บทที่ 495 คนชั่วกลับฟ้องก่อน

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“แควก!”

เมื่อเห็นว่าฟู่เจิ้งชูกล้าที่จะขัดขวางตัวเอง

เย่เทียนที่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยผู้บาดเจ็บไม่มีกะจิตกะใจที่จะยุ่งวุ่นวายกับฟู่เจิ้งชูเลย และทันใดนั้นก็ชกออกไปจนล้มลง โดยไม่สนใจแล้วเดินไปข้างๆผู้บาดเจ็บอีกครั้ง

“ทำไมคุณยังชกคนอีก!”

“สหายตำรวจ พวกคุณรีบมานี่เร็ว! ที่นี่มีคนขัดขวางเราช่วยชีวิตคน พวกคุณรีบจับเขาไป!”

หลังจากมึนงงครู่หนึ่ง ข่งเหวินเฉิงก็ได้สติอย่างรวดเร็ว และต้องการก้าวไปข้างหน้าเพื่อขัดขวางเย่เทียน แต่ก็กังวลว่าเขาจะได้รับผลแบบเดียวกันกับฟู่เจิ้งชู ดังนั้นเขาจึงต้องยืนอยู่ที่นั่นและตะโกนเหมือนไก่ตัวผู้ที่โกรธจัด

เป็นเรื่องตลกสิ้นดี ฟู่เจิ้งชูผู้ชายที่ทั้งหนุ่มทั้งแน่นยังถูกเย่เทียนเตะจนคลานอยู่กับพื้นโดยง่ายๆ งั้นผู้ชายที่อายุเกิน50ปีพุ่งไปหา ก็คงถูกทารุณกรรมเดียวกัน? !

เย่เทียนเพิกเฉยไม่ได้สนใจข่งเหวินเฉิงเลย นั่งยองๆลงเพื่อตรวจอาการของผู้บาดเจ็บอีกครั้ง ไหนจะกล้าที่จะชะลออีกต่อไป หันข้อมือของเขา และเข็มที่มีชี่ทิพย์ ทิ่มเข้าไปที่บาดแผลของผู้บาดเจ็บ

แต่ การเคลื่อนไหวของเย่เทียนไม่ได้หยุดลง ทันใดนั้นเข็มโค้งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาอีกครั้ง และเขากำลังจะทิ่มผู้บาดเจ็บอีกครั้ง

แผ่นเหล็กได้ทำลายอวัยวะภายในของผู้บาดเจ็บแล้ว เวลานี้สถานการณ์ที่ขาดเครื่องมือการแพทย์ เขาจึงไม่กล้าดึงแผ่นเหล็กออกเลย เขาทำได้เพียงช่วยห้ามเลือด เพื่อให้ผู้บาดเจ็บสามารถอยู่ต่อไปได้จนกว่าเขาจะไปถึงโรงพยาบาล!

ในเวลาเดียวกัน ฟู่เจิ้งชูที่ค่อยๆขยับตัวได้เล็กน้อยก็ยืนขึ้น และมองเห็นเย่เทียนที่นั่งยองๆ อยู่ข้างหน้าผู้บาดเจ็บ สายตาส่วนลึกของเขาแวบผ่านความขุ่นเคืองที่ชั่วร้าย

เขาไม่สนใจความปลอดภัยของผู้บาดเจ็บ เขายกขาขึ้นและเตะไปที่เย่เทียนทันที!

แม้ว่าเย่เทียนจะกำลังฝังเข็มให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ แต่คราวนี้เขาระวังด้านหลังเล็กน้อย สังเกตเห็นเสียงที่หล่นมาจากฟ้า รอยยิ้มที่เยาะเย้ยก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

เห็นเพียงมือขวาของเย่เทียนจับเข็มโค้งทิ่มลงผู้บาดเจ็บโดยไม่หยุดนิ่ง แต่มือซ้ายของเขากำหมัดแน่น และหันหมัดชกออกไปอย่างแรง!

ตู้ม!

หมัดและเท้าปะทะกันอย่างแรงทำให้เกิดเสียงสนั่นหวั่นไหว

“อ้าก! เท้าของผม! เท้าของผม!”

วินาทีถัดมา สีหน้าของฟู่เจิ้งชูแสดงความเจ็บปวด อดไม่ได้ที่จะกระโดดถอยหลังไปหลายก้าวด้วยเท้าข้างเดียว และในที่สุดก็ล้มลงกับพื้น กอดขาของเขาและกรีดร้องอย่างน่าอนาถ

“คุณ คุณ!”

เมื่อเห็นเย่เทียนถึงกับลงมืออีกครั้ง ข่งเหวินเฉิงก็โกรธมากจนมุมปากของเขาคดเคี้ยว และเขาก็ยื่นมือออกไปแล้วชี้ไปที่เย่เทียนอย่างสั่นเทา

“คุณอาเล็ก!คุณอาเล็ก!”

ในขณะนี้ ชายที่แขนหักที่เย่เทียนลืมไปสนิทที่อยู่ในรถบัส ก็ได้รับการช่วยเหลือในที่สุด

เขากำลังจะนอนลงบนเปลหาม แต่ดวงตาที่แหลมคมของเขามองเห็นสิ่งผิดปกติกับบรรยากาศที่นี่ และเขาก็รีบร้องออกมาดังๆ

ไม่เพียงแค่นี้ แต่ผู้ชายคนนี้ยังทนความเจ็บปวด และเดินกะเผลกๆพุ่งมาทางนี้

“เสี่ยวกวางจื่อ ทำไมคุณอยู่ที่นี่?”

ข่งเหวินเฉิงเหลือบมองกลับมาโดยไม่รู้ตัว ด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจ และรีบวิ่งขึ้นไปพยุงชายที่แขนหัก

“คุณอาเล็ก คราวที่แล้วคุณมาที่บ้านผม ผมได้บอกคุณแล้วนี่ว่าบริษัทจะจัดกลุ่มพวกเราให้ไปท่องเที่ยวไง?”

ชายแขนหักที่ชื่อเสี่ยวกวางจื่อส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น และชี้ไปที่รถบัสที่พลิกคว่ำ “ใครจะไปรู้ว่าจะโชคร้ายขนาดนี้ ยังไม่ทันออกจากตัวเมืองก็พลิกคว่ำก่อน”

“นั่นรถบริษัทคุณเหรอ”

ข่งเหวินเฉิง สูดหายใจเข้าลึก ๆ “ผมจำได้ว่าคุณทำงานที่หยงฟากรุ๊ปไม่ใช่เหรอ? นั่น…”

“คุณอาเล็ก เรื่องนี้ค่อยคุยกันทีหลัง”

ก่อนที่ตำรวจจะพูดจบ เสี่ยวกวางจื่อก็โบกมือเพื่อขัดจังหวะ และชี้ไปที่เย่เทียนที่อยู่ไม่ไกล “คุณอาเล็กไอ้เด็กคนนั้นล่วงเกินผม คุณช่วยจัดการระบายแทนผมได้ไหม”

“เอ๊ะ?!”

ข่งเหวินเฉิง เลิกคิ้ว และถามด้วยท่าทางสับสน

“เกิดอะไรขึ้น?”

“คุณอาเล็ก คุณไม่รู้สินะไอ้สารเลวนั่นไม่ช่วยผมต้องการจะปล่อยให้ผมตาย!”

เสี่ยวกวางจื่อกัดฟันและพูดว่า “ไอ้เด็กคนนั้นเพิ่งมาจากรถบัส ดูเหมือนว่าเขากำลังช่วยเพื่อนร่วมงานที่บาดเจ็บของผม ยังช่วยแบกพวกเขาออกไปด้วย”

สีหน้าข่งเหวินเฉิงยิ่งดูแย่ลงขึ้นกว่าเดิม

“แต่ไอ้สารเลวนั่นกลับไม่ยอมช่วยผม ปล่อยให้ผมติดอยู่ตรงนั้น โชคดีที่รถบัสไม่ระเบิด ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ได้เจอคุณอาเล็กแล้ว!”

“จริงเหรอ?”

สีหน้าของข่งเหวินเฉิงก็ยิ่งดูไม่ได้เลย

แม้ว่าเย่เทียนไม่มีหน้าที่ต้องช่วยชีวิตผู้คน แต่คนทั้งคันรถกลับได้รับการช่วยเหลือจากเขา แต่กลับทิ้งเสี่ยวกวางจื่อไว้คนเดียว นี่รู้สึกดูจะไม่เหมาะสมเล็กน้อย

“คุณอาเล็กผมจะหลอกคุณทำไม!”

เกรงว่าข่งเหวินเฉิงจะไม่ช่วยเหลือ เสี่ยวกวางจื่อก็รีบเติมฟืนเติมไฟยุแหย่มากขึ้น “ไม่ใช่แค่นี้นะ ตอนแรกผมคิดว่าไอ้เด็กคนนั้นเป็นหมอ ตอนนั้นผมยังรายงานชื่อเสียงของคุณไปด้วย หวังว่าเขาจะเห็นแก่หน้าคุณ เห็นแก่หน้าผู้หลักผู้ใหญ่”

“แต่ว่า ไอ้เด็กคนนั้นพูดว่าอะไรนะ ในสายตาของเขา คุณไม่มีค่าอะไรเลย แม้แต่ช่วยเขาถือรองเท้าก็ยังไม่คู่ควร…”

พูดถึงตอนท้าย เสียงของเสี่ยวกวางจื่อก็เบาลงเรื่อยๆ และเขาก็ก้มศีรษะลง ใช้สายตาแอบสังเกตอย่างลับๆ

แต่เพราะรูปลักษณ์ของเสี่ยวกวางจื่อแบบนี้ แม้ว่าเขาจะพูดไม่จบ แต่ข่งเหวินเฉิงยังไม่รู้ชัดเจนว่าเขาหมายถึงอะไรอีก ร่างกายของเขาก็โกรธจนสั่นขึ้นมาทันทีเล็กน้อย

“เสี่ยวกวางจื่อ วางใจเถอะ! ความอัดอั้นตันใจนี้ผมจัดการให้แน่!”

ข่งเหวินเฉิงเหยียดมือออกและตบไหล่ของ เสี่ยวกวางจื่อเบาๆ “คุณได้รับบาดเจ็บ ยังไงคุณก็ควรไปโรงพยาบาลก่อน! เพื่อไม่ให้ต้องทนทุกข์ทรมานจากผลที่ตามมาทีหลัง!”

เย่เทียนชกต่อยฟู่เจิ้งชูต่อหน้าเขา และตอนนี้เขาเห็นหลานชายน้อยของเขาเกือบตายก็ไม่ช่วย ! ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาจริงๆ

ดังคำกล่าวที่ว่า ตุ๊กตาดินเผาก็ยังมีไฟสามส่วน!

แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงรองผู้อำนวยการแผนกฉุกเฉิน แต่ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าทุกวันนี้เขาจะไม่ป่วย เขาก็ยังพอรู้จักผู้มีอำนาจหลายคนอยู่บ้าง ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางจัดการเย่เทียนได้!

แม้ว่า เย่เทียนกำลังรักษาผู้บาดเจ็บอยู่ แต่เขาเคยประสบกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ และเขาค่อนข้างจะว่อกแว่กที่จะสังเกตระวังการเคลื่อนไหวข้างหลังเขา

เนื่องจากอยู่ไกลกัน เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ เสี่ยวกวางจื่อกับข่งเหวินเฉิงพูดอะไร แต่เห็นได้ชัดเจนว่าพวกเขาทั้งสองรู้จักกัน

“อย่างที่คนโบราณพูดไว้จริงๆ คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล!”

แต่เย่เทียน ก็ละทิ้งความคิดที่ยุ่งเหยิงเหล่านี้อย่างรวดเร็ว โดยใช้ประโยชน์จากเวลาที่ เสี่ยวกวางจื่อขวางข่งเหวินเฉิง และจดจ่อกับการรักษาผู้บาดเจ็บ

“เป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้น ที่นี่เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

ในเวลานี้ ในที่สุดก็มีตำรวจคนหนึ่งค่อยๆ เดินเข้ามา ดูสีหน้าที่จองหอง เกรงว่าเขาคงยังเป็นแค่หัวหน้าเล็กๆอยู่

เพิ่งสั่งคนงานสองคนเปลหามเสี่ยวกวางจื่อออกไป ข่งเหวินเฉิงที่กำลังจะไปหาตำรวจด้วยตัวเองเมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ทันใดนั้นใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข และวิ่งเหยาะไปทางตำรวจที่เดินมาอย่างรวดเร็ว

“หัวหน้าหลิวไท่ฮวาในที่สุดคุณก็มา!”

ก่อนอื่นข่งเหวินเฉิงหันกลับมาชี้ไปที่เย่เทียน จากนั้นก็ชี้ไปที่ฟู่เจิ้งชูซึ่งล้มลงอยู่กับพื้นแล้วฟ้องว่า “ไอ้เด็กคนนั้นไม่เพียงแต่ขัดขวางเราไม่ให้ช่วยชีวิตคน แต่ยังชกต่อยเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของเรา คุณต้องตัดสินใจจัดการแทนเรานะ !”

“โอ้ย! โอ้ย!”

ฟู่เจิ้งชูฟื้นตัวดีขึ้นบ้างแล้ว แต่กำลังจะลุกขึ้นในเวลานี้ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของข่งเหวินเฉิง เขาก็รีบนอนลงบนพื้นอีกครั้ง กรีดร้องและโหยหวนอย่างเกินจริง เป็นราชาแห่งนักแสดงเต็มที่!