บทที่ 542 นักรบหยาบคาย

Mars เจ้าสงครามครองโลก

Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 542 นักรบหยาบคาย
คนอื่นกล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูดออกมา เพราะคนอย่างจ้าวกั๋วจู้ ถ้าเขาอยากจะทำร้ายคุณเขาก็จะทำร้าย และคุณไม่สามารถพูดเหตุผลกับเขาได้

ถ้าเมื่อสักครู่ จางหลิงหยุนและหม่าหรูหลงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน จ้าวกั๋วจู้ก็ไม่มีข้ออ้างที่จะทำร้ายพวกเขา

แต่พวกเขากลับใช้เหตุผลกับจ้าวกั๋วจู้ ซึ่งมันเป็นการหาเรื่องใส่ตัว

ตระกูลผู้ดีที่เหลืออีกสามตระกูล ไม่มีใครยืนออกมาพูดอะไร

คนของเจ็ดตระกูลเก่าแก่ต่างเฝ้ามองอยู่ด้านข้าง และไม่มีใครพูดอะไร

จางหลิงหยุนและหม่าหรูหลงเจ้าคนโง่เขลาสองคนนี้ ไปสนใจจ้าวกั๋วจู้ทำไม?

เมื่อจ้าวกั๋วจู้เห็นว่าไม่มีใครยืนออกมาพูดอะไร ทำให้เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย เดิมทีเขาต้องการสอนบทเรียนให้พวกเขา ต้องทำร้ายเจ้าเด็กเปรตพวกนี้ให้กลัวก่อน อีกสักครู่จะได้ทำงานสะดวกขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกเขาทำลายแผนของตนเอง

แต่ไม่คิดว่าไม่มีใครกล้าพูด ขี้ขลาดจริง ๆ เป็นคนไร้ประโยชน์จริง ๆ

ถ้าพวกคุณไม่คัดค้านผม แล้วผมจะหาข้ออ้างโจมตีพวกคุณได้อย่างไร

หยางทาวที่อยู่กลางฝูงชนอดยิ้มไม่ได้ คนโง่เขลาอย่างจ้าวกั๋วจู้ เป็นนักรบที่หยาบคายจริง ๆ ลงมือเช่นนี้ แล้วใครจะกล้าคัดค้าน?

และขณะนั้นเอง ได้ยินจ้าวกั๋วจู้ชี้ไปที่หวางเถิงของตระกูลหวางแห่งลังงา แล้วด่าว่า “เจ้าเด็กเปรต เมื่อสักครู่ฉันพูดผิดเหรอ? สายตาแบบนั้นของแกหมายความว่าอย่างไร? แกกล้าดียังไงมาจ้องหน้าฉัน? พ่อของแกไม่ได้อบรมสั่งสอนแกหรือ? ไม่ควรมองผู้อาวุโลด้วยสายตาแบบนั้น”

หวางเถิงคุณชายของตระกูลหวางแห่งลังงารีบโบกมือและกล่าวว่า “ผม..ผมไม่…… ”

ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ จ้าวกั๋วจู้ตบไปที่หน้าจนเขากระเด็นออกไป

“ยังกล้าเถียงอีก คิดว่าฉันตาบอดเหรอ?”

จ้าวกั๋วจู้พ่นลมออกมา และมองไปยังคนอื่น ๆ

คนที่เหลือรีบมองไปทางอื่น สัตว์ร้ายตัวนี้ไม่ใช่มนุษย์จริง ๆ ใช้ข้ออ้างที่ไร้ยางอายเช่นนี้

และท่ามฝูงชน ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการปิดบังสถานะ ตอนนี้หยางทาวคงจะหัวเราะออกมาแล้ว

คนบ้าระห่ำอย่างจ้าวกั๋วจู้ เป็นตัวป่วนจริงๆ

และขณะนี้ ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่อยู่กลางฝูงชนยิ้มและคิดอยู่ในใจว่า “โชคดีที่ผมแต่งหน้าปลอมตัวมา มิเช่นนั้นผมต้องพลาดฉากเหล่านี้อย่างแน่นอน มีตัวป่วนอย่างจ้าวกั๋วจู้อยู่ที่นี่ ผมจะคอยดูว่าคนของห้าตระกูลผู้ดีและเจ็ดตระกูลเก่าแก่จะเคลื่อนไหวอย่างไร? เพียงแต่ไม่รู้ว่าขุนหลวงมาหรือยัง? ผมไม่สามารถให้คนอื่นค้นพบสถานะของผมได้ มิเช่นนั้นมันจะทำให้ผมเสียหน้า”

เขาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหร่วนซื่อสง ไจ่เซี่ยงของประเทศต้าเซี่ย

และขณะนี้ ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัด สายตามีความเฉียบแหลมที่ไม่ใช่สายตาของผู้หญิง และมีรอยยิ้มตื้น ๆ ที่เป็นสัญลักษณ์บนใบหน้า

“ตอนนี้ผมปลอมตัวเป็นผู้หญิง ไม่มีใครสามารถจำผมได้ใช่ไหม? ไม่แน่ขุนหลวงกับหร่วนซื่อสงอาจจะมาด้วย ผมต้องหาโอกาสเปิดโปงพวกเขา”

กัวปิงคิดว่าขุนหลวงอาจจะไม่มา แต่ด้วยความเข้าใจของเขาที่มีต่อหร่วนซื่อสงแล้ว ไอแก่คนนั้นจะต้องมาอย่างแน่นอน

เพียงแต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าการปลอมตัวเป็นอะไร? เลยต้องหาให้ดี ๆ

“ฮึ่ม มีตาหามีแววจริง ๆ บังคับให้ฉันต้องลงมือ ซวยจริง ๆ”

จ้าวกั๋วจู้พูดไปด่าไป ตอนนี้ยากที่จะหาข้ออ้างแล้ว ดูว่าอีกสักครู่ยังมีโอกาสอีกไหม ตอนนี้จัดการเจ้าเด็กเปรตพวกนี้ก่อนค่อยว่ากัน

สำหรับเด็กเปรตของห้าตระกูลผู้ดีและเจ็ดตระกูลเก่าแก่แล้ว ตอนนี้เขายังไม่สามารถลงมือจัดการพวกเขาได้

และขณะนี้ ผู้ดำเนินรายการกล่าวเสียงดังว่า “หกหมอเทวดามาถึงแล้ว”

ในที่สุด หกหมอเทวดาก็ปรากฏตัวออกมาแล้ว

สายตาของทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

พวกเขาคือหกหมอเทวดาเชียวน่ะ หมอระดับสูงหกคมในประเทศต้าเซี่ย

ถึงแม้ว่าหัวเวิ่นยี นักปราชญ์แห่งการแพทย์ร่วมสมัยจะเหนือกว่าพวกเขาทั้งหกคน แต่ต้องบอกว่าตามสาขาแล้ว ตอนนี้หกคนนี้ด้อยกว่าหัวเวิ่นยีไม่มาก

ยิ่งไปกว่านั้น หัวเวิ่นยีซ่อนตัวมาหลายปีแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าทักษะทางการแพทย์ของเขาแข็งแกร่งเพียงใด ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อตามจิตใต้สำนึกว่าทักษะทางการแพทย์ของหกหมอเทวดากับหัวเวิ่นยีนั้นพอ ๆ กัน