ค่ำคืนกลางฤดูร้อนในเดือนมิถุนายนนั้นค่อนข้างอากาศร้อนจัดหลังจากส่งผู้โดยสารคนสุดท้ายแล้ว  ซูฉิวไป่ วางแผนที่จะกลับบ้าน วันนี้ทั้งวันเขาค่อนข้างโชคไม่ดีมากที่สุดตั้งแต่ที่เขาเริ่มขับแท็กซี่มา ในที่สุดวันนี้มันก็จบลง

ในตอนเช้าหลังจากขับรถไปได้สักพักยางรถของเขาถูกเจาะ

หลังจากที่เขาซ่อมแซมยางรถของเขาแล้ว แต่ช่างยังคงแจ้งเรื่องโชคร้ายว่ามีน๊อตอีกไม่กี่ตัวเข้าไปอยู่ในยางของเขา ดังนั้นจึงต้องจบลงในการเปลี่ยนยางเส้นใหม่

หลังจากที่เขาเปลี่ยนยางเสร็จแล้วขับรถขึ้นมาบนถนนเขาพบคนมากมายที่กำลังโบกแท็กซี่ อย่างไรก็ตามคนเหล่านี้ต่างหยุด ซูฉิวไป่ เพียงเพื่อจะขอเส้นทางเท่านั้น

ชายชราถามว่าเขาจะไปยัง เทียนอันเหมินได้อย่างไร

คุณปู่!นี่ไม่ใช่เมืองปักกิ่งดังนั้นจะมี เทียนอันเหมินได้อย่างไร!

ตกช่วงบ่ายมีชายอ้วนคนหนึ่งน้ำหนักเกิน 200 กิโลกรัมขึ้นบนแท็กซี่ของเขา ชายคนนั้นไม่ได้พูดอะไรและปล่อยให้ ซูฉิวไป่ ขับรถแท็กซี่ไปเรื่อยๆ ในไม่ช้าหลังจากที่ ซูฉิวไป่ ขับรถรอบเมืองถึง 2 ครั้งชายอ้วนก็ร้องไห้ออกมาอย่างกระทันหัน นั่นทำให้ ซูฉิวไป่ ตกใจ ดังนั้นเขาจึงแจ้งตำรวจและต่อมาได้รับรู้ว่าชายอ้วนคนนี้เป็นคนเสียสติที่หนีออกมาจากบ้าน

ซูฉิวไป่ ใช้เวลาเกือบมืดกว่าจะออกมาจากสำนักความมั่นคง หลังจากนั้นเขาส่งผู้โดยสารคนสุดท้ายไปถึงจุดหมายปลายทางอย่างสงบสุข อย่างไรก็ตามเมื่อเขากำลังจะกลับบ้าน

“ปัง!”

มีเสียงบางอย่างถูกทิ้งลงบนฝากระโปรงหน้ารถของเขา

“บัดซบ! ไม่รู้หรือว่าห้ามโยนของลงมาจากด้านบน อาจมีคนตายได้!ทำไมวันนี้ฉันโชคร้ายจริงๆ!”

ซูดฉิวไป๋ตะโกนและเปิดประตูออกมาจากรถอย่างรวดเร็วเพื่อมองดูสิ่งที่ตกลงมา อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาตรวจสอบรอบๆรถกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองด้านบนปรากฏว่าสถานที่ที่เขาอยู่ในขณะนี้อยู่ห่างไกลจากย่านที่อยู่อาศัย

“อืม..บางทีฉันอาจจะโชคร้ายแต่คงไม่ได้เสียสติใช่ไหม?”

ซูฉิวไป่ พึมพำเพียงไม่กี่คำและกลับเข้าไปในรถ ในขณะที่เขานั่งลง ระบบนำทางก็เกิดเสียงดังขึ้นทันที

“ตรงไปข้างหน้า 300 เมตร เจอสัญญาณไฟจราจรให้เลี้ยวซ้าย จากนั้นตรงไปอีก 50 เมตร มีคนต้องการความช่วยเหลือจากคุณ!”

ซูฉิวไป่ ตกตะลึง

ระบบนำทางนี้มันทันสมัยตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมมันจึงสามารถพูดได้!

ซูฉิวไป่ รู้สึกแปลกๆแต่จุดหมายที่ระบบบอกนั้นอยู่ไม่ไกล เขาจึงมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อดูว่าคืออะไร  ซูฉิวไป่ วางเท้าของเขาบนคันเร่งและเหยียบทันทีเมื่อผ่านสัญญาณไฟจราจรถนนค่อนข้างว่างเปล่าและเงียบสงบหลังจากที่เขาตรงไปข้างหน้าอีก 50 เมตรเขาเห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่นั่นจริงๆ!

ชายร่างสูงคนหนึ่งที่เปลือยกายท่อนบน เขาถือกระบองไว้ในมือ พร้อมกับมองไปรอบๆด้วยสีหน้าว่างเปล่า

“พี่ชายคุณจะไปไหน”

ซูฉิวไป่ หยุดรถและถามชายคนนั้นผ่านหน้าต่าง ชายคนนั้นดูแปลกใจเล็กน้อยแต่หลังจากเห็นผู้คนแปลกๆมาตลอด ซูฉิวไป่ จึงไม่รู้สึกแปลกใจอะไร

“ท่านนักรบข้าไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน?และโรงเตี้ยมจิงหยางไปทางไหน?”

ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ข้างหน้าอีก 2ก้าว เสียงของเขาค่อนข้างดัง มันทำให้ ซูฉิวไป่ ตกใจแต่คำถามของชายคนนั้นทำให้ ซูฉิวไป่ ตกใจมากยิ่งกว่า

นักรบ?โรงเตี้ยมจิงหยาง?

ดูเหมือนว่าเขาจะได้เจอคนเสียสติอีกแล้วในวันนี้  ซูฉิวไป่ มีความคิดที่จะจากไปในทันที แต่หัวใจของเขาค่อนข้างอ่อนไหวเมื่อมองเข้าไปในดวงตาของชายคนนั้น

“ช่างเถอะ ใครจะสนใจว่าชายคนนี้จะเป็นคนเสียสติหรือเปล่า ฉันคิดว่าครอบครัวของเขาคงต้องเป็นกังวลอยู่แน่”

“เอาล่ะเข้ามาในรถก่อนผมจะไปส่งคุณกลับบ้าน”

ซูฉิวไป่พูดกับชายแข็งแกร่งคนนั้น แต่ภายหลังเขาพบว่าบุคคลคนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเปิดประตูอย่างไร  ซูฉิวไป่ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลงจากรถและช่วยเปิดประตู ในตอนแรกเขาตั้งใจที่จะว่างกระบองของชายคนนั้นทิ้งเอาไว้แต่ชายคนนั้นกลับจ้องมอง ซูฉิวไป่ มันทำให้เขาเริ่มรู้สึกหวาดกลัวเขาจึงนำมันเข้าไปในรถด้วย

“บ้านของคุณอยู่ที่ไหน พ่อแม่ของคุณชื่ออะไร คุณรู้เบอร์โทรศัพท์ไหม?”

ซูฉิวไป่ปิดประตูและหันหลังไปถามชายคนนั้น

“ ข้าชื่ออู่ซง จากมณฑลจิงหยาง พ่อแม่ของข้าเสียชีวิตตั้งแต่ข้ายังเด็ก พี่ชายของข้าชื่ออู่ต้า สำหรับหมายเลขโทรศัพท์นั้นคือสิ่งใด….ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร”

ชายร่างกายแข็งแกร่งนั่งพื้นที่ด้านหลังของรถแท็กซี่จนเต็ม สิ่งที่เขาพูดชัดเจนมากแต่ ซูฉิวไป่ ยังคงอยู่ในอาการมึนงง

อู่ซง เมืองจิงหยาง  อู่ต้า  และเขาบอกว่าเขาอยากจะไปโรงเตี้ยมจิงหยางก่อนหน้านี้ใช่ไหม?

รู้สึกว่าโชคชะตาจะเล่นตลกเกินไปเมื่อ ซูฉิวไป่ ยังเป็นเด็กเขาชอบพูดว่าตัวเขาเองนั้นเป็นอู่ซง และเขาบอกว่าพ่อของเขานั้นคืออู่ต้า ส่วนแม่ของเขาคือ พานจินเหลียน พ่อแม่ของเขาเกือบจะฆ่าเขาเพราะคำพูดเหล่านี้  ซูฉิวไป่ พึมพำในใจ เขาวางแผนที่จะถามซ้ำอีกครั้งหากเขายังไม่ได้รับข้อมูลใดๆเขาคงที่จะต้องส่งชายคนนี้ไปยังสถานีตำรวจ

ในขณะนั้นเองระบบนำทางก็ดังขึ้น

“การนำทางไปสู่เนินจิงหยางเริ่มต้น ตรงไป 1 กิโลเมตรจากนั้นเลี้ยวซ้าย…”

นั่นเป็นเสียงจากระบบที่เคยได้ยินก่อนหน้านี้ ถ้าไม่ใช่น้ำเสียงของมันไร้อารมณ์ ซูฉิวไป่ คงคิดว่านี่เป็นการกระทำล้อเล่นของใครบางคน

ซูฉิวไป่ หันหัวของเขาและค่อยๆแตะที่ระบบนำทางอีกครั้งเขากำลังสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติหรือไม่ขณะนั้นเองระบบส่งเสียงขึ้นมาว่า

“อย่าสงสัย ตรงไปอีก 1 กิโลแล้วเลี้ยวซ้าย…”

คราวนี้ ซูฉิวไป่ อ้าปากค้าง หรือนี่คือเวทมนตร์จริงๆ!

เขาหันหน้ากลับไปมองชายที่อยู่ด้านหลังอีกครั้งจากนั้นเขาก็พึมพำว่า

“ยังไงก็ไม่เชื่อ!”

แต่เขายังคงเหยียบคันเร่งอย่างรวดเร็ว

“เลี้ยวขวาที่ไฟแดงขับตรงไปอีก 500 เมตร…”

“ตรงไปอีก 1 กิโลเมตรจากนั้นเร่งความเร็ว ให้ความสนใจกับคนเดินทางเท้าทั้งสองข้าง…”

“กำลังเปิดช่องทางรับส่ง โปรดทราบถนนขรุขระ โปรดชะลอความเร็วและขับช้าๆ…”

(เกร็ดความรู้อู่ซง (อักษรจีน: 武松; อังกฤษ: Wu Song) หรือชื่อในสำเนียงแต้จิ๋วว่า บู๊สง เป็นตัวละครในเรื่องซ้องกั๋ง เป็นนายโจรคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญมาก

 

วันหนึ่งอู่ซงจะผ่านเนินจิ่งหยางกัง ก่อนเดินทางก็พบว่ามีประกาศเสือร้ายมาอาละวาดกินคนในเนินจิ่งหยาง อู่ซงเข้าร้านเหล้าดื่มจนเมามาย และจะขึ้นเนินโดยไม่ฟังคำตักเตือนของเจ้าของร้าน ด้วยฤทธิ์เหล้าก็ไปเมาหลับอยู่กลางป่า แต่แล้วก็ถูกปลุกขึ้นด้วยเสียงเสือ อู่ซงตกใจมากแต่เขาไม่หนี พยายามต่อสู้กับเสือ จนสามารถจับเสือกดคอ แล้วทุบกะโหลกจนตาย นับแต่นั้นชื่อเสียงของอู่ซงก็โด่งดังด้วยฉายา “อู่ซงตีเสือ” (打虎武松)

 

อู่ซงมีพี่ชายเป็นคนเตี้ยค่อมขี้ริ้วชื่อว่า อู่ต้า มีภรรยาชื่อว่าพานจินเหลียน เมื่ออู่ซงมาพักอยู่กับพี่ชาย นางพานจินเหลียนก็พอใจในตัวอู่ซงจึงพยายามยั่วยวน แต่อู่ซงไม่ยอมตอบสนองความต้องการของนาง นางจึงหันไปแอบคบชู้กับซีเหมินชิ่ง ซึ่งมาติดพันเกี้ยวพาราสีนางเป็นประจำ ต่อมาจึงวางแผนฆ่าอู่ต้าผู้เป็นสามีเสีย เมื่ออู่ซงรู้ความจริงจึงเชิญคนมากินเลี้ยงแล้วจับนางพานจินเหลียนตัดคอกลางวงเหล้า จากนั้นหิ้วศีรษะนางพานจินเหลียนบุกเข้าห้องคุณชายซีเหมินชิ่ง แล้วลากเอาตัวซีเหมินชิ่งออกมาตัดหัวกลางตลาด ท่ามกลางสายตาคนนับพัน จากนั้นจึงหิ้วศีรษะของทั้งสองคนไปมอบตัวต่อทางการ:)

ซูฉิวไป่ ขับรถตรงไปด้านหน้ายิ่งเข้าขับรถเร็วเท่าไหร่หัวใจของเขายิ่งเป็นแรงขึ้นเท่านั้นในที่สุดรถเขาก็หยุดเหงื่อของเขาแตกราวกับมีคนเอาน้ำมาสาด

ด้วยแสงแดดสุดท้ายของขอบฟ้าเขาเห็นธงขนาดใหญ่อยู่บนเสาไม้ด้านหน้าของเขาและเขียนคำว่า

“เหล้า 3 ชามไม่สามารถทำให้เจ้าเดินได้”

“ฮ่าฮ่า…ขอบคุณเจ้าที่มาส่งข้าถึงที่นี่ ข้าจะเดินไปตามถนนที่เหลือด้วยตัวเอง!”

ซูฉิวไป่รู้สึกจิตใจว่างเปล่า ในขณะที่เขาได้ยินเสียงหัวเราะมาจากคนด้านหลังตามด้วยเสียง “ปัง”ของประตู

เมื่อเขามองกลับไปที่ประตูสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ ประตูของเขาถูกเตะออกไป

หลังจากลงจากรถชายผู้แข็งแกร่งก็โน้มตัวมาที่หน้าต่างประสานมือที่หน้าอกและโค้งคำนับให้กับ ซูฉิวไป่  จากนั้นพูดอย่างมีความสุขว่า

“พี่ชาย ท่านเป็นรถม้าที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่ทราบว่าพี่ชายมีนามว่าอะไร ข้าหวังว่าท่านจะยินดีที่จะเปิดเผยนาม หากท่านต้องการความช่วยเหลือในอนาคตข้าจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน!

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ซูฉิวไป่ กลับมาสู่ความเป็นจริงในที่สุดเขาเปิดประตูอย่างรวดเร็วและเดินไปหาชายผู้แข็งแกร่ง

“คุณคืออู่ซงจริงๆงั้นหรอ? พี่ชายของคุณคืออู่ต้า คุณคือนักสู้ผู้ฆ่าเสือด้วยมือเปล่าแห่งเนินจิงหยาง และฆ่าเสื้อในขณะที่เมา คุณคืออู่ซงผู้กล้าหาญคนนั้น?”

ดวงตาของ ซูฉิวไป่ ไม่กล้าที่จะ กระพริบเมื่อเขาจ้องมองชายร่างสูงและถามขึ้น

“ไม่ผิดข้านี่แหละคืออู่ซง แห่งเมืองจิงหยาง แต่ทุกสิ่งที่เจ้าพูดมานั้น…ข้าไม่ได้ทำ”

อู่ซงยิ้ม ดวงตาทั้งคู่ของเขาเหมือนกับสิ่งที่อธิบายไว้ในนิยาย

เมื่อฟังดังนั้น ซูฉิวไป่ สามารถรับรู้ได้ว่าอู่ซงในปัจจุบันนั้นยังไม่ได้ต่อสู้กับเสือดังนั้นเหตุการณ์จึงยังไม่ได้เกิดขึ้น เป็นธรรมชาติที่เขาจะไม่รู้เหตุการณ์เหล่านี้

ในความคิดของ ซูฉิวไป่ ก็สามารถสรุปและตัดสินใจได้ว่าเขาไม่ได้เจอผี เขาพบกับอู่ซงตัวจริง และมาส่งเขาที่เมืองจิงหยาง

ประโยคเดียวที่อยู่ในใจของ ซูฉิวไป่ ในตอนนี้ “โอ้พระเจ้า!”

เมื่อเห็นว่าอู่ซงกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง  ซูฉิวไป่ ก็ขัดจังหวะขึ้นทันที

“อย่าเพิ่งพูดมาถ่ายรูปกันก่อน!”

ซูฉิวไป่ รีบโผล่ หัวออกทางหน้าต่างและหยิบโทรศัพท์มือถือพร้อมกับถ่ายเซลฟี่กับอู่ซงอย่างรวดเร็ว

ทำไมเขาต้องถ่ายรูปอย่างมากมาย?

ไม่รู้หรอว่านี้คืออู่ซง? คืออู่ซงตัวจริงที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหนอีกแล้ว?”

“พี่ชายหลังจากดื่มเหล้าในตอนกลางคืนอย่านอนที่เนินจิงหยาง ฟังคำพูดของผมมันมีเสืออยู่จริงๆนอกจากนี้พี่ชายของคุณอู่ต้า…ไม่เป็นไรเดี๋ยวคุณก็พบเขาอยู่ดีนอกจากนี้พี่สะใภ้ของคุณกับ ซีเหมินชิ่ง…ลืมมันไปซะผมไม่ได้พูดอะไร..เอาล่ะดูแลตัวเองด้วย!”

เมื่อเห็นว่า อู่ซง กำลังจะจากไป ซูฉิวไป่ หยุดเขาเพื่อจะพูดอีกครั้งแม้ว่า อู่ซง จะไม่เข้าใจในสิ่งที่ ซูฉิวไป่ พูดแต่เขายังคงพยักหน้าหลังจากนั้นเขาก็ลาเข้าไปในโรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น ซูฉิวไป่ ก็รู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ที่เนินเขาที่รกร้างว่างเปล่า จะเกิดอะไรขึ้นหากเสือออกมากินเขา

นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นราชวงศ์ซ่ง…เขาไม่รู้ว่าจะกลับไปอย่างไรเขายังไม่ได้เลี้ยงหมาที่บ้านเลย!

เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาไม่กล้าที่จะอยู่ต่อไปเขารีบเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว

“ระบบนำทางกลับบ้านกำลังเปิดใช้งาน เปิดช่องทางรับส่ง…”

เพียงแว๊บเดียวด้านหน้าของ ซูฉิวไป่ ก็กลับมาบนถนน สัญญาณไฟจราจรสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล

แค่เนี๊ย!…แบบนี้เขาก็กลับมาได้แล้วงั้นหรอ!

เพื่อตรวจสอบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นภาพลวงตาหรือไม่ซูฉิวไป่จอดรถข้างทางและนำโทรศัพท์ออกมาเพื่อตรวจสอบภาพถ่ายหลายครั้ง เขาอยากที่จะหยิกตัวเองในที่สุดเขาก็รู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องจริง มันยากที่จะอธิบายสิ่งที่อยู่ในใจของเขาในตอนนี้ เขาใช้โทรศัพท์มือถือของเขาส่งข้อความไปยังแวดวงเพื่อนของเขาอย่างรวดเร็ว

“ฉันพบอู่ซงในวันนี้และยังพาเขาไปส่งที่โรงเตี๊ยมจิงหยาง ช่างเป็นวันที่สวยงาม ท้องฟ้าของราชวงศ์ซ่งเป็นสีฟ้าอากาศดีมาก!”

และในตอนท้ายเขาได้แนบรูปถ่ายตัวเองกับ อู่ซง

ซูฉิวไป่ นำโทรศัพท์ของเขาเก็บเข้าไปในกระเป๋าอย่างมีความสุขจากนั้นวางแผนที่จะกลับบ้าน ในขณะนั้นเองระบบนำทางก็ส่งเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง

“เปิดการตรวจสอบ….ใบขับขี่ระดับ E ได้รับคะแนนเพิ่ม 10 คะแนน โปรดเลือกรายการที่ต้องการเพิ่มคะแนน”

หลังจากเสียงของระบบจบ ซูฉิวไป่ ก็เห็นหมวดหมู่มากมายปรากฏขึ้นบนสายตาของเขา :พลังภูมิปัญญา ทักษะชีวิต และตัวเลือกอื่นๆอีกมากมาย!”

ซูฉิวไป่ ไม่สามารถตอบสนองได้ ใบขับขี่ของฉันมันเป็นระดับ A ไม่ใช่หรอ มันเปลี่ยนเป็นระดับ E  ได้อย่างไร?ไม่อยากจะเชื่อ!

เมื่อคิดเรื่องนี้ในใจเขาเลือกหมวดหมู่ทักษะชีวิตตรงหน้าจอ เขาดูอย่างไม่ตั้งใจจากนั้นเขาเห็นว่ามีตัวเลือกภาษาสัตว์อยู่ในนั้น ซูฉิวไป่ เพิ่มคะแนนเติบโต 5 คะแนนลงไปในภาษาสัตว์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เอาละ….ทำไมไม่มีอะไรเกิดขึ้น!

ทุกอย่างเป็นปกติจนเขาจอดรถด้านล่างของอาคารและลงจากรถ อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาล็อครถ ซูฉิวไป่ ได้ยินเสียงสนทนาระหว่างชายหญิง  ซูฉิวไป่ ได้ยินเสียงหอบหายใจ รวยริน

“โอ้….ฉันกำลังจะตายอยู่แล้ว…นายหยุดทำไม!ทำไมไม่รีบทำมัน?”

“เดี๋ยวก่อนขอให้ฉันได้หยุดพัก…ฉันเหนื่อยมาก..”

เมื่อมองไปรอบๆ ซูฉิวไป่ ไม่เห็นอะไรนอกจากสุนัขตัวเล็กๆ 2 ตัวที่อยู่ที่นั่นไม่มีแม้เงาของผู้คนหรือภูตผี

“อ่า…ช้าลงหน่อย!ฉันบอกให้นายช้าลง!”

ในขณะที่ ซูฉิวไป่ ยังไม่ทันตอบสนองเสียงของผู้หญิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็ได้เห็นอย่างชัดเจนในเวลานี้

จริงๆแล้วมันคือสุนัข 2 ตัว ที่กำลังฟิตเจอริ่งกันอยู่

สุนัข 2 ตัวตัวแข็งทื่อเมื่อจ้องมองใบหน้าที่ดำมืดของ ซูฉิวไป่ ดูเหมือนสถานการณ์ตอนนี้มันแปลกมาก

ถึงอย่างนั้นเสียงของผู้หญิงก็ดังเข้ามาในหูของเขาอีกครั้ง

“ชายคนนี้กำลังมองอะไร?ชายคนนี้ผิดปกติหรือเปล่า?เขาไม่เคยเห็นสิ่งที่เรียกว่าสืบพันธุ์เพื่อรุ่นต่อไปอย่างนั้นหรอ ดูสิ!เขายังคงจ้องมองพวกเรา!ดวงตาของเขาแทบจะหลุดออกมา…!”

ให้ตายสิ!โลกนี้มันต้องบ้าแน่ๆ!