มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 527
สีหน้าของหยูฉู่เซิงกับจางไห่หยวนเริ่มเดือดจัด เมื่อโดนค่ายพิทักษ์เขาล่วงลงมาขวางกั้น

“บังอาจมากไอชั้นต่ำ!” หยูฉู่เซิงแผดเสียงกร้าว

ทว่ายังไม่ทันสิ้นเสียงของเขา ตราขลังมังกรเขียวก็ส่งเสียงระเบิดและล่วงลงใส่ศีรษะของซือทงจวิน ทำให้ร่างของมกุฎยุทธ์ผู้นั้นแหลกสลายเหลือเพียงละอองเลือด

ตอนนี้สีหน้าของหยูฉู่เซิงดูไม่ได้ ภายใต้การจับจ้องของฝูงชน เขาคิดว่าอีกฝ่ายไม่กล้า แต่อีกฝ่ายกลับสังหารผู้อาวุโสของสำนักอัสนีพายุ ทำให้หน้าของเขาร้อนผ่าว

“สำนักไท่เสวียนกล้าสังหารผู้อาวุโสของสำนักอัสนีพายุ พวกแกต้องล่มสลาย!” หยูฉู่เซิงแผดเสียงลั่นด้วยอารมณ์โกรธจัด

“ในงานพิธีเปิดสำนักเขาไท่เสวียน คนของสำนักอัสนีพายุเป็นฝ่ายมาก่อกวนก่อน ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกหรือ” หลัวซิวยิ้มหยัน “สำนักอัสนีวายุจะอวดเบ่งแค่ไหนในแดนอาณาจักรตะวันออก สำนักไท่เสวียนของพวกเราไม่สนใจ แต่ถ้าจะมาอวดเบ่งที่สำนักไท่เสวียนของพวกเรา ก็ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตายเอง!”

เมื่อหลัวซิวกล่าวประโยคนี้ออกไป เกาเหลียนหงก็เข้าใจความหมายทันที เขาต้องการใช้โอกาสนี้ในการสร้างบารมี จึงยกมือเพื่อสั่งให้ตราขลังมังกรเขียวโจมตีอีกครั้ง

“บังอาจ!”

สีหน้าของหยูฉู่เซิงกับจางไห่หยวนแปรเปลี่ยน แต่เกาเหลียนหงกลับปลุกพลังของตราขลังมังกรเขียวด้วยรอยยิ้มหยัน ก่อนจะฝังคนทั้งสองตายคาที่

ที่เขาสามารถสังหารคนทั้งสองนี้ได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าเป็นเพราะหลัวซิวปลุกพลังของค่ายพิทักษ์เขาเพื่อกักขังพลังการฝึกตนของพวกเขาเอาไว้

สถานการณ์ตอนนั้นโกลาหลวุ่นวาย คนส่วนมากในที่นั้นรู้ดีว่าพิธีเปิดสำนักเขาไท่เสวียนจะต้องไม่ราบรื่นอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าเพิ่งเริ่มต้นก็จะมีผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ตายไปถึงสามคน

อีกอย่างประวัติของมกุฎยุทธ์ทั้งสามคนนี้ก็ไม่ธรรมดา เพราะมาจากสำนักอัสนีพายุที่มีมหายุทธ์เป็นผู้นั่งบัลลังก์

จะว่าไปแล้วก็ถึงคราวซวยของผู้อาวุโสมกุฎยุทธ์ทั้งสามคนนี้ สำนักเขาไท่เสวียนจัดพิธีเปิดสำนักจึงได้เปิดค่ายพิทักษ์เขาเอาไว้เพื่อให้แขกเข้ามาในสำนักเขาได้

พวกเขาคิดว่าการเป็นคนของสำนักอัสนีวายุ สำนักไท่เสวียนคงไม่กล้าลงมือกับพวกตน แต่คิดไม่ถึงว่าสำนักไท่เสวียนจะใช้โอกาสนี้ในการสร้างบารมีให้กับตนเอง ยังไม่ทันจะรู้ตัวก็ถูกฆ่าตายคาที่เสียแล้ว

บนเรือรบของสำนักอัสนีพายุ ยังมีลูกศิษย์ของผู้คุมกฎสำนักอัสนีวายุหลงเหลืออยู่ พวกเขาตัวแข็งทื่อไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป

“จับคนพวกนั้นเอาไว้!” หลัวซิวค่อยๆ กล่าวออกมาอย่างใจเย็น

เหว้ยห้าวหรานปลุกพลังของหุ่นเชิดสงครามพุ่งทะยานขึ้นไปยังเรือรบนั้น เกาเหลียนหงควบคุมให้ตราขลังมังกรเขียวกดค่ายเอาไว้ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น

ในขณะนั้น หลัวซิวจึงหรี่ตาลงแล้วมองไปด้านนอกของค่ายพิทักษ์เขา “หลี่เสวียนหยาง ในเมื่อมาถึงนี้แล้ว จะหนีไปไหนล่ะ”

ฝูงชนค่อยๆ มาตามเขาไป จึงเห็นว่าหลี่เสวียนหยางอาจารย์ของสำนักเสวียนหยางปรากฏตัวอยู่ด้านนอกเขตของค่ายกลด้วย

เขารู้ถึงความร้ายกาจของค่ายพิทักษ์เขา จึงไม่กล้าเข้ามา เดิมทีตั้งใจว่าจะแอบดูห่างๆ จากด้านนอก คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วคนของสำนักอัสนีพายุจะถูกฆ่าตายเรียบเช่นนี้

“ฉันอยากจะกลับก็กลับได้ แกจะทำอะไรฉันรึ” หลี่เสวียนหยางตอบโต้เสียงแข็ง

“ท่านกลับไปไม่ได้ง่ายๆ หรอก” หลัวซิวสาวเท้าก้าวออกมา ก่อนจะมาปรากฏอยู่ด้านนอกค่ายพิทักษ์เขา

ความเร็วที่เขาใช้นั้นเร็วมากหาใดเปรียบ จนไม่สามารถใช้ตัวสำนึกได้ มีเพียงการเคลื่อนไหวของพลังแห่งโซนเท่านั้น จักรพรรดิยุทธ์หลายคนที่อยู่ในที่นั้นก็สามารถสัมผัสได้

สีหน้าของหลี่เสวียนหยางแปรเปลี่ยน เมื่อเห็นว่าหลัวซิวออกมาเพียงคนเดียวก็หัวเราะเย้ย “ก็แค่ใช้ค่ายพิทักษ์เขา ถ้าไม่มีค่ายกลนี้ ในสายตาของข้า เจ้าสำนักไท่เสวียนอย่างเจ้าข้าจะสังหารเมื่อไหร่ก็ได้”

หลัวซิวไม่กล่าวอะไรออกมา เขายกมือขึ้นกลางอากาศ พลังจิตแท้อันเข้มข้นผนึกรวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นทิวเขาสีดำทะมึนที่กดทับลงใส่หลี่เสวียนหยาง

ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาเดินออกมาจากด้านในสำนักเขามายังด้านนอกค่ายกล เขาได้ใช้วิชาล่องหนไท่เสวียน

ส่วนกระบวนท่านี้ คือวิชาสังหารไท่เสวียน

หลี่เสวียนหยางเองก็ลงมือตอบโต้ทันทีเช่นกัน ภาพมายารูปคนสีทองปรากฏขึ้นด้านหลัง พลังจิตแท้แปรเปลี่ยนเป็นทักษะยุทธ์หลากชนิด ทุกการโจมตีพุ่งเข้าสู่ทิวเขาสีดำนั้น แต่กลับหายวับไปกับตาและไม่ทิ้งร่องรอยความเสียหายใดๆ เอาไว้