DND.
หลินหมิงยืนนิ่งแม้จะนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง เขาก็ไม่พูดออกมาแม้แต่คำเดียว ดวงตาของเขาว่างเปล่า เขารู้ว่าทุกอย่างมันจบแล้วเพราะรองผู้จัดการใหญ่ที่นั่งอยู่ในห้องรับรองลำดับแรกได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างคาหนังคาเขา
เหล่าผู้คนมองหูหวังกุยในห้องรับรองและถอนหายใจชายผู้นี้ช่างโหดร้ายป่าเถื่อน เขาวางแผนทั้งหมดและลงมือเคลื่อนไหวทำลายกระโจมหมื่นอสูรของหลินหมิง!
ถ้าหลินหมิงเพียงแค่พ่ายแพ้เรื่องสมบัติที่นำมาประมูลเกียรติยศของกระโจมหมื่นอสูรก็ยังคงพอมีอยู่บ้าง มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อร้านมากนัก แต่ถ้าหากลงเอยเช่นนี้ กระโจมหมื่นอสูรจะกลายเป็นตัวตลกของเมืองเทียนหยา หมดสิ้นซึ่งศักดิ์ศรี
ผลที่ตามมาคงไม่ต้องบอก!คงจะดีกว่านี้ถ้าหลินหมิงไม่มาเข้าร่วมงานประมูลครั้งนี้เลย!
อวี่หลิงหลงกับเฟยฮั่งสีหน้าหม่นหมองทั้งสองรู้สึกกระวนกระวายและหวาดกลัว ทั้งสองไม่เคยมีความมั่นใจในงานประมูลครั้งนี้ และตอนนี้ก็ยิ่งสิ้นหวังกว่าเดิม หูหวังกุยนั้นเตรียมการมาอย่างเต็มที่ พวกเขามิอาจต่อกรได้เลย
อาจารย์เกามองหลินหมิงด้วยความสงสารก่อนจะส่ายหน้า
“จากที่ข้าประเมินกรงเล็บสองชิ้นนี้มีระดับเท่ากัน ไม่มีสิ่งที่แตกต่างกันเลย การประมูลจะเริ่มขึ้นแล้ว ไม่มีราคาเปิด ใครที่ให้ราคาสูงสุดจะได้มันได้ครอง เริ่มได้!”
ทุกคนเริ่มให้ราคาของทั้งสองชิ้นพร้อมกันมูลค่าของมันถูกตัดสินจากสายตาผู้ประมูลในทันที เพราะกรงเล็บนกกระจอกเทพลมทองนั้นใช้งานได้หลากหลาย หลายคนอยากจะได้มาครอง
แต่ก็น่าแปลกที่จะเป็นกรงเล็บที่คล้ายกันเหล่าผู้ประมูลก็ยังสนใจกรงเล็บของกระโจมสมบัติอสูรมากกว่า เหตุก็เพราะพวกเขาเชื่อถือสินค้าประมูลจากผู้ที่เป็นเจ้าของกลุ่มอินทรีสวรรค์มากกว่า
แม้ว่าอาจารย์เกาจะบอกแล้วว่าสินค้าทั้งสองจะเหมือนกันผู้คนก็ต่างระแวงเพราะไม่แน่ใจว่ากระโจมสมบัติอสูรจะสั่งให้กลุ่มอินทรีสวรรค์ส่งกรงเล็บที่เสียหายกับกระโจมหมื่นอสูรหรือไม่ และแน่นอนว่ามันคือการตอกย้ำความพ่ายแพ้ของหลินหมิง
สุดท้ายกรงเล็บทองของกระโจมสมบัติอสูรนั้นขายได้แปดสิบดวงซึ่งเป็นราคาที่สูงสำหรับชิ้นส่วนสัตว์อสูรชิ้นเดียว ส่วนกรงเล็บของตำหนักโลหิตขายได้เพียงห้าสิบดวง มันเป็นแค่ราคาธรรมดาๆเท่านั้น ช่างน่าแปลกที่งานประมูลอันดุเดือดนี้จะจบลงที่ราคาไม่มากนัก
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่าคนจากตำหนักโลหิตใจสั่น เจ้าโรงประมูลเสี่ยวเหยาที่นั่งอยู่ในห้องรับรองได้แต่ถอนหายใจ
เขาพูด
“หลินหมิงประมาทเกินไป”
เสี่ยวเหยาพูดกับคนถัดจากเขาแต่ขณะที่เขายืนนั้น คนข้างๆเขานั่งชมอยู่ หากซือหยูอยู่ในห้องนี้ด้วยก็จะจำชายผู้นี้ได้แน่นอน เพราะเขาคือรองผู้จัดการใหญ่ที่ซือหยูเจอในทันทีที่มาเมืองเทียนหยา
รองผู้จัดการใหญ่พยักหน้าอย่างใจเย็น
“หาคนมาแทนที่เขาเสียเขาใช้ชีวิตสุขสบายมานานเกินพอแล้ว เขาไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำอีกต่อไป”
เสี่ยวเหยาพยักหน้าเขาส่งคำสั่งผ่านไปยังลูกน้องที่เชื่อใจ
หูหวังกุยยินดีเป็นอย่างมากเขามองอวี่หลิงหลงและยิ้มอย่างมีเลศนัย
“นำชิ้นที่สี่มาได้เลย”
สีหน้าอาจารย์เกาพูดอย่างใจเย็น
ครั้งนี้สตรีสองคนขึ้นเวทีมาอย่างเรียบเฉย พวกนางสวมผ้าคลุมบางที่มองทะลุไปถึงผิวได้เล็กน้อย มันชวนมองเป็นอย่างยิ่ง
สตรีทั้งสองมีรูปลักษณ์ที่น่าดูชมและใบหน้าอันงดงามมาพร้อมดวงตาเปล่งประกายอันทรงเสน่ห์ทั้งสองคือโฉมงามที่พบเจอได้ยาก
สายตาหลายคู่มองไปยังสตรีทั้งสองทันทีผู้คนรู้ดีว่าความสำเร็จของร้านอาหารนั้นมักจะขึ้นอยู่กับนางรำ แต่นางรำของทั้งสองฝ่ายนั้นอยู่ในระดับเดียวกัน
ยากที่หูหวังกุยจะเอาชนะร้านอาหารของตำหนักโลหิตได้เพราะถึงสาวงามจะมีไม่มาก แต่ก็มิได้หมายความว่าจะหาได้ยากเช่นกัน ดังนั้นถ้าหูหวังกุยหามาได้ อวี่หลิงหลงเองก็หาได้เช่นกัน!
คนตำหนักโลหิตมั่นใจในเรื่องสาวงามพวกเขามั่นใจว่าครั้งนี้จะเสมอกัน พวกเขาจะไม่พ่ายแพ้อีกครั้งเหมือนกับร้านสัตว์อสูร!
แต่หูหวังกุยก็ยิ้มเยาะที่มุมปากและรีบพูดก่อนที่อาจารย์เกาจะประเมิน
“ร้านอาหารของตำหนักโลหิตใช้เสน่ห์สตรีเรียกร้องความสนใจอย่างเดียวเองรึ?ถ้าอย่างนั้น ทำไมไม่เปิดโรงโสเภณีซะเล่า?”
อวี่หลิงหลงแอบกำหมัดแต่ก็พูดอย่างใจเย็น
“เจ้าจะพูดอะไรกันแน่?”
หูหวังกุยยิ้มอย่างชั่วร้าย
“หึหึข้าไม่เคยพูดว่าข้าจะประมูลนางรำ ข้ารังเกียจวิธีสกปรกเช่นนี้นัก!”
หูหวังกุยกปรบมือสตรีที่สวมชุดบางจากเขตกลางหยิบน้ำเต้าหยกขึ้นมา น้ำเต้านี้มีน้ำสีอำพันอยู่ภายใน มันปล่อยกลิ่นหอมออกมา
“ข้ามิได้ประมูลคนแต่ข้าประมูลสุรา!”
หูหวังกุยประกาศและยิ้มอย่างสบายใจ
ผู้คนกลับมาได้สติเมื่อได้ฟังดูเหมือนว่าหูหวังกุยจะใช้อุบายอีกแล้ว!
ก่อนงานประมูลจะเริ่มขึ้นเขาได้ทำท่าทีหลายครั้งว่าจะเลือกนางรำที่เสียงดี แต่สุดท้าย พออวี่หลิงหลงหานางรำที่งดงามได้เท่ากันเจอ เขาก็เปลี่ยนแผนและบอกว่าเขาจะประมูลสุรา!
เขาอยากจะใช้เรื่องนี้ทำให้ชื่อเสียงของร้านอวี่หลิงหลงมัวหมองมันเป็นความตั้งใจที่ชั่วร้ายของเขา
ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้นพวกเขารู้สึกขายหน้าแทนตำหนักโลหิต เพราะเจ้าของร้านใหญ่ได้เดินไปตามกับดักของศัตรูถึงสองคน และมันไม่ใช่อุบายที่ซับซ้อนด้วยซ้ำ! พวกเขามองเจ้าของร้านใหญ่ของตำหนักโลหิตไปอีกแบบ ในแบบที่แย่กว่าเดิม
แต่อวี่หลิงหลงก็ยังคงสุขุมตามเดิมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เบ่งบานในใบหน้าของนาง
“โอ้…บังเอิญนักสิ่งที่ข้าอยากจะประมูลก็คือสุราเช่นกัน! แน่นอนว่าไม่ใช่คน! มันคือสุราลับของเซียนเหล้าแห่งเขตกระบี่ไร้ใจ เขาได้ส่งศิษย์มากฝีมือของเขามาที่เมืองเทียนหยาในร้านของข้าเพื่อเป็นคนปรุงเหล้าอันดับหนึ่ง ทุกท่าน หากผู้ใดอยากลิ้มรสสุราชั้นเยี่ยมของเซียนเหล้าก็มาที่ร้านข้าได้เลย”
ผู้คนส่งเสียงดังพวกเขาไม่ยากจะเชื่อว่าอวี่หลิงหลงยังมีไพ่ตายซ่อนอยู่!
เซียนเหล้านั้นมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีเขาเชี่ยวชาญการปรุงสุราทุกชนิด
เหล่าผู้คนยินดีที่จะจ่ายเงินของทั้งตระกูลเพียงเพื่อลิ้มรสสุราของเขาทุกคนจึงตกใจที่ศิษย์ของเซียนเหล้าจะมาทำงานที่ร้านของอวี่หลิงหลง!
“ว่าอย่างไรล่ะเจ้าของร้านหู?พอใจกับสินค้าของข้าหรือไม่? หรือว่า…เจ้าก็ติดสินบนศิษย์คนนั้นให้เข้าฝั่งเจ้าแล้ววางแผนตลบหลังข้าอีกล่ะ?”
หูหวังกุัยหรี่ตามองอวี่หลิงหลง
“หึหึเจ้าของร้านอวี่ช่างหลักแหลมนัก!”
น้ำเสียงของหูหวังกุยเปลี่ยนไป
“คิดว่าข้าไม่ได้เตรียมตัวมาหรือ?”
หูหวังกุยหันไปมองผู้ร่วมประมูลและยิ้ม
“ข้าไม่กล้าจะอ้างว่าสุราของข้าดีกว่าสุราของเซียนเหล้าแต่มันคือสุราที่ปรุงจากสูตรยุคโบราณ มันมิใช่สิ่งที่ศิษย์เซียนเหล้าจะปรุงได้”
เขาพูดต่อ
“สุราที่ข้านำมาประมูลเรียกว่า‘ต้มแปดขุม’ จะได้สักหยดต้องใช้เวลาถึงสามปี มันมีค่ามากนัก แค่ลิ้มรสอึกเดียวก็ทำใให้รู้สึกว่าเป็นเซียน! ทุกท่าน หากสนใจใยไม่ลองชิมดูเล่า?”
ผู้คนส่งเสียงดังอีกครั้ง!เรื่องสูตรสุราโบราณนี้น่าตกใจจริงๆ!
อาจารย์เกาเริ่มแนะนำสุราทั้งสองและก็เป็นอย่างที่ทุกคนคิด สุราของหูหวังกุยนั้นเป็นสุราโบราณที่บันทึกไว้ในตำราเก่าแก่เท่านั้น..novel-lucky
หากดื่มเป็นระยะเวลานานจะชำระล้างร่างกายให้บริสุทธิ์มากขึ้นมันยังมีฤทธิ์พิเศษอีกหลายขนาน แม้ว่าสุราของอวี่หลิงหลงจะค่อนข้างดีและหาได้ยากในจิวโจว มันก็เทียบไม่ได้กับสุรายุคโบราณ หูหวังกุยจึงได้รับชัยอีกครั้ง
อวี่หลิงหลงหน้าดำคร่ำเครียดนางกำหมัดราวหยกแน่น นางไม่อยากจะยอมรับเลย แม้ว่านางจะพยายามถึงที่สุด นางก็พ่ายแพ้
หูหวังกุยพอใจมากเขาหัวเราะใส่นาง
“เอาน่าเจ้าของร้านอวี่ ข้าบอกแล้วว่าถ้าเจ้าเป็นนางรำเสียเอง ร้านของเจ้าย่อมขายดิบขายดี! ข้าจะไปร้านเจ้าแน่นอน! ฮ่าๆๆๆ!”
อวี่หลิงหลงโกรธแค้นนางคิดว่านางจะไล่ทันหูหวังกุยและทำให้เขาต้องอัปยศ แต่สุดท้ายนางกลับเป็นฝ่ายขายหน้าเสียเอง!
นางทำได้แต่พูด
“เจ้าพอใจอะไรนักหนา?ทั้งสามส่วนล้วนนำโดยกลุ่มโอสถที่ทำกำไรได้สูงสุด กำไรของร้านสัตว์อสูรกับร้านอาหารเทียบหนึ่งในสามของร้านโอสถไม่ได้ด้วยซ้ำ”
มันคือเรื่องจริงมีคนไม่มากนักที่ต้องการวัตถุดิบสัตว์อสูรราคาแพง และมียอดฝีมือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ชอบเที่ยวเตร่ตามร้านอาหาร! แต่ยอดฝีมือทุกคนต้องการโอสถหลายชนิด
หากพวกเขาได้ใช้โอสถคุณภาพดีจำนวนมากแม้ว่าจะเป็นสมบัติวิเศษ อาวุธ วิชาบ่มเพาะ วัตถุดิบสัตว์อสูร และสิ่งอื่นก็มิอาจเทียบกันได้ โอสถคือิ่งที่ใช้งานได้ดีที่สุดและเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับยอดฝีมือ
กว่าครึ่งจากกำไรของสำนักนั้นมาจากร้านโอสถไม่ว่าจะสำนักใดที่มาทำการค้าในเมืองเทียนหยา พวกเขาสามารถจัดการได้โดยไม่ต้องมีร้านสัตว์อสูรหรือร้านอาหาร แต่มิอาจทิ้งร้านโอสถไปได้!
ตำหนักโลหิตกับเขตกลางได้ต่อสู้กันหลายครั้งในเรื่องโอสถใครที่ได้ครองตลอดโอสถมากกว่าก็ย่อมได้กำไรมากกว่า ดังนั้น รอบต่อไปก็คือรอบของการประมูลที่ทุกคนกังวลมากที้่สุด
หูหวังกุยหัวเราะดูถูก
“โอสถรึ?ฮ่าๆ! ขยะไร้ความสามารถอย่างเฟยฮั่งจะมาแข่งกับหอวิญญาณฟ้าของข้าได้ยังไง? ถ้าไม่เอาโอสถที่เหมือนโอสถทั้งสามของข้าที่หาได้ทุกร้าน เจ้าก็อย่าไปหวังกับมันเลย!”
หูหวังกุยรู้ดีว่าคนอย่างเฟยฮั่งเป็นอย่างไรและก็รู้อีกด้วยว่าเฟยฮั่งนั้นไม่คิดจะต่อกร เขาเป็นผู้ที่ทำลายฝ่ายเดียวกันได้โดยไม่ละอายใจ หูหวังกุยไม่คิดจะมองเฟยฮั่งในสายตา
อวี่หลิงหลงเริ่มหงุดหงิด
“หยุดสามหาวได้แล้ว!ยังไม่เห็นของประมูลด้วยซ้ำ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเฟยฮั่งไม่ได้เตรียมตัวมา?”
หูหวังกุยพูดด้วยรอยยิ้ม
“หึหึเจ้าของร้านอวี่อย่าโมโหสิ ถ้าร่างกายเจ้าเป็นอะไรขึ้นมา ข้าคงถูกคนอื่นโทษเอาได้!”
แววตาของเขาราวกับมองทะลวงไปยังห้องรับรองของอวี่หลิงหลงเขาลวนลามนางต่อหน้าทุกคน!
“เจ้ามันไร้ยางอาย!”
อวี่หลิงหลงโกรธจัด
“ของชิ้นที่ห้า…”
อาจารย์เกาพูดอย่างใจเย็น
สาวใช้สองคนขึ้นมาบนเวทีแต่ละคนถือจานเหล็ก ทางด้านซ้ายนั้นมีน้ำเต้าหยกใสใช้เก็บโอสถที่มีส่วนสีดำด้านใน
ส่วนสีขาวนั้นก่อเป็นรูปมังกรเทพส่วนสีดำนั้นเป็นรูปวิหคเพลิงอันตระการตา มันคือภาพที่งดงามแต่ก็ไม่มีใครรู้จักมัน สาวใช้ที่ด้านขวาถือขวดหยกสามขวดที่มีโอสถแตกต่างกันเมื่อผู้คนมองดูก็คิด…
โอสถเลือดบริสุทธิ์โอสถชำระวิญญาณ ผงประณีต…นั่นไม่ใช่โอสถที่ขายดีที่สุดของร้านกลิ่นสวรรค์รึ? เจ้าของร้านเฟยหมายความว่ายังไงกัน?
อวี่หลิงหลงไม่พอใจจนสั่นไปทั้งตัวนางกัดฟันจ้องเฟยฮั่งที่นั่งอยู่ในห้องถัดไป
นางถาม
“เจ้าบ้าไปแล้วเรอะ?เจ้าเอาโอสถสามชนิดนั้นมาทำไม? เจ้าไม่ได้เตรียมอย่างอื่นมาเลยสินะ?”
หูหวังกุยหัวเราะเหยียดหยาม
“หึหึเหมือนที่ข้าคิดไว้ไม่มีผิด! ข้าไม่ได้พูดหรอกรึว่าเจ้านั่นมันก็แค่ขยะที่เอาแต่ทำลายคนฝ่ายตัวเองแล้วปล่อยให้ศัตรูโจมตี? มันก็แค่ปกป้องตัวเองเป็นเท่านั้น! ไม่ได้สนใจคนอื่นหรอก!”
อวี่หลิงหลงหน้าร้อนฉ่าและละอายใจ
เฟยฮั่งนั้นใจเย็นอย่างประหลาด
“เจ้าของร้านอวี่เจ้าไม่ต้องโมโหกับเรื่องนี้หรอก ปล่อยให้มันอวดดีไปตามที่มันต้องการ โอสถใหม่ไม่ได้หมายถึงยอดขายที่ดี โอสถทั้งสามคือโอสถพื้นฐานที่สุดของเราและยังขายดีจนถึงตอนนี้ ไม่มีใครหรือสิ่งใดที่จะมาขวางได้”
เฟยฮั่งพูดต่อ
“มันต้องมีเหตุผลอยู่แล้วนั่นก็เพราะฤทธิ์โอสถนั้นดีในราคาที่เหมาะสม มันคือสิ่งสำคัญที่สุดแล้ว ไม่มีร้านใดอยู่ได้นานหากต้องพึ่งพาสินค้าใหม่เพียงอย่างเดียว”
คำพูดของเฟยฮั่งนั้นฟังดูมีเหตุผล