ตอนที่ 880 - ความมุ่งร้าย

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.
  หลังจากครุ่นคิดซือหยูจ้องมองดินเพาะบ่มชั้นสูง หากเป็นสภาวะปกติ สิ่งมีชีวิตจะเติบโตจนถึงอายุช่วงหนึ่ง จากนั้นจะแก่ตัว เหี่ยวแห้ง และตายไปในที่สุด
  อายุขัยของไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์นั้นยาวนานนับพันปีด้วยการแวดล้อมของสภาพรอบต้นไผ่ พลังวิญญาณที่ไม่เพียงพอ การดูดซับมลทินที่มากเกินไป หรือไม่ว่าจะเป็นการถูกทำลายจากสัตว์อสูรและมนุษย์ ทั้งหมดล้วนนำไปสู่การเจริญเติบโตที่ไม่สมบูรณ์ของไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์
  ด้วยปัจจัยทั้งหลายนี้ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ส่วนใหญ่จึงตายที่อายุพันปีขณะที่อายุขัยจริงจะเกินพันปีถ้าไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางลบที่กล่าวถึงก่อนหน้า
  แต่ด้วยพื้นที่พิเศษจากดินเพาะบ่มชั้นสูงและมุกวิญญาณเก้าหยกมันทำให้ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์เติบโตอย่างไม่มีสิ่งกีดขวางและได้ไปถึงปลายอายุขัยตามธรรมชาติ ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ตรงหน้าซือหยูน่าจะมีอายุเกินกว่าพันปีเข้าไปแล้ว
  นั่นหมายความว่ามันสามารถพัฒนาคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมขึ้นมาได้เรื่องที่คล้ายกันนี้เคยเกิดขึ้นแล้วกับสมุนไพรสายฟ้าที่มีคุณสมบัติต้านทานสายฟ้า
  ที่ซือหยูรู้หากสมุนไพรสายฟ้าแก่กว่าแปดสิบปี มันจะพัฒนาพลังการดูดซับสายฟ้าเข้าไป! และถ้าหากไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์จะสร้างพลังสายฟ้าขึ้นมาได้ก็ถือว่ามีเหตุผล
  สิ่งที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวก็คือสายฟ้าจากไผ่เงินจะอ่อนแอมากมันไม่แข็งแกร่งพอที่จะสร้างพลังที่พึ่งพาได้ แต่ถ้าหากมันเติบโตไปจนถึงสุดสายของอายุขัย บางทีพลังสายฟ้าอาจจะเพิ่มขึ้นสูงก็ได้ นั่นเป็นสิ่งที่เขายังไม่รู้
  “เอาเถอะเวลาไม่เคยรอคอยผู้ใด…”
  ซือหยูพูด
  เพราะแดนมณีมหัศจรรย์กำลังจะมาถึงในอีกครึ่งปีและมันจะเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อทั้งจิวโจว ซึ่งเขาจำเป็นต้องใช้เพลงกระบี่เก้าสุริยาให้ได้ก่อนจะถึงเวลานั้น
  “เจ้าลองตีใบไผ่พวกนี้สิ…”
  ซือหยูบอก
  กิเลนน้อยพยักหน้าและใช้ขาคู่หน้าถือไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์เอาไว้มันกระพริบตาและพ่นเพลิงสีม่วงออก
  ซือหยูเคยเห็นเพลิงนี้มาก่อนในระหว่างที่ปรุงยาเขาไม่ได้พบความต่างของมันจนถึงตอนนี้ ความร้อนจากเพลิงสูงจนน่าตกใจ! มันมิใช่เพลิงธรรมดาที่ก้าวข้ามต้นกำเนิดอัคคีอีกต่อไปแล้ว มันก้าวข้ามจุดนั้นมาไกลจนถึงระดับที่น่ากลัว!
  แม้จะยืนอยู่ห่างซือหยูก็รู้สึกแสบผิวอย่างรุนแรง เขาก้าวถอยหลังเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างเพลิงม่วง
  “เพลิงนี่เผาจ้าวเทวะระดับสองได้ทั้งเป็น!”
  ซือหยูอุทานออกมา
  เขาตัวแข็งทื่อเขารู้แค่เพียงว่ากิเลนน้อยนั้นยอดเยี่ยมในการแปลงกาย เขาไม่เคยคิดว่ามันจะมีเพลิงที่น่ากลัวอยู่ด้วย! และตอนนี้มันยังเติบโตอยู่ในขั้นทารก เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าตอนที่มันเติบโตเต็มที่จะเป็นอย่างไร!
  ซือหยูรอเงียบๆขณะที่จ้องมองเพลิงม่วงเผาไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิด…ใบไผ่มิได้เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
  ไม่ว่าเพลิงม่วงจะเผามันเท่าใดสีของใบไผ่ก็ไม่แปรเปลี่ยน กิเลนน้อยมิได้อวดดีหรือรีบร้อน มันขยับขาคู่หน้าราวกับวาดผนึกพลัง!
  จากนั้นความร้อนของเพลิงก็เพิ่มขึ้นสูงไปอีกสุดท้ายซือหยูก็มิอาจประเมินความร้อนของเพลิงนี้ได้อีกแล้ว แต่เขามั่นใจว่ามันสามารถทำลายจ้าวเทวะชั้นกลางได้แน่นอน!
  เมื่อผ่านไปครึ่งชั่วยามใบไผ่เงินสั่นเล็กน้อย เส้นใบของมันเริ่มหลอมละลายให้เห็น! ซือหยูตกใจมาก เพราะสุดท้ายใบไผ่ก็เริ่มถูกหลอมในที่สุด!
  เพลิงที่กิเลนน้อยพ่นออกมายังหนาแน่นยิ่งกว่าเดิมจนน่าขนลุก!แม้แต่วิบัติอัคคีในตัวซือหยูก็เริ่มปั่นป่วนราวกับถูกเพลิงของกิเลนน้อยเชื้อเชิญ!
  “ใกล้เคียงกับวิบัติอัคคีนัก!”
  ซือหยูอุทานเขาตกตะลึง
  เขาคิด…มีเพลิงน่ากลัวอันใดที่ถูกผนึกอยู่ในร่างกิเลนน้อยกัน?
  เขาตกใจไม่แพ้กันที่พบว่ามีแค่เส้นใบที่ถูกหลอมด้วยความร้อนนี้!นั่นแสดงให้เห็นว่าแม้แต่อสูรเนรมิตรก็มิอาจใช้ไผ่นี้ได้!
  เวลาผ่านไปอีกครึ่งชั่วยามเพลิงที่กิเลนน้อยพ่นออกมารุนแรงจนกลายเป็นสีม่วงเข้มและมีพลังที่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม พร้อมกันนั้น ทั้งมุกวิญญาณเก้าหยกได้จมสู่ความร้อน
  ซือหยูมิอาจประเมินความร้อนได้อีกต่อไปแล้ว!ใบไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์หลอมละลายจนหมดสิ้น มันกลายเป็นหยดวารีสีเงิน!
  ในตอนนั้นเพลิงสีม่วงที่ถูกพ่นออกมาได้เข้าปกคลุมหยดสีเงิน ด้วยเพลิงร้อนสูง หยดเงินยังคงสภานะของเหลวและไม่แข็งตัว
  ผ่านไปอีกครึ่งชั่วยามกิเลนน้อยหลอมได้อีกใบและได้หยดสีเงินมาอีกหยดและเก็บมันเอาไว้ในเพลิงม่วง
  หลังจากหลอมใบไผ่ทั้งสองเพลิงที่กิเลนน้อยพ่นออกมาดับไปเสียส่วนมาก ร่างสีชมพูของมันหม่นแสงลง ดวงตาสดใสของมันราวกับจะร้องไห้เมื่อกระทืบเท้าเล็กๆลงบนไผ่เงิน มันแสดงความหงุดหงิดในสีหน้า
  “ไผ่นี่น่ารังเกียจนัก!”
  ซือหยูหัวเราะเมื่อเห็นใบหน้าเศร้าหมองของมัน
  “นี่คือไผ่เทวะลำดับหนึ่งจากทั้งดินแดนจิวโจวมันแข็งแกร่งจนจินตนาการไม่ได้ ถ้าเจ้าหลอมมันได้ มันก็ดีเหลือเกินแล้ว! แม้แต่อสูรเนรมิตรก็ต้องตกใจหากได้เห็นเจ้า!”
  ซือหยูมิได้กล่าวเกินเลยหากอสูรเนรมิตรรู้ว่ากิเลนน้อยพ่นวิบัติอัคคีได้ ซือหยูจะถูกคนทั้งทวีปไล่ล่าไม่ว่าจะไปที่ไหน
  กิเลนน้อยตาเป็นประกายเมื่อได้ฟังคำชมจากซือหยูไม่นานสีหน้าเศร้าหมองก็กลายเป็นยินดี มันมองไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ด้วยแววตาดื้อรั้นราวกับจะพูดว่า ‘ข้าจะไม่หยุดจนกว่าจะหลอมไผ่นี่ได้!’
  “ฮ่าๆๆเจ้าพักก่อนเถอะ! ไผ่เงินมิอาจหลอมได้ในคืนเดียว…”
  ซือหยูเตือนกิเลนน้อยก่อนจะออกจากมุกวิญญาณเก้าหยก
  จากนั้นแสงได้ส่องกระทบฝ่ามือ ศิลาแดงดั่งเลือดปรากฏในฝ่ามือของเขา
  “ศิลาเลือดศักดิ์สิทธิ์บำรุงวิญญาณ!”
  ซือหยูในตอนนี้เข้าใจแล้วว่ามันใช้งานอย่างไรในงานประมูล!
  นี่คือผลึกวิญญาณของเซียนมณีราชินีคนก่อนแห่งจิวโจว! มันคือวิญญาณดวงเดียวกับที่มีความทรงจำของนางที่แยกกันเป็นเศษเสี้ยวนับไม่ถ้วนและกลายเป็นผลึกเทพ!
  ในงานประมูลผลึกเทพที่มีขนาดเท่าทรายหนึ่งกำมือยังขายได้ในราคาห้าแสนดวง ดังนั้น ผลึกที่มีขนาดเท่าฝ่ามือจะต้องมีค่าสูงจนเทียบได้กับสมบัติภูติ!
  แต่ซือหยูไม่คิดจะขายมันเพราะเหล่าผลึกเทพนั้นง่ายที่จะได้มา แต่ความทรงจำของราชินีแห่งจิวโจวนั้นยากที่จะได้!
  เขาเพียงแค่ต้องหาทางใช้ผลึกเทพเพื่อปลุกความทรงจำของเซียนมณีที่ซ่อนอยู่ขึ้นมาบางทีมันอาจจะมีความทรงจำในการบ่มเพาะของนาง มันคงจะประเมินค่าไม่ได้ถ้าเขาได้ภูมิปัญญาของนาง!
  มันต้องใช้พลังชีวิตมหาศาลในการใช้งานผลึกเทพแม้แต่แม่นางหลิงที่เป็นจ้าวเทวะระดับห้าก็ใช้พลังชีวิตเกือบครึ่งที่จะใช้งานผลึกเทพขนาดเท่าทรายหนึ่งกำมือ! ดังนั้นคงจะเป็นเรื่องยากมากที่จะใช้งานผลึกที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ!
  ซือหยูคิด…ข้าคงต้องขอความช่วยเหลือจากจ้าวเทวะที่เก่งกาจหลายคนจึงจะทำได้!
  หลังจากเก็บผลึกเทพในที่ปลอดภัยซือหยูเริ่มบ่มเพาะวิชาเก้ามังกรอสูรขณะที่บ่มเพาะวิชาอื่นๆตามเวลาที่มี เขาบ่มเพาะในช่วงนี้ก็เพื่อใช้เวลาอันมีค่าให้คุ้มก่อนจะถึงวันเก็บเกี่ยวหญ้าใจสลาย
  ที่นอกด้านตงหลินมียอดฝีมือจำนวนมากมารวมตัวกันพวกเขามีตั้งแต่กึ่งภูติไปจนถึงภูติ พวกเขามารอใกล้ๆโดยตั้งใจจะซุ่มโจมตีเมื่อถึงเวลา…
  มีคนคิดร้ายมากมายอยู่ในนั้นแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าร้านเหตุก็เพราะมีจ้าวเทวะระดับหนึ่งสองคนปกป้องร้านอยู่จึงไม่มีใครเข้าใกล้
  ณที่ลับภายในร้าน บุรุษและสตรีจ้าวเทวะต่างยิ้มอย่างขมขื่นให้แก่กัน
  “เพื่อความปลอดภัยของซือหยูเซี่ยนข้าคิดว่าเราต้องจับตาดูโดยไม่ต้องขยับไปไหนอีกแล้ว…”
  สตรีกล่าว..novel-lucky
  ทั้งสองได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในงานประมูลอย่างชัดเจนและรู้ว่าซือหยูเซี่ยนกลายเป็นจุดสนใจของทั้งเมืองเทียนหยาคนนับไม่ถ้วนกำลังสมคบคิดกัน หากพลาดเพียงนิดเดียว คนของหูหวังกุยจะเข้าไปสังหารซือหยูเซี่ยน!
  หากเรื่องนี้เกิดขึ้นทั้งสองจะต้องรับผิดชอบ ชีวิตของซือหยูนั้นมีค่ามากกว่าพวกเขาที่เป็นจ้าวเทวะสองคนเสียอีก! ทั้งคู่ต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาล!
  ฟึ่บ!
  จู่ๆสร้อยหยกของบุรุษก็ส่งเสียงเบาๆ
  เขามองดูสร้อยและอุทาน
  “ข้อความจากท่านเสี่ยวเหยา!”
  ซือหยูออกจากงานประมูลเร็วเกินไปจนไม่มีใครรู้ตัวเสี่ยวเหยาจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเขา ดังนั้นเขาจึงได้แต่สื่อสารผ่านคนคุ้มกันที่ปกป้องซือหยู
  บุรุษจ้าวเทวะกดสร้อยหยกที่หน้าผากจากนั้นเขาก็ลืมตาด้วยความดีใจ
  “ศิษย์น้องรองผู้จัดการใหญ่ส่งจ้าวเทวะมาอีกหลายคนเพื่อช่วยพวกเราปกป้องซือหยูเซี่ยน”
  สตรีตบอกและยิ้มเมื่อได้ยินนางกล่าว
  “ในที่สุดพวกเราก็สบายใจได้สักที!พวกเราแค่สองคนไม่มีโอกาสรักษาความปลอดภัยให้เขาได้แน่”
  เพราะมีคนมากมายที่คิดร้ายต่อซือหยูเซี่ยนนั่นรวมถึงหูหวังกุยด้วย เขาเป็นศัตรูตัวฉกาจ และถ้าหากเขาคิดจะลอบสังหารซือหยู พวกเขาก็ไม่แน่ใจว่าจะหยุดได้
  “แต่ท่านเสี่ยวเหยาก็สั่งพวกเราอีกหนึ่งเรื่อง”
  บุรุษเหลือบมองห้องของซือหยูเขาลดเสียงตัวเองลง
  ศิษย์น้องสีหน้าจริงจังนางถาม
  “ใยจู่ๆถึงระวังตัวเล่า?”
  “ท่านเสี่ยวเหยาบอกให้พวกเราจับตาดูซือหยูเซี่ยนและหาความจริงให้ได้ว่ามีปรมาจารย์นักปรุงยามาหาเขาจริงหรือไม่…”
  เขากล่าว
  สตรีเลิกคิ้วนางถาม
  “ท่านเสี่ยวเหยาสงสัยว่าซือหยูเซี่ยนเป็นคนที่ปรุงวารีผงกลั่นดวงใจขึ้นเองหรือ?หรือ…หรือว่าเขาจะกุเรื่องบุรุษลึกลับเพื่อใช้อ้างปกป้องตัวเอง?”
  บุรุษจ้าวเทวะพยักหน้าเงียบๆ
  “เจ้าพูดถูกแล้วการเกิดขึ้นใหม่ของวารีผงกลั่นดวงใจเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด! แล้วก็…มันยังปรากฏออกมาหลังจากที่ซือหยูเซี่ยนมาถึงเมืองเทียนหยา ที่บังเอิญยิ่งกว่านั้นคือปรมาจารย์นักปรุงยาผู้นั้นยังไม่เลือกที่จะร่วมมือกับร้านใหญ่อย่างร้านโอสถสวรรค์แต่กลับเลือกร้านโอสถเล็กๆที่ไม่มีใครสนใจ เรื่องทั้งหมดมันน่าฉงน ต้องมีเบื้องหลังอยู่เป็นแน่”
  นางพยักหน้าตอบรับ
  “ดีล่ะข้าอยากจะจับตาดูเขานานสักหน่อย ยิ่งท่านเสี่ยวเหยาสั่งเอง ข้าก็มีสิทธิ์นั้น จากนี้ไปข้าจะไม่ละสายตาจากซือหยูเซี่ยน ถ้าไม่มีใครมาหาเขาในสามวันและเขาได้วารีผงกลั่นดวงใจมาขาย นั่นก็แสดงว่าต้องเป็นฝีมือเขา!”
  จากนั้นสายลมรุนแรงพัดมายังร้านตงหลิน ยอดฝีมือมากมายเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ
  จ้าวเทวะทั้งสองที่กำลังพูดคุยกันอยู่จับจ้องมองหมู่เมฆาในทันที  “ใต้เท้าถึงแล้วจะซ่อนตัวทำไมกัน?”
  บุรุษจ้าวเทวะถามเขายังคงใจเย็นและสุขุม เพราะนี่คือเมืองเทียนหยา เขาไม่กลัวนักว่าจะมีใครกล้าบุ่มบ่ามมาหาเรื่องจ้าวเทวะของตำหนักโลหิตที่นี่
  ฟึ่บ!
  จู่ๆท้องนภาก็ส่งเสียงตอบรับเงามากมายแล่นผ่านปรากฏหญิงงามยืนบนพื้น นางสวมชุดดำยาว
  คนคุ้มกันทั้งสองจำได้ทันทีที่เห็นใบหน้าของนางทั้งคู่ตะโกนพร้อมกัน
  “แม่นางหลิง!”
  คนที่ปรากฏตัวนั้นคือแม่นางหลิงจากโรงประมูลเทียนหยา!