DND.
“อะไรนะ?โอสถที่ทำให้วิญญาณแข็งแกร่งได้งั้นเรอะ?”
มีคนตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
จากนั้นก็มีเสียงโวยวายดังกระหึ่มขึ้นมันราวกับภูเขาไฟที่ระเบิดอย่างแรง! เพราะนี่ไม่ใช่ต้นหอมอำพันสามรากที่เป็นพืชที่ต้องเกิดขึ้นเอง ถึงมันจะทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้นได้ มันก็ยากที่จะได้มาและไม่เพียงพอกับความต้องการของยอดฝีมือทุกคน แต่โอสถนี้ปรุงขึ้นมาด้วยแรงงานนักปรุงยา ทุกคนย่อมมีโอกาสได้มันมาครอง!
อาจารย์เกาพยักหน้าเบาๆและพูด
“ใช่แล้วการทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้นคือฤทธิ์ของวารีผงกลั่นดวงใจที่เป็นโอสถโบราณ! นอกจากนั้นแล้วมันยังใช้ได้ดีมากกับผู้ที่บ่มเพาะดวงวิญญาณอยู่!”
เป็นอีกครั้งที่ผู้คนส่งเสียงร้องดังกระหึ่มโรงประมูล
“เป็นไปไม่ได้น่า!”
มีคนตะโกนขึ้นมาเพราะความตกใจอีกครั้ง
หูหวังกุยเป็นผู้ที่กังขามากที่สุด
“สูตรวารีผงกลั่นดวงใจมิใช่ความลับทุกกลุ่มอำนาจควรมีแบบคัดลอกของสูตรเอาไว้แล้ว ส่วนเรื่องที่โอสถนี้ไม่ได้เกิดขึ้นใหม่ในจิวโจวแม้จะผ่านมานานนั้นทุกคนล้วนรู้เหตุผล…ไม่เร็วไปหน่อยรึที่พวกเราจะดีใจ?”
หูหวังกุยทำให้อารมณ์ของทุกคนหดหู่ลงจริงๆหลายคนใจเย็นลงและกลับมาคิดไตร่ตรองดูใหม่
พวกเขาคิดว่าถ้าหากหอวิญญาณฟ้ามีสูตรโอสถนี้ผู้มีอำนาจในเมืองเทียนหยาก็น่าจะมีด้วย โอสถนี้ไม่ยากนักที่จะปรุง มันเป็นเพียงแค่โอสถชั้นกลาง แต่ผู้คนก็ยังไม่รู้ว่าเหตุใดมันถึงไม่ถูกผลิตมาเป็นระยะเวลานาน
เหตุผลก็คือพวกเขาไม่รู้ว่าวัตถุดิบหลักนั้นได้สูญพันธุ์ไปหมดแล้ววัตถุดิบนั้นก็คือหญ้าใจสลาย! มันคือหญ้าที่หายไปจากโลกมานานแล้ว เหลือเพียงแค่เศษเสี้ยวของประวัติศาตร์ที่บันทึกเอาไว้เท่านั้น
วัตถุดิบหลักของโอสถวิหคเพลิงมังกรนั้นก็สูญพันธุ์เช่นกันแต่ก็ไม่ได้หายไปจนหมดไม่แปลกใจนักที่หูหวังกุยที่มีผู้อยู่เบื้องหลังจะเพาะปลูกจะชุบชีวิตวัตถุดิบนั้นขึ้นมาได้
แต่กระนั้นหญ้าใจสลายได้หายไปจนหมดจริงๆ โลกไม่ได้เห็นมันมาหลายร้อยหลายพันปีแล้ว การปรากฏตัวอีกครั้งของวารีผงกลั่นดวงใจจึงเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลถึงที่สุด นั่นทำให้เรื่องนี้น่าตกใจ!
หูหวังกุยราวกับมองอุบายของตำหนักโลหิตออก
“ฮ่าๆๆๆพวกเจ้าทำเรื่องนี้เพื่อกอบกู้สถานการณ์เพราะหวาดกลัวเกินไปที่จะแพ้สินะ?”
คำพูดของเขาทำให้ผู้คนหวั่นใจถ้าหากตำหนักโลหิตทำเช่นนั้นจริง มันจะไม่ใช่ความพ่ายแพ้ในงานประมูลเท่านั้นแต่เป็นการสูญเสียชื่อเสียงด้วย! เพราะไม่มีสิ่งใดที่แย่กว่าการให้ความหวังผู้คนแล้วทำลายมันทันทีในเวลาต่อมาอีกแล้ว!
อาจารย์เกาตอบ
“ข้ามิใช่ผู้รับผิดชอบในการทำให้ทุกท่านเชื่อข้าเพียงแค่ทำหน้าที่ประเมินสินค้าประมูล ข้าจะรินสามหยดและเชิญให้คนสามคนขึ้นมาลิ้มรส คนแรกคือเจ้าของร้านหู เพราะท่านคือคนที่กังขามากที่สุด! ส่วนคนที่สองคือแม่นางหลิงที่ดูสนใจโอสถวารีนี้! และสุดท้าย…ข้าขอมอบสิทธิ์แก่แม่นางลู่จากตำหนักเมฆาม่วง”
หูหวังกุยขมวดคิ้ว
“ก็ดี!ข้าจะลองดู!”
แม่นางหลิงยิ้มอย่างเย็นชาและมองห้องรับรองพิเศษที่สอง
“ก็ได้ข้าจะได้แสดงความนับถือเจ้าของโอสถโดยการลองชิมโอสถของเขา”
แต่สตรีสกุลลู่จากตำหนักเมฆาม่วงยังคงเงียบนางเพียงแค่กระโดดขึ้นเวทีอย่างสง่างามราวกับผีเสื้อเทพ นางรับโอสถหนึ่งหยดและดื่มเข้าไป สีหน้าที่แปรเปลี่ยนมิอาจมองได้เพราะนางสวมม่านคลุมหน้า แต่ความยินดีก็ปรากฏใจดวงตาผ่านม่าน
“มันทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้นจริง!ดูจากฤทธิ์ สี กลิ่น รสชาติ มันคือวารีผงกลั่นดวงใจของจริง!”
นางพูดออกมา
แม่นางหลิงจึงลองโอสถในเวลาที่ทุกคนมองนางด้วยความริษยานางกระพริบตาและพูดอย่างไม่แยแส
“มันคือวารีผงกลั่นดวงใจข้าสาบานด้วยชื่อเสียงของข้า”
การยืนยันของสตรีทั้งสองทำให้คนที่สงสัยพอใจเพราะแม่นางหลิงคือสตรีสูงส่ง ไม่มีเหตุผลที่นางจะร่วมมือกับตำหนักโลหิตเพื่อหลอกพวกเขา
แต่ยังเหลืออีกคนและคำตัดสินของเขาคือสิ่งสำคัญที่สุด หูหวังกุยเดินขึ้นเวทีและตรวจสอบโอสถอย่างใกล้ชิด เขารู้จากประสบการณ์ว่ามันคือวารีผงกลั่นดวงใจที่ไม่สามารถปรุงได้อีกแล้วของจริง
เขาตกตะลึงมากกว่าสตรีทั้งสองแต่เขาก็ต้องจำใจยอมรับ เขาลังเลอยู่นานก่อนจะดื่มมัน
ผ่านไปนานเขาลืมตาช้าๆ ดวงตาของเขาดูสงบสุขอย่างมาก เขาพยักหน้าเบาๆ ผู้คนมองเขาอย่างคาดหวัง เขากล่าว
“ใช่นี่คือวารีผงกลั่นดวงใจจริงๆ”
ผู้คนส่งเสียงวุ่นวายเมื่อได้ฟังคำตอบแม้แต่หูหวังกุยที่อยู่ฝั่งตรงข้ามยังยอมรับ! เช่นนั้นก็แสดงว่ามันได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งจริงๆ!
แต่ก่อนที่ทุกคนจะได้ตกใจไปมากกว่านี้หูหวังกุยได้พูดอย่างเย็นชา
“แต่…ฤทธิ์ที่ทำให้วิญญาณแข็งแกร่งยังอ่อนเกินไป!มันไม่ได้มากกว่าต้นหอมอำพันสามรากเลย เช่นนั้น…โอสถที่จะทำให้กลายเป็นจ้าวเทวะชั้นเกือบเป็นศูนย์! โอสถโบราณนี่ช่างน่าผิดหวังนัก!”
ทุกคนที่ได้ฟังต่างคิด…เป็นไปได้รึว่าฤทธิ์มันจะอ่อนเช่นนั้น?
“แม่นางหลิงแม่นางลู่ เป็นจริงหรือไม่?”
ชายแก่ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งถามขึ้นมา
แม่นางหลิงตอบอย่างใจเย็น
“ใช่แล้ววารีผงกลั่นดวงใจนี้มีฤทธิ์ที่ธรรมดานัก ข้าต้องยอมรับว่าข่าวลือกล่าวเกินจริงไปมาก”
สตรีสกุลลู่จากตำหนักเมฆาม่วงพยักหน้า
“ใช่แล้วฤทธิ์ของมันไม่ได้ดีอย่างที่พวกเราเชื่อ”
เหล่าผู้ชมที่คาดหวังใจหายเมื่อได้ฟังคำตอบ
“อาจารย์เกาข้าอยากจะได้ฟังคำประเมินจากท่าน…”
ผู้ชมอีกคนเรียกอาจารย์เกาเขายังไม่คิดจะหมดหวัง
“มีอะไรให้ต้องพูดอีกเล่า?มันต้องถูกค้นเจอจากซากโบราณ ฤทธิ์มันเสื่อมผ่านกาลเวลาไปแล้ว! น่าขันนักที่ตำหนักโลหิตคิดจะใช้มันมาชี้นำผู้คนให้เข้าใจผิด ทุกท่าน อย่าโดนกลชั้นต่ำเช่นนี้หลอกเลย!”
หูหวังกุยพูดขึ้นมาโดยไม่รอให้อาจารย์เกาตอบ
เสียงกระซิบกระซาบในหมู่คนดังไม่ขาดสายพวกเขาทั้งสงสัยและเป็นกังวล หูหวังกุยยิ้มอย่างเย็นชา เขาคิดในใจว่าเขาควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมดแล้ว
“ฮ่าๆๆก็อย่างที่เจ้าของร้านหูพูด…วารีผงกลั่นดวงใจนี้มีฤทธิ์ธรรมดาที่อ่อนด้อยกว่าต้นหอมอำพันสามรากเล็กน้อย…”
อาจารย์เกายิ้มรับ
ผู้คนใจเย็นลงเมื่อเห็นรอยยิ้มเย็นของอาจารย์เกาแต่พวกเขาก็รู้สึกผิดหวังในทันทีที่ได้ฟังคำยืนยันจากเขา
อาจารย์เกายังคงพูดต่อไป
“เหตุผลง่ายดายนัก…นั่นก็เพราะวารีผงกลั่นดวงใจที่ท่านทั้งสามได้ลิ้มรสก็คือโอสถที่เสียหาย!มิใช่เพราะเก็บมานานหลายปีแต่เป็นเพราะล้มเหลวในขั้นตอนการปรุง!”
ดวงตาของอาจารย์เกาเปล่งประกายดั่งดวงตะวัน
“ข้าขอรับประกันด้วยชื่อเสียงของข้าว่าโอสถนี้ปรุงเมื่อไม่เกินห้าวันที่แล้ว!หรือกล่าวคือ…มันถูกปรุงโดยยอดฝีมือยุคปัจจุบัน!”
อะไรนะ?ความหวังที่เหือดแห้งของเหล่าคนได้ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง
หูหวังกุยกล่าวต่อ
“จริงเรอะ?เจ้าไม่แสดงโอสถที่ปรุงได้สำเร็จมาเลยเล่า?”
อาจารย์เกาพยักหน้าโดยไม่ลังเล
“ย่อมได้!”
เขาปรบมือสาวใช้อีกคนที่ยืนด้านข้างเดินเข้ามา นางถือกล่องหยกในมือ มันตรงกันข้ามกับโอสถก่อนหน้าที่มีสีม่วงเข้ม โอสถในกล่องหยกนี้มีสีม่วงสดราวกับบุพผาในฝัน สีของมันถูกต้องตามตำราที่ระบุไว้อย่างชัดเจน
ดวงตาสดใสของแม่นางลู่แสดงความตกใจนางมองกล่องหยกด้วยความยินดี พร้อมกันนั้น แม่นางหลิงก็ไปเหลือบมองไปยังห้องรับรองพิเศษที่สอง!
“นี่คือวารีผงกลั่นดวงใจที่สมบูรณ์แบบมันเป็นโอสถระดับสามซึ่งถือว่าสูง ที่สำคัญกว่าก็คือมันปราศจากสิ่งแปลกปลอม แสดงถึงความสำเร็จของผู้ปรุงที่ยอดเยี่ยม!”
อาจารย์เกากล่าวชื่นชมอย่างใจกว้าง
เขาพูดต่อ
“ข้าลิ้มลองด้วยตัวเองมาแล้วฤทธิ์ของมันเหนือกว่าต้นหอมอำพันสามรากไปเกินสองเท่า! หากภูติระดับเก้าได้ดื่มสักร้อยหยด คนผู้นั้นก็จะกลายเป็นจ้าวเทวะได้!”
เสียงของอาจารย์เกาดูตื่นเต้นในฐานะของผู้ประเมินสมบัติ ไม่มีสิ่งใดน่าดีใจไปกว่าการได้พบสมบัติอันประเมินค่าไม่ได้ด้วยตาตัวเอง!
“ฤทธิ์แรงกว่าต้นหอมอำพันสามรากสองเท่า!”
คนอื่นๆตื่นเต้นเมื่อได้ฟัง
“ครั้งนี้วารีผงกลั่นดวงใจทั้งสองแบบจะวางประมูลด้วยกัน ราคาของโอสถเสียหายเริ่มต้นที่ห้าสิบดวง การขึ้นราคาแต่ละครั้งจะต้องไม่ต่ำกว่าห้าดวง! ส่วนโอสถที่สมบูรณ์จะเริ่มต้นที่หนึ่งร้อยดวง ขึ้นราคาแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่าสิบดวง! เริ่มประมูลได้!”
อาจารย์เกาประกาศด้วยความดีใจ
หลังจากเรื่องราวพลิกกลับไปมาวารีผงกลั่นดวงใจก็ได้จุดประกายความต้องการของผู้คนอีกครั้ง! โดยเฉพาะกับเหล่าภูติระดับเก้าที่ไม่เป็นจ้าวเทวะมานาน พวกเขานับว่ามันเป็นจุดผลิกผันของชีวิต พวกเขาทุกคนต่างเข้าแข่งแย่งประมูล
ราคาของเสียหายและของสมบูรณ์แบบพุ่งขึ้นสูงผ่านไปครู่เดียว โอสถเสียหายจากห้าสิบก็กลายเป็นร้อย! ส่วนโอสถสมบูรณ์ ราคาได้ทะยานไปถึงห้าร้อยจากหนึ่งร้อย!
และ…ราคายังคงเพิ่มขึ้นต่อไป!ยอดฝีมือหลายคนเพียงแค่อยากจะชมความสนุกในการประมูล หลายคนไม่มีแก้วมากพอติดตัวและทำได้แค่ชมราคาที่พุ่งทะยานฟ้าไปโดยไม่มีทางเลือกนอกจากยอมแพ้ในการประมูลไป นั่นทำให้หลายคนโศกเศร้าเมื่อตระหนักว่าพลาดโอกาสทองไปแล้ว
ครู่ต่อมาโอสถทั้งสองได้ถูกประมูลไปในราคาร้อยห้าสิบดวงและแปดร้อยดวง!
วารีผงกลั่นดวงใจนั้นเป็นโอสถชั้นกลางปกติโอสถระดับต่ำจะมีค่าสิบดวง ชั้นกลางจะมีค่าร้อยดวง ชั้นสูงจะมีค่าราวพันดวง
แต่โอสะชั้นกลางนี้ถูกขายในราคาที่สูงมากและไม่ต่างจากโอสถชั้นสูง!ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันล้ำค่าแค่ไหน!
ถึงอย่างนั้นการขายได้ในราคานี้เกิดจากโรงประมูลที่เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ มิเช่นนั้นคนคงจะสนใจมากขึ้นและราคาจะขึ้นไปถึงพันดวง!
โอสถเสียหายถูกซื้อไปโดยภูติระดับเก้าคนหนึ่งขณะที่โอสถสมบูรณ์ถูกซื้อไปโดยกงซุนหวูซื่อสาวน้อยที่สุดแสนจะร่ำรวย แม้ว่างานประมูลจะจบลงแล้ว ทุกคนก็ยังคงตื่นเต้นไม่หาย
“อาจารย์เกาโอสถนี้ยังมีขายอยู่หรือไม่?”
ยอดฝีมือคนหนึ่งที่ไม่ชนะประมูลถามหลายคนก็อยากจะรู้เช่นกัน พวกเขาไม่เต็มใจจะยอมเสียโอกาสนี้ไป
อาจารย์เกามองไปยังห้องรับรองพิเศษที่สอง
“คงจะดีกว่าที่ให้เจ้าของโอสถตอบคำถามของพวกท่าน…”
ทันใดนั้นสายตาทุกคู่หันไปยังห้องรับรองของซือหยู แม่นางหลิงเองก็มีหวัง…เพราะเจ้าของโอสถอยู่ที่นั่นจริงๆ!
หูหวังกุยตกใจ
“อะไรนะ?หรือว่าจะเป็นมัน?”
เฟยฮั่งกับอวี่หลิงหลงตกใจเช่นกันเฟยฮั่งอุทาน
“นั่นมันซือหยูเซี่ยน!”
พวกเขาไม่เคยคิดว่าเจ้าของสินค้าชิ้นสุดท้ายจะเป็นเจ้าของร้านโอสถเล็กๆที่ไม่มีใครรู้จักอย่างซือหยูเซี่ยน!หูหวังกุยแววตาดุร้าย หัวใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
เขาคิด…คนผู้นี้ต้องถูกกำจัด!
ผลที่ได้จากการนำวารีผงกลั่นดวงใจมาประมูลนั้นเกินกว่าที่เขาจะรับไหวหากมันถูกผลิตวางขายเป็นจำนวนมาก มันจะสร้างกำไรมหาศาลอย่างแน่นอน
พวกเขาพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะกำราบตำหนักโลหิตแต่ตอนนี้มันไม่มีทางทำได้อีกแล้ว! จู่ๆคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมาและพลิกเรื่องราวทั้งหมดไป!
หูหวังกุยกับอีกสองคนคิดเพียงครั้งเดียวก่อนจะพุ่งไปยังห้องของซือหยู
พร้อมกันนั้นแม่นางหลิงก็หัวเราะด้วยความดีใจ
“เจ้าปรากฏตัวออกมาซักทีนะ!”
เงาอันงดงามแล่นไปยังห้องรับรองที่สองนางดูเหมือนกำลังจะจับตัวซือหยูและถามเขาว่าหญ้าใจสลายอยู่ที่ใด!
เมื่อสองฝ่ายนำไปแล้วบางคนที่คิดร้ายก็ใช้ความวุ่นวายเป็นเกราะกำบังกายและพุ่งไปยังห้องของซือหยูเช่นกัน และยังมีคนรีบไปเพราะหวังว่าจะได้เห็นยอดฝีมือที่ชุบชีวิตวารีผงกลั่นดวงใจขึ้นมาด้วยตาตัวเอง!
โรงประมูลตำหนักโลหิตได้เข้าสู่ความยุ่งเหยิงในทันทีทันใด!