ตอนที่ 1731

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,731 : เซียนมนุษย์ เวทย์พลัง

 

“อ่อ ได้ยินสิ”

 

เผชิญกับคำถามของหวงตง ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบกลับไปเบาๆ คล้ายไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ และอันที่จริงเขาก็ไม่ได้สนใจมันเลยจริงๆ!

 

“เจ้าแข็งแกร่งกว่าน้องชายข้า…แต่กลับใช้พลังฝีมือที่เหนือกว่ารังแกน้องชายข้าให้อับอาย เจ้ามิคิดว่านี่มันเป็นการกระทำที่มากเกินไปหน่อยงั้นหรือ?”

 

สีหน้าของหวงตงกลายเป็นถมึงทึง แววตายังกลายเป็นดุร้ายเอาเรื่อง

 

“ทำเกินไป?”

 

ต้วนหลิงเทียนพลันหัวเราะออกมาทันที “เจ้าบอกว่าข้าทำเกินไป แล้วเจ้ารู้ไหมว่าน้องเจ้าคิดจะทำอะไร? มันกับพวกคิดทำลายประตูบ้านข้าและบุกเข้ามาในขณะที่ข้าบ่มเพาะพลังไม่พอ ยังหาเรื่องท้าทายข้าไม่หยุดกระทั่งดูแคลนข้าไม่เลิก…ไหนเจ้าบอกข้าทีถ้าเจ้าเป็นข้าเจ้าจะทำยังไง! หรือเพียงเพราะข้าแข็งแกร่งกว่ามันเลยต้องปล่อยให้มันทำอะไรก็ได้ตามใจ?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกรวดเดียวจบ ยังอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด

 

อันที่จริงหวงตงก็รู้เรื่องราวดังกล่าวดี นอกจากนี้มันยังทราบว่าทั้งหมดเป็นน้องชายมันกระทำผิดก่อน หาไม่แล้วมันคงไม่อาจกล่าวคำอย่าง ‘สุภาพ’ แบบนี้ได้หากพบว่าอีกฝ่ายคือหลิงเทียน

 

ทว่าหวงตงรู้เรื่องนี้ดีไม่ได้หมายความว่าศิษย์ลาดตระเวนคนอื่นๆจะรู้เรื่องด้วย!พวกมันถึงกับหันไปมองหัวหน้าหน่วยตัวเองด้วยสายตาแปลกๆ…!!

 

พวกมันรู้แค่น้องชายหวงตงอย่างหวงจี้ถูกผู้อื่นกล้อนผมมา แต่พวกมันไม่เคยรู้ว่าเป็นหวงจี้ผิดเองแต่แรก..

 

“ก็ใช่ที่เป็นน้องชายข้าทำผิดต่อเจ้าก่อนจริงๆ แต่เจ้าไม่คิดว่าเจ้าจะทำรุนแรงไปหน่อยหรือ ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนั้นเจ้ากลับทำให้น้องข้าต้องอับอายขายหน้า…แล้วต่อไปจะให้น้องชายข้ามีหน้าไปพบเจอผู้คนได้อีกอย่างไร?”

 

หวงตงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กล่าวถามออกมาอย่างไม่ยินยอม

 

“ข้าไม่คิดว่าข้าทำเกินไป…”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเรียบ “ยังดีที่อยู่ในเขตตำหนักฟ้าลี้ลับ หากเป็นข้างนอกแล้วมันกล้าเปิดประตูบุกเข้ามาในบ้านข้าขณะที่ข้ากำลังบ่มเพาะ…หวงจี้น้องเจ้าแม้ไม่ตายก็ต้องพิการ!”

 

กล่าวถึงท้ายประโยคน้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนพลันแข็งขึ้น แววตาทอประกายอำมหิต

 

เขาไม่ใช่คนที่ใจดีมีเมตตาอะไรนักหนา ในสายตาของเขาหวงจี้มันล้ำเส้นเขาไปแล้ว! เขาเมตตาปราณีมันขนาดไหนที่แค่จับมันโกนหัว!!

 

ทว่าตอนนี้มีคนมาบอกว่าเขาทำเกินไป? นี่นับว่าเป็นการท้าทายเขาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!

 

“เจ้า!”

 

หวงตงไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะตอบกลับมาด้วยวาจาแข็งกร้าวแบบนี้ พาลให้หน้ามันมืดดำถมึงทึงลงทันที แววตายังคล้ายจะมีเพลิงโทสะลุกโชนปานจะแผดเผาผู้คนให้ตาย!

 

“ศิษย์พี่หวงตง!”

 

เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มกลายเป็นอึมครึมหนักขึ้นทุกที คนในหน่วยลาดตระเวนไม่อาจอยู่เฉยได้อีก เร่งมากันหวงตงเอาไว้ก่อนทันที

 

ล้อกันเล่นหรือไง!

 

เรื่องทั้งหมดเป็นมาอย่างไร หลิงเทียน มีเหตุผลรองรับทั้งสิ้น!

 

หากเกิดความบาดหมางจนเป็นเรื่องเป็นราว และมีการสอบสวนจากหอคุมกฏขึ้นมา น่ากลัวว่าหวงตงต้องโดนลงโทษหนักแน่!

 

อีกทั้งด้วยพลังฝีมือและพรสวรรค์ที่หลิงเทียนเผยออก อนาคตอีกฝ่ายสมควรเป็นเสาหลักของตำหนักฟ้าลี้ลับ กระทั่งคิดนั่งตำแหน่งจ้าวตำหนักคนต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!

 

แน่นอนว่าไม่ต้องกล่าวไปไหนไกลด้วยซ้ำ เอาแค่เรื่องของหลิงเทียนที่แพร่ออกมาตอนนี้ เมื่อถึงหูระดับสูงๆของตำหนักฟ้าลี้ลับเมื่อไหร่ กระทั่งชนชั้นจ้าววังยังต้องให้ความสำคัญ ทั้งหมดไม่พ้นต้องเริ่มสนใจในตัวอัจฉริยะที่พึ่งเข้าร่วมคนนี้แน่นอน!

 

ในแง่พลังฝีมือสามารถทัดเทียมกับยอดฝีมือเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งติด 3 อันดับแรกได้…เผยให้เห็นว่าพลังฝีมือของหลิงเทียนผู้นี้ สมควรอยู่ในช่วงปลายของด่านพลังแล้ว…

 

ที่สำคัญคืออายุของเขายังต่ำกว่า 40 ปี!

 

เซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญที่เจียนบรรลุแต่อายุไม่ถึง 40 ปี? กระทั่งว่ายตามองทั้งประวัติศาสตร์ของตำหนักฟ้าลี้ลับ น่ากลัวจะนับได้ด้วยนิ้วมือข้างเดียว

 

ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีคนไหนมีสามารถร้ายกาจขนาดนี้!

 

เพราะในแง่ของความสามารถ เขาใช้เวลาเพียง 20 วันก็ดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวจนเกลี้ยงกริบ!

 

สุดท้ายแล้วพรสวรรค์ศักยภาพสูงล้ำเท่าไหร่ การดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินก็จะรวดเร็วขึ้นเท่านั้น!

 

และจากความเร็วในการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินของหลิงเทียนที่เกิดขึ้นในสระวิญญาณของวังนภา ก็เผยให้รู้ว่านี่สมควรเป็นศักยภาพพรสวรรค์ของสัตว์ประหลาดแน่นอน! ความสามารถระดับนี้มากพอจะสะท้านสะเทือนไปทั้งตำหนักฟ้าลี้ลับ!

 

หวงตงเองก็รู้เรื่องนี้ไม่ต่างจากศิษย์คนอื่นๆ

 

และเมื่อถูกผู้คนรอบๆพยายามกล่าววาจาเกลี้ยกล่อมมันก็สามารถสงบลง สุดท้ายก็ปล่อยต้วนหลิงเทียนเอาไว้ เร่งจากไปทันที

 

อย่างไรก็ตามขณะมันเหินร่างจากมา ยังไม่วายหันไปมองต้วนหลิงเทียนทิ้งท้ายด้วยประกายตาคมกล้าเอาเรื่อง!

 

ทว่าต้วนหลิงเทียนคล้ายไม่สนใจอะไร ยังทำเหมือนหวงตงเป็นอากาศธาตุ…

 

เมื่อขึ้นไปถึงเกาะลอยฟ้าแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ถูกผู้คนมาขวางทางเอาไว้อีกครั้ง แต่คราวนี้คนที่หยุดเขาเป็นศิษย์ที่รับหน้าที่บนเกาะลอยฟ้า ก่อนที่เขาจะถูกชี้แนะให้ไปยังจุดลงทะเบียนเข้าเกาะ

 

“เอ๋! นี่เจ้าคือหลิงเทียนจากวังนภาคนนั้นรึ!?”

 

เมื่อศิษย์รักษาการณ์ที่กำลังระบุตัวตนต้วนหลิงเทียนอยู่ พลิกป้ายของวังนภาจนแลเห็นคำ ‘หลิงเทียน’ ด้านหลังป้าย มันก็อดไม่ได้ที่จะมองถามต้วนหลิงเทียนตาปริบๆ

 

แม้ต้วนหลิงเทียนจะเข้าตำหนักฟ้าลี้ลับมาได้ไม่นาน แต่เรื่องราวของเขาก็เริ่มแพร่ไปทั่วตำหนักฟ้าลี้ลับแล้ว!

 

ช่วงนี้หากถามว่าใครเด่นดังทั้งมาแรงที่สุดในตำหนักฟ้าลี้ลับ ก็ต้องยกให้ หลิงเทียน!

 

“ใช่”

 

ต้วนหลิงเทียนแย้มยิ้มบางๆทั้งพยักหน้า

 

รอยยิ้มดังกล่าวพอตกอยู่ในสายตาของศิษย์รักษาการณ์ ก็ทำให้มันรู้สึกเสมือนมีสายลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านให้ความรู้สึกผ่อนคลาย มันบังเกิดความรู้สึกดีกับต้วนหลิงเทียนไม่น้อย จึงยิ้มกล่าวตอบไปพร้อมยื่นป้ายประจำตัวคืน “ที่แท้เป็นศิษย์น้องหลิงเทียนที่โด่งดัง เอาล่ะ…เนื่องจากเจ้ายังไม่ใช่ศิษย์มีอันดับของตำหนักฟ้าลี้ลับ เจ้าเลยอยู่ในตำหนักหลักได้แค่ 1 เดือนนะ และก่อนเจ้าจะกลับต้องมาที่นี่และลงทะเบียนอีกรอบ”

 

“เข้าใจแล้ว ขอบคุณมากพี่ชาย”

 

หลังจากได้รับป้ายประจำตัวกลับมา ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ากล่าวขอบคุณศิษย์รักษาการณ์อย่างสุภาพ

 

“อ๊ะ จริงสิ! ศิษย์น้องหลิงเทียน เจ้ารับป้ายหยกนี่ไปด้วย..ในนั้นมีกฏระเบียบ รวมถึงสถานที่ต้องห้ามระบุไว้ เจ้าเข้าไปแถวนั้นไม่ได้เด็ดขาด โปรดระวังด้วย”

 

ศิษย์รักษาการณ์มอบป้ายหยกของตัวเอง ทั้งกล่าวแนะนำต้วนหลิงเทียนด้วยความหวังดี

 

หลังจากต้วนหลิงเทียนรับป้ายหยกมาก็พลิกดูครู่หนึ่ง จึงยิ้มพยักหน้ากล่าวขอบคุณไปอีกรอบก่อนที่จะเดินจากไป

 

มองตามแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนที่เดินหายไปสักพัก ศิษย์รักษาการณ์ตรงจุดลงทะเบียน อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมา “ศิษย์น้องหลิงเทียนผู้นี้ พรสวรรค์แต่กำเนิดสูงส่งถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่วางท่าถือดีทำตัวโอหังเลย…”

 

“นั่นสิ หากเทียบกับเขาแล้ว อัจฉริยะรุ่นเยาว์ไม่กี่คนในตำหนักฟ้าลี้ลับของพวกเรา ช่างห่างชั้นนัก…เจ้าพวกนั้นพรสวรรค์ทั้งศักยภาพสู้ศิษย์น้องหลิงเทียนไม่ได้แท้ๆ แต่วางท่าโอหังปานบิดามันเป็นจ้าวตำหนัก…มารยาทยังถ่อยกว่าศิษย์น้องหลิงเทียนคนละโลก!!”

 

ศิษย์รักษาการณ์อีกคนกล่าวออกเช่นกัน สิ้นคำของมันผู้ที่ยืนแถวนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วยกันหมด

 

ด้านต้วนหลิงเทียนเองก็คงไม่รู้ว่า ในสายตาของศิษย์รักษาการณ์ที่คอยลงทะเบียนผู้คนเข้าออกเกาะ เขาดูดีไม่น้อย

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็พยายามอ่านข้อมูลในป้ายหยก ทำให้เขารู้ว่าที่ต้องระวังบนเกาะลอยฟ้าแห่งนี้มีอะไรบ้าง แล้วไปที่ไหนไม่ได้บ้าง

 

ตำหนักหลักที่อยู่บนเกาะลอยฟ้านี้ มองไปเป็นพระราชวังหยกที่วิจิตงดงามทั้งโอ่อ่าให้บรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ ปานวิมานฟ้าบนสวรรค์…

 

ระหว่างทางเข้าต้วนหลิงเทียนก็เห็นศิษย์เฝ้ารักษาการณ์ด้านหน้าหลายหน่วย กระทั่งยังมีแถวศิษย์ที่เดินลาดตระเวนเป็นระเบียบเรียบร้อย ยังมีร่างที่วูบไปวูบมาเข้าออกวุ่นวาย เหล่านี้ไม่เป็นเจ้าหน้าที่ก็เป็นศิษย์บนตำหนักหลัก หรือศิษย์ที่ติดอันดับในรายนามฟ้าลี้ลับ!

 

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เถลไถลอะไร เพียงชมดูเรื่องราวที่ทางพักหนึ่งก็นึกจุดประสงค์การมาออก จึงมุ่งหน้าไปยังหอตำราหลักทันที

 

และไม่นานต้วนหลิงเทียนก็มาถึงที่หมาย เบื้องหน้าปรากฏหอตำราหลักตั้งตระหง่าน มันแลดูใหญ่โตโออ่าไม่น้อย

 

ในหอตำราของวังนภาก็มีหนังสือตำราทั้งม้วนคัมภีร์ที่เป็นเรื่องเดียวกับที่หอตำราหลักเช่นกัน แต่พวกมันล้วนเป็นฉบับคัดลอก หรือสำเนาทั้งสิ้น

 

และเนื่องจากหอตำรานั้นเพียงเก็บแต่หนังสือตำราทั้งม้วนคัมภีร์ที่บันทึกเรื่องราวทั่วไปอันเป็นความรู้รอบตัว ไม่ได้มีวรยุทธ์เคล็ดวิชาอันใดที่ต้องเฝ้าระวัง การเข้าใช้งานจึงไม่ได้เข้มงวดกวดขันมาก ต้วนหลิงเทียนเพียงแค่ลงทะเบียนก่อนเข้าใช้เท่านั้น

 

หลังจากเข้าไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนแหงนมองไปทางใดก็เต็มไปด้วยหนังสือตำรา บ้างชั้นก็มีม้วนคัมภีร์ กระทั่งป้ายหยกบันทึกข้อความ จำนวนก็มากมายปานจะถมทะเลสาบย่อมๆ และทั้งหมดในหอตำราหลักคล้ายจะเป็นต้นฉบับ!

 

“โห…เยอะขนาดนี้ชาติไหนข้าจะอ่านหมดล่ะเนี่ย?”

 

เมื่อเห็นหนังสือตำรามากมายในสายตา ต้วนหลิงเทียนก็กระพริบตาปริบๆ ค่อยเดาะลิ้นกล่าว “จิ๊ ข้ามีเวลาแค่เดือนเดียว…งั้นต้องเลือกอ่านที่สำคัญๆก่อนละกัน”

 

จุดประสงค์การมาครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียนคือเรียนรู้เรื่องด่านที่อยู่เหนือขอบเขตอริยะเซียน ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า

 

สำหรับยอดฝีมือที่มีพลังฝึกปรือสูงๆนั้น ต้วนหลิงเทียนไม่รู้เลยว่าพลังสามารถมีถึงระดับใด

 

นั่นเพราะที่ๆเขาเคยผ่านมา ไม่เคยพบพานตัวตนเช่นนั้นมากก่อน

 

แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เพราะเขาอยู่ในตำหนักฟ้าลี้ลับ ขุมพลังกึ่งชั้น 3 ที่เรียกว่าเป็นขุมพลังระดับแนวหน้าของภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ที่แห่งนี้มีหลายสิ่งอย่างที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน และเขาเป็นคนที่ชอบรู้เขารู้เราเสมอ

 

‘ค่อยๆดูไปแล้วกัน…เดือนเดียวก็น่าจะพอ’

 

เมื่อคิดได้ดังนั้นต้วนหลิงเทียนก็เริ่มมองหาหนังสือที่จำเป็นกับเขาก่อน ส่วนเรื่องอื่นๆที่แปลกๆนั้นเขายังไม่คิดแตะต้อง เพราะเวลาเขามีจำกัด

 

หลังจากได้อ่านตำราทั้งบันทึกเรื่องราวที่สงสัยไปสักพัก ขอบเขตพลังที่เหนือกว่าอริยะเซียนก็คล้ายเปิดประตูให้ต้วนหลิงเทียนก้าวเข้าไปสัมผัส

 

‘หลังจากด่านพลังอริยะเซียน ก็คือ เซียนมนุษย์…’

 

‘เมื่อทะลวงถึงขอบเขตเซียนมนุษย์ ผู้ฝึกตนจะมีความสามารถในการใช้เวทย์พลัง…อันเป็นพลังสามารถหลักของขอบเขตเซียนมนุษย์ได้ และนอกจากจะเพาะสร้างเวทย์พลังเอาไว้ใช้เองแล้ว ยังสามารถเพาะสร้างเวทย์พลังให้ผู้อื่นได้เช่นกัน โดยการเพาะสร้างต้นแบบหรือตัวอ่อนของเวทย์พลังไว้ให้กับผู้อื่น…’

 

‘แต่การเพาะสร้างตัวอ่อนหรือต้นแบบเวทย์พลังนี้ให้ผู้อื่นก็เสมือนยกให้ผู้อื่นไปเปล่าๆ ไม่อาจควบคุมใช้งานด้วยตัวเองได้อีก… ‘

 

เมื่ออ่านบันทึกเรื่องราวของความสามารถในขอบเขตเซียนมนุษย์อย่างเวทย์พลังแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็นึกถึง ปีกอีกาทองคำ ทันที

 

จากข้อมูลที่ผู้เฒ่าหั่วบอกเขาเอาไว้ ตอนนี้ด้วยความช่วยเหลือของผู้เฒ่าหั่ว เขาก็ได้เพาะสร้างต้นแบบของเวทย์พลังปีกอีกาทองคำเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทันทีที่เขาบรรลุด่านพลังขอบเขตอริยะเซียน เขาก็สามารถใช้เวทย์พลังปีกอีกาทองคำได้ทันที!

 

และเวทย์พลังปีกอีกาทองคำนั้น…ก็มีจุดเด่นในเรื่องของความเร็ว!

 

“ท่านผู้เฒ่าหั่ว”

 

อ่านถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะปลุกผู้เฒ่าหั่วที่กำลังเข้าฌาณสมาธิอยู่ในชั้น 1 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ “ข้าอ่านเจอจากในบันทึก ว่าในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ มีเพียงบรรลุถึงขอบเขตเซียนมนุษย์เท่านั้น ถึงจะควบคุมใช้งานเวทย์พลังได้…แล้วเรื่องที่ท่านบอกว่าหากข้าบรรลุถึงอริยะเซียนข้าจะใช้ได้เลยเล่า มันเป็นจริงหรือ?”

 

“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง”

 

ผู้เฒ่าหั่วกล่าวตอบ “อย่าได้ลืมไปว่าที่กำลังโคจรไหลเวียนอยู่ในร่างของเจ้ามิใช่ปราณแรกกำเนิดธรรมดา…หากแต่เป็นปราณสุริยันแรกกำเนิด พลังอำนาจของปราณสุริยันของเจ้าถึงแม้จะอยู่ในขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลาง ทว่ามันก็เทียบได้กับปราณแรกกำเนิดของตัวตนในขอบเขตอริยะเซียน…และทันทีที่เจ้าบรรลุอริยะเซียน ปราณสุริยันของเจ้าก็จะมีคุณภาพและพลังอำนาจไม่ต่างใดจากปราณแรกกำเนิดของเซียนมนุษย์…”

 

“และเวทย์พลังนั้น จักใช้ได้หรือมิได้ล้วนขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของปราณแรกกำเนิดผู้ใช้…ข้ากล่าวเช่นนี้เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่?”

 

ผู้เฒ่าหั่วกล่าวถาม

 

“ข้าเข้าใจแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าลงด้วยความเข้าใจ ตอนนี้หากยังไม่เข้าใจก็คงเป็นตัวโง่งมเต็มที!

 

ที่แท้เวทย์พลัง จะใช้ได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของผู้ใช้

 

ผู้ฝึกตนทั่วไปจะเริ่มใช้มันได้ก็ต่อเมื่อบรรลุถึงขอบเขตเซียนมนุษย์

 

กลับกันตัวเขา ต้วนหลิงเทียน กลับมีพลังอำนาจทัดเทียมกับเซียนมนุษย์เมื่อทะลวงถึงขอบเขตอริยะเซียน ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีปัญหาหากเขาคิดจะใช้เวทย์พลัง!