บทที่ 638 เป็นการโจมตีที่ยอดเยี่ยม

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 636 เป็นการโจมตีที่ยอดเยี่ยม

กองทัพขนาดใหญ่เคลื่อนไปข้างหน้าเร็วกว่าปกติหลายเท่า ฉีเฟยอวิ๋นและหนานกงเย่ต้องแยกจากกัน ทั้งสองพูดกันสองสามคำและอธิบายอย่างชัดเจนว่าฉีเฟยอวิ๋นดูแลจัดการกองทัพแนวหลัง

หนานกงเย่ตามกองทัพขนาดใหญ่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หวาชิงไปหาฉีเฟยอวิ๋นก่อนออกเดินทาง นางมอบกระเป๋าเงินที่พกติดตัวให้ฉีเฟยอวิ๋น และบอกให้ฉีเฟยอวิ๋นเก็บไว้ให้ดี

สีหน้าของฉีเฟยอวิ๋นดูงุนงง นางไม่เคยคิดฝันว่าหวาชิงเปลี่ยนไปรักคนอื่น และคนที่เปลี่ยนไปรักคนอื่นก็คือนาง?

จะบ้าไปแล้วหรือ!

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกหวาดกลัว

เมื่อเห็นว่าหวาชิงจากไปแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็หยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาดู แล้วเปิดกระเป๋าเงินออก นางหยิบกระดาษออกมาจากกระเป๋าเงิน มีตัวอักษรที่เขียนลงในกระดาษเพียงไม่กี่คำ:รอข้ากลับมา!

ฉีเฟยอวิ๋นใส่กระดาษกลับเข้าไป และมองไปทางหนานกงเย่ ในขณะนั้นหนานกงเย่ยังไม่ได้จากไป และเขาก็เห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน เขาไม่ได้มา แสดงให้เห็นว่าเขาคาดการณ์สิ่งเหล่านี้ไว้นานแล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นกลอกตามองไปที่หนานกงเย่ สีหน้าของหนานกงเย่เย็นชาและไม่ได้ยิ้มให้นาง

หลังจากที่หนานกงเย่ตามกองทัพใหญ่ออกไปแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็โกรธเล็กน้อย

ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนั้น เขากล่าวว่าไม่ว่าหวาชิงต้องการอะไร เขาล้วนแล้วแต่ตกลง ทุกคนในกองทัพล้วนแต่คิดว่าเขาต้องการให้สถานะพระชายารองแก่หวาชิง แต่สิ่งที่หวาชิงต้องการไม่ใช่สถานะที่เขาให้ แต่เป็นของนาง

เมื่อหวาชิงกลับมาหลังจากชนะศึกครั้งนี้ นางเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง นางไม่สามารถสู่ขอหวาชิงได้ เช่นนั้นแล้วคงจะยุ่งยาก

แต่ก็ไม่เป็นไร เขาคงไม่ยอมให้หวาชิงประสบความสำเร็จ

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเหมือนถูกหนานกงเย่แทงด้วยมีด แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไร นางยังต้องหาโอกาสส่งกองกำลังล่วงหน้าไปก่อน แล้วนำทุกสิ่งที่ต้องการมาให้ถึงมือ

การติดตามของพวกเขาไม่มีหวาชิง ประกอบกับฉีเฟยอวิ๋นควบคุมดูแลกองทัพแนวหลัง ฉีเฟยอวิ๋นจะทำอะไรก็สะดวกมากขึ้น

ต้องติดตามกองทัพ ฉีเฟยอวิ๋นจึงหารถม้าให้ตนเองหนึ่งคัน นางพาเสี่ยวเฉียวและอามู่มาด้วย เหล่าตู้ไม่สามารถเดินทางไกลได้ ดังนั้นจึงอยู่รอพวกเขาที่เมืองกู่

รถม้าของฉีเฟยอวิ๋นก็เร็วมากเช่นกัน และเดินทางหลายพันลี้ต่อวัน ไม่นานเมืองแรกก็ถูกยึดและตามไปอย่างรวดเร็ว

ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่แน่ใจว่ายังมีเสบียงอีกมากน้อยแค่ไหนที่จะนำออกมาได้ นางจึงเก็บเสบียงไว้ครึ่งหนึ่งและเอาไปครึ่งหนึ่ง

เมื่อมาถึงเมืองอื่น ๆ ฉีเฟยอวิ๋นก็พบตำแหน่ง และรีบให้คนที่นางจัดเตรียมไว้ลงไปดู

เสบียงยังคงเพียงพอ ส่วนทรัพย์สมบัติ ฉีเฟยอวิ๋นส่งมอบให้คนของหนานกงเย่ และเคลื่อนย้ายในทันที

ไม่นานกองทัพก็บุกเข้ายึดเมืองที่หก เป็นไปอย่างที่หนานกงเย่คาดการณ์ไว้ แม่ทัพซานเต๋อถูกจับกุม และแม่ทัพของเมืองอื่น ๆ ก็ล้วนแต่หวาดกลัว มีบางเมืองยอมที่จะเปิดประตูเมือง ราษฎรยอมจำนน และทหารก็หนีไปแล้ว

เมื่อหนานกงเย่ผ่านเมืองที่หกไป ก็เท่ากับโจมตีครึ่งหนึ่งของแคว้นอู๋โยวแล้ว เขาจึงพักอยู่ที่จุดนั้นเป็นเวลากว่าสองชั่วยาม ตอนที่กำลังเตรียมจะโจมตีต่อไป ท่านอ๋องใหญ่ของแคว้นอู๋โยวก็มาส่งหนังสือยอมจำนนมาด้วยตนเอง

เพื่อที่จะโจมตีต่อไป หนานกงเยจึงเฆี่ยนตีผู้ที่นำหนังสือยอมมาส่งให้ และบอกว่าเขาเป็นคนที่สวมรอย และบอกเขารู้จักเพียงแค่จวินโม่ซ่าง ส่วนคนอื่น ๆ นั้นเขาไม่รู้จัก

ท่านอ๋องใหญ่ถูกเฆี่ยนตี และในวันที่สองหนานกงเย่ไล่ล่าชัยชนะต่อ เพื่อที่จะล้างบางศัตรู

แคว้นอู๋โยวเป็นแคว้นเล็ก ๆ ที่มีประชากรจำนวนมาก และเดิมทีก็ไม่ควรที่จะสู้รบ

หลังจากการสู้รบนานกว่าครึ่งเดือน แคว้นอู๋โยวก็ถูกทหารกว่าห้าแสนนายของหนานกงเย่เข้ายึดครอง

นี่นับว่าเป็นประวัติกาล เป็นการโจมตีที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ไม่มีการพะวงในการสู้รบเลยแม้แต่น้อย แคว้นอู๋โยวนั้นเทียบเท่ากับการไม่มีอยู่จริง

แต่เมื่อมาถึงเมืองหลวงของแคว้นอู๋โยว หนานกงเย่ก็ไม่สนใจอีกต่อไป กองทัพล้อมรอบเมืองหลวงของแคว้นอู๋โยวไว้ทั้งหมด และไม่สามารถเข้าออกได้

ทหารกว่าห้าแสนนายได้เข้าประชิดกำแพงเมืองแล้ว หนานกงให้คนวางเก้าอี้ไว้ห่างจากกำแพงเมืองพันลี้ เขานั่งลงบนเก้าอี้และรอให้ประตูเมืองของแคว้นอู๋โยวเปิดออก

ฉีเฟยอวิ๋นขุดหาทรัพทย์สมบัติ รวมทั้งเสบียงจากเมืองต่าง ๆ ที่ถูกยึดมากกว่าสิบสองเมือง ตอนนี้นางไม่มีภาระหน้าที่และรู้สึกตัวเบาสบายจนสามารถถอยทัพได้แล้ว

แต่นางก็ยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ หนานกงเย่

“ท่านอ๋องยังต้องการที่จะเข้าไปอีกหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นถามด้วยเสียงต่ำ หนานกงเย่เหลือบมองฉีเฟยอวิ๋น

“ไม่สำคัญว่าจะเข้าไปได้หรือไม่ แต่ข้าไม่อยากที่จะกลับไปจริง ๆ และต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อกวาดล้างทั่วทั้งหกแคว้นและครอบครองใต้หล้า”

“แล้วเหตุใดท่านอ๋องถึงยังนั่งรออยู่ที่นี่?”

“คำพูดเมื่อพูดออกไปแล้ว ไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้ ในเมื่อรับปากแล้ว ก็ไม่สามารถผิดคำพูดได้” หนานกงเย่กล่าวอย่างราบเรียบ

ฉีเฟยอวิ๋นถามว่า:“ท่านอ๋อง จะให้ข้ากลับไปก่อน หรือว่าจะกลับไปด้วยกัน?”

“กลับไปก่อนเถอะ ข้าจะต้องใช้เวลาอีกครึ่งเดือนกว่าจะจากไปได้ ถึงอย่างไรก็ต้องปิดล้อมแคว้นอู๋โยว และทำให้พวกเขารู้ว่าต้าเหลียงของข้าไม่ได้ยั่วยุได้ง่าย ๆ”

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกขบขัน:“หรือว่าไม่ใช่เพราะแม่ทัพซานเต๋อถูกจับกุม จนทำให้พวกเขาหวาดกลัว ท่านอ๋องถึงได้ใช้เวลาเพียงครึ่งเดือนโจมตีมาถึงที่นี่”

“แล้วอย่างไร?” สีหน้าของหนานกงเย่ดูหยิ่งผยอง ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกละอายใจแทนเขา หากไม่ใช่เพราะแคว้นอู๋โยวสูญเสียแม่ทัพซานเต๋อ องค์รัชทายาทจวินโม่ซ่างถูกคุมขังอยู่ที่ต้าเหลียง ผู้คนรู้สึกท้อแท้ ราษฎรหมดความไว้วางใจราชสำนัก หนานกงเย่ส่งคนมากระจายข่าวที่แคว้นอู๋โยว แล้วเขาจะเข้าไปง่าย ๆ ได้อย่างไร เขาใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือนในการโจมตีแคว้นอู๋โยวจนมาถึงเมืองหลวง

ในตอนนี้แคว้นอู๋โยวถูกปิดล้อมไว้อย่างแน่นขนัด หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เมืองหลวงก็คงจะเสบียงร่อยหรอและอดตาย ไม่ต้องพูดถึงจักรพรรดิที่เบาปัญญาของแคว้นอู๋โยวเลย เขาเป็นคนที่รักตัวกลัวตายคนหนึ่ง ไม่เพียงแต่เชื่อการใส่ร้ายป้ายสี แต่ยังไม่ทำอะไรเลย ถึงได้นำไปสู่สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้

แคว้นอู๋โยวมีวันนี้ก็สมควรแล้ว

แต่ฉีเฟยอวิ๋นคาดเดาว่าเหตุผลที่หนานกงเย่ไม่เข้าไปในเมืองหลวงของแคว้นอู๋โยว เป็นเพราะกองทัพไม่ได้หยุดเลยเป็นเวลาครึ่งเดือน ทหารบางคนเดินทางจนขาล้าแทบหักแล้ว และพวกเขาอาจจะสู้รบไม่ไหว

สัตว์ร้ายที่ติดกับดักนั้นดุร้ายที่สุด และยิ่งดิ้นรนมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

เป็นไปได้มากว่าจะมีผู้บาดเจ็บล้มตาย ดังนั้นจึงควรพักก่อน

หลังจากที่เหล่าทหารได้พักเอาแรงแล้ว พวกเขาก็จะเข้าไปยึดเมืองหลวงของแคว้นอู๋โยวในคราวเดียว

หากมีเสาหลักอยู่ในแคว้นอู๋โยว ในเวลานี้ก็คงจะจัดกำลังคนออกมาแล้ว และพวกเขายังพอมีโอกาสที่จะพลิกสถานการณ์

หากสามารถจับกุมตัวหนานกงเย่ได้ อะไร ๆ ก็จะง่ายขึ้น

ลงมือจัดการกับเสาหลังก่อน หากสามารถจับกุมตัวหนานกงเย่ได้ กองทัพของต้าเหลียงก็ต้องล่าถอย

แต่ในเวลานี้หนานกงเย่หยิ่งทะนง และไม่เห็นว่าจะมีใครออกมาจากแคว้นอู๋โยว เหมือนเต่าที่หดหัวอยู่ในกระดองและไม่ยอมออกมา

การไม่ออกมานั้นถือว่าเป็นโอกาส และเป็นการส่งสารให้หนานกงเย่ ในเมืองไม่มีคนที่เป็นประโยชน์เลย ผู้ที่กระโดดโลดเต้นในเรื่องนี้ก่อนหน้านี้ หรือว่าคนผู้นั้นไม่อยู่ หากไม่อยู่แล้ว ประการแรกหนานกงเย่จะได้ไม่ต้องสนใจ และประการที่สองเขาจะได้ไม่ต้องเข้าไปตามหาใคร

แต่หากอยู่ ด้วยนิสัยของหนานกงเย่แล้ว เขาจะต้องจับกุมคนผู้นั้นอย่างแน่นอน

เขาจะไม่ทนต่อความไม่ยุติธรรม มีคนยั่วยุให้เกิดสงครามระหว่างสองแคว้น และปล่อยให้ต้าเหลียงกับอู๋โยวทำสงครามกัน แล้วเขาก็ระดมกำลังทหารทั้งหมดของแคว้นโจมตีเมืองหลวงของแคว้นอู๋โยว นี่ไม่ใช่การเล่นสนุก

ความไม่พอใจในนั้นคือความโกรธที่จะเปลี่ยนคนให้กลายเป็นเถ้าถ่าน

แต่หากคนผู้นั้นอยู่ที่นี่จริง ๆ หนานกงเย่ก็จะทำสงครามในวงกว้าง และเกรงว่าคงจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะ

การปรากฏตัวของคนเพียงคนเดียว ทำให้ต้าเหลียงระดมกำลังทหารทั้งหมดของแคว้น พูดออกไปแล้วก็น่าอับอาย

ไม่ว่าจะเป็นอู๋โยวหรือว่าต้าเหลียง ล้วนเป็นเรื่องที่อัปยศทั้งสิ้น

เนื่องจากเป็นความอัปยศ หนานกงเย่จึงสามารถเพิกเฉยได้

ขอเพียงแค่คนผู้นั้นไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงของแคว้นอู๋โยว เขาก็จะไม่สนใจ ในขณะนี้ได้นำความผิดทั้งหมดมาสู่แคว้นอู๋โยว ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความโง่เขลาของแคว้นอู๋โยว แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถของหนานกงเย่ และความแข็งแกร่งของต้าเหลียง

พูดตรง ๆ คือทำให้เจ้ารังแกข้า แล้วราคาที่รังแกข้าก็เปลี่ยนเป็นการสูญเสียแคว้น

เป้าหมายคือเรื่องการตามฆ่าจงชินอ๋องอย่างลับ ๆ

หนานกงเย่ชนะแล้ว และเป็นการโจมตีที่ยอดเยี่ยม!