มู่เฉียนซีถลึงตาจ้องมองเขา สุดท้ายหลิงก็กล่าวว่า “ข้าเรียกเจ้าเช่นนี้ได้ใช่หรือไม่ ?”

“ได้ ญาติสนิทของข้าก็เรียกข้าเช่นนี้เหมือนกัน”

เขาคล้ายกับท่านอามากจริง ๆ รูปร่างหน้าตาสุดขั้วสองแบบอย่างชัดเจน คนหนึ่งอ่อนโยนดุจดั่งหยก อีกคนหนึ่งเย็นชาและเลือดเย็นมาก

อวัยวะบนใบหน้าก็ไม่เหมือนกันแม้แต่น้อย คนหนึ่งดุจดั่งหยกอย่างไร้ที่ติ อีกคนหนึ่งดุจดั่งรูปปั้นแกะสลักที่ดูสุขุมลุ่มลึก

“ญาติ!” เขากล่าวเสียงเบา

“อืม! เป็นท่านอาเล็กของข้า มู่อวู่ซวง!” มู่เฉียนซีกล่าวจบก็รีบกล่าวขึ้นว่า “เจ้าห้ามคิดอะไรทั้งนั้น มิเช่นนั้นแล้วเจ้าจะปวดหัวอีก”

เมื่อได้ยินชื่อนี้เขาก็มีปฏิกิริยาตอบโต้ทันที แต่ก็โชคดีที่มู่เฉียนซีห้ามเอาไว้ก่อน มิเช่นนั้นแล้วคงต้องแย่แน่

เขามองมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “ข้าแน่ใจว่าเมื่อก่อนข้ารู้จักกับเจ้า! ซีเอ๋อร์!”

มู่เฉียนซีพยักหน้า “แต่ว่า ข้าไม่รู้จักเจ้า!”

อย่างน้อยนางที่ข้ามเวลามาก็ไม่รู้จักกับเขา

ถึงแม้ว่าจะไม่รู้จัก แต่ระหว่างทั้งสองก็มีความห่วงใยกันอย่างมิอาจตัดขาดได้

“ข้าอยากไปเจอเขา!” เขาลุกพรวดขึ้น แต่หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาไม่นาน ร่างกายของเขานั้นยังไม่ค่อยฟื้นตัวดีสักเท่าไหร่ เขาจึงยังยืนไม่คงที่

“เจ้าอย่าได้รีบร้อนเช่นนั้น!”

เขากล่าวเสียงขรึมว่า “ข้าหลงลืมเรื่องสำคัญ ๆ ไปหลายเรื่อง แล้วก็ลืมเรื่องที่ต้องทำไปแล้วด้วย ดังนั้นข้าต้องคิดให้ออก!”

“แต่ว่า ตอนนี้ท่านอาเล็กของข้าไม่ได้อยู่ที่ดินแดนสี่ทิศ เจ้าร้อนใจไปก็ไร้ประโยชน์! นั่งลงก่อนเถอะ!”

หลิงยังคงยืนอยู่ มู่เฉียนซีกล่าว “ในฐานะที่ข้าเป็นนักปรุงยา ข้าสั่งให้เจ้านั่งลง มิเช่นนั้นแล้วแผลภายในของเจ้าก็จะยิ่งเจ็บหนัก”

ด้วยสายตานี้ของมู่เฉียนซีในที่สุดเขาก็นั่งลง

“เจ้าสามารถทำให้ความทรงจำของข้ากลับคืนมาได้หรือไม่ ?”

“ตอนนี้ยังไม่ได้!”

“ช่วยข้าด้วย!”

มู่เฉียนซีรับปากทันที “ไม่มีปัญหา!”

“งั้นข้าไปกับเจ้า จนกว่าเจ้าจะฟื้นคืนความทรงจำให้ข้าได้” หลิงจ้องมู่เฉียนซีพลางกล่าว

“แล้วเจ้าไม่มีเรื่องที่ต้องทำแล้วเหรอ ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม

“ตอนนี้ข้ายังไม่ได้รับคำสั่ง!”

“ตกลงแล้วใครเป็นคนสั่งเจ้า หรือใครกันที่มีสิทธิ์สั่งเจ้าได้ ?” แววตาของมู่เฉียนซีฉายแววโกรธเคือง

นางเชี่ยวชาญในด้านการแพทย์ แต่คำสาปต้องห้ามเช่นนี้นางไม่เข้าใจเลย แต่กลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่ของดีแน่นอน

“พูดไม่ได้!”

คำสาปต้องห้ามล้วนแต่มีข้อจำกัด เขาเหมือนคนปกติทั่วไปที่สามารถพูดคุยกับผู้อื่นได้ ไม่ใช่เป็นศพไร้วิญญาณเดินได้เหมือนอย่างหุ่นเชิด

“พูดไม่ได้ก็ไม่ต้องพูด แต่เจ้าพูดแล้วนะ ว่าก่อนที่ยังไม่มีคำสั่งเจ้าจะไปกับข้า” มู่เฉียนซีกล่าว

“อืม!”

มู่เฉียนซีหวังว่าคำสั่งใหม่ของเขาจะไม่รวดเร็วเช่นนั้น บาดแผลที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกายของเขาอย่างน้อยก็เป็นนานราวสิบกว่าปีแล้ว บาดเจ็บอย่างสาหัสมาก

ถึงแม้ว่าคนผู้นั้นจะใช้คำสาปต้องห้ามเพื่อให้เขาอยู่รอด แต่ก็ไม่เคยดูแลร่างกายของเขาเลย

ตอนนี้พื้นฐานร่างกายของเขานั้นแย่มาก นางต้องการที่จะรักษาให้ร่างกายของเขาฟื้นตัวกลับมาในระยะเวลาอันสั้นที่สุด

“พักที่นี่ก่อนสักคืน”

“พักที่นี่ ?” เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ ดวงตาฉายแววรังเกียจ

“ทำไมล่ะ ? ไม่พอใจกับสถานที่แห่งนี้งั้นเหรอ ? ข้าไม่ทำอะไรเจ้าเด็ดขาด”

“ข้าเป็นผู้ชาย จะกินนอนที่ไหนก็ยอมได้ แต่เจ้า……”

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถเรื่องมากกับสภาพแวดล้อมได้แล้ว แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะมู่เฉียนซีหญิงสาวผู้นี้คนเดียว

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้ามักจะออกมาเก็บสมุนไพรอยู่บ่อย ๆ ชินแล้วหล่ะ”

“ไม่ได้!”

เขาได้เอาสิ่งของมากมายออกมาจากมิติ ทั้งหมดล้วนเป็นเสื่อและผ้าห่มที่ทำมาจากขนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่และระดับห้าทั้งสิ้น ขนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับนี้หาได้ยากมากในเสียโจว

เขาได้ทำเตียงนอนเล็ก ๆ ให้กับมู่เฉียนซี ถึงแม้ว่าตระกูลมู่จะมีเงินทองมากนับคณา แต่อุปกรณ์เดินป่าเช่นนี้นางยังหาไม่ได้

“เช่นนี้น่าจะสบายขึ้นหน่อย ข้าจะเฝ้าเวรยามให้ซีเอ๋อร์เอง!”

มู่เฉียนซีมองเขาอย่างพิจารณาพลางกล่าวว่า “ข้าสงสัยว่าเจ้าจะเป็นพ่อบ้านของข้าไปแล้วหรือเปล่า จู่ ๆ ก็เปลี่ยนไปเช่นนี้”

จากผู้ชนะการต่อสู้มาอย่างเลือดเย็นกลับกลายมาเป็นพ่อบ้านที่ดีเช่นนี้ ช่างเปลี่ยนมากเกินไปแล้ว

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าเป็นคนป่วย จะไปเฝ้าเวรยามทำไม ทำรังนอนให้ตัวเองแล้วพักผ่อนซะเถอะ!”

“อู๋ตี้ เสี่ยวหง พวกเจ้าออกมาเฝ้าเวรยาม!”

สัตว์น้อยทั้งสองตัวมองไปที่หลิงด้วยความหงุดหงิด นายท่านสามไปแล้วก็ยังจะมีคนคนหนึ่งมาแย่งความรักไปจากพวกเขาอีก

เพื่อเขา นายท่านจึงให้พวกมันออกมาเสี่ยงอันตรายเฝ้าเวรยามกลางดึก ช่างน่าเสียใจยิ่งนัก! ฮือฮือฮือ!

มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเจ้าพอได้แล้ว อย่ามาแกล้งทำตัวน่าสงสารอยู่ตรงนี้!”

นายท่านช่างไร้ความปรานียิ่งนัก!

ร่างทั้งสองกะพริบ และพวกมันก็ออกไปแต่โดยดี

“แค่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม ให้ข้าออกไปเฝ้าดีกว่าจะได้วางใจ!”

เสียงกล่าวของเขาไม่เบาเลย แน่นอนว่าอู๋ตี้กับเสี่ยวหงได้ยินคำพูดนี้แล้ว และพวกมันก็โกรธมากกับคำพูดนี้จนแทบอยากจะกัดเขาให้ตาย

เกินไปแล้ว! นึกไม่ถึงว่าจะมารังเกียจความอ่อนแอของพวกมัน

“ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม แต่ก็ดีกว่าคนป่วยเช่นเจ้า!” มู่เฉียนซีกล่าวโจมตีอย่างไร้ความปรานี

“เจ้าไม่ทำเตียงนอนให้ตัวเองแล้วจะนอนได้เหรอ!”

“ของที่ข้าเอาติดตัวมา ข้าได้ใช้ไปหมดแล้ว” สายตาของหลิงตกลงไปที่ร่างของนาง

“ข้าจะแบ่งให้เจ้าครึ่งนึง!”

“ไม่ได้!” เขารีบปฏิเสธทันที

“เจ้าเป็นเด็กผู้หญิง ค่อนข้างบอบบาง ขืนแบ่งมาให้ข้า ที่นอนก็แข็งหมด”

มู่เฉียนซีคิดว่าท่านอาผู้ที่อ่อนโยนดุจดั่งหยกของตนเองรักหลานสาวจนไร้เหตุผลแล้ว แต่นางกลับพบว่าญาติคนใหม่ผู้นี้ช่างไร้เหตุผลยิ่งกว่า

ขนสัตว์กองนี้ล้วนแต่นุ่มกว่าฟูกนอนเสียอีก แบ่งออกไปครึ่งหนึ่งก็พอดีแล้ว แข็งที่ไหนกันหล่ะ ?

มู่เฉียนซีทำได้เพียงแค่ย้ายเอาสิ่งของออกมาจากมิติ จัดทำที่นอนให้เขา และเตือนให้เขาไปพักผ่อนด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

วันนี้เหน็ดเหนื่อยมามากพอแล้ว นางแย่งชิงของล้ำค่ามาจากสนามการต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัวเช่นนั้น อันตรายยิ่งกว่าล้วงคองูเห่าเสียอีก

หลิงนอนไม่หลับ มองดูหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ สายตาของเขาดูสงสัยเล็กน้อย

“มู่ เฉียน ซี ซีเอ๋อร์!”

เขามองดูใบหน้าที่งดงามประณีตนั้นอย่างมิอาจละสายตาไปได้

ถึงแม้ว่าจะสูญเสียความทรงจำไป แต่เขาก็รู้ว่าการทำภารกิจนี้มีสาวน้อยผู้หนึ่งคอยเป็นห่วงเป็นใยเขาอยู่

จะมองอย่างไรก็ไม่พอ เช่นนั้นก็มองดูไปเช่นนี้ก็แล้วกัน

ถูกจ้องมองเช่นนี้ มู่เฉียนซีจะนอนหลับได้ยังไงกันหล่ะ ?

“เจ้าหลับตานอนจะได้หรือไม่ ?”

“ซีเอ๋อร์ก็นอนไม่หลับเหรอ แต่ว่า ข้ากล่อมเด็กไม่เป็นนะ” ใบหน้าสามมิติที่งดงามของหลิงเผยให้เห็นถึงอารมณ์และความรู้สึกที่ยุ่งเหยิง

สีหน้าของมู่เฉียนซีแทบจะดำคล้ำด้วยความโกรธแล้ว “ข้าไม่ใช่เด็ก”

“ซีเอ๋อร์อายุเท่าไหร่แล้วหล่ะ ?”

“ข้าสิบหกปีแล้ว ข้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว อยู่คนเดียวได้แล้วเข้าใจไหม ?”

หลิงมองดูนางที่กำลังโกรธเคืองอยู่และกล่าวว่า “ก็เป็นเด็กจริง ๆ หนิ่”

“หากเจ้าไม่เอาแต่จ้องหน้าข้า ข้าคงจะหลับไปตั้งนานแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญา

เขาหลับตาลงพลางกล่าว “ก็ได้!”

ดวงตามองนางไม่ได้ เช่นนั้นก็คิดถึงนางอยู่ในใจก็พอแล้ว

เป็นแค่คนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันแค่วันเดียว แต่มู่เฉียนซีกลับนอนหลับได้อย่างวางใจ ความรู้สึกคุ้นเคยที่มาจากส่วนลึกนั้น ไม่ใช่สูญเสียความทรงจำไปแล้วจะลบล้างกันได้

ในขณะที่มู่เฉียนซีตื่นขึ้นมานั้น หลิงก็ตื่นขึ้นมาแล้ว

นางได้ตรวจร่างกายให้เขา จากนั้นก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “หลิง ร่างกายเจ้าฟื้นตัวได้ไม่เลวเลย กินยาเม็ดนี้ซะ วันนี้ก็ออกไปจากป่าหนานเสียกับข้าได้แล้ว”

“ชื่อนี้เป็นชื่อที่คนอื่นเรียก ไม่ใช่ซีเอ๋อร์!”

“แล้วจะให้ข้าเรียกว่าอะไรล่ะ อีกอย่างเจ้าก็จำชื่อตัวเองไม่ได้” มู่เฉียนซีกล่าวถาม