หนังสือเล่นงานนักปราชญ์โบราณ

“โจมตี!”

ขณะที่จางเซวียนกำลังจังงัง ฉีเจินก็ตวาดลั่น

ตัวเขาพร้อมกับผู้อาวุโสมั่วชิงจากสมาคมผู้หยั่งรู้สำนักงานใหญ่พุ่งเข้าใส่หวู่เฉินที่อยู่กลางอากาศ

“ฮึ่มมม!” หวู่เฉินคำรามขณะปล่อยพลังจากฝ่ามือลงมาเพื่อตอบโต้

ฟึ่บ!

พื้นที่ที่อยู่โดยรอบแข็งทื่อ ยังไม่ทันที่จีเฉินกับมั่วชิงจะได้ทำอะไร ก็ถูกเล่นงานอย่างจังเข้าที่หน้าอก ทำให้ทั้งคู่ร่วงลงมากระแทกพื้นอย่างแรงพร้อมกับกระอักเลือดออกมากองใหญ่

แม้จะเป็นถึงนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 2 แต่ก็ยังอ่อนด้อยหากเปรียบเทียบกับหวู่เฉิน

ดูเหมือนหวู่เฉินจะยังไม่เห็นจางเซวียนกับหลัวลั่วชิง หลังจากเล่นงานชายชราทั้งคู่แล้ว เขาก็ปล่อยพลังฝ่ามืออีกครั้งเข้าใส่ด้านหลังห้อง ซึ่งน่าจะเป็นที่อยู่ของร่างกายท่อนบนของไอ้โหด พื้นที่ที่อยู่โดยรอบบริเวณหลังห้องพังทลายไปทันที ทำให้เพดานถูกทำลายไปด้วย

ฟิ้วววว!

ในตอนนั้น พู่กันด้ามหนึ่งก็ลอยละลิ่วมาจากเพดานที่กำลังทรุดตัวและปะทะเข้ากับพื้นที่ที่ถูกทำลาย จากนั้นเสียงคมกริบก็กรีดก้องไปทั่ว เกิดรอยแยกของมิติที่กระจายไปยังพื้นที่โดยรอบ

“นั่นมันเผ่าพันธุ์ปีศาจสี่ตัวนั้นนี่!” จางเซวียนหรี่ตา

พู่กันที่ลอยมาดูคุ้นตามาก มันเป็นหนึ่งในของล้ำค่าของเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งสี่ตัวที่จางเซวียนพบที่อาณาจักรโบร่ำโบราณของนักปราชญ์โบราณหรันชิว

เขาไม่คิดเลยว่าจะมาพบกับพวกมันอีกครั้งที่นี่

ดูเหมือนว่าหลังจากที่แยกกัน หวู่เฉินก็คงใช้วิธีการบางอย่างสะกดรอยตามพวกมันมา

เราควรโจมตีบ้าง จางเซวียนคิด

เขาคว้าเข็มขัดที่รัดอยู่รอบเอวและสะบัดให้มันกลายเป็นหอกสวรรค์กระดูกมังกร จากนั้นก็โผขึ้นสู่กลางอากาศ

เคร้งงงง!

หลังจากเกิดเสียงกระทบกันของโลหะ 2-3 ครั้ง จางเซวียนก็ถูกบีบให้ล่าถอยด้วยใบหน้าซีดเผือด

หากไม่ใช้หยดเลือดของปรมาจารย์ขง เขาก็ไม่อาจเทียบชั้นกับเผ่าพันธุ์ปีศาจสี่ตัวนั้นได้

ขณะที่จางเซวียนถูกผลักดันให้ล่าถอย เสียงตวาดกร้าวก็ดังกึกก้องมาจากด้านล่าง ชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดคนหนึ่งพุ่งออกมาจากที่ซ่อน เขาสะบัดข้อมือ แล้วดาบเล่มยาวก็มาอยู่ในมือของเขา เมื่อมีบทเพลงบรรเลงปีศาจและพู่กันเข้าช่วย เขาก็สามารถเล่นงานหวู่เฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปราการของกระแสดาบฉีอันดุเดือดครอบคลุมไปทั่วท้องฟ้าบริเวณเหนือสมาคมผู้หยั่งรู้ ผู้ที่ได้เห็น ต่างก็แทบจะตาบอดเพราะความเข้มข้นของกระแสดาบฉี ราวกับดาบเล่มนั้นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่มีอยู่ในโลก

อากาศโดยรอบส่งเสียงหวีดหวิวเพราะแรงกดดันหนักหน่วงจากปราการของกระแสดาบฉี รอยแยกของมิติสีดำสนิทถูกเปิดออกทั่วทั้งบริเวณนั้น

ชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดใช้พลังเต็มพิกัดตั้งแต่ต้น หากเปรียบเทียบกับตอนที่จางเซวียนปะทะกับอีกฝ่ายที่อาณาจักรโบร่ำโบราณของนักปราชญ์โบราณหรันชิว ก็ดูเหมือนเขาจะแข็งแกร่งกว่าตอนนั้นมาก

แต่ถึงชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดจะทรงพลังแค่ไหน หวู่เฉินก็ยังทรงพลังกว่า

“ฮึ่มมมม!” หวู่เฉินคำราม

เขาปล่อยพลังฝ่ามือลงมาอีกครั้งโดยไม่มีอาการตื่นตระหนกแม้แต่น้อย

รอยแยกของมิติสีดำสนิทที่กระจัดกระจายไปทั่วสมานตัวเข้าหากันอย่างรวดเร็ว และชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดที่ดูจะไร้เทียมทานคนนั้นก็พลันแข็งทื่อกลางอากาศพร้อมกับดาบของเขา ด้วยความตกใจ เขาไม่สามารถปล่อยพละกำลังออกมาได้เลย!

“ช่างมีประสิทธิภาพการต่อสู้ที่น่าทึ่งอะไรอย่างนี้!” จางเซวียนนัยน์ตาเบิกโพลงขณะเอ่ยชม

เขานึกไม่ถึงจริงๆว่าหวู่เฉินจะมีพละกำลังมากมายอย่างที่เห็น ต่อให้เขาเรียกใช้พลังงานจากหยดเลือดของปรมาจารย์ขง ก็เป็นไปได้ว่าไม่น่าจะรับมือกับการโจมตีของชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดได้ดีกว่าที่หวู่เฉินทำอยู่

บึ้มมมม!

เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งในสมาคมผู้หยั่งรู้ ชายอีกหลายคนพุ่งเข้าใส่หวู่เฉิน การปรากฏตัวของคนเหล่านั้นส่งผลให้เจตนาสังหารกระหายเลือดอบอวลไปทั่ว บรรยากาศโดยรอบทำให้รู้สึกราวกับตกอยู่ในสมรภูมิอันดุเดือด

“พวกมันเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจทุกตัวเลยนี่!” จางเซวียนตัวแข็งด้วยความประหลาดใจ

เขานึกไม่ถึงว่าจะมีเผ่าพันธุ์ปีศาจปรากฏตัวพร้อมกันทีเดียวมากขนาดนี้ แถมพวกมันยังไม่พยายามปกปิดตัวเองเลยด้วย

“รู้แล้ว เพราะที่นี่คือสมาคมผู้หยั่งรู้ ไม่เพียงแต่ที่นี่จะปกปิดรังสีของพวกมันได้ ยังปกปิดร่างกายของพวกมันจากสายตาของสวรรค์ด้วย จึงเป็นธรรมดาที่พวกมันไม่จำเป็นต้องพยายามซุกซ่อนตัวตนของตัวเอง…” จางเซวียนพยักหน้าเมื่อนึกได้

ตอนที่พวกเขาอยู่ที่อาณาจักรโบร่ำโบราณของนักปราชญ์โบราณหรันชิว เผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งสี่ต้องปลอมตัวเล็กน้อย เพราะหากเครื่องรางลำดับแรกรู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกมันและพยายามใช้อำนาจกดข่มพวกมันไว้ พวกมันก็จะต้องเจอปัญหาใหญ่

แต่สำหรับที่นี่ ตราบใดที่พวกมันมั่นใจว่าจะไม่มีใครที่สามารถเอาชีวิตรอดและเดินออกไปจากสมาคมผู้หยั่งรู้ได้ ก็แน่นอนว่าย่อมไม่มีใครล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกมัน

“เรียกพลัง!”

รู้ดีว่าหากมัวแต่ลังเลในตอนนี้ ก็อาจหมายถึงการต้องเสียชีวิต จางเซวียนจึงเรียกใช้พลังงานจากหยดเลือดของปรมาจารย์ขงหยดสุดท้ายทันที

มันเป็นไพ่ไม้ตายที่ทรงพลังที่สุดของเขา ซึ่งทำให้เขาออกจะไม่เต็มใจที่จะใช้มัน แต่ก็รู้ดีว่าหากไม่รีบโจมตีตอนนี้ และถ้าหวู่เฉินเพลี่ยงพล้ำ ตัวเขากับหลัวลั่วชิงก็จะต้องเป็นรายต่อไป!

ฟึ่บ!

ทันทีที่พละกำลังจากหยดเลือดของปรมาจารย์ขงถูกเรียกใช้ จางเซวียนก็รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่โอบรอบร่างกายของเขา ทำให้ประสิทธิภาพการต่อสู้ได้รับการยกระดับขึ้นสู่ขั้นใหม่ จางเซวียนถือหอกสวรรค์กระดูกมังกรไว้และพุ่งเข้าใส่เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวที่อยู่ใกล้เขาที่สุด

“ตายซะ!”

จางเซวียนใช้หอกจ้วงแทงจุดสำคัญของเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นโดยไม่ลังเล

คราวที่แล้ว ก็เป็นเพราะความลังเลของเขาที่ทำให้เผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งสี่ตัวหนีรอดไปได้ คราวนี้เขาจะไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเด็ดขาด!

เมื่อเจอกับการโจมตีอย่างกะทันหันจากคู่ต่อสู้ที่ทรงพลัง เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องผละจากหวู่เฉินมาปัดป้องการโจมตีของจางเซวียน

เจตนาสังหารโหดเหี้ยมพุ่งเข้าใส่จางเซวียน เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นสะบัดกรงเล็บใส่เขา

แต่ด้วยประสิทธิภาพการต่อสู้ที่จางเซวียนมีอยู่ในตอนนี้ เขาจะปล่อยให้เผ่าพันธุ์ปีศาจทำอะไรตามใจได้อย่างไร?

จางเซวียนใช้หอกแทงกรงเล็บของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ก่อนจะจ้วงลึกเข้าไปถึงหัวใจของมัน

ขณะที่หอกของเขาอยู่ในร่างของเผ่าพันธุ์ปีศาจ เขาก็บิดมันอย่างแรง

พลั่ก!

วินาทีต่อมา ร่างของเผ่าพันธุ์ปีศาจก็แหลกเละ กลายเป็นเนื้อบด

ด้วยสิ่งนี้ นักรบที่มีวรยุทธระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 4-ชั่วกัลปาวสานก็พบจุดจบ

เห็นสหายของพวกมันเสียชีวิตในชั่วพริบตา เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวที่เหลือถึงกับจังงัง บางที อาจเป็นเพราะรู้ตัวว่าจางเซวียนเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงของพวกมัน พวกมันกลุ่มหนึ่งจึงเบนเป้าหมายและพุ่งการโจมตีมาที่จางเซวียน

จางเซวียนหรี่ตา เขาสะบัดหอกโดยใช้มือเดียว มันแปรสภาพกลายเป็นมังกรอันสง่างามและพุ่งเข้าใส่เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด

ในเวลาเดียวกัน เขาก็ดีดนิ้วเบาๆด้วยมืออีกข้างหนึ่ง

“แข็งทื่อ!”

ฟึ่บ!

พื้นที่โดยรอบดูจะแข็งทื่อไปทันที ทุกอย่างที่อยู่ในสมาคมผู้หยั่งรู้หยุดชะงัก

เผ่าพันธุ์ปีศาจที่กำลังเกรี้ยวกราดคิดไม่ถึงว่าจางเซวียนจะมีเทคนิคแบบนี้ ทันทีที่พวกมันรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ ก็รีบหันหลังกลับและพยายามหนี แต่สายไปแล้ว พื้นที่รอบตัวมันถูกปิดกั้น และพวกมันก็ไม่อาจเคลื่อนไหวได้แม้เพียงนิ้วเดียว

ฉึกกก!

หอกจ้วงแทงเข้าใส่ศีรษะของเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด มันเสียชีวิตทันที แต่เพราะมิติที่ถูกทำให้แข็งทื่อ ร่างของมันจึงยังคงลอยคว้างอยู่กลางอากาศอย่างน่าขยะแขยง

เมื่อเผ่าพันธุ์ปีศาจสองตัวถูกกำจัดไป ภาระของหวู่เฉินก็เบาลงมาก เขาปล่อยพลังจากฝ่ามือติดต่อกันอีกสองครั้ง ครั้งแรกทำให้ชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดกระเด็นไป และครั้งที่สองก็ทำลายพิณของชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอได้ภายในเสี้ยววินาที

วิ้ง!

ในตอนนั้น โครงกระดูกของร่างกายท่อนบนของไอ้โหดก็ลอยขึ้นสู่กลางอากาศ

ยากที่จะบอกได้ว่าร่างกายท่อนบนนั้นทำจากอะไร แต่กระดูกซี่โครงมีความโปร่งแสงราวกับหยกชั้นดี และแทนที่มันจะแผ่เจตนาสังหารอันเหี้ยมโหดออกมา กลับมีรังสีของผู้ทรงภูมิ

“นายท่าน นั่นคือร่างกายท่อนบนของผม!” ไอ้โหดอุทานอย่างตื่นเต้น

“ในที่สุดก็ออกมา!”

เมื่อเห็นว่าร่างกายท่อนบนของไอ้โหดอยู่ที่นี่จริงๆ จางเซวียนตาโต เขาสะบัดข้อมือโดยไม่ลังเล แล้วหนังสือเทียบฟ้าก็ลอยเข้าหาร่างกายท่อนบนของไอ้โหด

ฟึ่บ!

ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตา หนังสือเทียบฟ้าก็กักขังร่างกายท่อนบนของไอ้โหดไว้ในนั้น

การจัดการกับศีรษะและนิ้วมือของไอ้โหดดูจะยุ่งยากกว่า เพราะพวกมันมีความคิดเป็นของตัวเอง แต่สำหรับร่างกายท่อนบน การถูกรูปปั้นนักปราชญ์ขุยที่อยู่ภายในปูชนียสถานนักปราชญ์กดข่มอำนาจของมันมานานหลายปีทำให้ร่างกายท่อนบนของไอ้โหดถูกชำระล้าง ขจัดเอาความคิดและชีวิตจิตใจของมันออกไปจนหมด

ดังนั้นหนังสือเทียบฟ้าจึงไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายในการกักขังมัน

เมื่อเห็นภาพนั้น หวู่เฉินเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ผมกำลังจะฝ่าด่านวรยุทธแล้ว นายท่าน ผมต้องจำศีลนะ คุณดูแลตัวเองด้วย…” ไอ้โหดคำรามพร้อมกับหัวเราะลั่น เสียงของมันค่อยๆจางหายไป

จางเซวียนรู้สึกได้ว่าสติสัมปชัญญะของไอ้โหดเข้าสู่สภาวะหลับลึก

ก็เหมือนกับหลายครั้งที่ผ่านมา

การซึมซับร่างกายท่อนบนของมันเป็นกระบวนการที่ทำให้เหน็ดเหนื่อยอยู่ไม่น้อย มันจึงต้องเข้าสู่ภาวะจำศีล

เมื่อมันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง**ก็คงฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่…จางเซวียนแอบถอนหายใจ

แม้ทุกอย่างจะเสร็จสิ้นแล้ว แต่จางเซวียนก็ยังไม่ถอย เขาเงื้อหอกเข้าใส่เผ่าพันธุ์ปีศาจอีกตัวหนึ่ง ตั้งใจจะสังหารมัน

แต่ในตอนนั้นเอง รังสีทำลายล้างก็ระเบิดออกมาจากสมาคมผู้หยั่งรู้ มันพุ่งทะยานขึ้นสู่หมู่เมฆ

รังสีนั้นทรงพลังอย่างน่าทึ่งเสียจนแทบจะพลิกสวรรค์ได้!

“หรือว่าจะเป็น…นักปราชญ์โบราณ?” จางเซวียนหรี่ตาด้วยความตกตะลึง

การเรียกใช้พลังงานจากหยดเลือดของปรมาจารย์ขงทำให้พละกำลังของเขาเหนือชั้นกว่านักรบทุกคนที่มีวรยุทธต่ำกว่าขั้นนักปราชญ์โบราณ แต่เมื่อเผชิญกับรังสีที่ทรงพลังอย่างน่าทึ่งจากสมาคมผู้หยั่งรู้ จางเซวียนก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นมดที่ยืนอยู่ตรงหน้าช้าง

เขาไม่สามารถแม้แต่จะหยั่งถึงพละกำลังของผู้ที่ปลดปล่อยรังสีนั้น

เป็นไปได้ว่านี่คือระดับความแข็งแกร่งของผู้ที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณซึ่งเขาเคยได้ยินเรื่องราวมามาก

จางเซวียนรีบหันไปยังทิศทางที่รังสีระเบิดออกมาด้วยความหวาดระแวง และเห็นเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวมหึมากำลังพุ่งเข้าใส่หลัวลั่วชิงด้วยความเร็วสูง

จางเซวียนทั้งพรั่นพรึงและตื่นตระหนก เขาคำรามก้อง “ลั่วชิง ระวังด้วย!”

ถ้าเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณตัวนั้นเข้าถึงตัวหลัวลั่วชิงได้ เธอคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย

ใครจะไปคิดว่าจะมีนักปราชญ์โบราณซ่อนตัวอยู่ในสมาคมผู้หยั่งรู้ แถมยังเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นด้วย? พวกเผ่าพันธุ์ปีศาจกำลังวางแผนอะไรอยู่?

บ้าจริง! บ้าที่สุด!

“ไม่นะ!”

จางเซวียนไม่รู้ว่านั่นคือเสียงตะโกนก้องในหัวของเขาหรือเขาตะโกนออกมาจริงๆ แต่สิ่งที่เห็นบอกเขาว่าเขาไม่อาจปล่อยให้อะไรที่กำลังจะเกิดนั้นเกิดขึ้นจริงๆได้

ฟิ้วววว!

หนังสือเล่มหนึ่งลอยละลิ่วออกจากหว่างคิ้วของจางเซวียน

พลั่ก!

มันพุ่งเข้าใส่เผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณซึ่งกำลังจะเล่นงานหลัวลั่วชิง

“อะไรกัน?”

ด้วยสีหน้าที่ยังคงพรั่นพรึง เผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณตัวนั้นถูกทับบี้แบนอยู่กับพื้น และสิ้นใจ

แม้ในวินาทีแห่งความตาย มันก็ยังไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรผู้ที่ทรงพลังอย่างมันถึงต้องพบจุดจบเพียงเพราะน้ำหนักของหนังสือเล่มหนึ่ง