ตอนที่ 878 - พลิกผัน

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.
  “อะไรนะ?โอสถที่ทำให้วิญญาณแข็งแกร่งได้งั้นเรอะ?”
  มีคนตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
  จากนั้นก็มีเสียงโวยวายดังกระหึ่มขึ้นมันราวกับภูเขาไฟที่ระเบิดอย่างแรง! เพราะนี่ไม่ใช่ต้นหอมอำพันสามรากที่เป็นพืชที่ต้องเกิดขึ้นเอง ถึงมันจะทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้นได้ มันก็ยากที่จะได้มาและไม่เพียงพอกับความต้องการของยอดฝีมือทุกคน แต่โอสถนี้ปรุงขึ้นมาด้วยแรงงานนักปรุงยา ทุกคนย่อมมีโอกาสได้มันมาครอง!
  อาจารย์เกาพยักหน้าเบาๆและพูด
  “ใช่แล้วการทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้นคือฤทธิ์ของวารีผงกลั่นดวงใจที่เป็นโอสถโบราณ! นอกจากนั้นแล้วมันยังใช้ได้ดีมากกับผู้ที่บ่มเพาะดวงวิญญาณอยู่!”
  เป็นอีกครั้งที่ผู้คนส่งเสียงร้องดังกระหึ่มโรงประมูล
  “เป็นไปไม่ได้น่า!”
  มีคนตะโกนขึ้นมาเพราะความตกใจอีกครั้ง
  หูหวังกุยเป็นผู้ที่กังขามากที่สุด
  “สูตรวารีผงกลั่นดวงใจมิใช่ความลับทุกกลุ่มอำนาจควรมีแบบคัดลอกของสูตรเอาไว้แล้ว ส่วนเรื่องที่โอสถนี้ไม่ได้เกิดขึ้นใหม่ในจิวโจวแม้จะผ่านมานานนั้นทุกคนล้วนรู้เหตุผล…ไม่เร็วไปหน่อยรึที่พวกเราจะดีใจ?”
  หูหวังกุยทำให้อารมณ์ของทุกคนหดหู่ลงจริงๆหลายคนใจเย็นลงและกลับมาคิดไตร่ตรองดูใหม่
  พวกเขาคิดว่าถ้าหากหอวิญญาณฟ้ามีสูตรโอสถนี้ผู้มีอำนาจในเมืองเทียนหยาก็น่าจะมีด้วย โอสถนี้ไม่ยากนักที่จะปรุง มันเป็นเพียงแค่โอสถชั้นกลาง แต่ผู้คนก็ยังไม่รู้ว่าเหตุใดมันถึงไม่ถูกผลิตมาเป็นระยะเวลานาน
  เหตุผลก็คือพวกเขาไม่รู้ว่าวัตถุดิบหลักนั้นได้สูญพันธุ์ไปหมดแล้ววัตถุดิบนั้นก็คือหญ้าใจสลาย! มันคือหญ้าที่หายไปจากโลกมานานแล้ว เหลือเพียงแค่เศษเสี้ยวของประวัติศาตร์ที่บันทึกเอาไว้เท่านั้น
  วัตถุดิบหลักของโอสถวิหคเพลิงมังกรนั้นก็สูญพันธุ์เช่นกันแต่ก็ไม่ได้หายไปจนหมดไม่แปลกใจนักที่หูหวังกุยที่มีผู้อยู่เบื้องหลังจะเพาะปลูกจะชุบชีวิตวัตถุดิบนั้นขึ้นมาได้
  แต่กระนั้นหญ้าใจสลายได้หายไปจนหมดจริงๆ โลกไม่ได้เห็นมันมาหลายร้อยหลายพันปีแล้ว การปรากฏตัวอีกครั้งของวารีผงกลั่นดวงใจจึงเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลถึงที่สุด นั่นทำให้เรื่องนี้น่าตกใจ!
  หูหวังกุยราวกับมองอุบายของตำหนักโลหิตออก
  “ฮ่าๆๆๆพวกเจ้าทำเรื่องนี้เพื่อกอบกู้สถานการณ์เพราะหวาดกลัวเกินไปที่จะแพ้สินะ?”
  คำพูดของเขาทำให้ผู้คนหวั่นใจถ้าหากตำหนักโลหิตทำเช่นนั้นจริง มันจะไม่ใช่ความพ่ายแพ้ในงานประมูลเท่านั้นแต่เป็นการสูญเสียชื่อเสียงด้วย! เพราะไม่มีสิ่งใดที่แย่กว่าการให้ความหวังผู้คนแล้วทำลายมันทันทีในเวลาต่อมาอีกแล้ว!
  อาจารย์เกาตอบ
  “ข้ามิใช่ผู้รับผิดชอบในการทำให้ทุกท่านเชื่อข้าเพียงแค่ทำหน้าที่ประเมินสินค้าประมูล ข้าจะรินสามหยดและเชิญให้คนสามคนขึ้นมาลิ้มรส คนแรกคือเจ้าของร้านหู เพราะท่านคือคนที่กังขามากที่สุด! ส่วนคนที่สองคือแม่นางหลิงที่ดูสนใจโอสถวารีนี้! และสุดท้าย…ข้าขอมอบสิทธิ์แก่แม่นางลู่จากตำหนักเมฆาม่วง”
  หูหวังกุยขมวดคิ้ว
  “ก็ดี!ข้าจะลองดู!”
  แม่นางหลิงยิ้มอย่างเย็นชาและมองห้องรับรองพิเศษที่สอง
  “ก็ได้ข้าจะได้แสดงความนับถือเจ้าของโอสถโดยการลองชิมโอสถของเขา”
  แต่สตรีสกุลลู่จากตำหนักเมฆาม่วงยังคงเงียบนางเพียงแค่กระโดดขึ้นเวทีอย่างสง่างามราวกับผีเสื้อเทพ นางรับโอสถหนึ่งหยดและดื่มเข้าไป สีหน้าที่แปรเปลี่ยนมิอาจมองได้เพราะนางสวมม่านคลุมหน้า แต่ความยินดีก็ปรากฏใจดวงตาผ่านม่าน
  “มันทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้นจริง!ดูจากฤทธิ์ สี กลิ่น รสชาติ มันคือวารีผงกลั่นดวงใจของจริง!”
  นางพูดออกมา
  แม่นางหลิงจึงลองโอสถในเวลาที่ทุกคนมองนางด้วยความริษยานางกระพริบตาและพูดอย่างไม่แยแส
  “มันคือวารีผงกลั่นดวงใจข้าสาบานด้วยชื่อเสียงของข้า”
  การยืนยันของสตรีทั้งสองทำให้คนที่สงสัยพอใจเพราะแม่นางหลิงคือสตรีสูงส่ง ไม่มีเหตุผลที่นางจะร่วมมือกับตำหนักโลหิตเพื่อหลอกพวกเขา
  แต่ยังเหลืออีกคนและคำตัดสินของเขาคือสิ่งสำคัญที่สุด หูหวังกุยเดินขึ้นเวทีและตรวจสอบโอสถอย่างใกล้ชิด เขารู้จากประสบการณ์ว่ามันคือวารีผงกลั่นดวงใจที่ไม่สามารถปรุงได้อีกแล้วของจริง
  เขาตกตะลึงมากกว่าสตรีทั้งสองแต่เขาก็ต้องจำใจยอมรับ เขาลังเลอยู่นานก่อนจะดื่มมัน
  ผ่านไปนานเขาลืมตาช้าๆ ดวงตาของเขาดูสงบสุขอย่างมาก เขาพยักหน้าเบาๆ ผู้คนมองเขาอย่างคาดหวัง เขากล่าว
  “ใช่นี่คือวารีผงกลั่นดวงใจจริงๆ”
  ผู้คนส่งเสียงวุ่นวายเมื่อได้ฟังคำตอบแม้แต่หูหวังกุยที่อยู่ฝั่งตรงข้ามยังยอมรับ! เช่นนั้นก็แสดงว่ามันได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งจริงๆ!
  แต่ก่อนที่ทุกคนจะได้ตกใจไปมากกว่านี้หูหวังกุยได้พูดอย่างเย็นชา
  “แต่…ฤทธิ์ที่ทำให้วิญญาณแข็งแกร่งยังอ่อนเกินไป!มันไม่ได้มากกว่าต้นหอมอำพันสามรากเลย เช่นนั้น…โอสถที่จะทำให้กลายเป็นจ้าวเทวะชั้นเกือบเป็นศูนย์! โอสถโบราณนี่ช่างน่าผิดหวังนัก!”
  ทุกคนที่ได้ฟังต่างคิด…เป็นไปได้รึว่าฤทธิ์มันจะอ่อนเช่นนั้น?
  “แม่นางหลิงแม่นางลู่ เป็นจริงหรือไม่?”
  ชายแก่ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งถามขึ้นมา
  แม่นางหลิงตอบอย่างใจเย็น
  “ใช่แล้ววารีผงกลั่นดวงใจนี้มีฤทธิ์ที่ธรรมดานัก ข้าต้องยอมรับว่าข่าวลือกล่าวเกินจริงไปมาก”
  สตรีสกุลลู่จากตำหนักเมฆาม่วงพยักหน้า
  “ใช่แล้วฤทธิ์ของมันไม่ได้ดีอย่างที่พวกเราเชื่อ”
  เหล่าผู้ชมที่คาดหวังใจหายเมื่อได้ฟังคำตอบ
  “อาจารย์เกาข้าอยากจะได้ฟังคำประเมินจากท่าน…”
  ผู้ชมอีกคนเรียกอาจารย์เกาเขายังไม่คิดจะหมดหวัง
  “มีอะไรให้ต้องพูดอีกเล่า?มันต้องถูกค้นเจอจากซากโบราณ ฤทธิ์มันเสื่อมผ่านกาลเวลาไปแล้ว! น่าขันนักที่ตำหนักโลหิตคิดจะใช้มันมาชี้นำผู้คนให้เข้าใจผิด ทุกท่าน อย่าโดนกลชั้นต่ำเช่นนี้หลอกเลย!”
  หูหวังกุยพูดขึ้นมาโดยไม่รอให้อาจารย์เกาตอบ
  เสียงกระซิบกระซาบในหมู่คนดังไม่ขาดสายพวกเขาทั้งสงสัยและเป็นกังวล หูหวังกุยยิ้มอย่างเย็นชา เขาคิดในใจว่าเขาควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมดแล้ว
  “ฮ่าๆๆก็อย่างที่เจ้าของร้านหูพูด…วารีผงกลั่นดวงใจนี้มีฤทธิ์ธรรมดาที่อ่อนด้อยกว่าต้นหอมอำพันสามรากเล็กน้อย…”
  อาจารย์เกายิ้มรับ
  ผู้คนใจเย็นลงเมื่อเห็นรอยยิ้มเย็นของอาจารย์เกาแต่พวกเขาก็รู้สึกผิดหวังในทันทีที่ได้ฟังคำยืนยันจากเขา
  อาจารย์เกายังคงพูดต่อไป
  “เหตุผลง่ายดายนัก…นั่นก็เพราะวารีผงกลั่นดวงใจที่ท่านทั้งสามได้ลิ้มรสก็คือโอสถที่เสียหาย!มิใช่เพราะเก็บมานานหลายปีแต่เป็นเพราะล้มเหลวในขั้นตอนการปรุง!”
  ดวงตาของอาจารย์เกาเปล่งประกายดั่งดวงตะวัน
  “ข้าขอรับประกันด้วยชื่อเสียงของข้าว่าโอสถนี้ปรุงเมื่อไม่เกินห้าวันที่แล้ว!หรือกล่าวคือ…มันถูกปรุงโดยยอดฝีมือยุคปัจจุบัน!”
  อะไรนะ?ความหวังที่เหือดแห้งของเหล่าคนได้ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง
  หูหวังกุยกล่าวต่อ
  “จริงเรอะ?เจ้าไม่แสดงโอสถที่ปรุงได้สำเร็จมาเลยเล่า?”
  อาจารย์เกาพยักหน้าโดยไม่ลังเล
  “ย่อมได้!”
  เขาปรบมือสาวใช้อีกคนที่ยืนด้านข้างเดินเข้ามา นางถือกล่องหยกในมือ มันตรงกันข้ามกับโอสถก่อนหน้าที่มีสีม่วงเข้ม โอสถในกล่องหยกนี้มีสีม่วงสดราวกับบุพผาในฝัน สีของมันถูกต้องตามตำราที่ระบุไว้อย่างชัดเจน
  ดวงตาสดใสของแม่นางลู่แสดงความตกใจนางมองกล่องหยกด้วยความยินดี พร้อมกันนั้น แม่นางหลิงก็ไปเหลือบมองไปยังห้องรับรองพิเศษที่สอง!
  “นี่คือวารีผงกลั่นดวงใจที่สมบูรณ์แบบมันเป็นโอสถระดับสามซึ่งถือว่าสูง ที่สำคัญกว่าก็คือมันปราศจากสิ่งแปลกปลอม แสดงถึงความสำเร็จของผู้ปรุงที่ยอดเยี่ยม!”
  อาจารย์เกากล่าวชื่นชมอย่างใจกว้าง
  เขาพูดต่อ
  “ข้าลิ้มลองด้วยตัวเองมาแล้วฤทธิ์ของมันเหนือกว่าต้นหอมอำพันสามรากไปเกินสองเท่า! หากภูติระดับเก้าได้ดื่มสักร้อยหยด คนผู้นั้นก็จะกลายเป็นจ้าวเทวะได้!”
  เสียงของอาจารย์เกาดูตื่นเต้นในฐานะของผู้ประเมินสมบัติ ไม่มีสิ่งใดน่าดีใจไปกว่าการได้พบสมบัติอันประเมินค่าไม่ได้ด้วยตาตัวเอง!
  “ฤทธิ์แรงกว่าต้นหอมอำพันสามรากสองเท่า!”
  คนอื่นๆตื่นเต้นเมื่อได้ฟัง
  “ครั้งนี้วารีผงกลั่นดวงใจทั้งสองแบบจะวางประมูลด้วยกัน ราคาของโอสถเสียหายเริ่มต้นที่ห้าสิบดวง การขึ้นราคาแต่ละครั้งจะต้องไม่ต่ำกว่าห้าดวง! ส่วนโอสถที่สมบูรณ์จะเริ่มต้นที่หนึ่งร้อยดวง ขึ้นราคาแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่าสิบดวง! เริ่มประมูลได้!”
  อาจารย์เกาประกาศด้วยความดีใจ
  หลังจากเรื่องราวพลิกกลับไปมาวารีผงกลั่นดวงใจก็ได้จุดประกายความต้องการของผู้คนอีกครั้ง! โดยเฉพาะกับเหล่าภูติระดับเก้าที่ไม่เป็นจ้าวเทวะมานาน พวกเขานับว่ามันเป็นจุดผลิกผันของชีวิต พวกเขาทุกคนต่างเข้าแข่งแย่งประมูล
  ราคาของเสียหายและของสมบูรณ์แบบพุ่งขึ้นสูงผ่านไปครู่เดียว โอสถเสียหายจากห้าสิบก็กลายเป็นร้อย! ส่วนโอสถสมบูรณ์ ราคาได้ทะยานไปถึงห้าร้อยจากหนึ่งร้อย!
  และ…ราคายังคงเพิ่มขึ้นต่อไป!ยอดฝีมือหลายคนเพียงแค่อยากจะชมความสนุกในการประมูล หลายคนไม่มีแก้วมากพอติดตัวและทำได้แค่ชมราคาที่พุ่งทะยานฟ้าไปโดยไม่มีทางเลือกนอกจากยอมแพ้ในการประมูลไป นั่นทำให้หลายคนโศกเศร้าเมื่อตระหนักว่าพลาดโอกาสทองไปแล้ว
  ครู่ต่อมาโอสถทั้งสองได้ถูกประมูลไปในราคาร้อยห้าสิบดวงและแปดร้อยดวง!
  วารีผงกลั่นดวงใจนั้นเป็นโอสถชั้นกลางปกติโอสถระดับต่ำจะมีค่าสิบดวง ชั้นกลางจะมีค่าร้อยดวง ชั้นสูงจะมีค่าราวพันดวง
  แต่โอสะชั้นกลางนี้ถูกขายในราคาที่สูงมากและไม่ต่างจากโอสถชั้นสูง!ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันล้ำค่าแค่ไหน!
  ถึงอย่างนั้นการขายได้ในราคานี้เกิดจากโรงประมูลที่เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ มิเช่นนั้นคนคงจะสนใจมากขึ้นและราคาจะขึ้นไปถึงพันดวง!
  โอสถเสียหายถูกซื้อไปโดยภูติระดับเก้าคนหนึ่งขณะที่โอสถสมบูรณ์ถูกซื้อไปโดยกงซุนหวูซื่อสาวน้อยที่สุดแสนจะร่ำรวย แม้ว่างานประมูลจะจบลงแล้ว ทุกคนก็ยังคงตื่นเต้นไม่หาย
  “อาจารย์เกาโอสถนี้ยังมีขายอยู่หรือไม่?”
  ยอดฝีมือคนหนึ่งที่ไม่ชนะประมูลถามหลายคนก็อยากจะรู้เช่นกัน พวกเขาไม่เต็มใจจะยอมเสียโอกาสนี้ไป
  อาจารย์เกามองไปยังห้องรับรองพิเศษที่สอง
  “คงจะดีกว่าที่ให้เจ้าของโอสถตอบคำถามของพวกท่าน…”
  ทันใดนั้นสายตาทุกคู่หันไปยังห้องรับรองของซือหยู แม่นางหลิงเองก็มีหวัง…เพราะเจ้าของโอสถอยู่ที่นั่นจริงๆ!
  หูหวังกุยตกใจ
  “อะไรนะ?หรือว่าจะเป็นมัน?”
  เฟยฮั่งกับอวี่หลิงหลงตกใจเช่นกันเฟยฮั่งอุทาน
  “นั่นมันซือหยูเซี่ยน!”
  พวกเขาไม่เคยคิดว่าเจ้าของสินค้าชิ้นสุดท้ายจะเป็นเจ้าของร้านโอสถเล็กๆที่ไม่มีใครรู้จักอย่างซือหยูเซี่ยน!หูหวังกุยแววตาดุร้าย หัวใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
  เขาคิด…คนผู้นี้ต้องถูกกำจัด!
  ผลที่ได้จากการนำวารีผงกลั่นดวงใจมาประมูลนั้นเกินกว่าที่เขาจะรับไหวหากมันถูกผลิตวางขายเป็นจำนวนมาก มันจะสร้างกำไรมหาศาลอย่างแน่นอน
  พวกเขาพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะกำราบตำหนักโลหิตแต่ตอนนี้มันไม่มีทางทำได้อีกแล้ว! จู่ๆคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมาและพลิกเรื่องราวทั้งหมดไป!
  หูหวังกุยกับอีกสองคนคิดเพียงครั้งเดียวก่อนจะพุ่งไปยังห้องของซือหยู
  พร้อมกันนั้นแม่นางหลิงก็หัวเราะด้วยความดีใจ
  “เจ้าปรากฏตัวออกมาซักทีนะ!”
  เงาอันงดงามแล่นไปยังห้องรับรองที่สองนางดูเหมือนกำลังจะจับตัวซือหยูและถามเขาว่าหญ้าใจสลายอยู่ที่ใด!
  เมื่อสองฝ่ายนำไปแล้วบางคนที่คิดร้ายก็ใช้ความวุ่นวายเป็นเกราะกำบังกายและพุ่งไปยังห้องของซือหยูเช่นกัน และยังมีคนรีบไปเพราะหวังว่าจะได้เห็นยอดฝีมือที่ชุบชีวิตวารีผงกลั่นดวงใจขึ้นมาด้วยตาตัวเอง!
  โรงประมูลตำหนักโลหิตได้เข้าสู่ความยุ่งเหยิงในทันทีทันใด!