เยี่ยเม่ยมองเด็กหนุ่มผู้นั้น ยังไม่ทันเอ่ยวาจา 

 

 

ซือถูเฟิงถลึงตาใส่เด็กหนุ่ม เอ่ยด้วยความโมโห “เจ้ามันตัวอะไรกัน เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร ข้า…” 

 

 

เด็กหนุ่มคล้ายฟังความหงุดหงิดของเขาไม่ออก กระบี่ยาวในมือยื่นเข้าไปที่คอซือถูเฟิงอีก เลือดสดไหลซึมออกมา 

 

 

เวลานี้ซือถูเฟิงเลือกปิดปากสงบคำ ของเหลวอุ่นร้อนที่คอเตือนเขาว่า เด็กหนุ่มเบื้องหน้านี้ฆ่าเขาได้จริงซ้ำอีกฝ่ายยังไม่สนใจฐานะของเขาด้วย! 

 

 

เหล่าทหารทั้งหลายตะลึงในฝีมือเฉียบคมของเด็กหนุ่ม ยืนมองเหตุการณ์อยู่ด้านข้าง ไม่กล้าเข้ามาโดยพลการ 

 

 

เกรงว่าหากพวกเขาก้าวเข้ามาอีกก้าว จะทำให้แม่ทัพของพวกเขาถูกฟันคอ! 

 

 

เห็นเยี่ยเม่ยไม่พูด เด็กหนุ่มยังมองนางอยู่ เวลานี้ดวงตางามคู่นั้นดูไร้เดียงสาอย่างแปลกประหลาด 

 

 

ราวกับว่าในโลกของเขาหากมิใช่ดำก็เป็นขาว ส่วนเยี่ยเม่ยคือสีขาวที่เขาปกป้อง 

 

 

เขากดเสียงต่ำถาม “ฆ่าไหม” 

 

 

เยี่ยเม่ยได้สติ รั้งสายตากลับมามองซือถูเฟิง เสียงเย็นชา “เจ้าคิดหาเรื่องข้าต่อไปเรื่อยๆ หรือจะไสหัวไป” 

 

 

ซือถูเฟิงสีหน้าเดือดดาล ทว่าเมื่อมองกระบี่ยาวที่พาดคออยู่ เขาก็รู้อยู่แก่ใจว่า หากคำถามนี้ตนไม่ตอบ ในสถานการณ์นี้เขาต้องเลือดสาดกระเซ็นแน่! 

 

 

ถึงแม้ในใจจะไม่ยินยอม ทว่าสุดท้ายก็กัดฟันเอ่ยว่า “ข้าไป!” 

 

 

เยี่ยเม่ยเลิกคิ้วสูง มองเขา เสียงนิ่งเอ่ย “ใครอนุญาตให้เจ้าแก้คำกริยาข้าโดยพลการกัน? ระดับภาษาของข้ารวมถึงความสามารถในการใช้คำศัพท์ อาศัยแค่เจ้าแก้ไขได้อย่างนั้นหรือไง” 

 

 

               ซือถูเฟิงคิ้วกระตุก สีหน้าดูดุร้ายราวกับพยัคฆ์ รู้สึกจากก้นบึ้งหัวใจว่าตนถูกเหยียดหยาม 

 

 

เขาซือถูเฟิงอย่างไรก็เป็นอัจฉริยะผู้หนึ่ง แต่ว่าสตรีผู้นี้พูดเสียเขาเป็นแค่คนไม่รู้หนังสือสักตัว หากมิใช่ว่าคอมีกระบี่ยาวพาดอยู่ เขาคงทนไม่ไหวเข้าไปแลกเอาชีวิตกับเยี่ยเม่ยแล้ว! 

 

 

เขาจะรู้ได้อย่างไรว่า เยี่ยเม่ยมิได้ดูถูกความสามารถของเขา เพียงแต่นางมีความมั่นใจในความสามารถของตัวเองมากเกินไปเท่านั้น 

 

 

เขาหน้าคล้ำ ถลึงตาใส่เยี่ยเม่ยอย่างดุร้าย กัดฟันเอ่ยปาก “ข้าไสหัวไป!” 

 

 

นางว่าเขาเปลี่ยนคำกริยาในประโยคคำถามของนาง คำกริยา 

 

 

คำต่างกันนิดเดียว ข้าไปกับข้าไสหัวไป 

 

 

ก็แค่นี้เท่านั้น 

 

 

แต่สตรีผู้นี้ต้องการให้เขาพูดคำว่า “ข้าไสหัวไป” ต่อหน้าคนใต้บัญชาตั้งมากมาย นี่เท่ากับตบหน้าเขาแรงๆ อย่างชัดเจน ทำให้เขารู้สึกว่าใบหน้าร้อนระอุราวไฟลุก ทั้งรู้สึกว่าตนคับอกคับอกใจสุดเปรียบ! 

 

 

เยี่ยเม่ยมองซือถูเฟิงพยักหน้าอย่างพอใจ น้ำเสียงเย็นชาเอ่ย “คนที่รู้จักสถานการณ์ ปกติแล้วจะอายุยืนนาน!” 

 

 

ถัดมา นางมองเด็กหนุ่มผู้นั้น “ให้เขาไสหัวไปซะ!” 

 

 

เด็กหนุ่มพยักหน้า มองซือถูเฟิง แววตาดุร้ายเผยไอแห่งความตาย สายตาเช่นนี้ทำให้ซือถูเฟิงใจสั่น 

 

 

เด็กหนุ่มโยนกระบี่ลงพื้น กระบี่เล่มนั้นปักลงพื้นหลายนิ้ว ทำให้เห็นว่ากำลังภายในของเขาไม่ต่ำต้อย 

 

 

ซือถูเฟิงลูบลำคอที่เลือดออก สีหน้าเดือดดาล ทว่าไม่หุนหันออกมา สะกดกลั้นความอัปยศดึงกระบี่ตนออกจากพื้น เก็บเข้าฝัก 

 

 

หลังจากมองเยี่ยเม่ยอีกครั้งด้วยสายตาดุร้าย ก็หันไปมองเด็กหนุ่ม “เจ้าเป็นใครกันแน่” 

 

 

ความสามารถเช่นนี้ อีกฝ่ายสามารถชิงชักกระบี่ก่อนที่เขาจะชักออกได้ ตัวเขาซือถูเฟิงรู้สึกว่าตนมีวรยุทธ์ไม่อ่อนด้อย ทว่าวันนี้กลับพ่ายในเงื้อมมือเด็กหนุ่ม แม้กระทั่งอีกฝ่ายเป็นใครยังไม่รู้ เขารู้สึกถูกหยาม 

 

 

เด็กหนุ่มนิ่งไป ไม่พูดจา ค่อยๆกลับไปข้างกายเยี่ยเม่ย 

 

 

เขาไม่สนใจซือถูเฟิงสักน้อย 

 

 

ซือถูเฟิงเวลานี้โทสะคับข้อง ในใจรู้ว่าตนหาใช่คู่มือของเด็กหนุ่ม รวมถึงแม่นางผู้มีวรยุทธ์สูงส่งผู้นี้ก็ยังไม่ได้ลงมือ หากตัวเขาฝืนลงมือ เกรงว่าจะเป็นการตบหน้าตัวเองเสียเปล่า 

 

 

ด้วยเหตุนี้เขาจึงก้าวถอยหลัง เปิดทางให้พวกเขา 

 

 

ความรู้สึกของเยี่ยเม่ยค่อยข้างสับสน ฝีมือของเด็กหนุ่มคนนี้ ความรวดเร็วในการลงมือรวมถึงความแม่นยำ ดูแล้วคล้ายนักฆ่ามาก นางมีสัญชาตญาณว่าได้พบกับสหายร่วมอาชีพ 

 

 

เยี่ยเม่ยไม่ส่งเสียง นางเชิดหน้าเดินผ่านหน้าจากไป ภายใต้สายตาไม่ยินยอมของซือถูเฟิง  

 

 

เด็กหนุ่มผู้นั้นก้มหน้า ติดตามหลังเยี่ยเม่ยไปเงียบๆ  

 

 

ดูเหมือนเขาไม่ชอบพูดจา 

 

 

รอจนพวกเขาจากไป ซือถูเฟิงจ้องแผ่นหลังเยี่ยเม่ยด้วยความอำมหิต 

 

 

ทหารคนหนึ่งก้าวขึ้นมา เอ่ยถาม “ท่านแม่ทัพ ปล่อยพวกเขาไปเช่นนี้ดีแล้วหรือ อย่างนั้นความแค้นของท่านหญิง…” 

 

 

ความจริงขาของท่านหญิงถูกองค์ชายสี่หัก เรื่องนี้ใครต่างก็รู้ดี เพียงแต่ท่านแม่ทัพไม่อาจลงมือกับองค์ชายสี่ได้ ย่อมระบายอารมณ์กับแม่นางผู้นี้แล้ว 

 

 

ซือถูเฟิงได้ฟัง หัวเราะเสียงเย็น “องค์ชายสี่ไม่ใช่กำลังตามหานางหรอกหรือ ส่งข่าวไป บอกเส้นทางของนางให้องค์ชายสี่รับรู้  ตัวข้ามีลางสังหรณ์ว่า เมื่อนางตกอยู่ในมือขององค์ชายสี่ ยิ่งต้องตายอย่างน่าเวทนา!” 

 

 

เดิมเขาคิดแก้แค้นให้น้องสาวด้วยตัวเอง ถึงเดินทางมา ทั้งยังวางแผนปิดบังองค์ชายสี่ ดูจากรูปการณ์ในตอนนี้ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว 

 

 

ส่วนเขาที่เป็นญาติผู้พี่ขององค์ชายสี่ สามารถบอกได้ว่าโตมากับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ว่าได้ คนผู้นั้นมีนิสัยอย่างไร เขารู้ชัดเจนที่สุด เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจะมีคนในดวงใจได้อย่างไร เบื่อแล้วคิดทรมานสตรีผู้นี้ให้ตายถึงจะถูก 

 

 

 “ขอรับ!” ทหารรับคำสั่ง รีบส่งสารออกไป 

 

 

   …… 

 

 

  

 

 

ความจริงเยี่ยเม่ยไม่รู้เลยว่าขาของซือถูเฉียงขาดแล้ว 

 

 

แต่ต่อให้รู้ นางก็ไม่คิดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวนาง หลังจากพาเด็กหนุ่มออกไปได้หลายสิบกว่าเมตร นางถามโดยไม่หันหน้ากลับไปว่า “เจ้าเป็นนักฆ่าอย่างนั้นหรือ” 

 

 

เด็กหนุ่มชะงักไปชั่วครู่ เงยหน้ามองแผ่นหลังเยี่ยเม่ย 

 

 

แต่เขาก้มหน้าลงอย่างว่องไว ไม่ตอบ 

 

 

เยี่ยเม่ยรู้สึกราวกับตนได้พบนายท่านผู้สูงส่ง ถามอะไรเขาก็ไม่ตอบ 

 

 

นางอดทนถามคำถามสุดท้ายออกไปอีกครั้ง “เจ้าคิดจะติดตามข้าอย่างนั้นเหรอ” 

 

 

เดิมทีเมื่อถามออกไปแล้ว จากการแสดงออกก่อนหน้าของเขา คิดว่าเขาคงไม่พูดอะไรออกมาแน่ 

 

 

คิดไม่ถึงว่าเขากลับตอบรับมาคำหนึ่ง “อืม” 

 

 

เสียงเบามาก ทว่าเยี่ยเม่ยได้ยินชัดแจ้ง 

 

 

เยี่ยเม่ยหันกลับไปด้วยความแปลกใจ มองเขา ถามเสียงนิ่ง “ทำไมเจ้าอยากติดตามข้า หรือเพราะว่าข้าช่วยเจ้าไว้” 

 

 

เด็กหนุ่มคล้ายกับเป็นเด็กเอ๋อ เขาไม่ตอบคำถามเยี่ยเม่ยตรงๆ แต่ในดวงตาคู่งามเผยความดื้อรั้น มองเยี่ยเม่ย “ข้าติดตามเจ้า ใครรังแกเจ้าก็ฆ่ามัน”