“ผมช่วยคุณคือไมตรีจิต ผมไม่ช่วยคุณคือภาระหน้าที่อันพึงกระทำเป็น ช่วยพูดให้มันดีๆหน่อย!”
การดุด่าของชายแขนหักคนนั้น ทำให้เย่เทียนค่อนข้างรำคาญมาก แต่ไม่ได้หยุดเท้าลง และรีบไปตรงหน้าเด็กสาว เพื่อช่วยตรวจอาการเธอ
“เย็xแม่ง รู้ไหมว่าน้องชายเมียผมเป็นใคร เชื่อหรือไม่ รอหลังจากกูออกไปได้แล้ว จะหาคนฆ่านายให้ตาย!”
ชายแขนหักโกรธจัด ถึงขั้นออกปากขู่เข็ญ
แต่เย่เทียนทำเป็นหูหนวกไม่ได้ยิน และห่วงแต่รักษาเด็กสาวที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยตัวเขาเอง
แม้จะเหลือบมองเพียงชั่วครู่ แต่เขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าสถานการณ์ของชายแขนหักเป็นยังไง เจ้าหมอนั่นเพียงแค่กระดูกหัก และมันจะกลับมาเป็นปกติหลังจากพักรักษาสองสามเดือน และไม่มี อันตรายถึงชีวิตเลย
ยิ่งกว่านั้น แค่ดูจากพละกำลังที่ตะโกนด่าของผู้ชายคนนี้ เขาดูเหมือนเป็นคนที่อาการสาหัสหรือเปล่าล่ะ?
“หุบปากเหม็นๆของคุณเสีย! ยังอยากออกไปข้างนอกอีกไหม?”
ในเวลานี้ คุณลุงวัยกลางคนที่เข้าร่วมการช่วยเหลือก็กลับไปที่รถ เมื่อเห็นว่าชายที่แขนหักพูดจาหยาบคายกับเย่เทียน เขาก็รีบตำหนิเขาขึ้นมา
“คุณลุง คุณมาทันเวลาพอดีเลย”
เย่เทียนโบกมือโดยไม่หันกลับมา “ช่วยผมตรวจสอบอาการของผู้ชายคนนั้นและพาเขาออกไป อยู่ที่นี่โวยวายจนผมรำคาญ”
“ไม่มีปัญหา!”
แน่นอน คุณลุงวัยกลางคนไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ เดินขึ้นไปตรวจสอบสภาพของชายที่แขนหักและพยายามดึงเขาออกมาโดยการบีบแขน
“เจ็บเจ็บเจ็บ! แม่งนานเบาๆหน่อยได้ไหม! เชื่อหรือไม่ รอกูออกไปแล้วจะหาคนมาฆ่านานให้ตาย!”
ที่น่าเสียดาย ที่คุณลุงวัยกลางคนเพิ่งลองทำดู และชายแขนหักก็กรีดร้องขึ้นมา
“โอ้ย ถ้าต้องการที่จะออกไป ก็อดทนไว้ มิฉะนั้น คุณก็รอติดอยู่ที่นี่แล้วกัน!”
คุณอาวัยกลางคนยิ้มอย่างเย็นชา “ถ้าโชคดีรถจะไม่ระเบิด คุณอาจจะรอจนกว่าการช่วยเหลือของทางการมาถึง แต่ถ้าโชคไม่ดีเลย จุ๊จุ๊…”
“ผม…” สีหน้าของชายแขนที่หักก็เปลี่ยนไปทันที เขาไม่กล้าพูดอะไรอีก ดังนั้นจึงหุบปากลง
เย่เทียนที่หันหลังให้ทั้งสองคน แอบยิ้ม ก่อนที่เขาจะเข้ามา เขาดูอย่างละเอียดแล้ว รถแค่พลิกกลับเท่านั้น แต่ไม่มีน้ำมันรั่วหรือทำให้ไฟไหม้ได้
แม้ว่าจะไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่จะระเบิดออก แต่ความเป็นไปได้นี้ก็มีไม่มากนัก
“ไม่ได้ ไม่ได้!”
หลังจากเงียบไปไม่ถึงนาที ชายที่แขนหักก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนอีกว่า “พี่ชาย เท้าของผมเหมือนจะติด ผมขยับไม่ได้เลย!”
คุณอาวัยกลางคนก็สังเกตเห็นว่ามีปัญหาเกิดขึ้น จึงนั่งยองๆ และตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และพบว่าเท้าของชายคนนั้นติดอยู่จริงๆ ถ้าใช้วิธีดึงคงไม่สามารถดึกออกได้แน่ๆ
“น้องชายเท้าของเขาติดอยู่ ผมเอาออกไม่ได้”
คุณอาวัยกลางคนลองทำดู แต่ท้ายที่สุด เขาไม่สามารถช่วยชายแขนหักที่ติดอยู่ตรงนั้นได้ ดังนั้นเขาจึงต้องมองไปที่เย่เทียนเพื่อขอความช่วยเหลือ
“ยังไงเขาก็ไม่ได้บาดเจ็บสาหัส ปล่อยเขาไปก่อนอย่าพึ่งสนใจ แล้วช่วยผมพาเด็กผู้หญิงออกไปก่อน”
เย่เทียนผู้ควบคุมอาการบาดเจ็บของเด็กสาวไม่ได้หันมามองแม้แต่น้อย ขณะสั่งคุณอาวัยกลางคน เขาลุกขึ้นและเดินไปหาผู้บาดเจ็บที่หมดสติคนต่อไป
คุณอาวัยกลางคนแทบไม่ลังเลเลย ไม่สนใจคำวิงวอนของชายที่แขนหัก และพาเด็กสาวไปพร้อมกับผู้ช่วยชีวิตที่เพิ่งมาถึง พยุงเอวพาเด็กสาวออกไป
ใครให้ผู้ชายแขนหักพูดจาไม่ดี? สมควรโดนลงโทษ!
ในเวลาสั้นๆเพียงห้านาที เย่เทียนจัดการกับอาการบาดเจ็บของอีกสามคน และมีคนมาช่วยจัดการพาพวกเขาออกไป
เย่เทียนไม่กล้าที่จะชักช้าแม้แต่น้อย และตอนนี้เขากำลังต่อสู้กับยมบาลอย่างไม่ต้องสงสัย และการล่าช้าเพียงหนึ่งนาที ก็อาจเป็นเรื่องของชีวิต!
สำหรับเย่เทียนแล้ว ตราบใดที่ชีพจรของอีกฝ่ายยังเต้นอยู่ ไม่ว่าจะอ่อนแอแค่ไหน ก็ยังมีความหวังสำหรับการอยู่รอด!
ในทางตรงกันข้าม เย่เทียนก็ไม่ใช่พระเจ้าเช่นกัน หากอีกฝ่ายไม่มีแม้แต่ชีพจร เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
เวลาค่อยๆผ่านไปทีละนิด และชายแขนหักที่ติดอยู่ตรงนั้นก็ร้องขอตั้งแต่ต้น จากนั้นก็ดุด่า หลังจากนั้นก็กระโดดเป็นคำอ้อนวอนกลับมา
แต่น่าเสียดาย ที่ไม่ว่าชายที่แขนหักจะพูดอะไร ก็ไม่มีผลกับเย่เทียนเลย และเขาได้ตรวจสอบสภาพของผู้บาดเจ็บที่เหลือในรถบัสด้วยตัวเขาเอง
เย่เทียนใช้เวลาไม่นานในการตรวจสอบผู้บาดเจ็บในรถบัสทั้งหมด นอกจากหญิงวัยกลางคนสี่คนที่อาการบาดเจ็บกับหญิงวัยกลางคนคนแรกนอกนุ้นสถานการณ์ของคนอื่นๆ ถึงแม้จะลำบาก แต่อย่างน้อยก็ไม่สาหัสถึงขั้นต้องไปพบท่านยมบาล
รอจนถึงเวลานี้ หัวใจที่ขึ้นมาอยู่ในลำคอของเย่เทียนในที่สุดก็ตกลงไปที่ท้องของเขา
ในอุบัติเหตุจราจรครั้งนี้ ยกเว้นคนที่ออกจากบ้านแล้วไม่ดูปฏิทินหวงลี่ และชนรถบัสจนเนื้อแหลกเหลว มีเพียงสองคนเท่านั้นที่นั่งใกล้จุดที่โดนชน ที่ลงไปดื่มชากับท่านยมบาล ซึ่งก็ถือว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่
เย่เทียนลุกขึ้นรู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อย โชคดีที่วิชาเขาเก่งกาจ เสียชี่ทิพย์ไปมากขนาดนี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงจะล้มลงไปนานแล้ว
ในเวลานี้ ในที่สุดก็มีเสียงไซเรนดังออกมาด้านนอก ตำรวจและรถพยาบาลฉุกเฉินที่ได้รับแจ้งถึงจะมาช้าแต่ก็ได้มาถึงแล้ว
เดิมจุดนี้เป็นชั่วโมงเร่งด่วนในการทำงาน และถนนก็รถติดมาก เจ้าหน้าที่สามารถมาถึงภายใน 20 นาทีก็ถือว่าเร็วพอแล้ว
“น้องชาย แย่แล้ว! มีผู้บาดเจ็บคนนี้อาเจียนเป็นเลือดแล้ว!”
เย่เทียนยังไม่ทันจะได้หายใจ เสียงกังวลของคุณอาวัยกลางคนก็ดังมาจากข้างนอกอีกครั้ง
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง!?”
เย่เทียนตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นกลับมามีสติและวิ่งออกจากรถบัสอย่างเร่งรีบ
“เย็xโคตรพ่อโคตรแม่ง! ฉันยังอยู่ที่นี่! ช่วยฉันด้วย!”
สงสารชายหยาบคายที่แขนหัก กว่าจะรอเย่เทียนรักษาผู้บาดเจ็บทั้งหมด เขาคิดว่าเขาจะสามารถออกจากสถานที่บ้าบอนี้ได้ แต่เขาคาดไม่ถึงว่าเย่เทียนไม่ได้ตั้งใจที่คิดจะช่วยเขาเลย เขาโกรธและด่าว่าแม้กระทั่งบรรพบุรุษสิบแปดชั่วอายุของเย่เทียนอย่างเกลียดชัง
แต่น่าเสียดายนี่ไม่สามารถทำให้เย่เทียนหยุดเท้าลงได้ เขาแทบจะเร่งความเร็วขึ้นเล็กน้อย ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวในรถบัส
แน่นอน ถ้าไม่ใช่เย่เทียนเพราะสถานการณ์ของผู้บาดเจ็บที่อาเจียนออกมาเป็นเลือด ไม่งั้นเขาอาจกลับมาตบหน้าสักสองสามที !
“หลีกๆ! ทุกคนหลีกหน่อย อย่าทำให้เสียเวลาในการช่วยชีวิตคนนะ!”
ในเวลาเดียวกัน ตำรวจรีบตะโกนให้เคลียร์ทางข้างหน้า และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์แบกเปลหามไว้ด้านหลัง
ในความเป็นจริง แม้จะไม่มีตำรวจตะโกน ผู้ชมก็ยังรู้ตัวถอยหลังเป็นเส้นทางให้เจ้าหน้าที่แล้ว เพื่อไม่ให้การช่วยเหลือล่าช้า
ฟู่เจิ้งชูคือหนึ่งในนั้น เขาเป็นแพทย์ฉุกเฉินระดับแนวหน้าของโรงพยาบาลประชาชน เขาอายุเพียง 29 ปีก็สามารถอยู่ในตำแหน่งนี้ เขามีอนาคตที่สดใสกว้างไกล!
“นี่นี่ คนคนนั้นคุณกำลังทำอะไรอยู่ เร็วเข้า หยุดเดี๋ยวนี้!”
เพียงแต่ พึ่งจะเดินไปที่รถบัส เขาก็ตระหนักเห็นว่าชายหนุ่มอายุประมาณ20 ต้นๆ นั่งยองๆ อยู่บนพื้นและอยู่หน้าชายที่บาดเจ็บซึ่งมีเลือดปนอยู่กำลังจะทำอะไรสักอย่าง ซึ่งทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที
ชายหนุ่มผู้นั่งยองๆ คนนี้จะเป็นใครได้นอกจากเย่เทียน?
เย่เทียนเหลือบมองกลับมาและพูดอย่างเงียบง่าย “คุณมีตาเพื่อมีไว้เป็นเครื่องประดับเหรอ? คุณไม่เห็นหรือว่าผมกำลังช่วยชีวิตคนอยู่!”
พูดจบ เย่เทียนก็หันศีรษะกลับไปอีกครั้ง และไม่สนใจที่จะมองฟู่เจิ้งชูอีกต่อไป..