หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 797 เผยรัศมีแรงกล้า

ขณะที่ความผันผวนคลื่นหลิงรอบตัวลานที่มู่เฉินอยู่หายไป

ทั่วบริเวณก็ยังคงเงียบกริบลง สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ร่างสูงโปร่งบางที่กำลังยืนอยู่กลางลานประลอง

สายตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อและตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าความสำเร็จที่มู่เฉินเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ได้เพียงกระบวนท่าเดียวได้สั่นคลอนพวกเขาอย่างมาก

สายตาของซูปี้เยี่ยและหงหยูเปล่งประกายขณะที่แววอัศจรรย์ใจวาบผ่านใบหน้าของพวกนางไป พวกนางได้ยินการต่อสู้ระหว่างมู่เฉินกับหลิ่วเหยียนที่จบลงด้วยทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บ ทว่าพวกนางก็ไม่ได้เห็นกับตาตัวเองบวกกับการมีไฉ่เซียวทรงพลังติดตามเขา พวกนางก็ได้แต่กังขาว่าผลลัพธ์การต่อสู้ระหว่างมู่เฉินกับหลิ่วเหยียนอาจจะมีไฉ่เซียวมาเกี่ยวข้องด้วย…

ทว่าเมื่อพวกนางเห็นภาพนี้ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเชื่อ ชายคนนี้ที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นสาม ซึ่งไม่เคยอยู่ในสายตาของพวกนางกลับไม่ได้โค่นง่ายอย่างที่พวกนางคิด

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงกล้าสู้กับหลิ่วเหยียน เพราะพลังของเขาแข็งแกร่งขนาดนี้นี่เอง

เทียบกันแล้ว สีหน้าของฟังยี่กับโยวหมิงดูสงบลงไม่น้อย แต่ดวงตาของพวกเขาได้หรี่ลงวูบหนึ่งเมื่อเห็นแสงสีทองเจิดจ้าระเบิดออกจากร่างมู่เฉิน

จังหวะนั้นพวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันคุกคามเบาบางแผ่มาจากมู่เฉิน การกดขี่นั้นไม่ได้มาจากพลังของเขา แต่มาจากแก่นเลือดมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงที่อยู่ในร่าง

เห็นชัดว่ามู่เฉินมีแก่นเลือดมหาเทพอสูรในร่างมากกว่าพวกเขาจริงๆ

ทว่าฟังยี่ก็ไม่ประหลาดใจกับความจริงข้อนี้ เพราะเขารู้ว่าสระมังกรหงส์ที่มู่เฉินกับไฉ่เซียวพบมีพลังน่าสะพรึงเพียงใด ยิ่งกว่านั้นทั้งสองยังมีผลเทพมังกรหงส์สองผล ถ้าผสมเข้าด้วยกัน ก็มากยิ่งกว่ามากที่จะสร้างกายามังกรแท้จริงหรือกายาหงส์ฟ้าแท้จริงได้

ฟังยี่ไขว้นิ้วหลุบตาลงเล็กน้อย พลังของมู่เฉินแข็งแกร่งเลยทีเดียว แต่ยังไม่อยู่ในระดับที่ทำให้เขารู้สึกกลัว แต่สำหรับหญิงสาวลึกลับที่ติดตามอยู่ไม่ห่าง นับว่าเป็นตัวปัญหาเลยทีเดียว…

ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน มู่เฉินยืนเงียบๆ บนลานประลอง ขณะที่กวาดสายตาช้าๆ เหล่าจอมยุทธ์ที่ไม่สามารถขึ้นมาบนลานประลองได้ก็อดไม่ได้ที่จะเสมองไปทางอื่นด้วยสายตาวูบไหว คนที่วางแผนจะเหยียบหน้ามู่เฉินในตอนแรก ตอนนี้ก็มีเหงื่อซึมออกจากหน้าผาก รีบสลายความคิดบ้าบอที่อยู่ในใจอย่างรวดเร็ว

พิจารณาจากความแข็งแกร่งที่มู่เฉินแสดงออกมาเมื่อครู่ ก็คงจะเป็นคนโง่มากหากยังปฏิบัติต่อเขาเหมือนจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามธรรมดา

เห็นชัดว่าเขาไม่ได้พึ่งพาหญิงสาวไร้เทียมทานที่สวยและทรงพลังคนนั้นในเส้นทางยุทธ์… พลังของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่ประมาทได้เลย

ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเริ่มมองหาเป้าหมายอื่นแล้ว

มู่เฉินยืนอยู่ตรงกลางลานประลองมังกรหงส์ขณะมองไปยังลานประลองอื่นๆ ตอนนี้คลื่นหลิงรุนแรงอย่างมากระเบิดออกมาจากลานประลองเหล่านั้นโดยมีร่างเทห์สวรรค์ปะทะกันอย่างต่อเนื่องในที่ไม่ไกล กวนลมพายุที่น่าตกใจออกมาทุกครั้งที่ชนกัน

เห็นชัดว่าจอมยุทธ์แต่คนมีดวงตาแดงก่ำหมายจะชิงลานประลองมังกรหงส์ที่สามารถทำให้พวกเขาก้าวขึ้นต่อไปได้ ดังนั้นพวกเขาจึงงัดกลยุทธ์ทุกอย่างที่มีออกมาใช้

แต่โชคดีที่หลังจากมู่เฉินแสดงพลังน่าตกตะลึงออกมา ก็ไม่มีไอ้โง่หน้าไหนกล้ามากวนใจเขาอีกง่ายๆ ดังนั้นเขาจึงรอดพ้นจากปัญหาไม่จำเป็นมากมาย

สายตาของมู่เฉินกวาดมองจัตุรัสมังกรหงส์ที่มีคลื่นหลิงรุนแรงปะทุออกมา ก่อนจะเบนสายตาไปยังลานประลองบางส่วนที่สงบ มองเห็นร่างคนกลุ่มหนึ่งได้เลือนราง

ไม่มีใครกล้าก้าวขึ้นไปบนลานประลองเหล่านั้น เนื่องจากพวกเขารู้ว่าจอมยุทธ์ที่อยู่บนนั้นเป็นระดับหัวกะทิในหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่แห่งภูมิภาคทางเหนือ

แต่ละคนมีคุณสมบัติที่จะขึ้นไปบนจุดสูงสุดของจัตุรัสมังกรเลยทีเดียว

ท่ามกลางคนเหล่านี้ มู่เฉินก็เห็นหลิ่วเหยียน ตอนนี้อีกฝ่ายก็จ้องมองมาทางเขาด้วยสายตาน่าขนลุก แววตาคมกริบราวกับต้องการแทงตัวเขาให้ทะลุ

ความเป็นศัตรูของพวกเขาไม่สามารถประนีประนอมได้อีก หลังจากเกิดการต่อสู้ก่อนหน้า เห็นได้จากรังสีสังหารไม่ปิดบังที่วาววับในดวงตาของหลิ่วเหยียน ทว่าคนอย่างมู่เฉินก็ไม่กลัวตั้งแต่ก่อนที่เขาจะสร้างกายามังกรหงส์ได้ ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่พลังของเขาพุ่งทะลุเพดาน หากต้องสู้กันอีกครั้ง เขาจะทำให้หลิ่วเหยียนซึ้งว่าไม่ง่ายที่จะเกิดผลลัพธ์แบบที่ได้รับบาดเจ็บกันทั้งคู่อีกครั้ง…

ดังนั้นเผชิญกับสายตาเหี้ยมเกรียมของหลิ่วเหยียน แสงในดวงตามู่เฉินก็กวาดออก ก่อนที่เขาจะเลื่อนผ่านเหลือบหางตามองไปทางฟังยี่กับโยวหมิง

เทียบกับหลิ่วเหยียนแล้ว เขาระแวงพวกที่ยากหยั่งถึงมากกว่า เนื่องจากพวกเขาสามารถหลบหลีกกระบวนท่าของไฉ่เซียวได้มาก่อน

หากเขาต้องการจะขึ้นสู่จุดสุงสุดของจัตุรัสมังกรหงส์และรับมรดกไป ฟังยี่กับโยวหมิงก็จะเป็นก้างชิ้นใหญ่สำหรับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

ตู้ม! ตู้ม!

เมื่อความคิดหมุนวนในใจมู่เฉิน ความผันผวนของคลื่นหลิงก็แผ่ออกมาจากลานประลองบางแห่งก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น เห็นได้ว่าการต่อสู้เหล่านั้นมาถึงจุดเดือดสุดแล้ว

ภายใต้การต่อสู้เข้มข้น ผลลัพธ์ถูกตัดสินอย่างรวดเร็ว บนท้องฟ้าปรากฏร่างผู้แพ้ที่ถูกโค่นลง

ในที่สุดคลื่นหลิงรุนแรงบนท้องฟ้าก็ค่อยๆ สงบลงแล้ว

มู่เฉินกวาดสายตาออกไปก็เห็นมีลานประลองมังหรหงส์สามสิบสองแห่งลอยอยู่บนฟ้า ซึ่งมีจอมยุทธ์ยืนอยู่ครบจำนวนแล้ว

“เหลือสามสิบสองคนแล้วเรอะ?”

มู่เฉินเบ้ปาก มีจอมยุทธ์เกือบร้อยคนที่มีคุณสมบัติขึ้นมาบนจัตุรัสมังกรหงส์หลงเฟิ่ง แต่มากกว่าครึ่งถูกกำจัดแล้ว

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองไปในระยะไกล ก็สามารถมองเห็นลานประลองสิบหกแห่งลอยอยู่ในแสงสีทองจางๆ เห็นชัดว่ามีแค่สิบหกคนเท่านั้นที่จะผ่านในรอบถัดไป

ทุกชั้นจะต้องมีคนถูกกำจัดออกไปครึ่งหนึ่ง อัตราการกำจัดนี้นับว่าโหดร้ายนัก

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

ขณะที่มู่เฉินกำลังถอนหายใจกับอัตราการกำจัด ลานประลองที่อยู่ใต้เท้าก็ระเบิดแสงสีทองออกมา เกล็ดมังกรนับไม่ถ้วนและปีกหงส์สั่นสะเทือน มีร่องรอยของของเหลวสีทองส่วนหนึ่งไหลเอื่อยผ่านเข้าสู่ร่างของพวกเขาผ่านทางฝ่าเท้า

“นี่มันแก่นเลือดมังกรและหงส์ฟ้า?!” สัมผัสได้ถึงพลังงานคุ้นเคย หนังตาของมู่เฉินก็กระตุกขึ้นเหมือนว่านี่จะเป็นรางวัลเล็กๆ น้อยๆ สำหรับจอมยุทธ์สามสิบสองคน

แก่นเลือดมังกรและหงส์ฟ้าจากจัตุรัสมังกรหงส์บริสุทธิ์อย่างยิ่ง นี่คือโชคที่ตกลงจากฟากฟ้าสำหรับจอมยุทธ์คนอื่นๆ แต่สำหรับมู่เฉินที่ดูดซับสระมังกรหงส์ชั้นยอดและชำระผลเทพมังกรหงส์แล้ว ก็เป็นแค่ของขบเคี้ยวเท่านั้น

แสงสีทองหนาแน่นปกคลุมร่างจอมยุทธ์สามสิบสองคนท่ามกลางสายตาอิจฉานับไม่ถ้วน ครู่ใหญ่แสงสีทองก็ระเบิดพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสีฟ้าพร้อมกับจอมยุทธ์ที่ผ่านเข้ารอบต่อไป

แสงสีทองรวดเร็วมากราวกับว่าเจาะทะลวงมิติไปปรากฏบนขอบฟ้าสูงขึ้นไปในพริบตา จากนั้นแสงสีทองก็สลายลงพร้อมกับจอมยุทธ์สามสิบสองคนยืนอยู่บนท้องฟ้า

ที่ตรงหน้าจอมยุทธ์สามสิบสองคนคือลานประลองลอยฟ้าสิบหกแห่งที่เหมือนกับหลอมมาจากทองคำ

มองลานประลองที่มีเพียงสิบหกแห่ง ก็ไม่มีใครพูดอะไรให้มากความ ฟังยี่ โยวหมิงและจอมยุทธ์ในบันทึกมังกรหงส์พลิ้วตัวลงคนละลานด้วยสีหน้านิ่งสงบ

ร่างของมู่เฉินวาบผ่านไปปรากฏตัวบนลานประลองหนึ่งเช่นกัน เขามองสายตาคมกริบที่พุ่งตรงมาหา ก็ประสานมือ “มีสหายคนไหนต้องการชี้แนะบ้างไหม?”

บนท้องฟ้าสายตาเปล่งประกายสาดมาจากคนมากกว่าสิบที่ยืนอยู่ ในที่สุดชายหนุ่มชุดเทาก็ทะยานออกมาพลิ้วตัวลงบนลานประลองของมู่เฉิน รัศมีคมกริบแผ่ออกจากร่างเขา ทำให้มิติบิดเบี้ยวไป

“สำนักดาบทรราช หยูลู่ขอคำชี้แนะด้วย!”

เมื่อเสียงตะโกนต่ำพร่าดังจากปากหยูลู่ ร่างเขาก็พุ่งตัวออกระเบิดรัศมีดาบครอบงำทะยานขึ้นสู่ขอบฟ้า

พลังของจอมยุทธ์จากสำนักดาบทรราชอยู่ในระดับเดียวกับเฉินฟานเมื่อสักครู่ ดังนั้นการดวลครั้งนี้จึงกินเวลาไม่นาน เมื่อหยูลู่เห็นมู่เฉินทำให้รัศมีดาบไร้เทียมทานของตนแตกเป็นเสี่ยงด้วยนิ้วเดียว เขาก็ทราบดีถึงช่องว่างพลังที่มี ดังนั้นจึงไม่สู้ต่อให้เหนื่อย ตัดสินใจถอยกลับหลังประสานมือคำนับจบการประลอง

ยกนี้มู่เฉินชนะอีกครั้ง

ในเวลาต่อมา มู่เฉินก็ราวกับกระบี่คมที่ถูกชักออกจากฝักขณะที่รัศมีแรงกล้าเผยตัวออกมา หลังเข้าสู่รอบสิบหกคนสุดท้าย เขาก็เอาชนะจอมยุทธ์อัจฉริยะที่มากจากขั้วอำนาจชั้นสูงของภูมิภาคทางเหนือได้อีก ภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน เขาก็ก้าวเข้าสู่รอบแปดคนสุดท้าย!

เมื่อคู่ต่อสู้ที่ประมือกันในรอบแปดคนสุดท้ายล่าถอยหลังเจอการโจมตีที่ดุดัน มู่เฉินก็ระบายลมหายใจยาวเงยหน้าขึ้นมองจัตุรัสมังกรหงส์หลงเฟิ่งในชั้นสูงขึ้นไป ที่ตรงนั้นมีลานประลองยิ่งใหญ่สี่ลานประลองเท่านั้น!

เขากำหมัดแน่นช้าๆ เนื่องจากสัมผัสได้ว่าเมื่อการกำจัดยังดำเนินต่อไป คู่ต่อสู้ที่เหลืออยู่แข็งแกร่งมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกคนไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะผ่านไปโดยง่ายสักคนเดียว

แต่ในเมื่อเขามาถึงตรงนี้แล้ว เขาก็ต้องขึ้นไปสู่จุดสูงสุดอยู่แล้ว ต่อให้ฟังยี่ โยวหมิงและจอมยุทธ์คนอื่นๆ จะเป็นศัตรู แต่ก็ยากที่จะทำให้คนอย่างมู่เฉินรู้สึกลัวขึ้นมาได้

“มาดูหน่อยว่าใครจะขวางทางข้าได้!” มู่เฉินอมยิ้มขณะที่ไฟแห่งต่อสู้ลุกโชนในม่านตาสีดำ

แสงสีทองพวยพุ่งขึ้นอีกครั้ง มู่เฉินก็กางแขนออก ปล่อยให้แก่นเลือดมังกรและหงส์ฟ้าบริสุทธิ์ซึมเข้าสู่ร่าง ไม่นานมันก็หลอมละลายเข้าไปในเลือดเนื้อและกระดูกของเขา เปลี่ยนเป็นพลังงานไร้ขอบเขตไหลเวียนผ่านสรรพางค์กาย

เมื่อแสงสีทองจางหายไป มู่เฉินก็ลืมตาขึ้นด้วยแววตาคมกริบพล่านในส่วนลึก

จอมยุทธ์ทั้งแปดคนยืนไว้สง่ากลางอากาศ แต่คลื่นหลิงที่แผ่ออกมากลับปกคลุมไปทั่วบริเวณ ทุกคนที่ด้านล่างกลั้นหายใจเฝ้าดูฉากนี้อย่างเงียบๆ

พวกเขารู้ดีว่าในที่สุดศึกมังกรหงส์ที่พวกเขาคอยมาครึ่งวันกำลังจะเข้าสู่จุดเดือดแล้ว!

รอบแปดคนสุดท้าย!