เป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้ฟังก็พยักหน้า
มือไพล่หลังมองไปทางทิศตะวันตก จัดชายเสื้อของตนด้วยความสง่างาม เอ่ยเชื่องช้าว่า “ไปเถอะ ไปรับคนในดวงใจของเยี่ยนกลับสู่ข้างกายเยี่ยนกัน”
อวี้เหว่ยคิด เตี้ยนเซี่ย ข้ารู้สึกว่า ‘คนในดวงใจ’ ของท่าน ไม่แน่ว่าจะยินยอมกลับมา
เขาเพิ่งเดินไปได้สองก้าว ชายชุดดำคนหนึ่งมุ่งหน้าเข้ามาอย่างว่องไวจากอีกทิศทางหนึ่ง
หลังจากมาถึงก็คุกเข่าลงรายงานกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนว่า “องค์ชายสี่ ข้าน้อยแอบสืบได้ว่าองค์ชายใหญ่เข้าเมืองมาอย่างลับๆ แล้ว คาดว่าจะมาเพราะท่าน ท่านต้องการ…”
อวี้เหว่ยกระตุกมุมปาก องค์ชายใหญ่เพิ่งส่งคนมาลอบสังหารเตี้ยนเซี่ยได้ไม่นาน ก็รีบส่งตัวเองมาถึงที่
เตี้ยนเซี่ยยังไม่ทันไปหาเขาเลย…
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้ฟัง มองหน้าคนชุดดำด้วยสีหน้าดูไม่ออกว่ายินดีหรือเดือดดาล เอ่ยถามเสียงนุ่มว่า “เยี่ยนให้เจ้าไปสืบข่าวขององค์ชายใหญ่หรืออย่างไร”
“คือ…ข้าน้อย…” คนชุดดำที่เดิมที่สืบข่าวขององค์ชายใหญ่ได้เต็มไปด้วยความเบิกบานใจ ได้ฟังคำพูดนี้หัวใจกระตุกเกร็งไปชั่วขณะ เหงื่อผุดไหลลงมาจากหน้าผาก
เตี้ยนเซี่ยไม่ได้สั่งให้ตนเองไปสืบข่าวขององค์ชายใหญ่ ตนรับคำสั่งให้ไปตามหาแม่นางผู้นั้น
เพียงแต่ระหว่างทางบังเอิญพบองค์ชายใหญ่เข้า ถึงได้มารายงาน
ระหว่างที่เขากำลังลังเลนั้น เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเดินมาหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าเขาแล้ว
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยื่นมือวางไว้บนหัวของคนชุดดำด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาร้ายกาจของเขาฉายแววไม่ใส่ใจ เอ่ยช้าๆ “เรื่องที่เยี่ยนสั่งการเจ้าไม่ลงมือกระทำ กลับไปใส่ใจเรื่องคนร้ายน่าเบื่อ เสด็จพี่ใหญ่ที่ลอบสังหารข้าผู้นั้น เจ้าให้เขามายืนอยู่ต่อหน้าข้าในตอนนี้ เขากล้าหรือไม่”
เขาเอ่ยปากถามเช่นนี้ คนทั้งหมดพากันตัวสั่น
ให้องค์ชายใหญ่ยืนอยู่ต่อหน้าองค์ชายสี่ เกรงว่าองค์ชายใหญ่จะไม่กล้าจริงๆ
อย่างไรเสียยามอยู่ในเมืองหลวง องค์ชายสี่เป็นคนที่ทุกคนต่างหลบเลี่ยง คนทั้งหลายเห็นเขาล้วนตัวสั่นเทา ต่อให้เป็นฝ่าบาทก็ไม่ปะทะกับเขาซึ่งๆ หน้า
ต่อให้องค์ชายใหญ่มาถึงแล้ว เกรงแต่จะกล้าลงมืออยู่ลับๆ
จากนั้นมือที่กดหัวคนชุดดำอยู่ค่อยๆ ยกขึ้น คนชุดดำลอยตัวขึ้นสู่กลางอากาศ ถัดมามือของเขาก็บีบเข้าที่คอคนชุดดำ
คนชุดดำถูกบีบคอ ดิ้นรนกลางอากาศ
ส่วนบุรุษหน้าตาหล่อเหลาจ้องตาคนชุดดำ เอ่ยต่อเสียงเนิบว่า “เห็นเสด็จพี่ใหญ่เป็นศัตรูถึงต้องไปสังเกตการณ์เขา ไม่อย่างนั้นการสังเกตการณ์เขาก็เป็นเรื่องสิ้นเปลืองเวลาตนเอง ใครอนุญาตให้เจ้าสิ้นเปลืองเวลาชีวิตขององค์ชายอย่างข้าฟังคำพูดไร้สาระของเจ้าที่เกี่ยวกับเขากัน”
“ข้าน้อย…ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว…” ชายชุดดำถูกบีบคอหน้าแดงก่ำ รู้สึกว่าเส้นเลือดในสมองจวนจะแตก
อวี้เหว่ยลอบเหยียดมุมปาก เขากลับดูออกว่า เวลานี้เกรงว่านอกจากข่าวสารที่เกี่ยวกับแม่นางผู้นั้นแล้ว ข่าวสารอื่นๆ ในสายตาของเตี้ยนเซี่ยล้วนเป็นเรื่องไร้สาระ
หลังจากคนชุดสำนึกผิด
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพยักหน้าอย่างพอใจ ออกแรงมือเล็กน้อย
ภายใต้พละกำลังของเขา คนชุดดำสีหน้าเจ็บปวด ลิ้นแทบปลิ้นออกมา ไม่นานก็ขาดใจตาย
เขาคลายมือออก ศพคนชุดดำตกสู่พื้น
คนในเหตุการณ์พากันตัวสั่นเทิ้ม ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่คนเดียว ความจริงที่พวกเขาภักดีต่อองค์ชายสี่ ไม่เกี่ยวเพราะสยบต่อเสน่ห์ประจำตัวของเขาสักน้อย เพียงแต่เพราะว่าทุกคนไม่กล้าไม่เชื่อฟัง ทั้งหมดเกิดจากความหวาดกลัว
คนผู้นี้คือ ปีศาจร้าย…
ไม่ช้าพวกเขาก็ได้ยินปีศาจร้ายในใจของพวกเขาเอ่ยสั่งสอนศพบนพื้นอย่างช้าๆ “รู้สึกสำนึกผิดก็ดี ข้าให้โอกาสเจ้า ไปแก้ตัวใหม่ในชาติหน้า”
คนทั้งหมด “…”
พวกเขาต่างรู้สึกว่าคนผู้นั้นไม่ต้องการโอกาสแก้ตัวในชาติหน้า กลับกันที่ต้องการมากกว่าคือ ชาติหน้าไม่ต้องพบองค์ชายสี่อีก
คนทั้งหมดตกอยู่ในสภาวะแตกตื่น
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกวาดตามองพวกเขา น้ำเสียงชวนฟังดังขึ้นมา “พวกเจ้าเห็นชัดแล้วสินะ ตอนนี้เวลานี้นอกจากข่าวสารของแม่นางผู้นั้นแล้ว ข้าไม่ต้องการฟังเรื่องอื่น นางอาจอยู่ทางตะวันตก ติดตามข้าไปหานางให้ดี หากหาไม่พบ ทุกคนต้องตาย”
“ขอรับ” คนทั้งหมดหน้าซีดเผือดรีบรับคำทันที
ต่อมามีคนนำทางไปยังทิศตะวันตก มีคนกังวลว่าจะหาที่ทิศตะวันตกไม่พบ ออกไปตามหาทางอื่น ในใจทุกคนหวาดกลัวเหลือประมาณ ล้วนเดินทางไปด้วยความสั่นเทา
อวี้เหว่ยเอ่ย “เตี้ยนเซี่ย ข้าน้อยคิดว่า ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาต้องถูกท่านทำให้ตกใจตายแน่”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนสาวเท้ายาวไปทางตะวันตก ใบหน้าหล่อเหลามาดร้ายคล้ายไม่ยี่หระต่อสิ่งใด “หากความสามารถไม่บรรลุถึงขั้นผู้แข็งแกร่ง การรักษาความหวาดกลัวรวมถึงระมัดระวังตนไว้ คือหนทางการดำรงชีวิตของผู้อ่อนแอ พวกเขาสมควรดีใจ ข้าเป็นผู้เข้มแข็ง แต่มีเมตตา ยินดีให้พวกเขารักษาโอกาสหวาดกลัวนี้เอาไว้”
อวี้เหว่ย “…” ดังนั้นเมื่อไม่ให้โอกาสพวกเขารักษาความหวาดกลัวเอาไว้ ก็ฆ่าคนทิ้งให้หมดเลยใช่ไหม
แต่เตี้ยนเซี่ยไม่ตระหนักบ้างเลย ทั่วทั้งแผ่นดินเป่ยเฉิน ทุกคนล้วนรู้สึกว่าท่านคลุ้มคลั่งเสียสติ ไม่มีใครคิดว่าเขามีเมตตาหรอก
อวี้เหว่ยถอนใจ ติดตามฝีเท้าเตี้ยนเซี่ยของตนไป
อวี้เหว่ยกล่าว “เตี้ยนเซี่ย ท่านคิดว่าแม่นางผู้นั้นไปทางตะวันตกจริงๆ หรือ”
จงใจทิ้งเบาะแสลวงหรือเปล่า
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้วหยุดฝีเท้าลง ทว่าเผยรอยยิ้มลุ่มลึก “นางต้องการให้เยี่ยนไปหานางทางตะวันตก นั่นก็หมายความว่านางอาจอยู่ทางตะวันออก เพียงแค่เดินทางไปทางตะวันตกหลายก้าวหน่อย ให้นางรู้สึกว่าการชักนำให้เยี่ยนไปผิดทางไม่สูญเปล่า ไม่อาจทำให้นางผิดหวังได้ เยี่ยนค่อยเปลี่ยนเส้นทางกลางคัน เพื่อแสดงถึงความจริงของเยี่ยนที่มีต่อนาง ไม่ใช่หรือไง”
อวี้เหว่ยลูบคาง
เขาเข้าใจแล้ว เตี้ยนเซี่ยจงใจพาคนเดินทางไปยังทางตะวันตกอย่างเอิกเกริก เพื่อให้แม่นางผู้นั้นคิดว่าแผนการของตนสำเร็จแล้ว
จากนั้นเตี้ยนเซี่ยค่อยแอบเปลี่ยนเส้นทางไปยังทางตะวันออก…เตี้ยนเซี่ยของข้าร้ายกาจนัก
…
บนเขา
เยี่ยเม่ยนั่งริมบ่อน้ำจ้องมองชายหนุ่มรูปงามนั้นตลอดเวลา สังเกตสภาพร่างกายเขา
ในเวลานี้เอง นางพลันฉุกคิดขึ้นมาได้ มองเปลวเพลิงลุกโชนที่อยู่ไกลออกไป สีหน้าเย็นชาเหมือยเคย
นางรู้ว่าช่วยคนกลางถนนย่อมหาเรื่องใส่ตัว ทำให้พวกทหารรู้ร่องรอยนางได้
ทว่านางก็ไม่ได้โง่งม หลังจากช่วยคนแล้วมุ่งออกไปทางตะวันตกต่อหน้าชาวบ้าน จากนั้นผ่านตรอกเล็กหลายสาย เปลี่ยนเส้นทางไปแต่แรก หากชาวบ้านรายงานกับพวกทหารว่านางไปทางทิศตะวันตกนั้นก็หมายความว่า…
คนที่ตามจับนาง ยิ่งห่างออกไปไกลขึ้นทุกที
เพราะหลังจากนางเปลี่ยนเส้นทาง ก็เลือกทิศทางตรงกันข้ามพอดี เดินทางไปทางทิศตะวันออก
ในสมองพลันปรากฏใบหน้าหล่อเหลาเล่ห์ร้ายของบุรุษผู้นั้น เยี่ยเม่ยกินขนมเซาปิ่งคำสุดท้าย หากบุรุษผู้นั้นตามหานางพบ นางยจะไม่เกิดความสนใจในตัวเขามากขึ้นหลายส่วนหรือ
นางนิ่งไปชั่วครู่
ดูไปแล้วเขาไม่ใช่คนโง่ ไม่แน่ว่าเวลานี้กำลังวางแผนเอาคืนอยู่
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางรีบลุกขึ้นลากหนุ่มน้อยในน้ำขึ้นมา อังหน้าผากเขา แช่น้ำไปชั่วยามกว่าแล้ว เขาไม่กระตุกอีก ร่างกายกลับสู่ภาวะปกติ ดูท่าไม่เป็นอะไรแล้ว
นางแบกเขาอย่างวางใจ มุ่งออกไปยังทิศทางหนึ่ง
การเดินทางอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกในใจนางกลับไม่ค่อยดีนัก นางรู้สึกว่ายามนี้บุรุษผู้นั้นเป็นแมว ส่วนตัวเองเป็นหนู เพียงแต่ที่นางหนีไม่ใช่เพราะกลัว แต่ไม่อยากก่อเรื่อง
หากบุรุษผู้นั้นไม่จบไม่สิ้น ติดตามต่อไปหยุดยั้ง ทำนางโมโหขึ้นแล้ว
นางค่อยกลับไปหาบุรุษผู้นั้น
กำจัดซะ
ในขณะใช้ความคิดอยู่นั้น ถนนเส้นเล็กเบื้องหน้าปรากฏรถม้าคันหนึ่ง…