เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 629
เห็ดหลินจือพันปีก็ตกลงบนบันไดสวรรค์ขั้นที่สูงที่สุด

เมื่อเห็นเช่นนี้

ผู้คุมกฎสิบและเหลิงฉานต่างก็โยนสมุนไพรในมือของพวกเขาขึ้นไปเหมือนกัน

เป็นที่ชัดเจนว่า

ใครก็ตามที่สามารถไปถึงจุดสูงสุดได้ก่อน ก็จะได้รับสมบัติล้ำค่าทั้งสามนี้!

เมื่อเห็นสมบัติทั้งสามชิ้นนี้

นักบู๊นับพันต่างก็พากันตาร้อนผ่าว ดวงตาของพวกเขาปรากฏความโลภออกมา

แต่ก็ไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้าเพื่อแย่งชิงมัน

ทุกคนรู้ดีว่า สมบัติทั้งสามชิ้นนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะเอื้อมถึง

ใครกล้าลงมือ ก็ต้องตายเป็นแน่!

เพียงครู่เดียว

หยางเฟิง ผู้คุมกฎสิบ และเหลิงฉาน ได้กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนที่อยู่ที่นั่น!

หยางเฟิงมาที่ข้างๆ เย่หลงและพูดด้วยเสียงเบาว่า “ท่านผู้เฒ่า ท่านอย่าหลอกข้านะ! เพื่อท่านแล้ว ข้าถึงขนาดเอาเห็ดหลินจือพันปีออกมาเดิมพันเชียวนะ!”

ที่แท้

เหตุผลที่หยางเฟิงเสนอให้มีการเดิมพันแข่งขันกับผู้คุมกฎสิบและเหลิงฉาน

เป็นเพราะเย่หลงได้กล่าวไว้ว่า เขามีวิธีช่วยให้หยางเฟิงขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้

เย่หลงกลอกตามองบน และพูดว่า

“เจ้าวางใจได้! ตราบใดที่เจ้าทำตามที่ชายชราผู้นี้บอก ข้ารับรองว่าเจ้าจะเป็นคนแรกที่ไปถึงยอด เข้าไปในหลุมฝังศพของอาจารย์ และได้ชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรมาครอง!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น

หยางเฟิงสูดหายใจเข้าลึก

แม้ว่าไอ้เฒ่าคนนี้ บางครั้งดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ

แต่เรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้ หยางเฟิงก็ทำได้เพียงต้องเชื่อคำพูดของเขาเท่านั้น

จริงๆ แล้วตัวเขาเองมาที่นี่ ก็เพื่อชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร

จะให้ถอยทัพกลับ เพราะแค่เรื่องขึ้นบันไดสวรรค์ ก็ไม่น่าจะได้ไหม?

หยางเฟิงมาถึงหน้าขั้นบันไดหิน มองดูผู้คุมกฎสิบและเหลิงฉานแล้วพูดว่า “ดีล่ะ พวกเรามาเริ่มกันได้เลย!”

“ฮึ!”

ผู้คุมกฎสิบและเหลิงฉานต่างก็หัวเราะอย่างเย็นชา และไม่ได้สนใจหยางเฟิง

ฟิ่ว!

ฟิ่ว!

ฟิ่ว!

พริบตาเดียว

ร่างของทั้งสาม ก็บินไปที่บันไดสวรรค์พร้อมกัน

“ท่านแม่ทัพ สู้ๆ!”

“ท่านแม่ทัพ สู้ๆ!”

“เจ้าพันธมิตรหยาง สู้ๆ!”

เมื่อเห็นทั้งสามคนลุยขึ้นไป

เสือขาว องครักษ์มังกร จางเทียนซานและคนอื่นๆ ต่างก็ตะโกนเชียร์กันทันที

คนของกุ่ยเหมินก็ไม่ยอมแพ้

เย่ชิวและเหอเซิ่งหงต่างก็ตะโกนนำขึ้นเสียงดัง

“ผู้คุมกฎสิบ สู้ๆ!”

“ผู้คุมกฎสิบ สู้ๆ!”

“ผู้คุมกฎสิบ สู้ๆ!”

เมื่อเห็นเสือขาวและเย่ชิวต่างก็ช่วยกันเชียร์หัวหน้าของตน

แม้ความสัมพันธ์ระหว่างหลี่ซู่กับเหลิงฉานจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่

แต่ยังไงตอนนี้ เหลิงฉานก็เป็นตัวแทนของศูนย์พันธมิตรบู๊

ถ้าเหลิงฉานแพ้ขึ้นมา

ศูนย์พันธมิตรบู๊ก็จะอับอายขายหน้า

“ผู้คุมกฎใหญ่ สู้ๆ!”

“ผู้คุมกฎใหญ่ สู้ๆ!”

“ผู้คุมกฎใหญ่ สู้ๆ!”

ชั่วขณะหนึ่ง

เสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งฟ้า

นกทั้งหลายที่อยู่ในหุบเขาต่างก็ตกใจบินไป

ส่วนนักบู๊คนอื่นๆ ก็คือกำลังดูเรื่องสนุกอยู่

ไม่ว่าในสามคนนี้ใครเป็นผู้ชนะ

ก็ไม่เกี่ยวกับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย

เหตุผลที่พวกเขายังอยู่ ก็เพื่อหาโอกาสที่จะคว้าชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรมา

หลังจากที่ทั้งสามคนเริ่มปีนขึ้นบันไดสวรรค์

ความแตกต่างของพลังระหว่างทั้งสามคน ก็เผยให้เห็นได้อย่างเด่นชัดในทันที

หยางเฟิงเป็นผู้นำ และเร็วที่สุด

ผู้คุมกฎสิบตามอยู่ข้างหลังเล็กน้อย

ส่วนเหลิงฉานนั้นอยู่รั้งท้าย

ตามจริงแล้ว เหลิงฉานได้รับบาดเจ็บมาก่อนหน้านี้เพราะการโจมตีของหยางเฟิง

แม้ว่าจะกินโสมพันปีไปแล้ว แต่ก็ยังถือว่ามีอาการบาดเจ็บหลงเหลืออยู่บ้าง

เมื่อเห็นว่าหยางเฟิงขึ้นนำอย่างโดดเด่น

ผู้คุมกฎสิบและเหลิงฉานต่างก็หน้าเสียในทันที และเริ่มกัดฟันพยายามเร่งความเร็ว

ทั้งสองคนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแดนปรมาจารย์ใหญ่

เย่ชิวย่อมเทียบไม่ได้อยู่แล้ว

เพียงชั่วขณะ

ทั้งสามคนก็ขึ้นไปถึงขั้นที่ห้าสิบแล้ว

บันไดสวรรค์ทั้งหมดมี 100 ขั้นบันไดหิน

ห้าสิบขั้น ก็เท่ากับครึ่งหนึ่ง!

หลังจากขึ้นไปถึงขั้นที่ห้าสิบแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นหยางเฟิง ผู้คุมกฎสิบ หรือเหลิงฉาน ล้วนมีความเร็วที่ลดลง

ทั้งสามคนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว ที่กำลังกดทับพวกเขาอยู่ตลอดเวลา

แม้ว่าความเร็วของหยางเฟิงจะไม่ลดลง แต่สีหน้าของเขาก็เริ่มซีดขาวเล็กน้อย

เขาไม่คิดว่า

แรงกดดันในการปีนขึ้นบันไดสวรรค์นั้น จะมหาศาลจนน่าเหลือเชื่อขนาดนี้