บทที่ 717 ต้องสู้เท่านั้น!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

ดาวอังคารสั่นสะเทือนเมื่อเจ้านครอาณานิคมตะโกนคำสั่งออกไป คลื่นพลังวิญญาณปรากฏขึ้นมาจากอากาศธาตุ ก่อนจะกระจายออกไปในจักรวาลโดยมีดาวอังคารเป็นจุดศูนย์กลาง ดูเหมือนเป็นพายุหมุนรวดเร็วที่จะกลืนกินทุกสิ่งที่ขวางทางให้สูญสิ้นไป

ด้วยนิสัยแข็งกร้าวและเด็ดขาดของเจ้านครอาณานิคมดาวอังคาร แถมยังมีเปลวเพลิงแห่งความดื้อดึงที่เผาไหม้อยู่ในกระดูกของนาง จึงรับประกันได้ว่าการต่อสู้บนดาวอังคารต้องแตกต่างจากดาวศุกร์และดาวพุธอย่างแน่นอน ความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงนี้ลอบเข้าไปถึงตัวศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันโดยไม่ทันตั้งตัว!

ชายชราล่วงรู้ถึงความสามารถอันแปลกประหลาดของวงแหวนปราณระบบสุริยะตั้งแต่ช่วงต้นๆ ของการรุกราน เขาพยายามคิดหาวิธีเอาชนะมันให้ได้ แต่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรุกรานโลกหากไม่ทำลายดวงดาวหลักๆ ที่สนับสนุนวงแหวนปราณระบบสุริยะเอาไว้เสียก่อน

นี่เป็นเหตุผลที่พวกเขาไปรุกรานดาวศุกร์ และการมาบุกดาวอังคารครั้งนี้ ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันไม่คาดคิดว่าดาวอังคารจะปลดปล่อยพลังของวงแหวนปราณระบบสุริยะออกมาในรูปแบบนี้!

สิ่งนี้เปรียบได้กับการเรียกใช้ระบบทำลายตัวเองของวงแหวนปราณระบบสุริยะ ความแตกต่างก็คือ แทนที่จะใช้งานเพียงครั้งเดียว การทำลายนี้จะถูกควบคุมและปลดปล่อยออกมาเป็นระลอก แรงระเบิดที่ปล่อยออกมาแม้จะไม่ได้รุนแรงเท่า แต่วงแหวนปราณก็จะไม่สลายไปในคราวเดียว แต่กระนั้น…พลังของมันก็จะอ่อนแอลง หากศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันมีเวลา เขาก็สามารถล่อให้วงแหวนปราณอ่อนแอลงโดยการสละกองกำลังบางส่วน และควบทะลุวงแหวนปราณระบบสุริยะเข้าไปยังโลกได้

แต่ขณะนี้ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันยังคิดไม่ตก มันคงจะง่ายดายกว่านี้หากไม่ได้มีคำสั่งของจื่อเยว่อยู่ ชายชรานึกถึงคำสั่งของนางให้จับเป็นหวังเป่าเล่อขึ้นมาได้ จากนั้นเขาจึงทอดสายตาไปมองบรรดาหุ่นเชิดตระกูลไม่รู้สิ้น หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันก็กัดฟันและยอมละทิ้งความคิดที่จะทำให้วงแหวนปราณอ่อนกำลังลง หากเขาเลือกทำเช่นนั้น ก็จะเป็นการให้เวลาดาวอังคารมากขึ้นที่จะโต้กลับ

“โจมตีเข้าไปด้วยทุกสิ่งที่เจ้ามี!” ประกายเยือกเย็นสะท้อนผ่านดวงตาของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันขณะที่เขาตะโกนสั่งการ กระบวนเรือบินรบขนาดมหึมาของสำนักวังเต๋าไพศาลแปรขบวนเข้าหาดาวอังคารอย่างรวดเร็วและปลดปล่อยพลังเต็มที่ออกมาทันที กระบวนเรือบินรบเปรียบได้กับลูกศรจำนวนมหาศาลที่พุ่งออกจากแล่ง มุ่งตรงเข้าปะทะแนวจู่โจมแรกของวงแหวนปราณระบบสุริยะในทันที!

เรือบินรบจำนวนหนึ่งพลันสลายไปในพลังการทำลายตัวเองระลอกแรกของวงแหวนปราณระบบสุริยะ ผู้ฝึกตนบนนั้นทั้งหมดตายทันที ร่างกายสลายกลายเป็นฝุ่นผง เรือบินรบอีกมากสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงภายใต้แรงกระแทกและเสียหายไปตามๆ กัน

เรือบินรบของสหพันธรัฐและวัตถุเวทบนดาวอังคารเริ่มโจมตีเช่นกัน การโจมตีของพวกเขาเข้าไปรวมกับคลื่นทำลายล้างจากพลังของวงแหวนปราณ ก่อตัวขึ้นเป็นเกราะกำบังที่ป้องกันไม่ให้บรรดาสำนักวังเต๋าไพศาลเดินหน้าเข้ามาต่อได้

แต่การโจมตีระลอกแรกก็ค่อยๆ อ่อนแรงลง ขณะที่กองเรือของสำนักวังเต๋าไพศาลยังคงเดินหน้าเข้ามาไม่หยุดยั้ง กองกำลังเรือบินรบสำนักวังเต๋าไพศาลมุ่งหน้าเข้าไปยังดาวอังคาร ในวินาทีนั้น ประกายเยือกเย็นก็สะท้อนขึ้นในแววตาของเจ้านครอาณานิคมดาวอังคาร การโจมตีระลอกที่สองและสามถูกปล่อยออกมาตามๆ กัน!

เสียงระเบิดในห้วงอวกาศดังสนั่นดาวอังคาร ลูกบอลแสงส่องประกายเมื่อเรือบินรบของสำนักวังเต๋าไพศาลระเบิด เรือบินรบที่รอดจากการถูกทำลายยังได้รับความเสียหายต่อไป เมื่อการโจมตีระลอกที่สี่กระจายออกไปในจักรวาล เรือบินรบราวร้อยละหกสิบของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันก็สลายไปหมด!

 ผู้ฝึกตนจำนวนมากเสียชีวิตไป ในนั้นมีคนจากสำนักวังเต๋าไพศาลอยู่บ้าง แต่ส่วนมากเป็นหุ่นเชิดตระกูลไม่รู้สิ้น เรือบินรบทั้งหมดได้รับความเสียหายอย่างหนัก กองเรือของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเล็กลงอย่างมากเมื่อเทียบกับจำนวนก่อนการรุกรานในครั้งนี้

 แม้จะดูเหมือนเป็นความสำเร็จ แต่ราคาที่สหพันธรัฐต้องจ่ายก็แพงใช่เล่น วงแหวนปราณระบบสุริยะอ่อนแอลงอย่างมาก พลังของมันลดลงไปมหาศาล กำแพงที่ปกป้องแก่นของสหพันธรัฐบางลงถนัดตา พลังป้องกันก็เสื่อมถอย

ดาวอังคารสูญเสียความสามารถในการใช้วงแหวนปราณระบบสุริยะเพื่อการเคลื่อนย้ายครั้งใหญ่ไปแล้ว การจะเคลื่อนย้ายทุกคนออกไปพร้อมกันเหมือนตอนที่ต่อสู้บนดาวศุกร์เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป ทำได้ดีที่สุดแค่การเคลื่อนย้ายเป็นกลุ่มๆ เท่านั้น ด้วยวิธีการต่อสู้เช่นนี้ดาวอังคารจึงหลังชนฝาเข้าไปทุกที

ยากที่จะคาดเดาได้ว่าพวกเขาสูญเสียหรือได้ประโยชน์มากกว่ากันในการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ แต่หลี่ซิงเหวินและต้วนมู่ฉีก็เลือกที่จะสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้านครอาณานิคมดาวอังคาร พวกเขาไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงแค่จับตามองการรบดำเนินไปเท่านั้น

“เรือบินรบทั้งหลาย ถอยก่อน ล่อให้พวกมันเข้ามา อภิมหาวงแหวนปราณดาวอังคาร เตรียมตัว ผู้ฝึกตนดาวอังคาร เตรียมรับคำสั่งข้าให้ดี!” เจ้านครอาณานิคมดาวอังคารหรี่ตาลงก่อนจะส่งคำสั่งออกไป เรือบินรบสหพันธรัฐที่ปกป้องน่านฟ้าของดาวอังคารอยู่ถอยและหยุดยิงทันที เรือบินรบสำนักวังเต๋าไพศาลรีบรุดหน้าผ่านแนวป้องกันและเข้าไปสู่น่านฟ้าเหนือนครอาณานิคมดาวอังคาร ผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลและหุ่นเชิดตระกูลไม่รู้สิ้นเร่งรุดออกมาจากเรือบินรบเป็นกลุ่มๆ เป้าหมายของพวกเขาก็คือนครอาณานิคมดาวอังคาร!

“สังหารทุกคนบนดาวนี้ แล้วควานหาตัวหวังเป่าเล่อให้พบ!” เรือบินรบที่ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันยืนอยู่นั้นปรากฏขึ้นท่ามกลางเสียงระเบิดดังสนั่นบนน่านฟ้าดาวอังคาร เรือบินรบนั้นมีขนาดใหญ่ยักษ์จนแทบจะบดบังท้องฟ้าไปสิ้น เงาสีดำขนาดมหึมาปกคลุมผืนแผ่นดินเอาไว้

ทุกคนภายในนครอาณานิคมดาวอังคารต่างก็ผงะถอยหลังด้วยความตกตะลึง เจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋าก็เช่นกัน ทุกคนจ้องมองไปยังเรือบินรบขนาดมหึมาที่บดบังท้องฟ้าเอาไว้จนหมด มีความบ้าคลั่งปรากฏขึ้นในแววตาของทุกคนขณะที่พวกเขาสาบานว่าจะสู้จนลมหายใจสุดท้าย

ผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลที่เหลือต่างก็ลังเลใจที่จะทำตามคำสั่งของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน ในขณะที่ฝ่ายหุ่นเชิดไร้วิญญาณของตระกูลไม่รู้สิ้นต่างก็รับคำสั่งอย่างเต็มใจ พวกมันพุ่งตัวออกไปอย่างเชื่อฟัง จิตสังหารฉาบเคลือบอยู่ในแววตา ต่างก็พุ่งตัวออกไปทางนครอาณานิคมดาวอังคารเบื้องล่าง

ผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลและหุ่นเชิดตระกูลไม่รู้สิ้นพุ่งลงมาราวกับเป็นพายุที่พัดลงมาจากท้องฟ้า และมุ่งหน้าไปยังเป้าหมาย ตอนนั้นเอง…

 “เปิดใช้การปิดกั้นระลอกแรกของอภิมหาวงแหวนปราณดาวอังคารเดี๋ยวนี้!” เจ้านครอาณานิคมดาวอังคารสร้างผนึกฝ่ามืออย่างรวดเร็ว อภิมหาวงแหวนปราณดาวอังคารสั่นอย่างรุนแรงก่อนจะปล่อยคลื่นพลังกดดันกวาดไปบนท้องฟ้า ชนเข้ากับกองกำลังของศัตรูทันที

คลี่ยนพลังนั้นไม่อันตรายถึงตาย แต่เป็นเหมือนคลื่นรบกวนที่ทำให้บรรดาผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลปวดศีรษะไปตามๆ กัน ผู้ที่ควบคุมหุ่นเชิดตระกูลไม่สิ้นอยู่ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ทำให้เหล่าหุ่นเชิดหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ

“ทุกคนเข้าจู่โจมตอนนี้เลย!” ขณะที่คลื่นพลังของวงแหวนปราณกระเพื่อมไปรอบๆ สนามรบ คำสั่งของเจ้านครอาณานิคมดาวอังคารก็ดังสนั่นขึ้นทันที ผู้ฝึกตนสหพันธรัฐจำนวนมากพุ่งออกมาพร้อมส่งเสียงคำรามลั่น และเรือบินรบสหพันธรัฐก็ปรากฏขึ้นเพื่อให้การช่วยเหลือทางอากาศ ฉกฉวยโอกาสที่กองทัพศัตรูหยุดนิ่งไปชั่วขณะเพื่อเริ่มการ…โจมตีกลับ!

เกิดการบาดเจ็บล้มตายกันขึ้นทั้งสองฝ่ายทันที จำนวนคนตายมีมากมายเหลือคณานับ เลือดกระเซ็นลงมาจากฟ้าไม่หยุดหย่อน ท่อนแขนขาขาดกระเด็นร่วงปักลงดิน เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังสะท้านไปทั่วท้องฟ้า เสียงระเบิดฆ่าตัวตายดังสนั่นขึ้นมา ระเบิดต้านทานวิญญาณระเบิดขึ้นขณะที่หุ่นเชิดตระกูลไม่รู้สิ้นต่อสู้อย่างไม่เกรงกลัว ฉากความตายและความรุนแรงก่อกำเนิดขึ้นอีกครั้งบนสนามรบดาวอังคาร

 การปะทะครั้งนี้ส่งผลให้ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันและกองกำลังของเขาเสียความได้เปรียบทางอากาศไป ยิ่งกว่านั้น คลื่นพลังกดดันจากอภิมหาวงแหวนปราณยังช่วยเสริมพลังการต่อสู้ให้กับผู้ฝึกตนสหพันธรัฐอีกด้วย แม้กระนั้น ความแตกต่างด้านพลังของทั้งสองฝ่ายก็ยังคงอยู่ เมี่ยเลี่ยจื่อและผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณอีกสองคนเข้าร่วมแนวรบมาด้วย ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน ผู้ที่กำลังใช้เรือบินรบเต๋ามรณะเพื่อควานหาหวังเป่าเล่อ ก็ตัดสินใจแบ่งสมาธิเป็นสองส่วนเพื่อทั้งหาและต่อสู้ไปพร้อมๆ กัน ภายใต้คำสั่งของเขา เรือบินรบเต๋ามรณะปล่อยอักขระโบราณออกมามากมาย พวกมันแปรสภาพเป็นเสาแห่งแสงที่พุ่งเข้าใส่นครอาณานิคมดาวอังคาร ต่อให้มีการป้องกันของวงแหวนปราณอยู่ ดาวอังคารก็ยังเพลี้ยงพล้ำในการต่อสู้อยู่นั่นเอง!

นครครึ่งหนึ่งถูกทำลายไปทันที เปลวไฟสีดำแพร่กระจายออกไปทั่วดวงดาวอย่างรวดเร็ว หลอมทั้งผู้ฝึกตนที่ถูกไฟคลอกและดาวอังคารไปพร้อมๆ กัน แน่นอนว่าดาวอังคารยังคงยืนหยัดต่อสู้อยู่ ผู้ฝึกตนบนดาวต่างก็สาบานว่าจะสู้จนตัวตาย การเตรียมการรับมือของอัจฉริยะแห่งวิทยาศาสตร์วิญญาณอย่างเจ้าผินฟางได้ผลดียิ่ง การโจมตีกลับของดาวอังคารเป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวเมื่อได้เห็น

ปืนใหญ่ต้นกำเนิดดาราสามสิบกระบอกที่ได้รับพลังจากต้นกำเนิดดาราของดาวอังคารโดยตรง ถูกยกขึ้นจากพื้นและยิงออกไปพร้อมกัน ลำแสงจำนวนมากพวยพุ่งไปบนท้องฟ้าด้วยพลังรุนแรงที่แม้กระทั่งศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันยังต้องตะลึง

ต่อไปเป็นระเบิดต้านทานวิญญาณ อาวุธที่สำนักวังเต๋าไพศาลคุ้นเคยเป็นอย่างดี ในบรรดาระเบิดเหล่านี้มีระเบิดที่มีพลังทำลายเทียบเท่าการโจมตีจากผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณอยู่ด้วย เป้าหมายไม่ใช่เพื่อการสังหาร…แต่เป็นการสร้างสถานการณ์วุ่นวายและปิดผนึกสนามรบทั้งหมดเอาไว้ ป้องกันไม่ให้ผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณเคลื่อนย้ายฉับพลันได้!

สหพันธรัฐมีผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณอยู่บ้าง และยังถือว่าเสียหายน้อยหากทั้งสองฝ่ายต้องเสียความสามารถในการเคลื่อนย้ายไป และจะถือเป็นความได้เปรียบของสหพันธรัฐอย่างแน่นอน!

จากนั้นก็ถึงคราวระเบิดต้านทานวิญญาณที่รุนแรงยิ่งขึ้น แต่ละลูกรุนแรงเทียบเท่าการโจมตีจากผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณ เพียงแต่จำนวนของพวกมันมีน้อยกว่า พลังอันน่าสะพรึงกลัวแปลว่าพวกมันมีความสำคัญมากในการต่อสู้ และท้ายที่สุด เจ้าผินฟางยังมีไพ่ตายซ่อนอยู่อีกสำหรับการต่อสู้บนดาวอังคาร!

สิ่งนั้นก็คือ… วัตถุเทียมจักรวาลที่มีรูปร่างคล้ายครอบแก้ว!

วัตถุเวทจำนวนมหาศาลลอยขึ้นในอากาศก่อนจะเข้าไปล้อมดาวอังคารเอาไว้ และแปรสภาพเป็นครอบแก้วขนาดใหญ่ที่ครอบดวงดาวเอาไว้ หน้าที่ของมันไม่ใช่การดูดพลังออกจากดวงดาว แต่คือ…การดูดระลอกพลังวิญญาณและปราณวิญญาณจากสนามรบ ทำหน้าที่เป็นอาวุธโจมตีพร้อมกับ…สร้างผนึกบรรยากาศขึ้นมาในสนามรบ!

มันจะกลายเป็นปราการรอบดาวอังคารที่จะปิดกั้นไม่ให้พลังวิญญาณบนดาวไหลออกไป และป้องกันไม่ให้พลังวิญญาณจากภายนอกไหลเข้ามา!

สหพันธรัฐได้ปล่อยไพ่ตายทั้งหมดออกมาในการต่อสู้ครั้งนี้ เป็นการโต้กลับที่รุนแรงที่สุดที่เคยมีมา แม้จะยังไม่สามารถต่อกรกับศัตรูได้ทั้งหมด แต่ก็ซื้อเวลาออกไปได้พอสมควร ผนึกนั้นป้องกันไม่ให้มีปราณวิญญาณไหลเข้าไปเสริมพลังผู้ฝึกตนที่ใช้กระบวนเวท แปลว่าอาวุธปืนจะมีประโยชน์ขึ้นมาในการต่อสู้ และทำให้ผู้ฝึกตนจากสำนักวังเต๋าไพศาลเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เวลาผ่านไป!

แม้กระนั้น ที่นี่ก็เป็นจักรภพที่การฝึกปราณเป็นใหญ่ ความสำคัญของพลังต่อสู้จากคนๆ เดียวกำลังจะเป็นที่ประจักษ์ เมื่อศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันล้มเลิกการตามหาหวังเป่าเล่อและเลือกเข้าร่วมการต่อสู้ ชายชราครอบแก้วที่ใช้ครอบดวงดาวได้อย่างไร้ปัญหา

*ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะหนีได้หากข้าทำลายดาวดวงนี้ลงทั้งดวง หวังเป่าเล่อ!*แรงอาฆาตปรากฏขึ้นในดวงตาทั้งคู่ของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน ชายชราพร้อมที่จะปลดปล่อยพลังเต็มที่และทำลายดาวอังคารไปทั้งดวง ตอนนั้นเองร่างอวตารของหวังเป่าเล่อที่ซ่อนลึกอยู่ในท้องของวัตถุเวทแห่งความมืดก็เงยศีรษะขึ้นอย่างปุบปับด้วยสีหน้าขึงขัง

การซ่อมแซมวัตถุเวทแห่งความมืดแม้จะยังไม่สำเร็จ แต่ธนูอาวุธเวทระดับเก้าก็ซ่อมแซมเสร็จสมบูรณ์แล้ว และศพของอสูรเขี้ยวดาราทั้งสองก็หลอมสำเร็จเรียบร้อย ศพนั้นอาจเทียบกับร่างกายขั้นวิญญาณอมตะเมื่อครั้งมีชีวิตไม่ได้ แต่ก็ยังมีพลังอยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณอยู่ดี

วีธีเดียวที่จะยื้อเวลาซ่อมแซมวัตถุเวทแห่งความมืดได้คือต้องสู้เท่านั้น! ร่างอวตารของหวังเป่าเล่อหรี่ตาลง แสงแปลกแปร่งปรากฏขึ้นจากร่าง แขนขวาของเขายกขึ้นคว้าอากาศ ธนูลอยละลิ่วมาเข้ามือ ศพอสูรทั้งสองเปิดตาขึ้นก่อนจะส่งเสียงคำรามออกมาพร้อมกัน หวังเป่าเล่อออกเดินนำกองกำลังของเขาออกจากวัตถุเวทแห่งความมืดไปโผล่ขึ้นบนพื้นดิน!

………………………………….