

สำเร็จ !!

ซือเฟิงรู้สึกดีใจมากๆ เมื่อได้เห็นฝาหีบสมบัติเปิดอยู่ เขานั้นรีบเอื้อมมือไปหยิบไอ
เทมทุกชิ้นมาใส่กระเป๋าโดยไม่ได้คิดจะตรวจสอบใดๆทันที

แม้ว่าซือเฟิงจะมีความรวดเร็วมากๆ แต่หีบสมบัตินั้นมันก็มีขนาดใหญ่มากเกินไป และภายในของมันนั้น ไอเทมก็ไม่ได้ถูกจัดอย่างมีระเบียบเลย ยิ่งไปกว่านั้นในหีบยังมีไอเทมมากกว่ายี่สิบชิ้น และเมื่อซือเฟิงเก็บรวบรวมมาได้ถึงชิ้นที่สิบนั้น แอทล๊อคก็เต็มไปด้วยความโกรธอย่างมาก

“คุณจะไม่มีวันออกจากที่นี่ไปได้ทั้งๆที่ยังมีชีวิต !!!” แอทล๊อคตะโกน

ซือเฟิงนั้นได้ยินเสียงโซ่ที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ และตอนนี้ความแข็งแกร่งของเงาของเทพปีศาจก็เพิ่มขึ้นจากขั้นสี่ไปเป็นขั้นห้าอย่างแท้จริง ตอนนี้เงาของเทพปีศาจตัวนี้นั้นก็มีพลังมากพอที่จะทำให้แม้แต่เฮลรัช กับกองกำลังนรกของเขาที่อยู่ห่างจากวิหารออกมาอย่างมากก็ยังหวาดกลัวมากๆ และสัญชาตญาณของพวกเขานั้นก็กรีดร้องให้พวกเขารีบหนีไป

“อึก !! ทุกคนวิ่งเดี๋ยวนี้ !!!”

ซือเฟิงนั้นมองไปยังแอทล๊อคที่ดูเหมือนจะเข้าสู่สถานะเบอเซิกร์แล้วด้วยความหวาดกลัว เขาไม่คาดคิดเลยว่าสถานการณ์มันจะพัฒนามาถึงขั้นนี้ หลังจากที่เขาได้ออกคำสั่งให้ถอยแล้ว เขาก็ได้ใช้ม้วนคัมภีร์เคลื่อนย้ายทันทีขั้นสามที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้าทันที ….