ราชันเร้นลับ 569 : มองตะเกียบ เห็นป่าไผ่

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 569 : มองตะเกียบ เห็นป่าไผ่ โดย Ink Stone_Fantasy

หลังจากครุ่นคิดสักพัก เดอะเฮอร์มิทมอบคำตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย เป็นคำตอบที่เธอไตร่ตรองว่าดีที่สุด

“ขอฉันดูก่อนว่า รอบเมืองเงินพิสุทธิ์มีสัตว์ประหลาดแบบใดบ้าง จึงค่อยตัดสินใจ”

จับเสือมือเปล่าอีกแล้ว… พวกที่อยู่ในทะเลนาน ๆ จะมีนิสัยเจ้าเล่ห์แบบนี้กันหมดรึไง… หรือควรพูดว่า ถ้าได้เห็นความไร้เดียงสาของเดอะซันน้อย… ใครล่ะจะอดใจไหว…

เดอะฟูล ไคลน์ รำพันโดยไม่นับรวมตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่ม ‘จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์’

“ตกลง”

ท่ามกลางสายตาของจัสติสและคนที่เหลือ เด็กหนุ่มตอบรับข้อเสนอของเดอะเฮอร์มิทโดยไม่ลังเล

จากนั้น มันส่งรายชื่อสัตว์ประหลาดในละแวกเมืองเงินพิสุทธิ์ให้อีกฝ่าย แต่ไม่ละเอียดเท่าคราวก่อน เนื่องจากเส้นทางสุริยันมิได้ชำนาญด้านความทรงจำนัก โดยเหตุการณ์ผ่านมาแล้วหลายวัน

เดอะเฮอร์มิท แคทลียา ก้มหน้าตั้งใจอ่านข้อมูลบนกระดาษ

ยิ่งได้มอง ความตกตะลึงก็ยิ่งเข้าครอบงำจิตใจอย่างรุนแรง เพราะจำนวนสัตว์ประหลาดมีมากกว่าที่เธอคิดไว้นับสิบนับร้อยเท่า!

เกือบทั้งหมดเป็นชื่อโบราณ หากไม่เพราะเธอคือสมาชิกนิกายมอสส์ผู้แสวงหาความรู้ และลำดับ 5 ผู้มีดวงตามองเห็นโลกได้ชัดแจ้ง ก็คงมิอาจเข้าใจความหมายของชื่อเหล่านี้

แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีอีกหลายชื่อที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน ยกตัวอย่างเช่น สัตว์ประหลาดในความมืดที่จะไม่ปรากฏตัวท่ามกลางแสงสว่าง ประหนึ่งเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตในความฝันหรือจินตนาการ

เมืองเงินพิสุทธิ์อยู่ที่ไหนกันแน่… ทำไมถึงมีสัตว์ประหลาดมากมายเพียงนี้…

ผ่านไปราวสิบวินาที แคทลียาเงยหน้าขึ้น และมอบคำตอบด้วยเสียงเรียบ

“ขอแลกเปลี่ยนกับข้อมูลประวัติศาสตร์”

“ตกลง” ดวงตาเดอร์ริคพลันลุกวาว

เด็กหนุ่มเริ่มมองเห็นอนาคตในการเลื่อนลำดับของตน

ด้วยความช่วยเหลือจากมิสเตอร์ฟูล เดอะซันก้มหน้าเขียนประวัติศาสตร์เมืองเงินพิสุทธิ์ที่ค่อนข้างละเอียด แต่ยังคงสงวนข้อมูลสำคัญเอาไว้หลายเรื่อง เพราะมันทราบดี ข้อมูลเหล่านี้มีมูลค่าสูงกว่าผลของต้นพันธะวิญญาณส่องแสง

เดอะเฮอร์มิท แคทลียา ทราบว่าเธอไม่ใช่เดอะฟูล การจะให้สมาชิกรอตนอ่านเอกสารเป็นเวลานานคงไม่ถูกต้องนัก จึงรีบกวาดสายตาอ่านผ่าน ๆ เพื่อบรรจุเข้าความทรงจำ

หลังจากจัดการจนเสร็จและยืนยันความคุ้มค่าของข้อมูล หญิงสาวเงยหน้าขึ้นซักถาม

“แล้วฉันจะส่งผลของต้นพันธะวิญญาณส่องแสงให้คุณได้ทางไหน”

เมื่อพูดจบ ความคิดบางอย่างพลันแล่นผ่านสมอง แคทลียารีบหันไปยังตำแหน่งประธานโต๊ะทองแดงยาวและกล่าว :

“มิสเตอร์ฟูล ดิฉันต้องกระทำผ่านพิธีกรรมสังเวยใช่ไหมคะ”

คำพูดดังกล่าวทำให้ออเดรย์พลันชะงัก

เธอที่นั่งอยู่ในแถวเดียวกันและเตรียมมอบคำตอบในฐานะสมาชิกอาวุโส ทำได้เพียงกลืนถ้อยคำลงคอไปทั้งหมด

มาดามเฮอร์มิทเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มากถึงเพียงนี้เชียว… สามารถคาดเดาได้ทันทีว่าชุมนุมทาโรต์ค้าขายผ่านพิธีกรรม!

ออเดรย์พยายามระงับความตกตะลึง

“ถูกต้อง”

ไคลน์พยักหน้า ไม่อธิบายมากไปกว่านั้น

ชายหนุ่มเชื่อว่า ในฐานะพลเรือโจรสลัดและลำดับ 5 แห่งเส้นทางผู้ส่องความลับ ไม่มีทางประกอบพิธีกรรมสังเวยไม่เป็น ในทางกลับกัน สิ่งนี้น่าจะเป็นของถนัดด้วยซ้ำ อีกทั้ง เธอยังมีนามเต็มของตนอย่างครบถ้วน ข้อมูลในมือจึงเพียงพอต่อการประกอบพิธีกรรมถึงเดอะฟูล

อย่างนี้นี่เอง… หากมีตัวตนระดับเทพคอยเป็นสักขีพยาน การแลกเปลี่ยนด้วยพิธีกรรมสังเวยนับเป็นวิธีที่ปลอดภัยและสะดวกที่สุด… และถ้าเป็นการแลกเปลี่ยนเชิงข้อมูล เพียงสื่อจิตถึงกันก็นับว่าเสร็จสิ้น…

เฮอร์มิท แคทลียา พยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะหันมาทางเดอะซัน

“ฉันจะรีบจัดการให้เสร็จ”

แม้ภายนอก แคทลียาอาจมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ภายในใจกำลังกระสับกระส่ายหลังจากได้อ่านข้อมูลของเดอะซัน เมืองเงินพิสุทธิ์นั้นเต็มไปด้วยความแปลกประหลาดเหนือพรรณนา

อะไรคือการถูกพระองค์ทอดทิ้ง อะไรคือไม่มีแสงอาทิตย์ อะไรคือท้องฟ้ามืดมิดตลอดกาลโดยมีเพียงแสงฟ้าผ่าสลับกลางวันกลางคืน อะไรคือสัตว์ประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิด อะไรคือหญ้าผิวดำ อะไรคือการดิ้นรนเอาชีวิตรอดท่ามกลาง ‘ยุคมืด’ มาตลอดสองพันปี

ทั้งหมดทั้งมวลอยู่นอกเหนือจินตนาการเดอะเฮอร์มิทโดยสิ้นเชิง

แต่ในฐานะที่เป็นผู้ชำนาญข้อมูลลับทางทะเล หญิงสาวพลันนึกถึงทฤษฎีอันโด่งดังได้จากคำอธิบายสุดพิสดารของเดอะซัน :

…ยุคสมัยแห่งมหาภัยพิบัติ!

ไม่กี่วินาทีถัดมา เธออนุมานต่อจากข้อมูลเดิม

…ดินแดนเทพทอดทิ้ง!

ทันใดนั้น ภาพของบุคคลผู้มีใบหน้างดงามและรูปร่างค่อนข้างสูงย้อนกลับมาฉายในความทรงจำแคทลียาทันที พร้อมด้วยถ้อยคำเจืออารมณ์เศร้าหมอง :

“เขาอุทิศทั้งชีวิตเพื่อค้นหาดินแดนเทพทอดทิ้งให้พบ โดยกล่าวไว้ว่า ที่นั่นมีคำตอบของทุกสิ่งซ่อนอยู่…”

เดอะซันมาจากดินแดนเทพทอดทิ้งที่แม้แต่จักรพรรดิโรซายล์ก็ยังมีอาจหาพบ? แล้วมิสเตอร์ฟูลเชื่อมต่อกับเขาได้อย่างไร… บางที ท่านอาจฟื้นคืนชีพจากสถานที่ดังกล่าว…

แคทลียาครุ่นคิดด้วยความตกตะลึง

ในตอนแรก เมื่อเห็นว่าจัสติส เดอะมูน เดอะซัน และคนที่เหลือมีลำดับพลังค่อนข้างต่ำ เธอจึงดูแคลนชุมนุมทาโรต์เล็กน้อย พร้อมกับคิดว่า คงเป็นเพราะมิสเตอร์ฟูลเพิ่งคืนชีพกลับมาได้ไม่นาน ระดับพลังของสมาชิกที่สามารถดึงเข้าร่วมมิติได้จึงค่อนข้างต่ำ

แต่ในวินาทีนี้ เธอจำเป็นต้องเปลี่ยนมุมมองต่อเรื่องดังกล่าว

สมาชิกมีทั้งจากดินแดนเทพทอดทิ้ง โบสถ์วายุสลาตัน โบสถ์พระแม่ธรณี และตระกูลขุนนางใหญ่ของโลเอ็น… บางที มิสเตอร์ฟูลคงมีแผนฟูมฟักคนเหล่านี้ตั้งแต่ยังอ่อนแอ เพื่อให้ค่อย ๆ เติบโตภายในองค์กรของตัวเอง จะได้ไม่ตกเป็นเป้าสงสัยจากคนรอบข้าง และหากวันใดพวกเขามีตำแหน่งสำคัญ เมื่อนั้น อำนาจของชุมนุมทาโรต์ก็จะมหาศาล…

แต่ในกรณีของเรา ท่านต้องการพลังจากองค์กรใด… นิกายมอสส์? หรือฝ่าบาท?

แคทลียาวิเคราะห์เป้าหมายของเดอะฟูล

มาถึงจุดนี้ เมื่อการค้าขายของเดอะมูน เดอะซัน และจัสติสจบลง แคทลียาไม่กล่าวสิ่งใดออกมาอีก หญิงสาวเพิ่มความระวังตัว รักษาคติประจำตัว พูดให้น้อย ฟังให้มาก

ขณะเดียวกัน อัลเจอร์ต้องการประกาศซื้อสูตรโอสถของลำดับ 5 ‘นักขับขานสมุทร’ ไว้ก่อน จะได้เตรียมรวบรวมวัตถุดิบโอสถล่วงหน้า แต่การมีอยู่ของเดอะเฮอร์มิททำให้มันต้องระวังคำพูดมากขึ้น และพับเก็บแผนดังกล่าวชั่วคราว ไว้เลื่อนลำดับกลายเป็นข้ารับใช้วายุเมื่อไร ถึงตอนนั้นคงแข็งแกร่งกว่าเดิม และพอจะมีวิธีรับมือกับอีกฝ่ายได้บ้าง

ในส่วนของเมจิกเชี่ยน ฟอร์ส อาจารย์ของเธอสัญญาว่าจะมอบสูตรผลิตโอสถลำดับถัดไป รวมถึงวัตถุดิบอีกบางส่วน จึงไม่มีความจำเป็นต้องประกาศซื้อสิ่งใด ทำได้เพียงเฝ้ามองการค้าขายอย่างเงียบงัน

แต่ภายในใจฟอร์สเกิดความต้องการเล็ก ๆ ที่จะซื้อสมบัติวิเศษสักชิ้น เพื่อกลบจุดอ่อนให้นักตุกติกที่พลังส่วนใหญ่มีลักษณะฉาบฉวย นำไปใช้จริงได้ยาก และพลังของ ‘ผู้ฝึกหัด’ ก็มิได้ยอดเยี่ยมอะไรนัก ทำได้เพียงผ่านกำแพงหรือสะเดาะกลอนประตู แถมยังนำมาใช้ในชีวิตจริงลำบาก

ปัจจุบัน ฟอร์สมีเงินเก็บสี่ร้อยปอนด์ นับว่าค่อนข้างร่ำรวยสำหรับชนชั้นกลาง แต่เทียบไม่ได้เลยกับมิสจัสติสที่เพิ่งซื้อสมบัติวิเศษในราคาห้าพันห้าร้อยปอนด์ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน

แม้จะเป็นสมบัติวิเศษที่มีพลังปานกลาง แต่หากเจาะจงว่าต้องมีผลข้างเคียงต่ำ ราคาก็จะไม่ต่ำกว่าสองพันปอนด์แน่…

ฟอร์ส เดอะเมจิกเชี่ยน นั่งเงียบงันตามเดิม

ขณะเดียวกัน ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลมองไปรอบตัว ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงแหบ

“ต้องการซื้อดวงตาของการ์กอยล์หกปีก”

บรรดาวัตถุดิบรองของนักเชิดหุ่น อย่างเปลือกต้นมังกร และน้ำจากน้ำพุทองคำบนเกาะโซเนีย เป็นสิ่งที่หาได้ทั่วไปในชุมนุมผู้วิเศษ แถมยังมีประโยชน์ใช้สอยหลายด้าน หากประกาศซื้อวันหลังในจำนวนมาก ก็จะไม่มีใครเดาได้ว่านำไปปรุงเป็นโอสถ เป็นเหตุให้ในครั้งนี้ ไคลน์จึงประกาศซื้อเพียงดวงตาการ์กอยล์หกปีก

แคทลียาหันไปทางเดอะเวิร์ล :

“สามร้อยปอนด์ หรือเหรียญทองที่มูลค่าเท่ากัน”

เธอสังเกตมาสักพักแล้วว่า การแลกเปลี่ยนก่อนหน้าทั้งหมด ล้วนใช้ทองปอนด์ของโลเอ็นเป็นสื่อกลาง

สมกับเป็นกลุ่มโจรสลัดชื่อดัง… แถมยังเป็นสมาชิกคนสำคัญของนิกายมอสส์ นับว่ามีวัตถุดิบในมือมั่งคั่งทีเดียว อีกทั้งยังขายในราคาถูกกว่าปรกติ… หากไม่ใช่เพราะเดอะซันกำลังจะเลื่อนลำดับ และใกล้เข้าถึงวิธีลบจิตกัดกร่อนออกจากตะกอนพลัง เราคงนำเรื่องนี้มาปรึกษาเธอโดยมีสิ่งตอบแทน…

ไคลน์ครุ่นคิดพลางบังคับให้เดอะเวิร์ลยิ้ม

“ตกลง”

เมื่อการแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้น วังหรูหราที่คล้ายกับถิ่นพำนักของคนยักษ์ ตกอยู่ในความเงียบงันนานกว่าสิบวินาที

โดยไม่ต้องให้เดอะฟูลคอยย้ำเตือน จัสติส เดอะซัน และคนที่เหลือต่างก็ทราบทันทีว่า ชุมนุมทาโรต์ได้เข้าสู่ช่วงแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระ

แฮงแมน อัลเจอร์ หันไปทางจัสติสและเมจิกเชี่ยน โดยจงใจไม่มองเดอะเฮอร์มิท

“มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นบนเกาะรอสต์”

มันหลีกเลี่ยงการเปิดเผยความเกี่ยวข้องกับเดอะเวิร์ล ด้วยเกรงว่า ความลับที่มิสเตอร์ฟูลยึดอำนาจจากเทพสมุทรจะถูกแพร่งพรายออกไป และนั่นอาจทำให้แผนการของท่านถูกขัดขวาง

จุดประสงค์ของอัลเจอร์ไม่ซับซ้อน เพียงต้องการเอ่ยชื่อของนักโบราณคดี ‘เลติเซีย’ แห่งนิกายมอสส์ เพื่อตรวจสอบอากัปกิริยาของเดอะเฮอร์มิท เพราะเคยได้ยินข่าวลือว่า พลเรือเอกดวงดาวคือสมาชิกของนิกายมอสส์

“เหตุการณ์อะไรหรือคะ”

ออเดรย์ซักถามอย่างสนใจ

แฮงแมนเล่าด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“นักโบราณคดีกำมะลอ เลติเซีย ได้สำรวจโบราณสถานเอลฟ์บนเกาะไซมีมและขโมยบางสิ่งออกมา จนทำให้เทพท้องถิ่นของที่นั่น เทพสมุทร·คาเวทูว่า สูญเสียเสถียรภาพ เทพกำละมอตนดังกล่าวจึงสร้างสึนามิและพายุฝนฟ้าคะนองขึ้นบนเกาะรอสต์ โดยหวังให้มนุษย์ทุกคนจมอยู่ใต้บาดาล แต่ก็ถูกยับยั้งไว้โดยเจ้าสมุทรจากโบสถ์วายุสลาตัน ลงเอยด้วย คาเวทูว่าร่วงหล่น เลติเซียถูกกองทัพโลเอ็นกำจัดทิ้ง และภัยอันตรายจากสึนามิถูกยับยั้งโดยสมบูรณ์… แต่หลังจากนั้นกลับเกิดเหตุการณ์ประหลาด เทพสมุทรยังคงมอบวิวรณ์ให้แก่สาวกอย่างเป็นปริศนา”

เลติเซียตายแล้ว?

สาเหตุมาจากโบราณสถานเอลฟ์…

แคทลียาย่อมเคยได้ยินชื่อเลติเซียที่เป็นสมาชิกองค์กรเดียวกัน แต่ก็มิได้สนิทสนมมากนัก เพราะสมาชิกหลักของนิกายมอสส์จะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการ ‘บำเพ็ญตน’ โดยมีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างสมาธิและการยับยั้งชั่งใจให้สูงกว่าผู้อื่น

แคทลียาจึงมิได้เสียใจกับการตายของเพื่อนร่วมสำนักสักเท่าไร เพียงนั่งฟังเรื่องเล่าของแฮงแมนอย่างใจเย็นโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

แต่เมื่อแฮงแมนเล่าถึงความตายของคาเวทูว่า รวมถึงเรื่องที่สาวกยังคงได้รับวิวรณ์จากเทพสมุทรอย่างต่อเนื่อง แคทลียาเริ่มขมวดคิ้วด้วยความคลางแคลง

จนกระทั่ง สัมผัสวิญญาณได้กระตุ้นให้เธอฉุกคิดถึงฉากหนึ่ง

ย้อนกลับไปเมื่อวาน ขณะถูกมิสเตอร์ฟูลดึงจิตขึ้นมายังห้วงมิติเหนือสายหมอก เธอเห็นอีกฝ่ายกำลังควงคทาสีขาวนมสดประหนึ่งของเล่น

โดยเหนือสิ่งอื่นใด คทาดังกล่าวแผ่ออร่าความศักดิ์สิทธิ์อย่างท่วมท้น แถมยังมีกลิ่นอายของคลื่นทะเลและพายุอัดแน่นเต็มเปี่ยม!

นี่มัน…!

เฮอร์มิทมิอาจควบคุมตัวเอง สายตาหันไปทางที่นั่งประธานโต๊ะทองแดงยาว และเอาแต่จ้องเดอะฟูลผู้ถูกรายล้อมด้วยม่านหมอก

……………………